ปล. พรีเซ็นเตอร์ไม่เกี่ยวค่ะ แต่พอเข้าใจเลยว่าทำไมต้องใช้ตัวแม่ เพราะมีพนักงานแบบนี้นี่เอง!
เกริ่นก่อนว่า ก่อนที่จะเข้าแวดวงคลินิคความงาม เราก็ศึกษามาพอสมควร ดูรีวิว ดูคอมเม้น เข้าไปสอบถามหน้าคลินิคต่างๆ
แต่สิ่งที่เราพลาด คือ เราไม่ได้ดู คอมเม้นแต่ละสาขาในกูเกิ้ล!
เป็นธรรมดาที่เซลล์แต่ละคลินิค จะพูดเก่ง ขายเก่ง ชักชวน โน้มเน้าใจลูกค้าให้ซื้อคอร์ส
ที่นี่ก็เช่นกัน นางบอกว่ามาเป็นลูกค้าเถอะ นางอยากดูแล
พอๆกับให้ราคาคอร์สที่เราพอรับได้ (ในขณะที่สาขาอื่นไม่ได้ให้ราคานี้)
เราจึงตัดสินใจซื้อ
พอเราซื้อเสร็จ นางก็ให้ลูกน้องผู้ชายคอยติดตาม แจ้งวันเวลานัดหมายเข้าคลินิค
ประสบการณ์แรก คือ น้องผู้ชายไม่ค่อยฮือ อือ ต้องรอให้ถามว่ามีหมอเข้าวันไหน กี่โมง
เราก็เอ้อ คงเป็นนิสัยน้องมั้ง แถมยังเป็นผู้ชายอีก เรื่องการสนใจ ไถ่ถามลูกค้าคงยังไม่เก่ง
ทำมาสัก 2-3 ครั้ง ทั้งนางคนขายคอร์ส กับน้องผู้ชายก็ย้ายสาขาไป
แรกๆก็ไม่มีใครมาบริการต่อนะ แต่เราปากดีไง ไปสอบถาม ทำสนใจ
ถามน้องพนักงานอีกคนเรื่องเลเซอร์หน้า (เพราะมันเป็นปมในใจอยู่)
เป็นอันว่าวันนั้น น้องชะนีขายคอร์สสำเร็จ ราคาก็เอาเรื่องอยู่
และคงเป็นความสัพเพล่าของเราอีกที่ไม่ได้ถามว่าทำที่นี่มั้ย
พอถาม นางก็ตอบว่าต้องอีกสาขาที่อยู่ใกล้กัน เดี๋ยวน้องจะเป็นคนพาไปเอง
สรุป นางดูแลใส่ใจแค่ครั้งแรก ส่วนครั้งต่อมาเทจ้ะ
เราก็แบบ อ่อ เซลล์คลินิคมันเป็นแบบนี้เหรอ ถือว่าเพิ่มประสบการณ์อีกเรื่อง
และช่วงที่เรามีอารมณ์อยู่นั้น เราก็โวยเบาๆกับพนักงาน
แล้วก็มีพี่กระเทยคนหนึ่ง เข้ามาอยากจะดูแลต่อ
โดยนางกระเทยพยายามขายครีมที่ใช้ดูเลหลังเลเซอร์หน้า
และเป็นเราที่ปากดีอีก ที่ทำเหมือนสนใจ แต่จริงๆคือเราอยากรู้
ว่าค่าใช้จ่ายทำสวยแต่ละอย่างมันเท่าไหร่ มันเจ็บมั้ย
ก็เป็นอันว่าประสบการณ์ต่อมาคือ พอนางมาขายครีม
แล้วเราลังเล นางเลยบอกว่า จริงๆซื้อคอร์สราคาขนาดนี้
กะอึแค่ซื้อครีม 3 พันกว่าบาท ไม่น่ายากนะ พร้อมกับชักน้ำเสียง
แล้วพูดต่อว่าหมอที่คลินิคเค้าก็ใช้กัน มันดีจริงๆ
(ตอนนั้นหมอคลินิคอยู่ด้วย นางกระเทยโยนคำไปให้หมอยืนยัน
แต่หมอมองหน้าเรา แล้วเดินหนีเข้าห้องไป)
คือถ้าเราเป็นคนคิดไว เราคงคิดได้แล้วว่านางด่ากลายๆว่าโง่
ซึ่งก็ถูกของนาง เราก็โง่ที่ยอมเสียค่าโง่ซื้อคอร์สกับคลินิคนี่ไง
นี่ก็เหลืออีกครั้งนึง ซึ่งถ้าถามถึงผลลัพภ์ ตอนนี้เราว่าได้แค่ 20%
เพราะบางทีหมอก็เลเซอร์ให้ครึ่งชั่วโมง บางทีก็ไม่กี่นาที
เลยแอบสงสัยว่าก่อนหมอมาทำ พวกเซลล์สื่อสารยังไงกับหมอ
สุดท้ายและท้ายสุด คงพอกันทีกับคลินิคแห่งนี้ และอยากจะบอกว่า
ความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ถ้าไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง
ความจริงใจนั้นสำคัญนะคะ ขอบคุณค่ะ.
รู้สึกแย่กับคลินิคความงามชื่อดัง ที่มีตัวแม่เป็นพรีเซ็นเตอร์!!!!
เกริ่นก่อนว่า ก่อนที่จะเข้าแวดวงคลินิคความงาม เราก็ศึกษามาพอสมควร ดูรีวิว ดูคอมเม้น เข้าไปสอบถามหน้าคลินิคต่างๆ
แต่สิ่งที่เราพลาด คือ เราไม่ได้ดู คอมเม้นแต่ละสาขาในกูเกิ้ล!
เป็นธรรมดาที่เซลล์แต่ละคลินิค จะพูดเก่ง ขายเก่ง ชักชวน โน้มเน้าใจลูกค้าให้ซื้อคอร์ส
ที่นี่ก็เช่นกัน นางบอกว่ามาเป็นลูกค้าเถอะ นางอยากดูแล
พอๆกับให้ราคาคอร์สที่เราพอรับได้ (ในขณะที่สาขาอื่นไม่ได้ให้ราคานี้)
เราจึงตัดสินใจซื้อ
พอเราซื้อเสร็จ นางก็ให้ลูกน้องผู้ชายคอยติดตาม แจ้งวันเวลานัดหมายเข้าคลินิค
ประสบการณ์แรก คือ น้องผู้ชายไม่ค่อยฮือ อือ ต้องรอให้ถามว่ามีหมอเข้าวันไหน กี่โมง
เราก็เอ้อ คงเป็นนิสัยน้องมั้ง แถมยังเป็นผู้ชายอีก เรื่องการสนใจ ไถ่ถามลูกค้าคงยังไม่เก่ง
ทำมาสัก 2-3 ครั้ง ทั้งนางคนขายคอร์ส กับน้องผู้ชายก็ย้ายสาขาไป
แรกๆก็ไม่มีใครมาบริการต่อนะ แต่เราปากดีไง ไปสอบถาม ทำสนใจ
ถามน้องพนักงานอีกคนเรื่องเลเซอร์หน้า (เพราะมันเป็นปมในใจอยู่)
เป็นอันว่าวันนั้น น้องชะนีขายคอร์สสำเร็จ ราคาก็เอาเรื่องอยู่
และคงเป็นความสัพเพล่าของเราอีกที่ไม่ได้ถามว่าทำที่นี่มั้ย
พอถาม นางก็ตอบว่าต้องอีกสาขาที่อยู่ใกล้กัน เดี๋ยวน้องจะเป็นคนพาไปเอง
สรุป นางดูแลใส่ใจแค่ครั้งแรก ส่วนครั้งต่อมาเทจ้ะ
เราก็แบบ อ่อ เซลล์คลินิคมันเป็นแบบนี้เหรอ ถือว่าเพิ่มประสบการณ์อีกเรื่อง
และช่วงที่เรามีอารมณ์อยู่นั้น เราก็โวยเบาๆกับพนักงาน
แล้วก็มีพี่กระเทยคนหนึ่ง เข้ามาอยากจะดูแลต่อ
โดยนางกระเทยพยายามขายครีมที่ใช้ดูเลหลังเลเซอร์หน้า
และเป็นเราที่ปากดีอีก ที่ทำเหมือนสนใจ แต่จริงๆคือเราอยากรู้
ว่าค่าใช้จ่ายทำสวยแต่ละอย่างมันเท่าไหร่ มันเจ็บมั้ย
ก็เป็นอันว่าประสบการณ์ต่อมาคือ พอนางมาขายครีม
แล้วเราลังเล นางเลยบอกว่า จริงๆซื้อคอร์สราคาขนาดนี้
กะอึแค่ซื้อครีม 3 พันกว่าบาท ไม่น่ายากนะ พร้อมกับชักน้ำเสียง
แล้วพูดต่อว่าหมอที่คลินิคเค้าก็ใช้กัน มันดีจริงๆ
(ตอนนั้นหมอคลินิคอยู่ด้วย นางกระเทยโยนคำไปให้หมอยืนยัน
แต่หมอมองหน้าเรา แล้วเดินหนีเข้าห้องไป)
คือถ้าเราเป็นคนคิดไว เราคงคิดได้แล้วว่านางด่ากลายๆว่าโง่
ซึ่งก็ถูกของนาง เราก็โง่ที่ยอมเสียค่าโง่ซื้อคอร์สกับคลินิคนี่ไง
นี่ก็เหลืออีกครั้งนึง ซึ่งถ้าถามถึงผลลัพภ์ ตอนนี้เราว่าได้แค่ 20%
เพราะบางทีหมอก็เลเซอร์ให้ครึ่งชั่วโมง บางทีก็ไม่กี่นาที
เลยแอบสงสัยว่าก่อนหมอมาทำ พวกเซลล์สื่อสารยังไงกับหมอ
สุดท้ายและท้ายสุด คงพอกันทีกับคลินิคแห่งนี้ และอยากจะบอกว่า
ความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ถ้าไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง
ความจริงใจนั้นสำคัญนะคะ ขอบคุณค่ะ.