คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 104
ขอบคุณทุก ๆ คนจริง ๆ นะครับ ตอนนี้ผมได้ปรับความคิด และจะเดินหน้าพูดคุยกับเขาด้วยเหตุผลของการที่อยากเก็บเงิน และการไม่คิดจะกู้ในเร็ว ๆ นี้
ผมจะหนักแน่นต่อตัวเองว่าไม่คือไม่ นี่ไม่ใช่แค่การทำเพื่อตัวเอง แต่มันคือการเซฟตัวเองทั้งในตอนนี้และอนาคต ไม่ว่าจะเรื่องเงินหรือสภาพจิตใจก็ตาม
และไม่ว่าจะทะเลาะกันหรือไม่คุยกันแค่ไหน ถ้าเขามีเหตุผลพอ เขาจะต้องรู้ว่าที่ผมทำไปทั้งหมด ก็ทำไปเพราะตัวเอง และเพื่อเขาด้วย ไม่ยอมคือไม่ยอม ตามที่หลาย ๆ ท่านได้กล่าวมา ปัญหาทั้งหมดที่ทุกคนพูด ผมรับทราบและกังวลมาตลอดครับ
แต่ความกังวลของผม มันเริ่มมาจากการที่ผมไม่หนักแน่นที่จะ ''ปฎิเสธในเวลาที่ไม่พร้อม" เท่านั้นเอง
ยังมีเรื่องอีกมากมายให้มนุษย์เงินเดือน และลูกแบบผมต้องคิดและวางแผน ดังนั้นผมจะไม่ทำให้ครอบครัวตกไปอยู่ในสภาพที่กึ่งเป็นกึ่งตายหากเกิดอะไรขึ้นกับการตัดสินใจที่จำยอมของผมเด็ดขาด ขอบคุณครับ
ผมจะหนักแน่นต่อตัวเองว่าไม่คือไม่ นี่ไม่ใช่แค่การทำเพื่อตัวเอง แต่มันคือการเซฟตัวเองทั้งในตอนนี้และอนาคต ไม่ว่าจะเรื่องเงินหรือสภาพจิตใจก็ตาม
และไม่ว่าจะทะเลาะกันหรือไม่คุยกันแค่ไหน ถ้าเขามีเหตุผลพอ เขาจะต้องรู้ว่าที่ผมทำไปทั้งหมด ก็ทำไปเพราะตัวเอง และเพื่อเขาด้วย ไม่ยอมคือไม่ยอม ตามที่หลาย ๆ ท่านได้กล่าวมา ปัญหาทั้งหมดที่ทุกคนพูด ผมรับทราบและกังวลมาตลอดครับ
แต่ความกังวลของผม มันเริ่มมาจากการที่ผมไม่หนักแน่นที่จะ ''ปฎิเสธในเวลาที่ไม่พร้อม" เท่านั้นเอง
ยังมีเรื่องอีกมากมายให้มนุษย์เงินเดือน และลูกแบบผมต้องคิดและวางแผน ดังนั้นผมจะไม่ทำให้ครอบครัวตกไปอยู่ในสภาพที่กึ่งเป็นกึ่งตายหากเกิดอะไรขึ้นกับการตัดสินใจที่จำยอมของผมเด็ดขาด ขอบคุณครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ด้วยความหวังดี "อย่ายอมทางบ้านเด็ดขาด" หายนะมาเยือนแน่ๆ มองเห็นอนาคตของคุณเลยค่ะถ้ากู้บ้านเงินเหลือมา เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด ใจอ่อนคือจบ ชีวิตคุณเลือกเอง
ไม่ต้องไปคิดว่ายื่นกู้จะผ่านไม่ผ่าน เซลส์เค้าอยากขายเค้าทำจนได้ล่ะค่ะ เลิกคิดเรื่องเอาเอกสารไปให้เค้าไปเลย เอกสารคุณทั้งนั้น ถ้าคุณไม่ให้ก็จบใครจะบังคับไปกู้ได้
เห็นมาเยอะแล้ว ตามใจพ่อแม่ สุดท้ายเป็นเดอะแบกที่เอาตัวไม่รอด หนี้ท่วมหัว ซึมเศร้า
เตือนแล้วนะ
ไม่ต้องไปคิดว่ายื่นกู้จะผ่านไม่ผ่าน เซลส์เค้าอยากขายเค้าทำจนได้ล่ะค่ะ เลิกคิดเรื่องเอาเอกสารไปให้เค้าไปเลย เอกสารคุณทั้งนั้น ถ้าคุณไม่ให้ก็จบใครจะบังคับไปกู้ได้
เห็นมาเยอะแล้ว ตามใจพ่อแม่ สุดท้ายเป็นเดอะแบกที่เอาตัวไม่รอด หนี้ท่วมหัว ซึมเศร้า
เตือนแล้วนะ
ความคิดเห็นที่ 29
เราตอบหลายกระทู้แล้วค่ะ ว่าใครถือเงิน คนนั้นเสียงดังสุด
ถ้าพ่อแม่จะยืนกราน บอกแกไปค่ะ ว่างั้นขอไปซ้อมผ่อนบ้านดูปีนึงก่อนถึงจะกู้ จะลองเปิดบีญชีแล้วเอาเงินใส่ทุกเดือนดูก่อน ระหว่างนี้อาจจะไม่ได้ส่งให้พ่อแม่นะ ถ้าผ่อนด้วยส่งเงินด้วยไม่ไหว
ส่วนตัวคุณเพิ่งยี่สิบกว่าๆ พ่อแม่น่าจะไม่ถึง 50 วัยกำลังทำงาน ลูกก็เพิ่งทำงานกับมีหนี้ จะมารีดอะไรกะลูกนักหนาไม่รู้ ถ้าแกไม่โอเคอะไรเลย คุณก็เงียบและเลิกติดต่อ เลิกโอนไปพักนึงเถอะค่ะ เอาตัวเองให้รอดก่อนช่วยคนอื่นค่ะ ถ้าส่งเงินให้ทุกเดือนแล้วเค้ายังไม่เห็นค่าคุณชนาดนี้
ถ้าพ่อแม่จะยืนกราน บอกแกไปค่ะ ว่างั้นขอไปซ้อมผ่อนบ้านดูปีนึงก่อนถึงจะกู้ จะลองเปิดบีญชีแล้วเอาเงินใส่ทุกเดือนดูก่อน ระหว่างนี้อาจจะไม่ได้ส่งให้พ่อแม่นะ ถ้าผ่อนด้วยส่งเงินด้วยไม่ไหว
ส่วนตัวคุณเพิ่งยี่สิบกว่าๆ พ่อแม่น่าจะไม่ถึง 50 วัยกำลังทำงาน ลูกก็เพิ่งทำงานกับมีหนี้ จะมารีดอะไรกะลูกนักหนาไม่รู้ ถ้าแกไม่โอเคอะไรเลย คุณก็เงียบและเลิกติดต่อ เลิกโอนไปพักนึงเถอะค่ะ เอาตัวเองให้รอดก่อนช่วยคนอื่นค่ะ ถ้าส่งเงินให้ทุกเดือนแล้วเค้ายังไม่เห็นค่าคุณชนาดนี้
ความคิดเห็นที่ 10
ถัาพ่อแม่คุณยังลืมตาอ้าปากไม่ได้ในช่วงที่เศรษฐกิจดีที่สุดตั้งแต่ก่อนคุณเกิดจนคุณเรียนจบ อย่าหวังว่าคุณคนเดียวจะทำได้ในยุคเศรษฐกิจดิ่งเหวแบบนี้
สิ่งที่คุณพอจะทำได้คือให้เงินพ่อแม่ทุกเดือน เสมือนผ่อนจ่ายที่เลี้ยงคุณมา
การกู้เงินซื้อบ้านก็เหมือนว่ายข้ามแม่น้ำ ถ้าคุณประเมินกำลังตัวเองในอนาคตไม่ไหว ถ้าคุณไม่รู้ว่ากระแสน้ำจะแรงขึ้นมาตอนไหน ก็มีโอกาสจะเสียทั้งเงิน เสียทั้งบ้าน ถึงคุณเอาอยู่เรื่องบ้านแต่ขีวิตก็แทบกระดิกไปทำอย่างอื่นไม่ได้เลย คนไม่มีเงินจะไปมีแฟนมีครอบครัว หรือทำตามความฝันได้ไง ถ้าคุณกู้บ้านแล้วโอกาสเดียวที่คุณจะรอดคือรายได้จากหน้าที่การงานเติบโตรวดเร็ว แล้วสภาพเศรษฐกิจแบบนี้มันจะเป็นไปได้เหรอ
ชีวิตใครชีวิตมัน บางครั้งก็ต้องตัดใจคิดแบบนี้ เอาตัวเองให้รอดก่อน มีเหลือแล้วค่อยไปจุนเจือครอบครัว
สิ่งที่คุณพอจะทำได้คือให้เงินพ่อแม่ทุกเดือน เสมือนผ่อนจ่ายที่เลี้ยงคุณมา
การกู้เงินซื้อบ้านก็เหมือนว่ายข้ามแม่น้ำ ถ้าคุณประเมินกำลังตัวเองในอนาคตไม่ไหว ถ้าคุณไม่รู้ว่ากระแสน้ำจะแรงขึ้นมาตอนไหน ก็มีโอกาสจะเสียทั้งเงิน เสียทั้งบ้าน ถึงคุณเอาอยู่เรื่องบ้านแต่ขีวิตก็แทบกระดิกไปทำอย่างอื่นไม่ได้เลย คนไม่มีเงินจะไปมีแฟนมีครอบครัว หรือทำตามความฝันได้ไง ถ้าคุณกู้บ้านแล้วโอกาสเดียวที่คุณจะรอดคือรายได้จากหน้าที่การงานเติบโตรวดเร็ว แล้วสภาพเศรษฐกิจแบบนี้มันจะเป็นไปได้เหรอ
ชีวิตใครชีวิตมัน บางครั้งก็ต้องตัดใจคิดแบบนี้ เอาตัวเองให้รอดก่อน มีเหลือแล้วค่อยไปจุนเจือครอบครัว
แสดงความคิดเห็น
เพิ่งเรียนจบ ครอบครัวอยากให้กู้ซื้อบ้านต่างจังหวัดให้ แต่เรายังต้องเช่าห้องทำงานอยู่กรุงเทพ
ขณะนี้เรียนจบจากมหาลัยมาได้สักพักครับ ตอนนี้ทำงานได้ 5 เดือนแล้ว (ทดลองงาน 3 เดือน) หลังจากที่เรียนจบ ทางครอบครัวต้องการให้กู้ซื้อบ้านให้อยู่อาศัยครับ เนื่องจากคุณแม่ให้เหตุผลว่าเขาเหนื่อยมามากแล้ว ต้องการที่พักพิง ไม่อยากอยู่เพื่อเช่าเขาไปวัน ๆ (ปกติเช่าบ้านอยู่มาเกือบตลอดครับ)
ทางครอบครัวยังรู้สึกว่า หากจะต้องมาจ่ายค่าเช่าอยู่อย่างนี้ เปลี่ยนเป็นให้เรากู้ซื้อบ้านให้เขา แล้วช่วยทำงานหาเงินมาโปะบ้านดีกว่า ซึ่งขั้นตอนนี้ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร
แต่ตอนนี้เงินเดือนผมอยู่ที่ประมาณ 23K เท่านั้นครับ ยังไม่รวมสวัสดิการ แต่แม่ต้องการให้กู้บ้านราคาประมาณ 2 ล้าน ซึ่งเป็นบ้านต่างจังหวัดตามภูมิลำเนา ซึ่งตรงนี้เป็นส่วนที่ผมค่อนข้างกังวลครับ
ทางบ้านผมเองฐานะไม่ได้ดีมากครับ ตัวผมเองที่ทั้งทำงาน ทั้งหาทุนเรียนระหว่างอยู่ในมหาลัยก็แล้ว กู้เรียนก็แล้ว ตอนนี้ตกอยู่ว่ามีหนี้ กยศ. อยู่ราว ๆ หนึ่งแสนห้า ตัวผมเองก็ทำงานอยู่ในกรุงเทพ ต้องเช่าห้องอยู่ราคาประมาณ 4500 ยังไม่มีเงินเก็บใด ๆ เลย เนื่องจากหามาได้เท่าไหรก็ต้องแบ่งเบาและช่วยเหลือครอบครัวบางส่วน (แน่นอนว่าทางบ้านก็ไม่มีเงินเก็บในส่วนนี้เช่นกัน) อีกทั้งการจะให้กู้ครั้งนี้ไม่มีอะไรค้ำประกันเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากไม่มีบ้าน ไม่มีสินทรัพย์อะไร และทั้งพ่อและแม่ทำอาชีพอิสระ
ปัญหามันอยู่ที่ ผมหาข้อมูลแล้วหาอีก ก็รู้สึกว่ายังไงก็ตาม ผมไม่มีทางกู้ผ่านได้เลย รู้สึกว่ามันยังไม่สมควรเอามาก ๆ ที่จะกู้ตอนนี้ เพราะไม่มีเงินเก็บเลย แถมเงินเดือนผมก็ยังน้อยอีก แต่ทางบ้านไม่ยอมครับ คุย ขึ้นเสียง จนผมต้องยอมการกระทบกระทั่งทางอารมณ์หลายครั้งแล้ว เพราะฝั่งนั้นเค้ามั่นใจว่าโครงการที่จะให้ไปติดต่อคุยด้วย สามารถแนะนำและทำให้ผมสามารถกู้ผ่านได้แน่ ๆ และยังมองอีกว่า น่าจะกู้เกินมาได้ เพื่อที่จะนำเงินก้อนนั้นมาหมุน หาทำธุรกิจบางอย่างอีกต่างหาก ซึ่งผมมองว่ามันไม่สมควรเป็นเช่นนั้นหรือเปล่า
ยังไงก็ตาม ผมไม่สามารถปฎิเสธตรง ๆ ได้ คงต้องไปคุยกับทางโครงการและเซลล์เพื่อความสบายใจของครอบครัว แต่ผมอยากสอบถามว่า
- มันเป็นไปได้จริง ๆ หรอครับ ที่เงินเดือนเท่านี้จะสามารถกู้ได้ถึงสองล้าน
- ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด การกู้ จะต้องดูภาระและหนี้ที่มีอยู่ด้วย (อ่านมาประมาณว่าไม่ควรเกิน 40% ของเงินเดือน ถ้าเกินธนาคารจะไม่ค่อยให้ผ่าน) เรื่องค่าเช่าที่ผมต้องอยู่ที่กรุงเทพ และหนี้ กยศ จะถูกมานับในส่วนนี้หรือเปล่า
- ผมกำลังกังวลว่า ทำไมแม่ถึงมั่นใจมาก ๆ ว่าผมสามารถกู้ได้ (แม่บอกข้อมูลเงินเดือน อายุงานคร่าว ๆ ให้โครงการและเซลล์ฟัง เค้าก็บอกว่าสามารถทำได้) ที่มันทำได้นี่มันถูกต้องหรือเปล่าครับ ไม่ได้เป็นการดำเนินการที่ต้องทำอะไรที่ไม่ถูกต้องตามกระบวนการใช่ไหม อันนี้คือสิ่งที่ผมกังวลด้วยเช่นกันครับ เนื่องจากไม่มีประสบการณ์กู้ใด ๆ ด้วยตนเอง
คงถามประมาณนี้ครับ ผมแค่ต้องการหาสักอย่างที่ทำให้ผมมั่นใจว่ามันยังไม่ผ่าน ยังเร็วเกินไปสำหรับผม แล้วมีเวลาให้ผมได้เก็บเงิน ทำตามกระบวนการที่ควรจะเป็นในการวางแผนการใช้เงินกว่านี้ (ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมอยากทำมาก ๆ แต่ทุกอย่างที่เข้ามาตอนนี้ทำให้ผมไม่สามารถคิดได้เลย) แต่ถ้ามันกู้ผ่านจริง แล้วเกิดอะไรขึ้นกับตัวผมในอนาคต ผมคงจำใจยอมรับแล้วครับ ผมเหนื่อย เครียด และกังวลพอสมควร แต่ทุกครั้งที่พูดไป เค้าก็จะบอกว่าเขาเหนื่อยกว่ามาก ผ่านมาเยอะกว่ามาก ดังนั้นผมจะไม่พูดและเถียงอะไรเค้าอีกแล้ว