สวัสดีครับ วันนี้ผมอยากมาแบ่งบันประสบการณ์ซื้อทาวน์โฮมหลังแรก ตั้งเเต่การเลือกโครงการ การเลือกธนาคารในการยื่นกู้ ตลอดจนการได้มาอยู่อาศัยจริง และหลังจากผ่อนชำระในเเต่ละเดือน โดยเน้นการเเบ่งบันประสบการณ์ในกระบวนการต่างๆ จากประสบการณ์ที่เจอ ไม่ได้มีความรู้เจาะจงในกระบวนการใด กระบวนการหนึ่งนะครับ หวังว่าอาจจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านที่กำลังจะเลือกซื้อทาวน์โฮมหรือบ้านหลังเเรกครับ
1. เกริ่นนำ
ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นนำก่อนครับ เมื่อก่อนครอบครัวผมอยู่ใน จ.นนทบุรี เเต่พอผมกับน้องเข้ามหาวิทยาลัย พ่อกับเเม่ขายบ้าน เเล้วกลับไปอยู่ต่างจังหวัด ผมก็เลยใช้ชีวิตอยู่ในหอพักตลอดมา โดยหลังจากผมเรียนจบเเล้ว ได้ทำงานในองค์กรที่มีเส้นทางอาชีพ (Career Path) ที่ชัดเจนและมีความมั่นคงในการต่อสัญญาจ้างงาน ผมจึงคิดว่าตรงนี้อาจเป็นความโชคดีของผมที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการย้ายที่ทำงาน เนื่องจากส่วนตัวก็ตั้งใจว่าจะทำงานในองค์กรนี้ไปจนเกษียณอายุ พอเริ่มมีเงินเดือนทำงานมาประมาณ 4 เดือน เลยอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเอง เผื่ออนาคตมีครอบครัว แต่ลึกๆ เเล้วคือ อยากชวนพ่อกับเเม่มาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาเหมือนตอนเด็กๆ (ปัจจุบันพ่อกับเเม่ยังมีความสุขกับการใช้ชีวิตในต่างจังหวัด ยัางไม่ยอมมาอยู่ประจำ)
หลังจากที่มีความคิดว่าอยากจะซื้อบ้านหรือทาวน์โฮมเป็นของตนเอง ก็มีความลังเลใจและมีความกังวลใจหลายอย่าง เช่นกังวลว่ายังทำงานไม่นาน ไม่ถึง 1 ปี กลัวว่าเร็วไปมั้ยที่จะกู้ซื้อ กลัวว่ายังไม่เงินเก็บ กลัวขาดสภาพคล่องระหว่างเดือน กลัวว่าจะกู้ไม่ผ่าน หรือกลัวว่าการตัดสินใจเลือกโครงการจะผิดพลาด จริงๆก็มีความกังวลใจอีกหลายอย่าง จึงสรุปกับตัวเองว่า "จะซื้อแหละ เเต่คงไม่ใช่ตอนนี้" งั้นลองไปดูเล่นๆก่อนเเล้วกัน ระหว่างนี้หาข้อมูลไปเรื่อยๆ เก็บเงินไปเรื่อยๆ ค่อยตัดสินใจซื้อ จึงเริ่มเข้าสู่การเลือกทำเลและโครงการที่อยากได้
2. การเลือกโซนหรือทำเลของโครงการ
สำหรับการเลือกโซนที่ตั้งของโครงการ ผมพิจารณาจาก "ใครคือผู้อยู่อาศัยหลักจริงๆ" ซึ่งก็คือผม เลยจัดลำดับความสำคัญในการเลือกทำเลคือ
- อยากได้ใกล้ที่ทำงาน (ความเป็นจริงคือไม่ใกล้ เเต่ไม่ไกลมาก ในระดับที่รับได้) >> ที่ทำงานของผมอยู่ใกล้แยกศรีอยุธยา
- ไม่ไกลจากที่ทำงานแฟน >> อยู่ใกล้ๆ สะพานกรุงธน
- ไม่ไกลจากคอนโดน้อง >> หลักสี่
จึงพยายามหาทำเลที่ตอบโจทย์ของ 3 ข้อด้านบน จึงเลือกเป็นโซนจรัญ ปิ่นเกล้า ราชพฤกษ์ ถนนบางกรวย-จงถนอม พระราม 5 ระเเวกนี้ (ตอนนั้นเปิด google maps ดูว่า ถ้าโซนนี้ น่าจะใช้ถนนสิรินธรวิ่งไปสะพานกรุงธนได้ เเล้วก็วิ่งถนนราชวิถีเลยมาที่ทำงานผมได้ ไม่น่าเกิน 15-20 กิโลเมตร เเต่อาจไกลจากคอนโดน้องไปสักหน่อย)
หลังจากได้โซนที่ต้องการเเล้ว ก็ลองดูโครงการต่างๆในโซนนี้ โดยลองดูโครงการเเละราคาขายจากในอินเทอร์เน็ตก่อน (พอเราสนใจอะไร facebook รู้ใจเราเสมอ ยิง add ใส่ทุกวัน) พอลองค้นหาโครงการดูพบว่า ถ้าเป็น
บ้านเดี่ยว หรือ
บ้านแฝด มือหนึ่งในย่านนี้ ราคาค่อนข้างสูง (อยากได้บ้านที่มีพื้นที่รอบบ้าน นั่งเล่น ปลูกต้นไม้ได้) น่าจะผ่อนไม่ไหว งั้นเปลี่ยนเป็นทาวน์โฮมก็เเล้วกัน เเต่ขอเป็นแปลงมุมนะ จะได้พอมีพื้นที่ข้างบ้านบ้าง ดังนั้นบทสรุปคือ "ทาวน์โฮมแปลงมุม" ที่ต้องมีพื้นที่ข้างตัวบ้าน
จากนั้นจึงหาโครงการทาวน์โฮมที่อยู่ในย่านดังกล่าว โดยค้นหาในอินเทอร์เน็ตก่อน ถ้าราคาไม่เกินงบที่ตั้งไว้ ก็จะปักหมุดใน google maps แล้วดูระยะทางจากโครงการไปที่ทำงานแฟน ไปที่ทำงานผม ไปกลับเป็นระยะทางกี่กิโลเมตร ไปเส้นทางไหน เลยพยายามค้นหาโครงการต่างๆใน google ผมค้นเจอ เเค่ 2 โครงการคือ pleno จรัญ-ปิ่นเกล้า กับ the thamm ราชพฤกษ์-สิรินธร ดังนั้นจึงเริ่มติดต่อโครงการขอดู e-brochure เเละนัดหมายเข้าชมโครงการ เพื่อดูสถานที่จริงเเละเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อ จึงเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป
3. การเลือกโครงการ
ในตอนนั้นนัดหมายเซลล์ของโครงการ the thamm ไว้เพื่อเข้าไปดูบ้านตัวอย่าง หลังจากเข้าชมโครงการของ the thamm ระหว่างขับรถกลับ ได้ขับผ่านทางเข้าของโครงการหนึ่ง ซึ่งผมสะดุดตากับทางเข้ามาก ดูร่มรื่น ต้นไม้เยอะดี เลยตัดสินใจกลับรถเพื่อเข้าไปดูโครงการทันทีโดยที่ไม่ได้นัดหมาย ซึ่งโครงการนั้นคือ สิริเพลส จรัญ-ปิ่นเกล้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมได้เรียนรู้ว่า:
1. หากเราสนใจจะซื้อโครงการโซนไหน
เราต้องให้เวลากับการเลือกโครงการเยอะๆ เเละจำเป็นอย่างมากที่ต้องขับรถมาดูในพื้นที่จริง โดยมีอีกหลายโครงการที่อาจเป็นโครงการสวยๆที่ตรงสเปคเรา แต่เราหาไม่เจอในอินเทอร์เน็ต เนื่องจากชื่อโครงการ สถานที่ต่างๆ มักไม่ตรงกับที่ตั้งจริง
2. วันที่เรามาเยี่ยมชมโครงการ หรือวนหาดูโครงการที่เราชอบ เรามักจะมาดูใน "วันหยุด" แต่ส่วนใหญ่เรามักจะขับรถออกจากบ้านในวันธรรมดาที่เป็นเวลาเร่งด่วน ดังนั้น การจราจรที่เราพบเจอในวันหยุด มันอาจไม่เหมือนกับวันธรรมดาก็ได้ (ซึ่งผมพบว่าวันที่ผมมาดูทีไร รถไม่เคยติดเลย ถนนโล่งมาก แต่พอได้มาอยู่จริง ผมต้องเจอกับปัญหาการจราจร ผมขอเรียกว่า "วงเวียนวัดใจ" เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังภายหลังนะครับ) ดังนั้นผมเเนะนำว่า ถ้าเป็นบ้านที่เราจะลงหลักปักฐาน ทางเข้าทางออก เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เราควรใช้เพื่อตัดสินใจ เเละลองขับรถเข้าออกโครงการในช่วงเวลาเร่งด่วน
หลังจากที่ได้ลองเข้าไปชมโครงการสิริเพลส ผมเลยสงสัยว่า เอ๊ะทำไมตอนที่ผมหาในอินเทอร์เน็ตถึงไม่เจอโครงการนี้นะ หลังจากเข้าไปเยี่ยมชมดูบ้านตัวอย่างหลายๆ โครงการ ผมจะพยายามกลับมาหาข้อมูลว่าผู้พัฒนาของเเต่ละโครงการคือใคร เเละพยายามหาดูผลงานเก่าๆของเค้า เเละรีวิวจากลูกค้า ซึ่งเเต่ละโครงการก็มีจุดเด่นที่เเตกต่างกันออกไป ตรงนี้ขอไม่ลงรายละเอียดนะครับ แต่ผมจะขอเล่าว่าอะไรบ้างที่ผมใช้เป็นปัจจัยในการตัดสินใจ และปัจจัยเหล่านั้น พอได้มาอยู่จริงเเล้วเหมือนที่คิดไว้ตอนเเรกหรือป่าว
- ปัจจัยเเรก เเน่นอนครับ ต้องเป็นเรื่องของราคาขายที่ไม่เกินกำลังผ่อนชำระของผม
- ปัจจัยที่สองคือนิติบุคคล โดยผมจะถามเซลล์เสมอว่า ถ้าขายหมดเเล้วยังดูเเลลูกบ้านต่อมั้ย หรือให้ลูกบ้านบริหารจัดการกันเอง ซึ่งผมมองหาโครงการที่มีนิติบุคคลที่จัดการโดยบริษัทของโครงการ หรือมีฝ่ายจัดการ โดยที่ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับการเลือกตั้งนิติหรือกรรมการหมู่บ้านเอง (ผมเห็นปัญหาเรื่องการเลือกตั้ง การบริหารจัดการกันเองภายในหมู่บ้านเเล้วดูน่าปวดหัวมาก บางหมู่บ้านต้องมานั่งเก็บค่าส่วนกลางกันเองหรือจ้างพนักงานสวน พนักงานรักษาความปลอดภัยเอง) ดังนั้นปัจจัยเเรกคือ ต้องมีนิติบุคคลที่ดูเเลลูกบ้านตลอด
- ปัจจัยต่อมาคือเรื่องของจำนวนที่จอดรถหน้าบ้าน บางโครงการจอดได้คันเดียว บางโครงการจอดได้ 2 คัน เวลาไปเยี่ยมชมโครงการ ผมก็จะเห็นปัญหามีรถมาจอดในซอยหรือถนนหลักของโครงการ ในทุกโครงการเลย ตรงนี้ก็ทำใจไว้ก่อนเเล้วว่าปัญหาเรื่องการจอดรถบนถนนคงเลี่ยงไม่ได้ เเต่ถ้าเลือกโครงการที่มีที่จอด 2 คันน่าจะดีกว่า (ความเป็นจริงคือ ถ้าคนมันจะไม่จอดในบ้าน พื้นที่ในบ้านว่างเเค่ไหน มันก็จะจอดบนถนนโครงการอยู่ดี)
- ปัจจัยต่อมาคือจากโจทย์ที่ผมอยากได้ ทาวน์โฮม แปลงมุม พื้นที่ด้านข้างบ้านก็มีส่วนในการตัดสินใจเลือกโครงการ ซึ่งหากพื้นที่ยิ่งมากขึ้น ราคาก็ยิ่งสูงขึ้นเช่นกัน
- ปัจจัยต่อมาคือ ผมอยากได้โครงการที่มีห้องนอนชั้น 1 ตรงนี้คิดเผื่อไว้เลยว่าถ้าอนาคต พ่อเเม่ยอมมาอยู่กับผม เเล้วพ่อเเม่ป่วยหรือเเก่ลง อาจเดินขึ้นลงบันไดไม่สะดวก ห้องนอนชั้น 1 น่าจะตอบโจทย์ (เเต่พอได้มาอยู่จริง ก็ต้องเเลกมากับพื้นที่นั่งเล่นกับพื้นที่กินข้าวที่เล็กลง)
- ปัจจัยต่อมาคือระยะทางจากโครงการไปถึงที่ทำงาน ซึ่งตอนนั้นคิดเเค่ระยะทางออกมาเป็นกิโลเมตร เเต่ลืมคิดว่าทางเข้าทางออกมีส่วนสำคัญเช่นกัน ต้องรีวิวทางเข้าทางออก การจราจรของถนนเส้นนั้นดีๆ
- ทุกท่านจะเห็นว่า เรื่องแบบบ้าน โทนสี ไม่ได้อยู่ในปัจจัยที่ผมใช้เลือกเลย เพราะผมเห็นว่ามันสวยทุกโครงการเลย 5555 ไม่มีมุมมองทางศิลปะจริงๆ พอไปดูโครงการ โครงการนี้ก็สวย โครงการนั้นก็สวย
โดยปัจจัยด้านบนคือปัจจัยที่ใช้เลือกโครงการในความคิดตอน
ก่อนซื้อ ซึ่งหลังจากได้มาเข้าอยู่ ผมพบว่ามีอีกหลายปัจจัยที่ควรใช้พิจารณาด้วย เเต่ตอนนั้นไม่รู้เช่น
- ควรเลือกโครงการที่ พื้นที่ด้านหลังบ้าน ลงเสาเข็มที่มีความยาวเท่ากับตัวบ้าน อนาคตเวลาต่อเติมครัวเราจะประหยัดค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้เยอะ (ตอนก่อนซื้อไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย เข้าใจว่าถ้าจะต่อเติม ก็ใช้ช่างขึ้นหลังคา ก่อผนังต่อเติมได้เลย เเต่ความเป็นจริงหากไม่ลงเสาเข็มอาจมีปัญหาทรุดตัวตามมาภายหลัง ตรงนี้เป็นความโชคดีที่โครงการที่ผมเลือก เค้าลงเสาเข็มไว้เเล้ว)
- วัสดุต่างๆ ก็สำคัญ เช่นบางโครงการเป็นอิฐเเดง อิฐมวลเบาหรือผนังสำเร็จ (precast) มันก็จะมีข้อดีข้อเสียต่างกัน โดยโครงการที่ผมเลือก ใช้เป็นผนัง precast ข้อดีที่ผมเจอคือ ไม่มีเสาบ้าน ผนังเรียบตลอด เนื่องจากตัวผนังทำหน้าที่รับน้ำหนัก มารู้จักผนัง precast ตอนที่ให้ช่างมาติดแอร์ เเล้วช่างถามว่าผนังบ้านเป็นผนังสำเร็จหรือก่ออิฐ ตอนนั้นไม่รู้ เลยต้องไปถามโครงการต่อ ซึ่งพบว่าใช้เวลาเจาะผนังนานมากกว่าจะทะลุ เเละพบปัญหาสีหลุดร่อนระหว่างเจาะด้วย สีหรือวัสดุปูพื้นก็สำคัญครับ บ้านผมสีภายในเช็ดล้างไม่ได้ เเละเลอะง่าย
- เวลาเลือกโครงการ อย่าลืมเปิดแผนที่ดู ว่ารอบๆโครงการที่เราสนใจ มีคลอง เเม่น้ำเยอะหรือป่าว ไม่งั้นช่วงฝนตกหนักๆ เจอปัญหาน้ำท่วมหรือน้ำดันเข้าโครงการเเน่ๆ (ซึ่งผมโชคดีที่ช่วงน้ำเยอะๆ หรือช่วงน้ำหนุนที่ผ่านมา น้ำไม่ท่วมเข้าโครงการ)
ผมได้เรียนรู้ว่า : ถ้าเราสนใจโครงการไหน ให้ไปลองหากลุ่มลูกบ้านโครงการนั้นใน facebook ครับ เเล้วลองดูบทสนทนาในกลุ่ม เราจะพบปัญหาที่ลูกบ้านนำมาพูดคุยกัน เเต่เซลล์ไม่บอกเรา ข้อมูลตรงนี้ช่วยให้เราให้ประกอบการตัดสินใจได้ดีเลย ซึ่งเเน่นอน ตอนก่อนซื้อ ผมไม่รู้ว่ามีกลุ่มลูกบ้านใน facebook ครับ
- ถ้าเลือกแปลงที่ดินรั้วโครงการ ต้องดูดีๆ ว่ามีบ้านหรือชุมชนที่ติดกับรั้วภายนอกมั้ย ตอนนี้ผมเจอปัญหานอกรั้วโครงการมีแคมป์พนักงานก่อสร้าง จะมีเสียงดังบ้างในบางวัน หรือบางโครงการจะมีบ่อบำบัดในบริเวณท้ายๆของโครงการที่ติดกับบ้านเราได้ ตรงนี้อย่าลืมนำมาพิจารณาครับ
** หลังจากที่ผมพิจารณาอยู่สักพัก ผมก็คิดว่า ถ้าจะซื้อ ก็คงเป็นโครงการของสิริเพลส ตอนนั้นคิดในใจนะครับ หลังจากนั้นก็ขอนัดเซลล์เข้าไปดูอีกสองถึงสามรอบจำไม่ได้ เเต่ไม่วางเงินจองเลย ขอไปดูหลายๆแปลง ซึ่งตอนนั้นก็เลือกโครงการได้เเล้ว เเต่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกแปลง เพราะตอนนั้นคิดว่ายังไม่ซื้อ **
4. การเลือกแปลง
ก
รู้งี้ !! แบ่งบันประสบการณ์ทาวน์โฮมหลังแรก ตั้งเเต่การเลือกซื้อ ยื่นกู้ อยู่อาศัยจริงและการผ่อนชำระ จากประสบการณ์ตรง
1. เกริ่นนำ
ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นนำก่อนครับ เมื่อก่อนครอบครัวผมอยู่ใน จ.นนทบุรี เเต่พอผมกับน้องเข้ามหาวิทยาลัย พ่อกับเเม่ขายบ้าน เเล้วกลับไปอยู่ต่างจังหวัด ผมก็เลยใช้ชีวิตอยู่ในหอพักตลอดมา โดยหลังจากผมเรียนจบเเล้ว ได้ทำงานในองค์กรที่มีเส้นทางอาชีพ (Career Path) ที่ชัดเจนและมีความมั่นคงในการต่อสัญญาจ้างงาน ผมจึงคิดว่าตรงนี้อาจเป็นความโชคดีของผมที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการย้ายที่ทำงาน เนื่องจากส่วนตัวก็ตั้งใจว่าจะทำงานในองค์กรนี้ไปจนเกษียณอายุ พอเริ่มมีเงินเดือนทำงานมาประมาณ 4 เดือน เลยอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเอง เผื่ออนาคตมีครอบครัว แต่ลึกๆ เเล้วคือ อยากชวนพ่อกับเเม่มาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาเหมือนตอนเด็กๆ (ปัจจุบันพ่อกับเเม่ยังมีความสุขกับการใช้ชีวิตในต่างจังหวัด ยัางไม่ยอมมาอยู่ประจำ)
หลังจากที่มีความคิดว่าอยากจะซื้อบ้านหรือทาวน์โฮมเป็นของตนเอง ก็มีความลังเลใจและมีความกังวลใจหลายอย่าง เช่นกังวลว่ายังทำงานไม่นาน ไม่ถึง 1 ปี กลัวว่าเร็วไปมั้ยที่จะกู้ซื้อ กลัวว่ายังไม่เงินเก็บ กลัวขาดสภาพคล่องระหว่างเดือน กลัวว่าจะกู้ไม่ผ่าน หรือกลัวว่าการตัดสินใจเลือกโครงการจะผิดพลาด จริงๆก็มีความกังวลใจอีกหลายอย่าง จึงสรุปกับตัวเองว่า "จะซื้อแหละ เเต่คงไม่ใช่ตอนนี้" งั้นลองไปดูเล่นๆก่อนเเล้วกัน ระหว่างนี้หาข้อมูลไปเรื่อยๆ เก็บเงินไปเรื่อยๆ ค่อยตัดสินใจซื้อ จึงเริ่มเข้าสู่การเลือกทำเลและโครงการที่อยากได้
2. การเลือกโซนหรือทำเลของโครงการ
สำหรับการเลือกโซนที่ตั้งของโครงการ ผมพิจารณาจาก "ใครคือผู้อยู่อาศัยหลักจริงๆ" ซึ่งก็คือผม เลยจัดลำดับความสำคัญในการเลือกทำเลคือ
- อยากได้ใกล้ที่ทำงาน (ความเป็นจริงคือไม่ใกล้ เเต่ไม่ไกลมาก ในระดับที่รับได้) >> ที่ทำงานของผมอยู่ใกล้แยกศรีอยุธยา
- ไม่ไกลจากที่ทำงานแฟน >> อยู่ใกล้ๆ สะพานกรุงธน
- ไม่ไกลจากคอนโดน้อง >> หลักสี่
จึงพยายามหาทำเลที่ตอบโจทย์ของ 3 ข้อด้านบน จึงเลือกเป็นโซนจรัญ ปิ่นเกล้า ราชพฤกษ์ ถนนบางกรวย-จงถนอม พระราม 5 ระเเวกนี้ (ตอนนั้นเปิด google maps ดูว่า ถ้าโซนนี้ น่าจะใช้ถนนสิรินธรวิ่งไปสะพานกรุงธนได้ เเล้วก็วิ่งถนนราชวิถีเลยมาที่ทำงานผมได้ ไม่น่าเกิน 15-20 กิโลเมตร เเต่อาจไกลจากคอนโดน้องไปสักหน่อย)
หลังจากได้โซนที่ต้องการเเล้ว ก็ลองดูโครงการต่างๆในโซนนี้ โดยลองดูโครงการเเละราคาขายจากในอินเทอร์เน็ตก่อน (พอเราสนใจอะไร facebook รู้ใจเราเสมอ ยิง add ใส่ทุกวัน) พอลองค้นหาโครงการดูพบว่า ถ้าเป็น บ้านเดี่ยว หรือ บ้านแฝด มือหนึ่งในย่านนี้ ราคาค่อนข้างสูง (อยากได้บ้านที่มีพื้นที่รอบบ้าน นั่งเล่น ปลูกต้นไม้ได้) น่าจะผ่อนไม่ไหว งั้นเปลี่ยนเป็นทาวน์โฮมก็เเล้วกัน เเต่ขอเป็นแปลงมุมนะ จะได้พอมีพื้นที่ข้างบ้านบ้าง ดังนั้นบทสรุปคือ "ทาวน์โฮมแปลงมุม" ที่ต้องมีพื้นที่ข้างตัวบ้าน
จากนั้นจึงหาโครงการทาวน์โฮมที่อยู่ในย่านดังกล่าว โดยค้นหาในอินเทอร์เน็ตก่อน ถ้าราคาไม่เกินงบที่ตั้งไว้ ก็จะปักหมุดใน google maps แล้วดูระยะทางจากโครงการไปที่ทำงานแฟน ไปที่ทำงานผม ไปกลับเป็นระยะทางกี่กิโลเมตร ไปเส้นทางไหน เลยพยายามค้นหาโครงการต่างๆใน google ผมค้นเจอ เเค่ 2 โครงการคือ pleno จรัญ-ปิ่นเกล้า กับ the thamm ราชพฤกษ์-สิรินธร ดังนั้นจึงเริ่มติดต่อโครงการขอดู e-brochure เเละนัดหมายเข้าชมโครงการ เพื่อดูสถานที่จริงเเละเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อ จึงเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป
3. การเลือกโครงการ
ในตอนนั้นนัดหมายเซลล์ของโครงการ the thamm ไว้เพื่อเข้าไปดูบ้านตัวอย่าง หลังจากเข้าชมโครงการของ the thamm ระหว่างขับรถกลับ ได้ขับผ่านทางเข้าของโครงการหนึ่ง ซึ่งผมสะดุดตากับทางเข้ามาก ดูร่มรื่น ต้นไม้เยอะดี เลยตัดสินใจกลับรถเพื่อเข้าไปดูโครงการทันทีโดยที่ไม่ได้นัดหมาย ซึ่งโครงการนั้นคือ สิริเพลส จรัญ-ปิ่นเกล้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมได้เรียนรู้ว่า:
1. หากเราสนใจจะซื้อโครงการโซนไหน เราต้องให้เวลากับการเลือกโครงการเยอะๆ เเละจำเป็นอย่างมากที่ต้องขับรถมาดูในพื้นที่จริง โดยมีอีกหลายโครงการที่อาจเป็นโครงการสวยๆที่ตรงสเปคเรา แต่เราหาไม่เจอในอินเทอร์เน็ต เนื่องจากชื่อโครงการ สถานที่ต่างๆ มักไม่ตรงกับที่ตั้งจริง
2. วันที่เรามาเยี่ยมชมโครงการ หรือวนหาดูโครงการที่เราชอบ เรามักจะมาดูใน "วันหยุด" แต่ส่วนใหญ่เรามักจะขับรถออกจากบ้านในวันธรรมดาที่เป็นเวลาเร่งด่วน ดังนั้น การจราจรที่เราพบเจอในวันหยุด มันอาจไม่เหมือนกับวันธรรมดาก็ได้ (ซึ่งผมพบว่าวันที่ผมมาดูทีไร รถไม่เคยติดเลย ถนนโล่งมาก แต่พอได้มาอยู่จริง ผมต้องเจอกับปัญหาการจราจร ผมขอเรียกว่า "วงเวียนวัดใจ" เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังภายหลังนะครับ) ดังนั้นผมเเนะนำว่า ถ้าเป็นบ้านที่เราจะลงหลักปักฐาน ทางเข้าทางออก เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เราควรใช้เพื่อตัดสินใจ เเละลองขับรถเข้าออกโครงการในช่วงเวลาเร่งด่วน
หลังจากที่ได้ลองเข้าไปชมโครงการสิริเพลส ผมเลยสงสัยว่า เอ๊ะทำไมตอนที่ผมหาในอินเทอร์เน็ตถึงไม่เจอโครงการนี้นะ หลังจากเข้าไปเยี่ยมชมดูบ้านตัวอย่างหลายๆ โครงการ ผมจะพยายามกลับมาหาข้อมูลว่าผู้พัฒนาของเเต่ละโครงการคือใคร เเละพยายามหาดูผลงานเก่าๆของเค้า เเละรีวิวจากลูกค้า ซึ่งเเต่ละโครงการก็มีจุดเด่นที่เเตกต่างกันออกไป ตรงนี้ขอไม่ลงรายละเอียดนะครับ แต่ผมจะขอเล่าว่าอะไรบ้างที่ผมใช้เป็นปัจจัยในการตัดสินใจ และปัจจัยเหล่านั้น พอได้มาอยู่จริงเเล้วเหมือนที่คิดไว้ตอนเเรกหรือป่าว
- ปัจจัยเเรก เเน่นอนครับ ต้องเป็นเรื่องของราคาขายที่ไม่เกินกำลังผ่อนชำระของผม
- ปัจจัยที่สองคือนิติบุคคล โดยผมจะถามเซลล์เสมอว่า ถ้าขายหมดเเล้วยังดูเเลลูกบ้านต่อมั้ย หรือให้ลูกบ้านบริหารจัดการกันเอง ซึ่งผมมองหาโครงการที่มีนิติบุคคลที่จัดการโดยบริษัทของโครงการ หรือมีฝ่ายจัดการ โดยที่ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับการเลือกตั้งนิติหรือกรรมการหมู่บ้านเอง (ผมเห็นปัญหาเรื่องการเลือกตั้ง การบริหารจัดการกันเองภายในหมู่บ้านเเล้วดูน่าปวดหัวมาก บางหมู่บ้านต้องมานั่งเก็บค่าส่วนกลางกันเองหรือจ้างพนักงานสวน พนักงานรักษาความปลอดภัยเอง) ดังนั้นปัจจัยเเรกคือ ต้องมีนิติบุคคลที่ดูเเลลูกบ้านตลอด
- ปัจจัยต่อมาคือเรื่องของจำนวนที่จอดรถหน้าบ้าน บางโครงการจอดได้คันเดียว บางโครงการจอดได้ 2 คัน เวลาไปเยี่ยมชมโครงการ ผมก็จะเห็นปัญหามีรถมาจอดในซอยหรือถนนหลักของโครงการ ในทุกโครงการเลย ตรงนี้ก็ทำใจไว้ก่อนเเล้วว่าปัญหาเรื่องการจอดรถบนถนนคงเลี่ยงไม่ได้ เเต่ถ้าเลือกโครงการที่มีที่จอด 2 คันน่าจะดีกว่า (ความเป็นจริงคือ ถ้าคนมันจะไม่จอดในบ้าน พื้นที่ในบ้านว่างเเค่ไหน มันก็จะจอดบนถนนโครงการอยู่ดี)
- ปัจจัยต่อมาคือจากโจทย์ที่ผมอยากได้ ทาวน์โฮม แปลงมุม พื้นที่ด้านข้างบ้านก็มีส่วนในการตัดสินใจเลือกโครงการ ซึ่งหากพื้นที่ยิ่งมากขึ้น ราคาก็ยิ่งสูงขึ้นเช่นกัน
- ปัจจัยต่อมาคือ ผมอยากได้โครงการที่มีห้องนอนชั้น 1 ตรงนี้คิดเผื่อไว้เลยว่าถ้าอนาคต พ่อเเม่ยอมมาอยู่กับผม เเล้วพ่อเเม่ป่วยหรือเเก่ลง อาจเดินขึ้นลงบันไดไม่สะดวก ห้องนอนชั้น 1 น่าจะตอบโจทย์ (เเต่พอได้มาอยู่จริง ก็ต้องเเลกมากับพื้นที่นั่งเล่นกับพื้นที่กินข้าวที่เล็กลง)
- ปัจจัยต่อมาคือระยะทางจากโครงการไปถึงที่ทำงาน ซึ่งตอนนั้นคิดเเค่ระยะทางออกมาเป็นกิโลเมตร เเต่ลืมคิดว่าทางเข้าทางออกมีส่วนสำคัญเช่นกัน ต้องรีวิวทางเข้าทางออก การจราจรของถนนเส้นนั้นดีๆ
- ทุกท่านจะเห็นว่า เรื่องแบบบ้าน โทนสี ไม่ได้อยู่ในปัจจัยที่ผมใช้เลือกเลย เพราะผมเห็นว่ามันสวยทุกโครงการเลย 5555 ไม่มีมุมมองทางศิลปะจริงๆ พอไปดูโครงการ โครงการนี้ก็สวย โครงการนั้นก็สวย
โดยปัจจัยด้านบนคือปัจจัยที่ใช้เลือกโครงการในความคิดตอนก่อนซื้อ ซึ่งหลังจากได้มาเข้าอยู่ ผมพบว่ามีอีกหลายปัจจัยที่ควรใช้พิจารณาด้วย เเต่ตอนนั้นไม่รู้เช่น
- ควรเลือกโครงการที่ พื้นที่ด้านหลังบ้าน ลงเสาเข็มที่มีความยาวเท่ากับตัวบ้าน อนาคตเวลาต่อเติมครัวเราจะประหยัดค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้เยอะ (ตอนก่อนซื้อไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย เข้าใจว่าถ้าจะต่อเติม ก็ใช้ช่างขึ้นหลังคา ก่อผนังต่อเติมได้เลย เเต่ความเป็นจริงหากไม่ลงเสาเข็มอาจมีปัญหาทรุดตัวตามมาภายหลัง ตรงนี้เป็นความโชคดีที่โครงการที่ผมเลือก เค้าลงเสาเข็มไว้เเล้ว)
- วัสดุต่างๆ ก็สำคัญ เช่นบางโครงการเป็นอิฐเเดง อิฐมวลเบาหรือผนังสำเร็จ (precast) มันก็จะมีข้อดีข้อเสียต่างกัน โดยโครงการที่ผมเลือก ใช้เป็นผนัง precast ข้อดีที่ผมเจอคือ ไม่มีเสาบ้าน ผนังเรียบตลอด เนื่องจากตัวผนังทำหน้าที่รับน้ำหนัก มารู้จักผนัง precast ตอนที่ให้ช่างมาติดแอร์ เเล้วช่างถามว่าผนังบ้านเป็นผนังสำเร็จหรือก่ออิฐ ตอนนั้นไม่รู้ เลยต้องไปถามโครงการต่อ ซึ่งพบว่าใช้เวลาเจาะผนังนานมากกว่าจะทะลุ เเละพบปัญหาสีหลุดร่อนระหว่างเจาะด้วย สีหรือวัสดุปูพื้นก็สำคัญครับ บ้านผมสีภายในเช็ดล้างไม่ได้ เเละเลอะง่าย
- เวลาเลือกโครงการ อย่าลืมเปิดแผนที่ดู ว่ารอบๆโครงการที่เราสนใจ มีคลอง เเม่น้ำเยอะหรือป่าว ไม่งั้นช่วงฝนตกหนักๆ เจอปัญหาน้ำท่วมหรือน้ำดันเข้าโครงการเเน่ๆ (ซึ่งผมโชคดีที่ช่วงน้ำเยอะๆ หรือช่วงน้ำหนุนที่ผ่านมา น้ำไม่ท่วมเข้าโครงการ)
ผมได้เรียนรู้ว่า : ถ้าเราสนใจโครงการไหน ให้ไปลองหากลุ่มลูกบ้านโครงการนั้นใน facebook ครับ เเล้วลองดูบทสนทนาในกลุ่ม เราจะพบปัญหาที่ลูกบ้านนำมาพูดคุยกัน เเต่เซลล์ไม่บอกเรา ข้อมูลตรงนี้ช่วยให้เราให้ประกอบการตัดสินใจได้ดีเลย ซึ่งเเน่นอน ตอนก่อนซื้อ ผมไม่รู้ว่ามีกลุ่มลูกบ้านใน facebook ครับ
- ถ้าเลือกแปลงที่ดินรั้วโครงการ ต้องดูดีๆ ว่ามีบ้านหรือชุมชนที่ติดกับรั้วภายนอกมั้ย ตอนนี้ผมเจอปัญหานอกรั้วโครงการมีแคมป์พนักงานก่อสร้าง จะมีเสียงดังบ้างในบางวัน หรือบางโครงการจะมีบ่อบำบัดในบริเวณท้ายๆของโครงการที่ติดกับบ้านเราได้ ตรงนี้อย่าลืมนำมาพิจารณาครับ
** หลังจากที่ผมพิจารณาอยู่สักพัก ผมก็คิดว่า ถ้าจะซื้อ ก็คงเป็นโครงการของสิริเพลส ตอนนั้นคิดในใจนะครับ หลังจากนั้นก็ขอนัดเซลล์เข้าไปดูอีกสองถึงสามรอบจำไม่ได้ เเต่ไม่วางเงินจองเลย ขอไปดูหลายๆแปลง ซึ่งตอนนั้นก็เลือกโครงการได้เเล้ว เเต่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกแปลง เพราะตอนนั้นคิดว่ายังไม่ซื้อ **
4. การเลือกแปลง
ก