‘ยิ่งลักษณ์’ ทวีตเสียใจเหตุโศกนาฏกรรม ‘อิแทวอน’
https://www.matichon.co.th/politics/news_3646616
‘ยิ่งลักษณ์’ ทวีตเสียใจเหตุโศกนาฏกรรม ‘อิแทวอน’
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม น.ส.
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ระบุว่า
“ดิฉันรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมากจากกรณีเหตุโศกนาฏกรรมอิแทวอนในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในช่วงเทศกาลฮาโลวีน
ดิฉันขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้สูญเสียทั้งที่เป็นคนเกาหลีใต้รวมถึงคนไทยในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยค่ะ #อิแทวอน”
‘เพื่อไทย’ ตีตกร่าง กม.กัญชา แน่นอน ‘สมคิด’ เผย ‘ชวน’ นัดถกวิป 2 ฝ่าย 1 พ.ย.นี้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3646525
‘เพื่อไทย’ ยันตีตกร่าง กม.กัญชา ‘สมคิด’ เผย ‘ชวน’ นัดถกวิป 2 ฝ่าย 1 พ.ย.นี้ บอก ปชป.อย่ากลับลำ หากกลับลำตอนหาเสียงลำบากแน่
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม นาย
สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เวลา 10.00 น. นาย
ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้นัดวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านเพื่อหารือกันว่าจะบรรจุร่างกฎหมายใดเข้าสู่ระเบียบวาระบ้างหลังเปิดสมัยประชุมสภา สมัยสามัญ ซึ่งมีร่างกฎหมายที่ค้างเดิมอยู่คือเรื่องที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว คือร่างพระราชบัญญญัติ (พ.ร.บ.) สรรพสามิต (ฉบับที่…) พ.ศ. … หรือร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณา ส่วนร่าง พ.ร.บ.กัญชง กัญชา (ฉบับที่…) พ.ศ. … นั้น คาดว่ายังอยู่ระหว่างการศึกษาของ กมธ. ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้แจ้งเข้ามาว่าเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมทันหรือไม่
“พรรคเพื่อไทยยืนยันชัดเจนว่าจะไม่ผ่านร่าง พ.ร.บ.กัญชาให้อย่างแน่นอน ตราบใดที่ยังไม่มีกฎหมายออกมาควบคุมอย่างรัดกุม รวมทั้งต้องมีช่องทาง หรือมาตรการที่ป้องกันเยาวชนเข้าถึงกัญชาด้วย วันนี้รัฐบาลต้องออกเป็นกฎกระทรวงมาควบคุม เพราะเรื่องกัญชาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ทุกวันนี้เยาวชนสูบกัญชากันเยอะมากเพราะเข้าถึงง่าย
“ส่วนที่พูดว่ากัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจนั้น พวกท่านต้องตอบให้ชัดว่าประชาชน หรือผู้ที่ปลูกได้ประโยชน์อย่างไร ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่บอกว่าไม่สนับสนุนเรื่องนี้ หากท่านกลับลำก็คงจะตอบพี่น้องประชาชนในช่วงหาเสียงเลือกตั้งลำบากแน่” นายสมคิดกล่าว
‘อดีตขุนคลัง’ ไม่เห็นด้วยให้ต่างชาติซื้อที่ดิน ชี้ปชช.ไม่ได้ประโยชน์ เผยมีมากสุดกว่า 6 แสนไร่เกือบเท่าภูเก็ต 2 จังหวัด
https://www.matichon.co.th/economy/news_3646584
“อดีตขุนคลัง” ไม่เห็นด้วยให้ต่างชาติซื้อที่ดิน แค่อุ้มนายทุน ปชช.ไม่ได้ประโยชน์ เผยผู้ถือครองมากสุดกว่า 6 แสนไร่เกือบเท่าภูเก็ต 2 จังหวัดมาต่อกัน
จากกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา เรื่องให้ต่างชาติถือครองที่ดินในไทยได้จำนวน 1 ไร่ แลกกับการลงทุนขั้นต่ำ 40 ล้านบาทเป็นระยะเวลา 3 ปีนั้น
ล่าสุด นาย
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตีว่าการกระทรวงการตลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เพื่อแสดงความคิดเห็นเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า ขายที่ดินให้ต่างชาติ คือกระตุ้นเศรษฐกิจ? หรือขายชาติ? ว่า ส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ และไม่เห็นด้วยกับข้อคิดของคุณกรณ์ จาติกวนิช ด้วยเหตุผลต่อไปนี้
1. การอ้างว่าเป็นการแลกกับการลงทุนในไทยขั้นต่ำ 40 ล้านบาทนั้น ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการลงทุนในลักษณะของ Foreign Direct Investment ที่เงินทุนมาพร้อมกับเทคโนโลยี พร้อมการจ้างงาน พร้อมยี่ห้อและการตลาดส่งออก แต่ผลในข้อเท็จจริง เป็นเพียงการขายที่ดิน เพียงแต่ตั้งระดับวงเงินให้เป็นที่ดินราคาสูง และเพียงแต่ยังไม่เปิดให้ซื้อที่ดินเกษตรกรรม
2. ความหวังที่จะให้คนต่างชาติ นำเอาทักษะความรู้ความสามารถของเขา มาสร้างงานสร้างโอกาสในไทย นั้น ขณะนี้มีโครงการดึงดูดบุคลากรที่มีความรู้เฉพาะด้าน ที่กำลังดำเนินการอยู่แล้ว โครงการให้ต่างชาติซื้อที่ดินนั้น ไม่ได้คัดเลือกต่างชาติที่มีความรู้หรือมีทักษะ แต่เลือกต่างชาติที่ฐานะร่ำรวยเป็นสำคัญ ทั้งที่การเปิดให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้น ทำได้อยู่แล้วในรูปแบบคอนโดมีเนียม โดยจะทำให้เลิศหรูแพงแค่ไหนก็ได้จึงไม่ควรเอาสองเรื่องที่มีวัตถุประสงค์แตกต่างกันไปปะปนกัน
3. ประเทศตะวันตกที่เปิดให้ต่างชาติซื้อบ้านและที่ดินได้อย่างเสรีนั้น ส่วนใหญ่รอให้มีการพัฒนาประเทศจนมีความก้าวหน้าระดับหนึ่งเสียก่อน และบางประเทศจะทำการปฏิรูปเพื่อกระจายการถือครองที่ดินก่อนด้วย
กล่าวคือ ทำให้ประเทศมีความก้าวหน้า จนกระทั่งประชาชนในชาติมีระดับเงินเดือนและค่าแรงสูงขึ้นเสียก่อน เพื่อปล่อยให้ราคาอสังหาริมทรัพย์โดยรวมปรับตัวสูงขึ้นไปก่อนตามกำลังซื้อของคนในชาติ
การเปิดเสรีให้ต่างชาติซื้อได้ ภายหลังจากคนท้องถิ่นได้มีโอกาสพัฒนาฝีมือทักษะ จนเงินเดือนค่าแรงสูงขึ้นไปพอควรแล้ว นั้น จึงจะเป็นธรรมทั้งแก่คนท้องถิ่นและคนต่างชาติ
แต่การเปิดเสรีในขณะที่การพัฒนาประเทศยังไม่คืบหน้า ในขณะที่กำลังซื้อส่วนใหญ่ยังอยู่ในมืออภิมหาเศรษฐีติดอันดับโลกเพียงหยิบมือ นั้น เป็นมาตรการเพื่ออุ้มเอื้อประโยชน์ให้แก่อภิมหาเศรษฐีโดยตรง ซึ่งหลายคนอาจเป็นนายทุนของบางพรรค
กรณีรัฐบาลพลเอกประยุทธ์นั้น ถูกวิจารณ์ว่าเชื้อเชิญอภิมหานายทุนให้เข้ามาช่วยขับเคลื่อนรัฐบาลมาหลายปีแล้ว การกำหนดนโยบายต่างๆ ซึ่งยาวนานเกินแปดปีไปแล้ว ก็เกิดผลเป็นการกระจุกโครงการที่อุ้มเอื้อนายทุน
ดังนั้น นโยบายปิดท้ายนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจึงเป็นเสมือนการเอาสมบัติคุณทวดมาเลหลังขายถูก ถามว่าประชาชนทั่วไปได้อะไร?
4.พลเอกประยุทธ์อาจจะไปเปรียบเทียบกับโครงการของประเทศยุโรป เช่น รูป 2 โปรตุเกสเปิดให้ต่างชาติขอพำนักระยะยาว โดยต้องโอนเงินเข้าธนาคาร 1.5 ล้านยูโรขึ้นไปหรือนำไปลงทุนตามที่รัฐเห็นชอบ หรือเอาเงินเข้าไปลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่นั่นไม่น้อยกว่า 5 แสนยูโร เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี
รูป 3 หรือลงทุน 5 แสนยูโรในโครงการที่พัฒนาเทคโนโลยี หรือลงทุน 2.5 แสนยูโรในโครงการเพื่อวัฒนธรรมของชาติหรือซื้อที่อยู่อาศัยมูลค่าไม่ต่ำกว่า 5 แสนยูโร รูป 4 หรือซื้อเพื่อปรับปรุงที่อยู่อาศัยอายุเกิน 30 ปี มูลค่าไม่ต่ำกว่า 3.5 แสนยูโรหรือในด้านธุรกิจ มีการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 10 ตำแหน่ง หรือลงทุน 5 แสนยูโรในกิจการที่จ้างงานไม่น้อยกว่า 5 ตำแหน่งเป็นเวลา 3 ปี รูป 5 กรีซเปิดให้ต่างชาติขอพำนักระยะยาว โดยต้องซื้อที่อยู่อาศัยมูลค่า 2.5 แสนยูโร สามารถขอสัญชาติกรีกได้เมื่อพ้น 7 ปี
5.แต่กรณียุโรปนั้น ส่วนใหญ่ได้มีการพัฒนาประเทศจนระดับรายได้ของพลเมืองขึ้นไปสูงเท่าที่จะทำได้แล้ว และขณะนี้ ยุโรปใต้ดังตัวอย่างสองประเทศนี้ กำลังเผชิญปัญหาไม่สามารถแข่งขันกับยุโรปเหนือได้ภายในกรอบค่าเงินยูโรเดียวกันยุโรปใต้จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเอาของเก่ามาขายกิน หวังว่าโครงการทำนองนี้จะนำคนต่างชาติเข้ามาช่วยแก้ปัญหาว่างงาน
6.ในทางกลับกัน ประเทศไทยยังไม่ได้กระจายความเจริญและอำนาจทางเศรษฐกิจ ให้ออกจากมืออภิมหาเศรษฐี เพื่อไปให้ประชาชนอย่างกว้างขวาง
นอกจากนี้ ไทยใช้สกุลเงินอิสระ มิใช่ผูกค่ากับสกุลรวมอันกระทบความสามารถในการแข่งขัน
รวมทั้งไทยยังมีศักยภาพที่พัฒนาชุมชนให้ปรับตัวแข่งขันในพลวัตโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงได้ รัฐจึงควรทำนโยบาย เพื่อเพิ่มความเก่ง เพิ่มโอกาส ให้แก่คนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ มากกว่าขายสมบัติเจ้าคุณทวดเช่นนี้
ในความเห็นของผม …
นโยบายที่ลำเอียง ที่ไม่ได้ให้ประโยชน์แก่ประชาชนกว้างขวาง ที่อุ้มเอื้ออภิมหานายทุนที่จะทำโครงการขายที่ดินให้ต่างชาติ ที่เป็นการตัดโอกาสคนรุ่นใหม่ที่จะสร้างครอบครัวในอนาคต …
โครงการในลักษณะนี้ ไม่ควรแซนด์บ็อกซ์ 5 ปี
แค่คิดเพียง 1 วัน ก็ผิดเสียแล้ว!
วันที่ 30 ตุลาคม 2565
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
อย่างไรก็ตาม วันเดียวกันนี้ นาย
ธีระชัย ยังได้โพสต์ข้อความอีกว่า ถึงเวลาปฏิรูปเพื่อกระจายการถือครองที่ดินถามว่า นโยบายขายที่ดินให้ต่างชาติ จะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนกว้างขวาง หรือแก่คนหยิบมือเดียว ในขณะที่ทำให้คนรุ่นใหม่ซื้อที่อยู่อาศัยสร้างครอบครัวได้ยากขึ้น?
รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาที่ดินและการออกเอกสารสิทธิในที่ดิน สภาผู้แทนราษฎร
กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักกรรมาธิการ 3 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ส่งประธานสภาเมื่อวันที่ 19 ม.ค.2565 ลงนามโดยนาย
ประภัตร โพธสุธน
หน้า 83 ประเด็นเรื่องการกระจุกตัวของโฉนดที่ดิน พบว่า
ที่ดินที่ผู้ครอบครองเกิน 50 ไร่ มีเพียง 44,931 คน (บุคคลธรรมดาและ/หรือนิติบุคคล)
ถ้าคิดประเทศไทยมี 66 ล้านคน คนที่มีที่ดินเกินกว่า 50 ไร่ คิดเป็น ร้อยละประมาณ 0.06 เท่านั้น ถือว่ากระจุกตัว
ทั้งนี้ อาจารย์ผาสุข เคยวิจัยเรื่องภาษี ระบุว่า ผู้ที่กักตุนที่ดินมากที่สุด มีประมาณ 6 แสนไร่ โดยถือในชื่อบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
ข้อมูลจากงานวิจัย ‘รวยกระจุก จนกระจาย: ความเหลื่อมล้ำกับการปฏิรูปภาษีที่ดิน’ ของ รศ.ดร.ดวงมณี เลาวกุล
“บุคคลที่ถือครองที่ดินมากที่สุดมีที่ดิน 631,263 ไร่ หรือเกือบใกล้เคียงพื้นที่ของจังหวัดภูเก็ตสองจังหวัดต่อกัน ขณะที่ผู้ถือครองเล็กที่สุดมีเพียงแค่ 1 ตารางวาเท่านั้น”
วันที่ 30 ตุลาคม 2565
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
Facebook Thirachai Phuvanatnaranubala
(เครดิตภาพตามแหล่งที่แสดงชื่อ)
หมายเหตุ: การกล่าวถึงชื่อบุคคลใดมิใช่เป็นการกล่าวหากระทำความผิด แต่เป็นเพื่อประกอบการบรรยายทางวิชาการเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
JJNY : 5in1 ‘ยิ่งลักษณ์’ทวีตเสียใจ|พท.ตีตกร่างกม.กัญชา|อดีตขุนคลังไม่เห็นด้วย|หวยออนไลน์อืด|กรุงเทพเสียใจ อิแทวอน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3646616
‘ยิ่งลักษณ์’ ทวีตเสียใจเหตุโศกนาฏกรรม ‘อิแทวอน’
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ระบุว่า
“ดิฉันรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมากจากกรณีเหตุโศกนาฏกรรมอิแทวอนในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในช่วงเทศกาลฮาโลวีน
ดิฉันขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้สูญเสียทั้งที่เป็นคนเกาหลีใต้รวมถึงคนไทยในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยค่ะ #อิแทวอน”
‘เพื่อไทย’ ตีตกร่าง กม.กัญชา แน่นอน ‘สมคิด’ เผย ‘ชวน’ นัดถกวิป 2 ฝ่าย 1 พ.ย.นี้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3646525
‘เพื่อไทย’ ยันตีตกร่าง กม.กัญชา ‘สมคิด’ เผย ‘ชวน’ นัดถกวิป 2 ฝ่าย 1 พ.ย.นี้ บอก ปชป.อย่ากลับลำ หากกลับลำตอนหาเสียงลำบากแน่
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เวลา 10.00 น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้นัดวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านเพื่อหารือกันว่าจะบรรจุร่างกฎหมายใดเข้าสู่ระเบียบวาระบ้างหลังเปิดสมัยประชุมสภา สมัยสามัญ ซึ่งมีร่างกฎหมายที่ค้างเดิมอยู่คือเรื่องที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว คือร่างพระราชบัญญญัติ (พ.ร.บ.) สรรพสามิต (ฉบับที่…) พ.ศ. … หรือร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณา ส่วนร่าง พ.ร.บ.กัญชง กัญชา (ฉบับที่…) พ.ศ. … นั้น คาดว่ายังอยู่ระหว่างการศึกษาของ กมธ. ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้แจ้งเข้ามาว่าเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมทันหรือไม่
“พรรคเพื่อไทยยืนยันชัดเจนว่าจะไม่ผ่านร่าง พ.ร.บ.กัญชาให้อย่างแน่นอน ตราบใดที่ยังไม่มีกฎหมายออกมาควบคุมอย่างรัดกุม รวมทั้งต้องมีช่องทาง หรือมาตรการที่ป้องกันเยาวชนเข้าถึงกัญชาด้วย วันนี้รัฐบาลต้องออกเป็นกฎกระทรวงมาควบคุม เพราะเรื่องกัญชาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ทุกวันนี้เยาวชนสูบกัญชากันเยอะมากเพราะเข้าถึงง่าย
‘อดีตขุนคลัง’ ไม่เห็นด้วยให้ต่างชาติซื้อที่ดิน ชี้ปชช.ไม่ได้ประโยชน์ เผยมีมากสุดกว่า 6 แสนไร่เกือบเท่าภูเก็ต 2 จังหวัด
https://www.matichon.co.th/economy/news_3646584
“อดีตขุนคลัง” ไม่เห็นด้วยให้ต่างชาติซื้อที่ดิน แค่อุ้มนายทุน ปชช.ไม่ได้ประโยชน์ เผยผู้ถือครองมากสุดกว่า 6 แสนไร่เกือบเท่าภูเก็ต 2 จังหวัดมาต่อกัน
จากกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา เรื่องให้ต่างชาติถือครองที่ดินในไทยได้จำนวน 1 ไร่ แลกกับการลงทุนขั้นต่ำ 40 ล้านบาทเป็นระยะเวลา 3 ปีนั้น
ล่าสุด นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตีว่าการกระทรวงการตลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เพื่อแสดงความคิดเห็นเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า ขายที่ดินให้ต่างชาติ คือกระตุ้นเศรษฐกิจ? หรือขายชาติ? ว่า ส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ และไม่เห็นด้วยกับข้อคิดของคุณกรณ์ จาติกวนิช ด้วยเหตุผลต่อไปนี้
1. การอ้างว่าเป็นการแลกกับการลงทุนในไทยขั้นต่ำ 40 ล้านบาทนั้น ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการลงทุนในลักษณะของ Foreign Direct Investment ที่เงินทุนมาพร้อมกับเทคโนโลยี พร้อมการจ้างงาน พร้อมยี่ห้อและการตลาดส่งออก แต่ผลในข้อเท็จจริง เป็นเพียงการขายที่ดิน เพียงแต่ตั้งระดับวงเงินให้เป็นที่ดินราคาสูง และเพียงแต่ยังไม่เปิดให้ซื้อที่ดินเกษตรกรรม
2. ความหวังที่จะให้คนต่างชาติ นำเอาทักษะความรู้ความสามารถของเขา มาสร้างงานสร้างโอกาสในไทย นั้น ขณะนี้มีโครงการดึงดูดบุคลากรที่มีความรู้เฉพาะด้าน ที่กำลังดำเนินการอยู่แล้ว โครงการให้ต่างชาติซื้อที่ดินนั้น ไม่ได้คัดเลือกต่างชาติที่มีความรู้หรือมีทักษะ แต่เลือกต่างชาติที่ฐานะร่ำรวยเป็นสำคัญ ทั้งที่การเปิดให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้น ทำได้อยู่แล้วในรูปแบบคอนโดมีเนียม โดยจะทำให้เลิศหรูแพงแค่ไหนก็ได้จึงไม่ควรเอาสองเรื่องที่มีวัตถุประสงค์แตกต่างกันไปปะปนกัน
3. ประเทศตะวันตกที่เปิดให้ต่างชาติซื้อบ้านและที่ดินได้อย่างเสรีนั้น ส่วนใหญ่รอให้มีการพัฒนาประเทศจนมีความก้าวหน้าระดับหนึ่งเสียก่อน และบางประเทศจะทำการปฏิรูปเพื่อกระจายการถือครองที่ดินก่อนด้วย
กล่าวคือ ทำให้ประเทศมีความก้าวหน้า จนกระทั่งประชาชนในชาติมีระดับเงินเดือนและค่าแรงสูงขึ้นเสียก่อน เพื่อปล่อยให้ราคาอสังหาริมทรัพย์โดยรวมปรับตัวสูงขึ้นไปก่อนตามกำลังซื้อของคนในชาติ
การเปิดเสรีให้ต่างชาติซื้อได้ ภายหลังจากคนท้องถิ่นได้มีโอกาสพัฒนาฝีมือทักษะ จนเงินเดือนค่าแรงสูงขึ้นไปพอควรแล้ว นั้น จึงจะเป็นธรรมทั้งแก่คนท้องถิ่นและคนต่างชาติ
แต่การเปิดเสรีในขณะที่การพัฒนาประเทศยังไม่คืบหน้า ในขณะที่กำลังซื้อส่วนใหญ่ยังอยู่ในมืออภิมหาเศรษฐีติดอันดับโลกเพียงหยิบมือ นั้น เป็นมาตรการเพื่ออุ้มเอื้อประโยชน์ให้แก่อภิมหาเศรษฐีโดยตรง ซึ่งหลายคนอาจเป็นนายทุนของบางพรรค
กรณีรัฐบาลพลเอกประยุทธ์นั้น ถูกวิจารณ์ว่าเชื้อเชิญอภิมหานายทุนให้เข้ามาช่วยขับเคลื่อนรัฐบาลมาหลายปีแล้ว การกำหนดนโยบายต่างๆ ซึ่งยาวนานเกินแปดปีไปแล้ว ก็เกิดผลเป็นการกระจุกโครงการที่อุ้มเอื้อนายทุน
ดังนั้น นโยบายปิดท้ายนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจึงเป็นเสมือนการเอาสมบัติคุณทวดมาเลหลังขายถูก ถามว่าประชาชนทั่วไปได้อะไร?
4.พลเอกประยุทธ์อาจจะไปเปรียบเทียบกับโครงการของประเทศยุโรป เช่น รูป 2 โปรตุเกสเปิดให้ต่างชาติขอพำนักระยะยาว โดยต้องโอนเงินเข้าธนาคาร 1.5 ล้านยูโรขึ้นไปหรือนำไปลงทุนตามที่รัฐเห็นชอบ หรือเอาเงินเข้าไปลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่นั่นไม่น้อยกว่า 5 แสนยูโร เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี
รูป 3 หรือลงทุน 5 แสนยูโรในโครงการที่พัฒนาเทคโนโลยี หรือลงทุน 2.5 แสนยูโรในโครงการเพื่อวัฒนธรรมของชาติหรือซื้อที่อยู่อาศัยมูลค่าไม่ต่ำกว่า 5 แสนยูโร รูป 4 หรือซื้อเพื่อปรับปรุงที่อยู่อาศัยอายุเกิน 30 ปี มูลค่าไม่ต่ำกว่า 3.5 แสนยูโรหรือในด้านธุรกิจ มีการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 10 ตำแหน่ง หรือลงทุน 5 แสนยูโรในกิจการที่จ้างงานไม่น้อยกว่า 5 ตำแหน่งเป็นเวลา 3 ปี รูป 5 กรีซเปิดให้ต่างชาติขอพำนักระยะยาว โดยต้องซื้อที่อยู่อาศัยมูลค่า 2.5 แสนยูโร สามารถขอสัญชาติกรีกได้เมื่อพ้น 7 ปี
5.แต่กรณียุโรปนั้น ส่วนใหญ่ได้มีการพัฒนาประเทศจนระดับรายได้ของพลเมืองขึ้นไปสูงเท่าที่จะทำได้แล้ว และขณะนี้ ยุโรปใต้ดังตัวอย่างสองประเทศนี้ กำลังเผชิญปัญหาไม่สามารถแข่งขันกับยุโรปเหนือได้ภายในกรอบค่าเงินยูโรเดียวกันยุโรปใต้จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเอาของเก่ามาขายกิน หวังว่าโครงการทำนองนี้จะนำคนต่างชาติเข้ามาช่วยแก้ปัญหาว่างงาน
6.ในทางกลับกัน ประเทศไทยยังไม่ได้กระจายความเจริญและอำนาจทางเศรษฐกิจ ให้ออกจากมืออภิมหาเศรษฐี เพื่อไปให้ประชาชนอย่างกว้างขวาง
นอกจากนี้ ไทยใช้สกุลเงินอิสระ มิใช่ผูกค่ากับสกุลรวมอันกระทบความสามารถในการแข่งขัน
รวมทั้งไทยยังมีศักยภาพที่พัฒนาชุมชนให้ปรับตัวแข่งขันในพลวัตโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงได้ รัฐจึงควรทำนโยบาย เพื่อเพิ่มความเก่ง เพิ่มโอกาส ให้แก่คนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ มากกว่าขายสมบัติเจ้าคุณทวดเช่นนี้
ในความเห็นของผม …
นโยบายที่ลำเอียง ที่ไม่ได้ให้ประโยชน์แก่ประชาชนกว้างขวาง ที่อุ้มเอื้ออภิมหานายทุนที่จะทำโครงการขายที่ดินให้ต่างชาติ ที่เป็นการตัดโอกาสคนรุ่นใหม่ที่จะสร้างครอบครัวในอนาคต …
โครงการในลักษณะนี้ ไม่ควรแซนด์บ็อกซ์ 5 ปี
แค่คิดเพียง 1 วัน ก็ผิดเสียแล้ว!
วันที่ 30 ตุลาคม 2565
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
อย่างไรก็ตาม วันเดียวกันนี้ นายธีระชัย ยังได้โพสต์ข้อความอีกว่า ถึงเวลาปฏิรูปเพื่อกระจายการถือครองที่ดินถามว่า นโยบายขายที่ดินให้ต่างชาติ จะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนกว้างขวาง หรือแก่คนหยิบมือเดียว ในขณะที่ทำให้คนรุ่นใหม่ซื้อที่อยู่อาศัยสร้างครอบครัวได้ยากขึ้น?
รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาที่ดินและการออกเอกสารสิทธิในที่ดิน สภาผู้แทนราษฎร
กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักกรรมาธิการ 3 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ส่งประธานสภาเมื่อวันที่ 19 ม.ค.2565 ลงนามโดยนายประภัตร โพธสุธน
หน้า 83 ประเด็นเรื่องการกระจุกตัวของโฉนดที่ดิน พบว่า
ที่ดินที่ผู้ครอบครองเกิน 50 ไร่ มีเพียง 44,931 คน (บุคคลธรรมดาและ/หรือนิติบุคคล)
ถ้าคิดประเทศไทยมี 66 ล้านคน คนที่มีที่ดินเกินกว่า 50 ไร่ คิดเป็น ร้อยละประมาณ 0.06 เท่านั้น ถือว่ากระจุกตัว
ทั้งนี้ อาจารย์ผาสุข เคยวิจัยเรื่องภาษี ระบุว่า ผู้ที่กักตุนที่ดินมากที่สุด มีประมาณ 6 แสนไร่ โดยถือในชื่อบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
ข้อมูลจากงานวิจัย ‘รวยกระจุก จนกระจาย: ความเหลื่อมล้ำกับการปฏิรูปภาษีที่ดิน’ ของ รศ.ดร.ดวงมณี เลาวกุล
“บุคคลที่ถือครองที่ดินมากที่สุดมีที่ดิน 631,263 ไร่ หรือเกือบใกล้เคียงพื้นที่ของจังหวัดภูเก็ตสองจังหวัดต่อกัน ขณะที่ผู้ถือครองเล็กที่สุดมีเพียงแค่ 1 ตารางวาเท่านั้น”
วันที่ 30 ตุลาคม 2565
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
Facebook Thirachai Phuvanatnaranubala
(เครดิตภาพตามแหล่งที่แสดงชื่อ)
หมายเหตุ: การกล่าวถึงชื่อบุคคลใดมิใช่เป็นการกล่าวหากระทำความผิด แต่เป็นเพื่อประกอบการบรรยายทางวิชาการเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ