ข่าวคราวเงียบหายไป 2-3 ปี กับการไม่ได้ออกไปท่องโลกมันช่างน่าอึดอัดกระไรยิ่งนัก กับที่การเดินทางกับนักเดินทางถูกขวางกั้นโดยเส้นบางๆที่ชื่อไวรัสโควิด-19 ตอนแรกๆนึกว่าเป็นปีเดียวสถานการณ์จะดีขึ้น ปีแรกระบาดที่ไหนผู้ที่เกี่ยวข้องกว่าจะรอดมาได้ก็กักตัวยาวเป็น 2 สัปดาห์ และสุดท้ายลากยาวมา 2 ปีกว่าๆ จนเราต้องใช้ชีวิตร่วมกับเจ้าไวรัสตัวนี้จนเหลือเวลากักตัวไม่ถึงสัปดาห์ พอสถานการณ์คลี่คลาย เราไม่ลังเลที่จะออกเดินทางอีกครั้ง เพราะช่วงชีวิตที่ขาดการเดินทางไป 2-3 ปี เนี่ย เราพลาดโอกาสดีๆที่จะรู้จักโลกกว้างหลายแห่ง ประกอบกับอายุที่มากขึ้น
และพละกำลังในการเดินทางที่ไม่ต่อเนื่องก็หายไปเยอะเหมือนก่อน ถ้ามีโอกาส"เรามาเที่ยวด้วยกันเถอะครับ" หากวันใดที่เราไม่ไหวเราจะได้ภูมิใจในสิ่งที่เราเคยทำเมื่อเรายังไหว Switzerland เป็นประเทศแรกๆที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ที่ชาวไทยแห่ไปเยี่ยมเยือนอีกครั้ง เป็นเหตุเพราะอะไรไม่รู้ แต่คงเป็นประเทศในฝันของใครหลายๆคน อาจะเป็นเพราะธรรมชาติที่สวยงาม คุณภาพชีวิตที่ดีมากกว่าหลายๆประเทศ
สิ่งที่ต้องเตรียมตัวเมื่อไป Switzerland
1. ตั๋วเครื่องบินใบกลับ ไทย-สวิส ในทริปนี้เราเลือกใช้บริการของสายการบิน Qatar Airways ผู้สนับสนุนหลักในฟุตบอลโลกครั้งนี้ สาเหตุที่เลือกก็เพราะราคาในช่วงที่เราเดินทาง (ตุลาคม 65) กับเวลาเมื่อไปถึงสวิสเราสามารถเดินทางต่อได้เลย โดยราคาอยู่ที่ 23,655 บาท
2. ที่ซุกหัวนอน ต้องยอมรับว่าในทริปไม่มีทริปไหนในสวิส และพ่วง Colmar (ฝรั่งเศส) ไม่มีที่ไหนดีเท่านอนบ้านอีกแล้ว
เราใช้เวลาในการเดินทางอยู่ที่ 6 วัน 5 คืน (ไม่รวมวันเดินทาง) ประกอบด้วย Interlaken West 3 คืน, Colmar 1 คืน และ Zurich 1 คืน ต้องยอมรับราคาที่พักในสวิสราคาแรงมากๆ ต้องหาที่พักในแบบฉบับที่เราสู้ราคาไหวประดุจดั่งนอนบ้านดีกว่านอนเมืองนอก
ที่พักประกอบด้วย New West Station 7 ทั้งหมด 3 คืน 4,954 บาท/คน (1,652 บาท/คน/คืน) ที่นี่ดีสุดห้องนอนเล็กแต่อุปกรณ์พร้อมกาน้ำร้อน ที่ล้างจาน ผ้าเช็ดตัว ตู้อบ จาน ชาม แต่ Wifi ไม่ดีเอาซะเลย, Ibis Budget Colmar Centre Gare ทั้งหมด 1 คืน 992 บาท/คน/คืน ห้องเล็กมาก น้องน้ำก็เล็ก ไม่มีการ้อน ใช้น้ำร้อนจากตู้กดกาแฟส่วนกลาง สำหรับที่สุดท้ายในทริปนี้เป็น Green Marmot Capsule Hotel Zurich ทั้งหมด 1 คืน 1,511 บาท/คน/คืน เป็น Capsule พอนอนได้ ไม่มีความเป็นส่วนตัว (ส่งเสียงดังไม่ได้) ห้องน้ำรวม กาน้ำร้อนรวม Wifi ดี
3. ถึงแม้ว่าค่าครองชีพจะแสนแพง พร้อมด้วยอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งพรวดไม่หยุด 1 CHF เท่ากับ 38 บาท++
เราก็เตรียมบะหมึ่และโจ๊กกึ่งสำเร็จรูปจากเมืองไทยครอบคลุมการกินมื้อเช้า-เย็น ในราคา 150 บาท/คน/ทริป สำหรับมื้อกลางวัน ก็หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาที่สวิสมี Coop, Migros, Denner พอประทังชีวิตในดินแดนที่ค่าครองชีพแสนแพงได้ อย่างเช่นไก่ย่างครึ่งตัวอยู่ทีราคา 6-8 CHF (ไม่เกิน 350 บาท) สะโพกไก่ย่างอยู่ที่ 3-5 CHF (ไม่เกิน 200 บาท) แซนวิชเย็นๆ ชืดๆ ประทังชีวิตได้ 1 มื้ออยู่ที่ราคา 2-5 CHF อีกทั้งยังเป็นสถานที่ซื้อของฝากประเภทขนมในราคาที่ไม่แรงได้อีกด้วย
ปล. ของฝากพวกพวงกุญแจราคาแรงมาก
4. ขาดไม่ได้เลยสำหรับการเดินทางในประเทศ Switzerland นั่นก็คือ Swiss pass แต่เราไม่ได้ใช้ Swiss pass เนื่องจากเงินฟรังก์สวิสที่พุ่งพรวดไม่หยุด ทำให้ค่า Swiss pass 6 วันอยู่ที่ราคา 13,xxx บาท เราได้เทคนิคดีๆจากกลุ่ม "เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยตัวเอง" นั่นก็คือ การใช้ Swiss Half Fare Card ซึ่งมีอายุการใช้งาน 30 วันในราคา 120 CHF นำไปเบ่งการซื้อ Saver day pass second class ล่วงหน้า 60 วัน ในราคา 29 CHF/วัน (ย้ำนะ ว่าต้อง 60 วันเป๊ะๆ ก่อนวันเดินทาง และผมซื้อตอนตีห้าเมืองไทย = เที่ยงคืนสวิส ไม่งั้นถ้าซื้อหลังจากน้ันราคาอาจจะขยับไปที่ 34 CHF ได้ อย่างเช่นเราเดินทางวันที่ 13 ตุลาคม เราต้องซื้อ Saver day pass วันที่ 14 สิงหาคม เวลาตีห้า) เราซื้อ Saver day pass ไป 5 วัน สำหรับวันที่ 6 เราต้องเดินทางไปสนามบิน ดังนั้นการซื้อ Saver day pass สำหรับการไปสนามบินในราคา 29 CHF ไม่คุ้มเอาเสียเลย เราก็เลยซื้อ Single Trip ticket to Zurich Flugafen เดิมราคาอยู่ที่ 6.80 CHF ใช้ Swiss Half Fare เบ่งจนเหลือ 3.40 CHF
คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ทั้งทริปใช้วิธีการนี้ซื้อแทน Swiss pass ราคาประมาณ 10,300 บาท ประหยัดกว่าค่า Swiss pass 2-3 พันบาทเลยทีเดียว ซึ่งเจ้าหน้าที่ SBB ที่ตรวจบนรถไฟผ่าน app SBB เห็นชอบว่าไม่ผิดเงื่อนไข (เจ้าหน้าที่ SBB ตรวจตั๋วบ่อยมาก อย่าพลาดเลยเดี๋ยวจะโดนค่าปรับมหาศาล)
ปล. การใช้ Saver day pass แบบราคา 29 CHF มีข้อเสียก็คือการเดินทางไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือคืนเงินได้ วันที่เราเดินทางจะถูกล็อคไว้
5. ตั๋วไปกลับ สวิส-Colmar เราเลือกใช้บริการของ SNCF เดินทางระหว่าง Basel-Colmar ราคาไปกลับอยู่ 10 ยูโร ขาละ 5 ยูโร วิธีการซื้อก็ซื้อล่วงหน้าก่อนเดินทาง 1 เดือน (เราเดินทางวันที่ 16 ตุลาคม เราซื้อตั๋ววันที่ 16 กันยายน) ได้ราคาโปรในแบบที่เปลี่ยนวันเดินทางและคืนเงินไม่ได้เลย
6. ท่องโลก Social ด้วย Instasim ช่วงที่เดินทางจัดโปร 16 GB จนถึงวันที่ 19 ตุลาคม (เดินทาง 13-18 ตุลาคม) ในราคา 522 บาท เน็ตดีไม่มีสะดุด
7. ประกันการเดินทาง เราใช้บริการของทิพยประกันภัย ในส่วนของประกันการเดินทางรายปี ใช้ประเดิมการเดินทางยาวๆ อยู่ที่ ราคา 2,274 บาท/ปี
8. วีซ่าผ่านการบริการของ VFS อยู่ที่ราคา 4,020 บาท จองเนิ่นๆหน่อย เราคิวมันจะเต็มเร็ว
9. Travel Card เอาไปเลย เรทเทียบเท่าร้านแลกสกุลเงินอย่าง Superrich Thailand เราใช้ของ KTB Travel Card ใช้ได้ทุกหนทุกแห่งในสวิส สำหรับที่ Colmar ดันแลกเงินไม่ได้เลย App ล่ม ใช้บัตรเครดิต ฝากปรับปรุงด้วยนะฮะ
10. ปลั๊กไฟฟ้าแบบสวิสและฝรั่งเศสเป็นแบบ รูกลม 2 รู ทางที่ดีใช้ปลั๊กแบบ Universal จะคุ้มที่สุด เอาไว้ใช้ต่อได้หลายประเทศ
[CR] Switzerland เปิดสวิตช์ให้กับการเดินทางกลับมาอีกครั้ง
สิ่งที่ต้องเตรียมตัวเมื่อไป Switzerland
1. ตั๋วเครื่องบินใบกลับ ไทย-สวิส ในทริปนี้เราเลือกใช้บริการของสายการบิน Qatar Airways ผู้สนับสนุนหลักในฟุตบอลโลกครั้งนี้ สาเหตุที่เลือกก็เพราะราคาในช่วงที่เราเดินทาง (ตุลาคม 65) กับเวลาเมื่อไปถึงสวิสเราสามารถเดินทางต่อได้เลย โดยราคาอยู่ที่ 23,655 บาท
2. ที่ซุกหัวนอน ต้องยอมรับว่าในทริปไม่มีทริปไหนในสวิส และพ่วง Colmar (ฝรั่งเศส) ไม่มีที่ไหนดีเท่านอนบ้านอีกแล้ว เราใช้เวลาในการเดินทางอยู่ที่ 6 วัน 5 คืน (ไม่รวมวันเดินทาง) ประกอบด้วย Interlaken West 3 คืน, Colmar 1 คืน และ Zurich 1 คืน ต้องยอมรับราคาที่พักในสวิสราคาแรงมากๆ ต้องหาที่พักในแบบฉบับที่เราสู้ราคาไหวประดุจดั่งนอนบ้านดีกว่านอนเมืองนอก
ที่พักประกอบด้วย New West Station 7 ทั้งหมด 3 คืน 4,954 บาท/คน (1,652 บาท/คน/คืน) ที่นี่ดีสุดห้องนอนเล็กแต่อุปกรณ์พร้อมกาน้ำร้อน ที่ล้างจาน ผ้าเช็ดตัว ตู้อบ จาน ชาม แต่ Wifi ไม่ดีเอาซะเลย, Ibis Budget Colmar Centre Gare ทั้งหมด 1 คืน 992 บาท/คน/คืน ห้องเล็กมาก น้องน้ำก็เล็ก ไม่มีการ้อน ใช้น้ำร้อนจากตู้กดกาแฟส่วนกลาง สำหรับที่สุดท้ายในทริปนี้เป็น Green Marmot Capsule Hotel Zurich ทั้งหมด 1 คืน 1,511 บาท/คน/คืน เป็น Capsule พอนอนได้ ไม่มีความเป็นส่วนตัว (ส่งเสียงดังไม่ได้) ห้องน้ำรวม กาน้ำร้อนรวม Wifi ดี
3. ถึงแม้ว่าค่าครองชีพจะแสนแพง พร้อมด้วยอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งพรวดไม่หยุด 1 CHF เท่ากับ 38 บาท++ เราก็เตรียมบะหมึ่และโจ๊กกึ่งสำเร็จรูปจากเมืองไทยครอบคลุมการกินมื้อเช้า-เย็น ในราคา 150 บาท/คน/ทริป สำหรับมื้อกลางวัน ก็หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาที่สวิสมี Coop, Migros, Denner พอประทังชีวิตในดินแดนที่ค่าครองชีพแสนแพงได้ อย่างเช่นไก่ย่างครึ่งตัวอยู่ทีราคา 6-8 CHF (ไม่เกิน 350 บาท) สะโพกไก่ย่างอยู่ที่ 3-5 CHF (ไม่เกิน 200 บาท) แซนวิชเย็นๆ ชืดๆ ประทังชีวิตได้ 1 มื้ออยู่ที่ราคา 2-5 CHF อีกทั้งยังเป็นสถานที่ซื้อของฝากประเภทขนมในราคาที่ไม่แรงได้อีกด้วย
ปล. ของฝากพวกพวงกุญแจราคาแรงมาก
4. ขาดไม่ได้เลยสำหรับการเดินทางในประเทศ Switzerland นั่นก็คือ Swiss pass แต่เราไม่ได้ใช้ Swiss pass เนื่องจากเงินฟรังก์สวิสที่พุ่งพรวดไม่หยุด ทำให้ค่า Swiss pass 6 วันอยู่ที่ราคา 13,xxx บาท เราได้เทคนิคดีๆจากกลุ่ม "เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยตัวเอง" นั่นก็คือ การใช้ Swiss Half Fare Card ซึ่งมีอายุการใช้งาน 30 วันในราคา 120 CHF นำไปเบ่งการซื้อ Saver day pass second class ล่วงหน้า 60 วัน ในราคา 29 CHF/วัน (ย้ำนะ ว่าต้อง 60 วันเป๊ะๆ ก่อนวันเดินทาง และผมซื้อตอนตีห้าเมืองไทย = เที่ยงคืนสวิส ไม่งั้นถ้าซื้อหลังจากน้ันราคาอาจจะขยับไปที่ 34 CHF ได้ อย่างเช่นเราเดินทางวันที่ 13 ตุลาคม เราต้องซื้อ Saver day pass วันที่ 14 สิงหาคม เวลาตีห้า) เราซื้อ Saver day pass ไป 5 วัน สำหรับวันที่ 6 เราต้องเดินทางไปสนามบิน ดังนั้นการซื้อ Saver day pass สำหรับการไปสนามบินในราคา 29 CHF ไม่คุ้มเอาเสียเลย เราก็เลยซื้อ Single Trip ticket to Zurich Flugafen เดิมราคาอยู่ที่ 6.80 CHF ใช้ Swiss Half Fare เบ่งจนเหลือ 3.40 CHF คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ทั้งทริปใช้วิธีการนี้ซื้อแทน Swiss pass ราคาประมาณ 10,300 บาท ประหยัดกว่าค่า Swiss pass 2-3 พันบาทเลยทีเดียว ซึ่งเจ้าหน้าที่ SBB ที่ตรวจบนรถไฟผ่าน app SBB เห็นชอบว่าไม่ผิดเงื่อนไข (เจ้าหน้าที่ SBB ตรวจตั๋วบ่อยมาก อย่าพลาดเลยเดี๋ยวจะโดนค่าปรับมหาศาล)
ปล. การใช้ Saver day pass แบบราคา 29 CHF มีข้อเสียก็คือการเดินทางไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือคืนเงินได้ วันที่เราเดินทางจะถูกล็อคไว้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้