ทำไมพลซุ่มยิงระดับโลกหลายๆคนส่วนใหญ่มีพื้นฐานจากการล่าสัตว์ตอนเด็ก แล้วถ้าคนธรรมดาฝึกยิงปืนจะไล่ตามพวกนี้ทันไหม?

เป็นคำถามที่คิดขึ้นมาได้สักพักหลัง อ่านประวัติTop10 พลซุ่มยิง ซึ้งส่วนใหญ่มีพื้นฐานมาจากการล่าสัตว์ตั้งแต่เด็กๆทั้งสิ้นเกือบทั้งหมดเลย

 เช่น ซิโม ไฮฮา , คริส ไคล์ , วาซีลี ไซเซฟ , คาร์ลอส นอร์แมน และอีกมากมาย 

แล้วถ้าทหารธรรมดาแบบไทยๆหรือคนธรรมดาๆจะฝึกให้เก่งๆแบบนี้เป็นไปได้ไหม
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
การล่าสัตว์ ไม่ได้ทำให้ยิงปืนแม่นขึ้นครับ และไม่ได้ทำให้มีความอดทนอะไรเพิ่มขึ้นด้วย

แต่ความรู้พื้นฐานการใช้อาวุธปืน, การปรับศูนย์หน้า, ศูนย์หลัง, การประมาณระยะห่างของเป้า, การอ่านระยะจากขีด Reticle ของกล้อง, การรู้จักวิถีกระสุนตามน้ำหนักหัวกระสุนแต่ละ Calibes, ลักษณะหน้าตัดท้ายหัวกระสุน, ประเภทและปริมาณดินปืนที่บรรจุ, ความเร็วปากลำกล้อง เป็นต้น จะเป็นตัวช่วยให้ทำการยิงได้แม่นขึ้นครับ

แต่แค่นี้มันไม่เพียงพอที่จะเป็น Sniper ได้นะครับ ถ้าพิจารณาจากข้อกำหนดพื้นฐานของการสอบเข้าคัดตัวเข้าเรียนหลักสูตร US Sniper

กองทัพ US เค้าต้องการ คน ที่มีคุณสมบัติหลักๆเบื้องต้น 3 ข้อครับ

ข้อแรก คือ กองทัพฯต้องการคนที่ "ฉลาด" พิจารณาจากข้อกำหนดที่จะต้องสอบความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ (General Technical - GT Section) ได้ คะแนนเต็ม 100 ครับ ในการคำนวนระยะห่าง, ระยะชดเชยต่างๆ ถึงแม้จะมีอุปกรณ์ช่วย แต่คนที่มีสมองดีก็ได้เปรียบครับคิดได้เร็วกว่า เรียนรู้ได้เร็วกว่า

ข้อที่สอง คือ กองทัพฯต้องการคนที่ "มีความเข้มแข็งทางจิตใจ" พิจารณาจากข้อกำหนดที่ต้องไม่มีประวัติการใช้ความรุนแรงทั้งในและนอกครอบครัว และไม่มีประวัติการใช้สารเสพติด อาจเนื่องด้วยการทำงานจริงที่ต้องปฏิบัติงานที่มีแรงกดดันสูงมากกว่าพลทหารปกติ หากจิตใจไม่แข็งจริง คงสติหลุดกลางสนามรบ หรือ ปฏิบัติงานไม่บรรลุผลตามคำสั่งก็ได้ละมั้งครับ

ข้อที่สาม คือ ต้องสอบผ่านหลักสูตรพลแม่นปืน Markmanship ได้ เต็ม 40 คะแนน ซึ่งหลักสูตรฯ นี้จะสอนความรู้พื้นฐานการใช้อาวุธปืนและลูกกระสุน, วิธีการยิง, การอ่านตำแหน่งกระสุน, การปรับแก้ชดเชยระยะตกของกระสุน, ฯลฯที่จำเป็นใช้ในหมวดทหารราบ ซึ่งปกติพลแม่นปืนต้องการคะแนนเพียง 20 คะแนนก็พอที่จะผ่านหลักสูตรฯได้ ผมเข้าใจว่าวัตถุประสงค์ของข้อกำหนดข้อนี้คือ ต้องการคนที่มีพรสวรรค์ นั่นคือ "สายตาดี" และ มีสมองที่จะวิเคราะห์ปัญหาและปรับแก้ไขปัญหาได้ครับ (การปรับและยิงปืนให้โดนเป้า ด้วยศูนย์เปิดที่ระยะ 300 เมตร ไม่ได้จะทำได้ทุกคน เรื่องสำคัญไม่ใช้เรื่องด้านเทคนิค แต่เป็นเรื่องการมองเห็นและวางศูนย์ปืนครับ คนที่มองไม่เห็น หรือ เห็นไม่ชัด จะให้ยิงโดนเป้าให้ได้คะแนนผ่านเกณฑ์ คงอาศัยแต่ดวงไม่ได้แน่ๆ)

ถึงแม้จะมีคุณสมบัติเบื้องต้นพร้อม แต่ การจบหลักสูตรฯ ก็จะต้องมีผู้มาประเมิณความสามารถในการจบหลักสูตร ตาม คห.9 นะครับ ไม่ได้สักแต่เข้าเรียนครบแล้วจบออกมาได้

ถ้ากลับมาที่การล่าสัตว์ราว 40-60 ปีก่อน ผมคิดว่า กล้องไรเฟิลสโคป ยังไม่น่าจะใช้กันอย่างแพร่หลาย ต่อให้อยู่ในอเมริกาก็เถอะ การล่าสัตว์ยังใช้ศูนย์เปิด ระยะกระสุนดรอป ก็ตั้งตามศูนย์หลัง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับระยะยิงจากปืนไปถึงเป้า ดังนั้นทักษะสำคัญคือการประมาณระยะห่างของเป้าหมาย

แต่ถ้า เปลี่ยนมาใช้ กล้องฯ สิ่งแรกที่จะต้องเจอก็คือการ งง กับวิถีกระสุน เล็งแล้ว ลูกปืนวิ่งลงต่ำบ้าง สูงบ้าง หรือเลวร้ายที่สุด วิ่งหายไปไหนก็ไม่รู้ มองผ่านกล้องไม่เห็น เพราะปรับกำลังขยายสูงเกิน ทำให้มีมุมมองภาพแคบ  ทีนี้ทักษะทางคณิตศาสตร์ และ ความรู้เกี่ยวกับวิถีกระสุน จะเป็นเรื่องสำคัญในการปรับระยะชดเชย ยกตัวอย่างง่ายๆ คุณพ่อผมผ่านหลักสูตร ตชด.พลร่ม มาเมื่อ ราว 60 ปีก่อน ท่านยิงปืน M1 Carbine ศูนย์เปิดแม่นมากเป็นอันดับต้นๆของรุ่น เพื่อนๆพ่อชอบเอามาโม้ให้ผมฟัง แต่พอท่านได้จับ CZ452 ติดกล้องครั้งแรกระยะราว 50 เมตร  ท่านไปไม่ถูกเลย ยิงยังไงก็ไม่เข้าเป้า แต่ดันยิงศูนย์เปิด มองลอดใต้กล้อง ยิงยังไงก็เข้าเป้าครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่