.
เรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนเอง ชื่อ ยศ ตำแหน่ง เรื่องราว เหตุการณ์ สถานที่ ผู้เขียนสมมุติขึ้นมาทั้งนั้น ตรงไหนไม่ถูกต้องชี้แนะได้นะคะ
—————————————————
เปิดแฟ้มคดีที่ 3 บุกรังเสือสามกองร้อย
“ไม่ว่ามืงจะกบดานอยู่ที่ไหน ขึ้นเหนือล่องใต้ ออกนอกประเทศ ไปเขมรพม่าหรือยุโรป กูก็จะตามล่ามืงไปทุกที่ มืงไปได้กูก็ไปได้”
พากษ์เสียงภาษาไทยโดย สืบพงษ์ ฮ่า ให้จินตนาการว่า เสียงของผมหล่อเหมือนเสียงพากษ์ของทีมพันธมิตรนะครับ มันคือสโลแกนการทำงานของผมและทีมงานล่ะ
เด็กรุ่นลูกไม่ฆ่า ผู้หญิงไม่ฆ่า และใครไม่สู้ไม่วิสามัญ นี่เป็นการทำงานของพวกผม ฆ่าคนมันบาป ไม่อยากฆ่าหรอก ถ้ามันไม่ฆ่าผมก่อน เสียใจทุกครั้งที่ได้ยิงคนตาย ไม่จำเป็นผมจะไม่วิสามัญใครเลย
…………………………………….
สวัสดีครับมาพบกับผมอีกแล้ว สืบพงษ์ เอาน่ารู้แค่ชื่อก็พอ ยศกับนามสกุลไม่สำคัญหรอก คดีนี้ผมได้ตามสารวัตรปิติ ไปดูลาดเลาของสหายขาวครับ ที่จังหวัดกาญจนบุรี อ่า คดีที่กาญจนบุรีมีเพียบเลยนะครับ ถ้ามีเวลาผมจะนำมาเผยแพร่ให้ทุกคนติดตามในภายหลังนะครับ ที่สัญญาไว้คดีจับพระก็ยังไม่มีเวลาเรียบเรียงเลย
คดีนี้ไม่ใช่การไปปราบปรามตามจับใครใด ๆ ทั้งสิ้นนะครับ ได้รับคำสั่งเพียงไปสืบเสาะลู่ทางเท่านั้น ทำไมถึงเรียกสหายขาวอันนี้ผมไม่ทราบที่ไปที่มา บ้างก็เรียกเสือขาว แกเคยเป็น ผกก. ที่ออกจากราชการมาแล้ว แกเคยรับราชการอยู่ทางจังหวัดเพชรบูรณ์ครับ
ผกก. ย่อมาจากคำว่าผู้กินกับครับ ผู้กินกับคนนี้ไม่เคยยกแก้วเลย กินแต่กับแกล้ม เพื่อนในวงจึงตั้งฉายาให้แกว่า ผกก. ฮ่า ตลกและ ๆ เดี๋ยวก็ให้ไปอยู่กับพี่โน้ตอุดมเสียนี่ เสียงของเฮียเปิ้ลลอยมาแต่ไกลเลย รอให้ผมพูดเก่ง ๆ สะกดคนฟังได้ก่อน แล้วผมจะไปแบทเทิลกับเฮียแกครับ
ขอเล่าที่ไปที่มาของสหายขาวนิดหน่อย แกเป็น ผกก. เก่ามาจากทางเพชรบูรณ์ครับ แกถูกปลดออกจากราชการ จึงมาตั้งชนกลุ่มน้อยในป่าแถบจังหวัดกาญจนบุรี แกอยากยึดป่าเป็นอาณาจักรของแกเลย ใครเข้ามาถางป่าทำไร่ยิงทิ้ง ใครเข้ามาเดินเที่ยวป่า ยิงไล่ด้วยปืนอาก้าให้ออกไปให้หมด ป่าแถบนั้นไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไปยุ่งครับ แม้แต่เจ้าหน้าที่ มีคนตั้งฉายาให้แกว่าสหายขาวแห่งแม่น้ำใหญ่
ที่สารวัตรปิติได้รับมอบหมายภารกิจนี้ ก็เพราะไอ้สหายขาวคนนี้เนี่ย มันเหิมเกริมครับ ล่าสุดหมาด ๆ มันได้ฆ่าผู้ใหญ่บ้านชื่อจันดีตาย และฆ่าไอ้เหลิมชาวบ้านที่ไปถางป่าทำไร่ตาย แล้วนำศพไปฝังดินเอาไว้ มันมีสิทธิ์อะไรถึงได้ทำแบบนั้น และป่าก็ไม่ใช่ของมันแต่เพียงผู้เดียว พอได้รับมอบหมายภารกิจ สารวัตรจึงไปปรึกษาขอกำลังเสริมจากทางนั้น ปรากฏว่าโดนปฏิเสธให้ความร่วมมืออย่างไม่ใยดีครับ
“ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งหรอกไอ้น้อง ปล่อยให้เป็นเรื่องของ สปค. เขา เป็นเรื่องของความมั่นคง เรื่องของ ตชด. เรื่องของทหารเขาจัดการกันเอง พื้นที่เสี่ยงอันตราย เดี๋ยวจะพากันเข้าไปตายฟรีเอาเปล่า ๆ บลา ๆ”
สุดท้ายสารวัตรปิติก็คว้าน้ำเหลว แกมารายงานนาย นายจึงบอกว่างั้นให้ไปดูลาดเลาก่อน ไปดูแหล่งกบดานของมัน มีลูกสมุนกี่คน อาวุธยุทโธปกรณ์ครบมือไหม ทางเข้าทางออกตรงไหนบ้าง เพื่อจะกลับมาวางแผน และนำกำลังของเราไปบุกจับเลย นี่จึงเป็นเหตุให้ผมได้ไปเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีในครั้งนี้
คืนหนึ่งขณะที่ผมกำลังนอนเล่นเกมกับตี้ของผมอยู่อย่างเพลิดเพลิน ก็มีสายเรียกเข้าแทรกเข้ามา สารวัตรปิติโทรเข้าล่ะครับ ผมนี่หงุดหงิดมาก ขนาดเมียโทรเข้าผมยังไม่รับ แล้วเฮียเป็นใคร ผมจึงต้องรับสาย ขัดจังหวะเสียจริง ตี้ขาดผมแค่วินาทีเดียวก็ไม่ได้ เดี๋ยวไม่ได้กินไก่ครับ หึหึ
“ครับเฮีย” ผมกดรับสายในทันที
“อาตี๋หิตอีกสองวันเตรียมตัวให้พร้อมนะ เราจะไปเดินป่าเมืองกาญจน์กัน” เฮียกล่าว ผมนี่เขม่นเฮียในโทรศัพท์เลยครับ ผมหิตเฮียก็หิตเหมือนผมล่ะครับ เฮียน่ะหิตตัวพ่อเลย! ได้แค่เพียงพูดในใจ รักแกครับเลยหยอกแกเล่น
“ครับ ครับผม หวัดดีครับ” ผมรับทราบทันที นี่ก็นานแล้วที่ไม่ได้ออกปฏิบัติภารกิจ จากนั้นก็บอกแฟนให้ทราบ เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงกำชับว่าอย่าลืมนู่นนี่นั่นก็แล้วกัน เสื้อยันต์ สร้อยพระของพ่อที่ให้มาอย่าลืมเด็ดขาด จากนั้นผมก็กลับมาเล่นเกมกับเพื่อนต่ออย่างสบายอารมณ์
รอบนี้พวกเราไปกันสามคนนะครับ เฮียเลือกผมกับพี่บ่าวรุ่นพี่ของผมไปด้วย อย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้นว่า เราไม่ได้ออกปราบปรามหรือสู้กับใคร เราแค่ไปดูลาดเลาเอาไว้เท่านั้น เป็นการไปนอกเครื่องแบบ ทรงผมไม่ขาวสามด้านนะครับ พวกผมแต่งตัวกลมกลืนไปกับชาวบ้าน ชาวกะเหรี่ยงแถวนั้นล่ะ
แต่ละคนดูไม่ออกหรอกครับว่าเป็นตำรวจ เขาหาว่าเป็นโจรเป็นขโมยไปนู่น ยิ่งถ้าสาว ๆ ใครได้เจอพี่บ่าวของผมนะ รับรองมีเสียงกรี๊ดกร๊าดกันแน่นอน ไม่ร้องให้เตะ แกไม่ได้หล่อลากดินนะครับ น่ากลัว! ฮ่า
ส่วนผมน่ะหล่อใช้ได้ล่ะน่า หล่อกว่าเฮียเปิ้ลอีก สารวัตรนั่นล่ะครับ รายนี้ก็น่ากลัว เอาเป็นว่าทีมหนุ่มหล่อขาวตี๋มีผมนี่ล่ะหล่อกว่าใคร ๆ อ้าวอย่าพึ่งเบือนหน้าไปอ้วกสิคร้าบ ผมพูดความจริง แหะแหะ
พอวันเดินทางมาถึง พวกผมก็ไม่ลืมพกอาวุธติดไม้ติดมือไปด้วย ถึงไม่ได้ไปสู้รบปรบมือกับใคร ก็ควรระวังตัวเอาไว้เป็นดีที่สุด สารวัตรพกปืน M16 หนึ่งกระบอก พร้อมแม็กสั้น 120 นัด แม็กยาว 30 นัดและปืนพกอีกหนึ่งกระบอก
พี่บ่าวพกปืนพกหนึ่งกระบอก และเครื่องยิงระเบิด M79 หนึ่งกระบอก พร้อมกระสุน 6 นัด ส่วนผมพกปืนพกหนึ่งกระบอก M16 หนึ่งกระบอกพร้อมกระสุน 90 นัด นอกจากนั้นสารวัตรยังให้พกระเบิดไปด้วย พวกผมก็หักปืน M16 ออกเป็นสองส่วนใส่ลงในกระสอบแล้วสะพายขึ้นหลัง ทำเหมือนชาวบ้านเขาล่ะครับ จากนั้นก็จ้างกะเหรี่ยงนำทางเข้าป่าไป
เพราะไม่ได้มาปะทะกับใคร พวกผมจึงไม่ได้เตรียมเสบียงใด ๆ มาเลย ผมพกเพียงมาม่ามาสามห่อ เอ่อ ผมชอบขยี้กินแบบดิบ ๆ ครับ อร่อยดี กินแทนขนม ฮ่า น้ำเปล่าคนละขวด และขนมขบเคี้ยวอื่น ๆ ที่ซื้ออยู่ปากทางเข้าหมู่บ้าน ก่อนจะออกเดินป่ากัน ไม่ได้กะจะนอนในป่าด้วย แบบเข้าไปส่องดูฐานทัพของพวกมันแล้วก็กลับ อะไรประมาณนี้ครับ แต่ผิดคาดอย่างมหันต์!
พวกผมเดินชมนกชมไม้ในป่าอยู่ดี ๆ ผมกำลังกินมาม่าดิบเพลิน ๆ กับพี่บ่าว ดันไปเจอพระยกปืนขู่เสียนี่ พระวัยกลางคนนุ่งจีวรออกดำ ๆ กำลังยืนจังก้ายกปืน M16 ขู่พวกผมอยู่ มันไม่ยิงนะครับ มันเพียงถือขู่เฉย ๆ
“พวกมืงเข้ามาทำมั้ยวะ ออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นยิงไส้ทะลักแน่” พระรูปนั้นขู่พวกผมอย่างกับงูเห่า หน้าตาดุเอาเรื่อง ผมก็กำลังใช้ความคิดอยู่ว่า พระอะไรมาจำวัดในป่า แถมมีปืนด้วย พระในคาบโจร หรือ โจรในคาบพระกันว้า กำลังคิดในหัวอยู่นะครับ
พวกผมชูมือขึ้นเหนือหัว จากนั้นสารวัตรก็ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม เดินเข้าไปไหว้ใกล้ ๆ พระรูปนั้น แนะว่าการไหว้ใครที่ไม่รู้จักหรือว่ารู้สึกไม่ปลอดภัยแก่ตนเอง ผมแนะนำว่าอย่าหลบสายตานะครับ เพราะอาจโดนท้ายปืนได้ ต้องสบตากับมัน
“ท่านคร้าบ อย่าทำอะไรพวกผมเลยนะครับ พวกผมแค่มาเที่ยวป่า” สารวัตรปิติเข้าไปก้มไหว้ใกล้ ๆ จากนั้นเมื่อพระเผลอก็เสยคางพระรูปนั้นหงายท้องไปเลย ปืนกระเด็นหลุดออกจากมือไปไกล พี่บ่าวรีบกระโจนไปคว้าเอามาเก็บไว้กับตนเอง
ความเร็วเป็นของผมไม่ใช่ปีศาจเหมือนกัน พอมันล้มลงผมก็กระชากปืนออกจากเอว “ตายซะไอ้พระเหี้..ย“ ผมอุทานพร้อมชักปืนพกเหน็บที่เอวออกมายิงปั้งเดียวจอด ข้อหาทำให้ผมตกใจที่เอาปืน M16 มาขู่กัน แล้วทำให้ซองมาม่าผมหลุดมือหกหมด อดกินเลย แต่ไม่โดนครับ ถากกกหูไปนิด ถือว่าบุญของพระนั่นยังมี ชะตายังไม่ขาด
“ไอ้ตี๋อย่าเพิ่งฆ่า เค้นก่อน” สารวัตรร้องห้ามผม พร้อมพยุงให้พระลุกขึ้น มันช็อกกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ซึ่งคาดกับมัจจุราชไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด
“ท่านคร้าบผมต้องขอโทษแทนเด็กมันด้วยนะครับ เด็กมันตกใจ แถมยังเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนอีก นี่ถือว่าท่านมีบุญนะเนี่ยที่รอดมาได้ ลูกปืนไม่เจาะเข้ากระบาลเอา ผมไม่รู้ว่าท่านเป็นพระจริงหรือพระปลอม เอกสารอะไรมาแสดงก็ไม่มี แถมยังสะพายปืนอยู่ในป่าอีก ถ้าท่านไม่อยากตายเป็นผีพระเฝ้าป่าที่นี่ ท่านบอกที่กบดานของสหายขาวผมมาเถอะครับ” สารวัตรพูดคุยกับพระรูปนั้น พร้อมเอาปืนจี้ขู่ไปด้วย
พระบอกว่าเดินไปประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว ไปทางนั้นทางนี้ พวกมันมีกันทั้งหมดสามสิบคน อาวุธครบมือ และยืนยันว่าสหายขาวหรือเสือขาวผู้นี้ เคยเป็น ผกก. จริง ๆ ปฏิบัติงานที่เพชรบูรณ์ กะจะยึดครองแม่น้ำใหญ่เป็นของตนเองจริง
“อ่า ขอบคุณมากครับท่าน อย่างไรเสียผมคงปล่อยท่านกลับก่อนไม่ได้ครับ ผมใคร่ขอนิมนต์ท่านอยู่ที่นี่ก่อนนะครับ และท่านช่วยภาวนาให้ผมกับลูกน้องรอดกลับมาด้วยนะครับ เพราะถ้าหากผมรอดท่านก็รอดเหมือนกัน เพราะผมจะมัดท่านไว้ตรงนี้ก่อน แล้วอย่าคิดแหกปากร้องนะครับ ไม่อยากนั้นผมต่อยปากท่านบวมแน่”
สารวัตรพูดจบพวกผมก็จับพระรูปนั้นมัดเข้ากับต้นไม้ ไม่มีเชือกก็ใช้รัดประคดนั่นล่ะครับมัดเลย
“นิมนต์ท่านอยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ” สารวัตรกล่าวอีกครั้ง แล้วก็ให้กะเหรี่ยงที่นำทางกลับไปได้ พวกผมจะไปกันเองเพราะมันอันตรายเกินไป พอกะเหรี่ยงคนนั้นหายลับไปแล้ว พวกผมจึงออกเดินทางไปตามแผนที่ที่พระบอก
พระรูปนั้นบอกว่า จากตรงนี้เดินไปชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึง แต่พวกผมเดินจริง ๆ ปาไปสามชั่วโมงครับ เพราะมีตัวทากเป็นอุปสรรค พวกมันเกาะแข้งเกาะขายั้วเยี้ยเต็มไปหมด อะจึ๋ย
แต่ละตัวเท่านี่กันเลย เท่าหัวแม่มือล่ะครับ รอยที่ขายังอยู่ ๆ เลย ทำให้การเดินทางล่าช้ามาก ผมบ่นไปเดินไป พวกมืงก็อย่าเพิ่งมาดูดเลือดกูตอนนี้ได้ไหม หยิบออกจากหน้าแข้งตัวอย่างเป้งเลยครับ อะจึ๋ย! ยิ่งนึกถึงยิ่งน่ากลัว ขนลุก ร้ายกว่าสหายขาวก็ไอ้ทากนี่ล่ะครับ จั๊กเหนียมขามาก!!! แต่พวกผมก็สามารถฝ่าดงทากมาถึงรังของสหายขาวจนได้
สารวัตรใช้กล้องส่องทางไกลส่องดู พวกมันถางป่าเตียนหลายร้อยไร่ มีก้อนหินเป็นกำแพงหรือบังเกอร์อย่างดี มีกระท่อม มีอ่างน้ำคืออยู่สบายครับ ถึงแม้พวกมันอยู่ในป่าก็สบาย แต่ว่าที่เห็นมีคนเพียงสิบคนเอง อีกยี่สิบคนอาจออกไปทางป่าอยู่ก็ได้ อีกอย่างทำเลของพวกมันเหมาะมาก ขืนเข้าไปโดยไม่วางแผนแยบยลมีหวังตายฟรีครับ เข้าไปแบบโท่ง ๆ ตายฟรีแน่นอน
ครั้นพวกผมจะกลับออกไปก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นพวกมันได้รู้ตัวแน่ เพราะไอ้พระคนนั้นจะต้องนำเรื่องมาบอกชัวร์ เพราะฉะนั้นแล้ว พวกผมต้องจัดการตั้งแต่ตอนนี้วันนี้เสีย สารวัตรกับพวกผมซุ่มดูและวางแผนกันอยู่เงียบ ๆ
“อาตี๋” สารวัตรเรียกรวมผมกับพี่บ่าวครับ “มืงเป็นกองร้อยที่หนึ่งนะ” สารวัตรหันหน้ามาทางผม “กูเป็นกองร้อยที่สอง และมืงเป็นกองร้อยที่สาม” สารวัตรหันหน้าไปทางพี่บ่าว พวกผมพยักหน้าหงึก ๆ รับทราบ
“กูจะเป็นคนออกคำสั่ง โดยฟังคำสั่งจากกูเท่านั้น กูจะเป่านกหวีดปี๊ดยาว ๆ แล้วให้มืงไอ้สืบ ให้มืงพูดว่ากองร้อยที่หนึ่งรับทราบพร้อมปฏิบัติ จากนั้นมืงก็ยิงด้วยปืน M79 นะ สักสองลูก เข้าใจนะไอ้บ่าว มืงเป็นกองร้อยที่สาม ทำแบบเดียวกัน”
นักล่า (3)
.
เรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนเอง ชื่อ ยศ ตำแหน่ง เรื่องราว เหตุการณ์ สถานที่ ผู้เขียนสมมุติขึ้นมาทั้งนั้น ตรงไหนไม่ถูกต้องชี้แนะได้นะคะ
—————————————————
เปิดแฟ้มคดีที่ 3 บุกรังเสือสามกองร้อย
“ไม่ว่ามืงจะกบดานอยู่ที่ไหน ขึ้นเหนือล่องใต้ ออกนอกประเทศ ไปเขมรพม่าหรือยุโรป กูก็จะตามล่ามืงไปทุกที่ มืงไปได้กูก็ไปได้”
พากษ์เสียงภาษาไทยโดย สืบพงษ์ ฮ่า ให้จินตนาการว่า เสียงของผมหล่อเหมือนเสียงพากษ์ของทีมพันธมิตรนะครับ มันคือสโลแกนการทำงานของผมและทีมงานล่ะ
เด็กรุ่นลูกไม่ฆ่า ผู้หญิงไม่ฆ่า และใครไม่สู้ไม่วิสามัญ นี่เป็นการทำงานของพวกผม ฆ่าคนมันบาป ไม่อยากฆ่าหรอก ถ้ามันไม่ฆ่าผมก่อน เสียใจทุกครั้งที่ได้ยิงคนตาย ไม่จำเป็นผมจะไม่วิสามัญใครเลย
…………………………………….
สวัสดีครับมาพบกับผมอีกแล้ว สืบพงษ์ เอาน่ารู้แค่ชื่อก็พอ ยศกับนามสกุลไม่สำคัญหรอก คดีนี้ผมได้ตามสารวัตรปิติ ไปดูลาดเลาของสหายขาวครับ ที่จังหวัดกาญจนบุรี อ่า คดีที่กาญจนบุรีมีเพียบเลยนะครับ ถ้ามีเวลาผมจะนำมาเผยแพร่ให้ทุกคนติดตามในภายหลังนะครับ ที่สัญญาไว้คดีจับพระก็ยังไม่มีเวลาเรียบเรียงเลย
คดีนี้ไม่ใช่การไปปราบปรามตามจับใครใด ๆ ทั้งสิ้นนะครับ ได้รับคำสั่งเพียงไปสืบเสาะลู่ทางเท่านั้น ทำไมถึงเรียกสหายขาวอันนี้ผมไม่ทราบที่ไปที่มา บ้างก็เรียกเสือขาว แกเคยเป็น ผกก. ที่ออกจากราชการมาแล้ว แกเคยรับราชการอยู่ทางจังหวัดเพชรบูรณ์ครับ
ผกก. ย่อมาจากคำว่าผู้กินกับครับ ผู้กินกับคนนี้ไม่เคยยกแก้วเลย กินแต่กับแกล้ม เพื่อนในวงจึงตั้งฉายาให้แกว่า ผกก. ฮ่า ตลกและ ๆ เดี๋ยวก็ให้ไปอยู่กับพี่โน้ตอุดมเสียนี่ เสียงของเฮียเปิ้ลลอยมาแต่ไกลเลย รอให้ผมพูดเก่ง ๆ สะกดคนฟังได้ก่อน แล้วผมจะไปแบทเทิลกับเฮียแกครับ
ขอเล่าที่ไปที่มาของสหายขาวนิดหน่อย แกเป็น ผกก. เก่ามาจากทางเพชรบูรณ์ครับ แกถูกปลดออกจากราชการ จึงมาตั้งชนกลุ่มน้อยในป่าแถบจังหวัดกาญจนบุรี แกอยากยึดป่าเป็นอาณาจักรของแกเลย ใครเข้ามาถางป่าทำไร่ยิงทิ้ง ใครเข้ามาเดินเที่ยวป่า ยิงไล่ด้วยปืนอาก้าให้ออกไปให้หมด ป่าแถบนั้นไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไปยุ่งครับ แม้แต่เจ้าหน้าที่ มีคนตั้งฉายาให้แกว่าสหายขาวแห่งแม่น้ำใหญ่
ที่สารวัตรปิติได้รับมอบหมายภารกิจนี้ ก็เพราะไอ้สหายขาวคนนี้เนี่ย มันเหิมเกริมครับ ล่าสุดหมาด ๆ มันได้ฆ่าผู้ใหญ่บ้านชื่อจันดีตาย และฆ่าไอ้เหลิมชาวบ้านที่ไปถางป่าทำไร่ตาย แล้วนำศพไปฝังดินเอาไว้ มันมีสิทธิ์อะไรถึงได้ทำแบบนั้น และป่าก็ไม่ใช่ของมันแต่เพียงผู้เดียว พอได้รับมอบหมายภารกิจ สารวัตรจึงไปปรึกษาขอกำลังเสริมจากทางนั้น ปรากฏว่าโดนปฏิเสธให้ความร่วมมืออย่างไม่ใยดีครับ
“ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งหรอกไอ้น้อง ปล่อยให้เป็นเรื่องของ สปค. เขา เป็นเรื่องของความมั่นคง เรื่องของ ตชด. เรื่องของทหารเขาจัดการกันเอง พื้นที่เสี่ยงอันตราย เดี๋ยวจะพากันเข้าไปตายฟรีเอาเปล่า ๆ บลา ๆ”
สุดท้ายสารวัตรปิติก็คว้าน้ำเหลว แกมารายงานนาย นายจึงบอกว่างั้นให้ไปดูลาดเลาก่อน ไปดูแหล่งกบดานของมัน มีลูกสมุนกี่คน อาวุธยุทโธปกรณ์ครบมือไหม ทางเข้าทางออกตรงไหนบ้าง เพื่อจะกลับมาวางแผน และนำกำลังของเราไปบุกจับเลย นี่จึงเป็นเหตุให้ผมได้ไปเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีในครั้งนี้
คืนหนึ่งขณะที่ผมกำลังนอนเล่นเกมกับตี้ของผมอยู่อย่างเพลิดเพลิน ก็มีสายเรียกเข้าแทรกเข้ามา สารวัตรปิติโทรเข้าล่ะครับ ผมนี่หงุดหงิดมาก ขนาดเมียโทรเข้าผมยังไม่รับ แล้วเฮียเป็นใคร ผมจึงต้องรับสาย ขัดจังหวะเสียจริง ตี้ขาดผมแค่วินาทีเดียวก็ไม่ได้ เดี๋ยวไม่ได้กินไก่ครับ หึหึ
“ครับเฮีย” ผมกดรับสายในทันที
“อาตี๋หิตอีกสองวันเตรียมตัวให้พร้อมนะ เราจะไปเดินป่าเมืองกาญจน์กัน” เฮียกล่าว ผมนี่เขม่นเฮียในโทรศัพท์เลยครับ ผมหิตเฮียก็หิตเหมือนผมล่ะครับ เฮียน่ะหิตตัวพ่อเลย! ได้แค่เพียงพูดในใจ รักแกครับเลยหยอกแกเล่น
“ครับ ครับผม หวัดดีครับ” ผมรับทราบทันที นี่ก็นานแล้วที่ไม่ได้ออกปฏิบัติภารกิจ จากนั้นก็บอกแฟนให้ทราบ เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงกำชับว่าอย่าลืมนู่นนี่นั่นก็แล้วกัน เสื้อยันต์ สร้อยพระของพ่อที่ให้มาอย่าลืมเด็ดขาด จากนั้นผมก็กลับมาเล่นเกมกับเพื่อนต่ออย่างสบายอารมณ์
รอบนี้พวกเราไปกันสามคนนะครับ เฮียเลือกผมกับพี่บ่าวรุ่นพี่ของผมไปด้วย อย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้นว่า เราไม่ได้ออกปราบปรามหรือสู้กับใคร เราแค่ไปดูลาดเลาเอาไว้เท่านั้น เป็นการไปนอกเครื่องแบบ ทรงผมไม่ขาวสามด้านนะครับ พวกผมแต่งตัวกลมกลืนไปกับชาวบ้าน ชาวกะเหรี่ยงแถวนั้นล่ะ
แต่ละคนดูไม่ออกหรอกครับว่าเป็นตำรวจ เขาหาว่าเป็นโจรเป็นขโมยไปนู่น ยิ่งถ้าสาว ๆ ใครได้เจอพี่บ่าวของผมนะ รับรองมีเสียงกรี๊ดกร๊าดกันแน่นอน ไม่ร้องให้เตะ แกไม่ได้หล่อลากดินนะครับ น่ากลัว! ฮ่า
ส่วนผมน่ะหล่อใช้ได้ล่ะน่า หล่อกว่าเฮียเปิ้ลอีก สารวัตรนั่นล่ะครับ รายนี้ก็น่ากลัว เอาเป็นว่าทีมหนุ่มหล่อขาวตี๋มีผมนี่ล่ะหล่อกว่าใคร ๆ อ้าวอย่าพึ่งเบือนหน้าไปอ้วกสิคร้าบ ผมพูดความจริง แหะแหะ
พอวันเดินทางมาถึง พวกผมก็ไม่ลืมพกอาวุธติดไม้ติดมือไปด้วย ถึงไม่ได้ไปสู้รบปรบมือกับใคร ก็ควรระวังตัวเอาไว้เป็นดีที่สุด สารวัตรพกปืน M16 หนึ่งกระบอก พร้อมแม็กสั้น 120 นัด แม็กยาว 30 นัดและปืนพกอีกหนึ่งกระบอก
พี่บ่าวพกปืนพกหนึ่งกระบอก และเครื่องยิงระเบิด M79 หนึ่งกระบอก พร้อมกระสุน 6 นัด ส่วนผมพกปืนพกหนึ่งกระบอก M16 หนึ่งกระบอกพร้อมกระสุน 90 นัด นอกจากนั้นสารวัตรยังให้พกระเบิดไปด้วย พวกผมก็หักปืน M16 ออกเป็นสองส่วนใส่ลงในกระสอบแล้วสะพายขึ้นหลัง ทำเหมือนชาวบ้านเขาล่ะครับ จากนั้นก็จ้างกะเหรี่ยงนำทางเข้าป่าไป
เพราะไม่ได้มาปะทะกับใคร พวกผมจึงไม่ได้เตรียมเสบียงใด ๆ มาเลย ผมพกเพียงมาม่ามาสามห่อ เอ่อ ผมชอบขยี้กินแบบดิบ ๆ ครับ อร่อยดี กินแทนขนม ฮ่า น้ำเปล่าคนละขวด และขนมขบเคี้ยวอื่น ๆ ที่ซื้ออยู่ปากทางเข้าหมู่บ้าน ก่อนจะออกเดินป่ากัน ไม่ได้กะจะนอนในป่าด้วย แบบเข้าไปส่องดูฐานทัพของพวกมันแล้วก็กลับ อะไรประมาณนี้ครับ แต่ผิดคาดอย่างมหันต์!
พวกผมเดินชมนกชมไม้ในป่าอยู่ดี ๆ ผมกำลังกินมาม่าดิบเพลิน ๆ กับพี่บ่าว ดันไปเจอพระยกปืนขู่เสียนี่ พระวัยกลางคนนุ่งจีวรออกดำ ๆ กำลังยืนจังก้ายกปืน M16 ขู่พวกผมอยู่ มันไม่ยิงนะครับ มันเพียงถือขู่เฉย ๆ
“พวกมืงเข้ามาทำมั้ยวะ ออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นยิงไส้ทะลักแน่” พระรูปนั้นขู่พวกผมอย่างกับงูเห่า หน้าตาดุเอาเรื่อง ผมก็กำลังใช้ความคิดอยู่ว่า พระอะไรมาจำวัดในป่า แถมมีปืนด้วย พระในคาบโจร หรือ โจรในคาบพระกันว้า กำลังคิดในหัวอยู่นะครับ
พวกผมชูมือขึ้นเหนือหัว จากนั้นสารวัตรก็ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม เดินเข้าไปไหว้ใกล้ ๆ พระรูปนั้น แนะว่าการไหว้ใครที่ไม่รู้จักหรือว่ารู้สึกไม่ปลอดภัยแก่ตนเอง ผมแนะนำว่าอย่าหลบสายตานะครับ เพราะอาจโดนท้ายปืนได้ ต้องสบตากับมัน
“ท่านคร้าบ อย่าทำอะไรพวกผมเลยนะครับ พวกผมแค่มาเที่ยวป่า” สารวัตรปิติเข้าไปก้มไหว้ใกล้ ๆ จากนั้นเมื่อพระเผลอก็เสยคางพระรูปนั้นหงายท้องไปเลย ปืนกระเด็นหลุดออกจากมือไปไกล พี่บ่าวรีบกระโจนไปคว้าเอามาเก็บไว้กับตนเอง
ความเร็วเป็นของผมไม่ใช่ปีศาจเหมือนกัน พอมันล้มลงผมก็กระชากปืนออกจากเอว “ตายซะไอ้พระเหี้..ย“ ผมอุทานพร้อมชักปืนพกเหน็บที่เอวออกมายิงปั้งเดียวจอด ข้อหาทำให้ผมตกใจที่เอาปืน M16 มาขู่กัน แล้วทำให้ซองมาม่าผมหลุดมือหกหมด อดกินเลย แต่ไม่โดนครับ ถากกกหูไปนิด ถือว่าบุญของพระนั่นยังมี ชะตายังไม่ขาด
“ไอ้ตี๋อย่าเพิ่งฆ่า เค้นก่อน” สารวัตรร้องห้ามผม พร้อมพยุงให้พระลุกขึ้น มันช็อกกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ซึ่งคาดกับมัจจุราชไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด
“ท่านคร้าบผมต้องขอโทษแทนเด็กมันด้วยนะครับ เด็กมันตกใจ แถมยังเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนอีก นี่ถือว่าท่านมีบุญนะเนี่ยที่รอดมาได้ ลูกปืนไม่เจาะเข้ากระบาลเอา ผมไม่รู้ว่าท่านเป็นพระจริงหรือพระปลอม เอกสารอะไรมาแสดงก็ไม่มี แถมยังสะพายปืนอยู่ในป่าอีก ถ้าท่านไม่อยากตายเป็นผีพระเฝ้าป่าที่นี่ ท่านบอกที่กบดานของสหายขาวผมมาเถอะครับ” สารวัตรพูดคุยกับพระรูปนั้น พร้อมเอาปืนจี้ขู่ไปด้วย
พระบอกว่าเดินไปประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว ไปทางนั้นทางนี้ พวกมันมีกันทั้งหมดสามสิบคน อาวุธครบมือ และยืนยันว่าสหายขาวหรือเสือขาวผู้นี้ เคยเป็น ผกก. จริง ๆ ปฏิบัติงานที่เพชรบูรณ์ กะจะยึดครองแม่น้ำใหญ่เป็นของตนเองจริง
“อ่า ขอบคุณมากครับท่าน อย่างไรเสียผมคงปล่อยท่านกลับก่อนไม่ได้ครับ ผมใคร่ขอนิมนต์ท่านอยู่ที่นี่ก่อนนะครับ และท่านช่วยภาวนาให้ผมกับลูกน้องรอดกลับมาด้วยนะครับ เพราะถ้าหากผมรอดท่านก็รอดเหมือนกัน เพราะผมจะมัดท่านไว้ตรงนี้ก่อน แล้วอย่าคิดแหกปากร้องนะครับ ไม่อยากนั้นผมต่อยปากท่านบวมแน่”
สารวัตรพูดจบพวกผมก็จับพระรูปนั้นมัดเข้ากับต้นไม้ ไม่มีเชือกก็ใช้รัดประคดนั่นล่ะครับมัดเลย
“นิมนต์ท่านอยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ” สารวัตรกล่าวอีกครั้ง แล้วก็ให้กะเหรี่ยงที่นำทางกลับไปได้ พวกผมจะไปกันเองเพราะมันอันตรายเกินไป พอกะเหรี่ยงคนนั้นหายลับไปแล้ว พวกผมจึงออกเดินทางไปตามแผนที่ที่พระบอก
พระรูปนั้นบอกว่า จากตรงนี้เดินไปชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึง แต่พวกผมเดินจริง ๆ ปาไปสามชั่วโมงครับ เพราะมีตัวทากเป็นอุปสรรค พวกมันเกาะแข้งเกาะขายั้วเยี้ยเต็มไปหมด อะจึ๋ย
แต่ละตัวเท่านี่กันเลย เท่าหัวแม่มือล่ะครับ รอยที่ขายังอยู่ ๆ เลย ทำให้การเดินทางล่าช้ามาก ผมบ่นไปเดินไป พวกมืงก็อย่าเพิ่งมาดูดเลือดกูตอนนี้ได้ไหม หยิบออกจากหน้าแข้งตัวอย่างเป้งเลยครับ อะจึ๋ย! ยิ่งนึกถึงยิ่งน่ากลัว ขนลุก ร้ายกว่าสหายขาวก็ไอ้ทากนี่ล่ะครับ จั๊กเหนียมขามาก!!! แต่พวกผมก็สามารถฝ่าดงทากมาถึงรังของสหายขาวจนได้
สารวัตรใช้กล้องส่องทางไกลส่องดู พวกมันถางป่าเตียนหลายร้อยไร่ มีก้อนหินเป็นกำแพงหรือบังเกอร์อย่างดี มีกระท่อม มีอ่างน้ำคืออยู่สบายครับ ถึงแม้พวกมันอยู่ในป่าก็สบาย แต่ว่าที่เห็นมีคนเพียงสิบคนเอง อีกยี่สิบคนอาจออกไปทางป่าอยู่ก็ได้ อีกอย่างทำเลของพวกมันเหมาะมาก ขืนเข้าไปโดยไม่วางแผนแยบยลมีหวังตายฟรีครับ เข้าไปแบบโท่ง ๆ ตายฟรีแน่นอน
ครั้นพวกผมจะกลับออกไปก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นพวกมันได้รู้ตัวแน่ เพราะไอ้พระคนนั้นจะต้องนำเรื่องมาบอกชัวร์ เพราะฉะนั้นแล้ว พวกผมต้องจัดการตั้งแต่ตอนนี้วันนี้เสีย สารวัตรกับพวกผมซุ่มดูและวางแผนกันอยู่เงียบ ๆ
“อาตี๋” สารวัตรเรียกรวมผมกับพี่บ่าวครับ “มืงเป็นกองร้อยที่หนึ่งนะ” สารวัตรหันหน้ามาทางผม “กูเป็นกองร้อยที่สอง และมืงเป็นกองร้อยที่สาม” สารวัตรหันหน้าไปทางพี่บ่าว พวกผมพยักหน้าหงึก ๆ รับทราบ
“กูจะเป็นคนออกคำสั่ง โดยฟังคำสั่งจากกูเท่านั้น กูจะเป่านกหวีดปี๊ดยาว ๆ แล้วให้มืงไอ้สืบ ให้มืงพูดว่ากองร้อยที่หนึ่งรับทราบพร้อมปฏิบัติ จากนั้นมืงก็ยิงด้วยปืน M79 นะ สักสองลูก เข้าใจนะไอ้บ่าว มืงเป็นกองร้อยที่สาม ทำแบบเดียวกัน”