การพูดแบบนี้ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหรือไม่

วันก่อน พระจำเป็นต้องโทรหาโยมพี่สาวและได้โทรหาโยมพี่สาวซึ่งตรงกับในช่วงเข้าปริวาสกรรม ทีนี้ก็ได้รับข้อมูลว่าห้ามต้องอาบัติสังฆาทิเสสซ้อน พระจึงพยายามอย่างมากในช่วงระหว่างปฏิบัตินี้เพื่อหลีกเลี่ยงการต้องอาบัติดังกล่าวซ้ำซ้อน เพราะจะแก้ไขได้ยาก จึงส่งผลให้ลึก ๆ พระเป็นกังวล ไม่กล้าติดต่อใครหากไม่จำเป็นแม้กระทั่งคนในครอบครัว แต่แล้วก็มีเหตุจำเป็นต้องติดต่อโยมพี่สาว ระหว่างสนทนากันนั้น พระก็คิดในใจกับตนเองตลอดการสนทนานั้นเสมอว่าระวังคำพูดคำจาห้ามพูดเสมือนตอนเป็นฆารวาส และกังวลมาก ๆ ว่าจะต้องอาบัติสังฆาทิเสสหรือไม่ ในบางความคิดมันก็คิดไปเองในคำพูดแบบฆารวาส แต่ก็ไม่ได้หลุดพูดออกมา แต่บางช่วงมีพูดและใช้คำแบบคนธรรมดาหลุดออกมา แต่ก็ตกใจรีบเปลี่ยนคำพูดใหม่ ซึ่งตอนนั้นพระกับโยมพี่สาวกำลังสนทนากันเรื่องไปเที่ยวงานประจำปีหลังพระสึกออกมา โยมพี่สาวก็ถามว่าจะไปเที่ยวด้วยหรือไม่ พระก็ตอบออกมาว่า "หากไม่ขี้เกียจ อยาก เอ้ย อาจจะลงไปเที่ยว"  จากประโยคที่ตอบออกไปแบบนี้เอง ก็เลยทำให้เป็นกังวลว่าจะต้องอาบัติสังฆาทิเสสซ้อนในระหว่างอยู่ปริวาสนี้หรือไม่ พระคิดไม่ตกเลย และพระพยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนว่า แม้ในตอนนั้นจิตใจจะคิดว่อกแว่กในทางถึงเรื่องลักษณะการพูดที่ต้องอาบัติกับสตรี หากในความเป็นจริงการสนทนาในครั้งนั้นไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น ก็ไม่ต้องอาบัติใด ๆ  พระจึงขอผู้รู้ทุกท่านมาช่วยยืนยันความคิดนี้ว่าหลวงพี่เข้าใจถูกต้องแล้วว่าไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสสระหว่างการอยู่กรรมครั้งนี้

ป.ล. พระมีโรคประจำตัว คือ แพนิค ด้วย ในหลายครั้งที่กลัวการต้องครุอาบัติ  (อาบัติหนัก) หลวงพี่จะกำมือตัวเองไว้เสมอ ๆ แม้กระทั่งตอนบิณฑบาต ก็จะจับบาตรไว้แน่นและไม่มองหน้า เพราะกลัวการต้องกายสตรีเป็นอย่างมาก กลัวบาปกรรมจะหนักเพิ่มขึ้นไปอีก กลัวโยมบิดามารดาที่ถึงแก่กรรมแล้วจะไม่ได้รับผลบุญมากเท่าที่จะมากได้ 

อนึ่ง พระขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบที่เป็นประโยชน์มาก ๆ ขอให้ความช่วยเหลือในการตอบคำถามนี้ของทุก ๆ ท่านที่มีส่วนร่วมจงส่งผลให้ท่านและครอบครัวมีความสุขและพบแต่ความเจริญครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่