เมื่ออยู่ดีๆ ก็ต้องมามองโลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป กับอาการจอประสาทตาเสื่อม

สามอาทิตย์ก่อน ขับรถอยู่ดีๆ ก็มีเหมือนจุดแสงแว็บๆเล็กๆขึ้นมา แต่สักพักก็หายไป ก็นึกว่ามีอะไรมาติดตาหรือป่าว

ต่อมา ปั่นจักรยานอยู่ดีๆ จุดแสงขึ้นมาอีกแล้ว เลยคิดว่าผิดปรกติแล้ว เลยเซิสหาข้อมูลในเน็ท ผลปรากฏว่า เป็นอาการของจอประสาทตาเสื่อม ทดลองปิดตาข้างนึงแล้วมองตารางสี่เหลี่ยม พบว่า ตาขวาให้ภาพบิดเบี้ยวจริงๆ แต่ตาซ้ายยังปรกติ

เลยรีบไปหาหมอ ก็แสกนตาผลออกมา ก็พบว่า เป็นจอประสาทตาเสื่อมจริงๆ โดยเกิดจาก เส้นเลือดฝอยในตาแตก ทำให้เลือดดันเลน์ตาออกมาจนเลนส์บิดเบี้ยว พอเลนส์เบี้ยวการรับภาพก็เลยเบี้ยวตาม

หมอเลยส่งต่อไปยังหมอเฉพาะทาง โดยจะนัดไปคุยเรื่องการวางแผนการรักษาวันที่ 31 นี้

แต่เท่าที่ค้นข้อมูลมาคร่าวๆ อาการนี้ ทำให้กลับมา 100% เหมือนเดิมไม่ได้ ทำได้แค่ไม่ให้เป็นมากไปกว่าเดิม ถ้ามองในแง่ดี ก็ดีกว่าสมัยก่อนที่รอตาบอดอย่างเดียว(อาการเหมือนจะบอดแค่จุดกลางแต่จะยังเห็นขอบภาพ)

แต่เท่าที่ดูจากความเสี่ยง คนที่มีอาการมักจะมีอายุ 50-60 ปีขึ้นไป หรือสูบบุหรี่บ่อย หรือความดันสูง หรือพันธุกรรม

ส่วนผมอายุแค่สี่กลางๆ ไม่สูบบุหรี่ ญาติๆสายตรงก็ไม่มีใครเป็น ความดันเคยสูง แต่หลังจากปั่นจักรยานก็ลงมาเกณฑ์ปรกติ

หมอบอก ของคุณนี่ถือว่าเป็นเร็วเกินไป

ก็ใครมีอะไรแนะนำ แนะนำมาได้นะครับ รอคุยหมอวันที่ 31 นี้ว่าจะรักษายังไงแล้วยังจะใช้ชีวิตได้ปรกติหรือป่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่