บทที่ 11 หลักฐานชิ้นสำคัญ
"ตายแล้ว ! ไปฟัดกับอะไรมาเหรอลูก เยินมาเชียว"
"เข้าไปยิงสัตว์ในป่ามาน่ะแม่ ล้มลุกคลุกคลานนิดหน่อย"
แม่มองผมด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะเชื่อถือนัก
"บอกว่าไปยิงสัตว์ แต่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรไปเลยเนี่ยนะ เอาเถอะ ไปอาบน้ำให้เสร็จเสียก่อนแล้วเดี้ยวแม่จะทำแผลให้"
"น้าเอ้ไปไหน ป่านนี้ไม่เห็นมากินข้าว"
"ออกไปนั่งห้างยิงสัตว์กับเดชน่ะ กว่าจะกลับก็พรุ่งนี้เช้านู้นแหละ"
ผมรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วรีบกลับมาที่โต๊ะเพื่อให้แม่ทำแผลให้
"นี่ลูกกับเอนกสองคน คงไม่ได้ไปก่อเรื่องไม่ดีกันมาใช่ไหม"
"เอนกกลับไปแล้วนี่ครับแม่"
"แม่รู้แล้ว ก็เขาเพิ่งมาลาแม่เมื่อตอนบ่าย"
"มันพูดถึงผมว่าไงบ้าง"
"เขาบอกแค่ว่าเป็นห่วง กลัวลูกจะเข้าไปพัวพันกับคนไม่ดี เขาอยากให้แม่คอยดูแลลูกน่ะ"
"ไอ้ปากมอมเอ้ย !" ผมนึกในใจ ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยหลบสายตาของแม่ที่คอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา
"อย่าไปเชื่อมันเลยครับ ไอ้เหนกมันชอบแต่งเรื่องจะตายไป โอ้ย ! เบาหน่อยสิครับ"
"ทนเอาหน่อยเดี้ยวก็เสร็จแล้ว ว่าแต่ ลูกยังไม่รีบกลับเหมือนเอนกใช่ไหม"
"ยังหรอกครับ ผมอยากอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพัก"
"ดีแล้ว แม่ก็ไม่อยากให้ลูกรีบกลับเหมือนกัน อยู่ที่นี่ให้แม่หายคิดถึงก่อนนะลูกนะ เอาละ เสร็จแล้ว กินข้าวได้"
พูดจบแม่ก็เอามือมายีที่หัวของผม ท่านทำอย่างกับว่าผมเป็นเด็กๆ พอหลังจากทานข้าวเสร็จผมก็ขึ้นไปชั้นบนเพื่อพักผ่อน แต่ในขณะที่เดินก็เหมือนมีอะไรบางอย่างมาดลใจให้ผมหันมองกลับลงไปที่ด้านล่างจากราวบันได มองเห็นแม่กำลังเก็บจานอยู่ แม่เอามือข้างหนึ่งปาดไปที่ใบหน้าซ้ำๆ ใช่ แม่กำลังร้องไห้ เป็นครั้งแรกที่เห็นท่านร้องไห้ มันทำเอาผมซึมไปเลย ผมพยายามเดินเข้าห้องไปให้เงียบที่สุดเพื่อไม่ให้แม่ได้ยิน
เช้าวันต่อมาผมตื่นแต่เช้าตั้งใจจะไปโรงพัก แต่ขณะที่เดินออกมาที่หน้าบ้าน ก็เห็นน้าเอ้เดินแบกหมูป่าตัวใหญ่เดินสวนเข้ามาพอดี
"จะออกไปไหนแต่เช้าล่ะที"
"จะไปวิ่งออกกำลังหน่อยน่ะครับ ว่าแต่ได้หมูป่าตัวใหญ่เชียวนะ อ้าว แล้วแขนนั่นไปโดนอะไรมาล่ะ"
"ก็ไอ้เจ้าตัวนี้แหละที่มันทำ น้ายิงมันสองนัดจนล้มไปแล้ว พอรุ่งเช้าน้าก็ลงไปดูมันนึกว่าตายแล้วที่ไหนได้ มันกลีบลุกขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าใส่ น้าก็เลยจัดการมันด้วยมีดพกนี่แหละ มันร้ายจริงๆนะไอ้พวกนี้ ตายยากจริงๆ แล้วนี่จะไม่อยู่กินแกงหมูป่าด้วยกันเหรอ"
"ผมไปไม่นานหรอกครับ สายๆก็กลับแล้ว"
พูดจบผมก็รีบเดินต่อไปที่รถทันที แต่เมื่อผมหันกลับไปมองก็ยังเห็นน้าเอ้ยืนอยู่ที่เดิม และยังคงจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาแปลกๆ
"สวัสดีครับผู้หมวด ผมมีเรื่องอยากจะขอให้ผู้ช่วยลงบันทึกประจำวันให้หน่อย"
ร้อยเวรที่ทำท่าทางเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน เงยหน้ามองผมด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจนัก
"มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ"
"คือผมเจอปืนนี่ที่ป่าท้ายหมู่บ้าน อาจเป็นของพวกที่มาล่าสัตว์"
"อืม งั้นช่วยกรอกชื่อที่อยู่ตรงนี้ด้วย"
"อ้อ ได้ครับ เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว คืออย่างนี้นะครับ ผมยังสงสัยว่าปืนนี่น่ะจะสามารถตามหาเจ้าของได้หรือเปล่า"
"ได้สิ ปืนมันมีหมายเลขของมันอยู่ ถ้าถูกกฏหมายมันก็ต้องตรวจสอบได้ แต่ถ้าเป็นปืนเถีอนมันก็ยากหน่อย"
"ทราบผลเร็วที่สุดเมื่อไหร่"
"คุณจะทราบไปทำไม"
"คือผมสนใจปืนนี่ก็เพราะมันสวยถูกใจผมน่ะครับเลยอยากรู้จักกับเจ้าของมัน ไม่แน่บางทีผมอาจจะซื้อต่อกับเขาก็ได้ ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมจะกลับมาฟังผลอีกทีนะครับ"
ผู้หมวดพยักหน้าแทนคำพูด ท่าทางเขาเหมือนกับคนที่ต้องการพักผ่อน
"แต่ว่าผมยังมีเรื่องที่สงสัยและอยากจะรบกวนผู้หมวดอีกสักเรื่อง"
"มีอะไรอีกล่ะ"
"คือเรื่องคดีที่ผ่านมาเมื่อสี่ปีก่อน คดีของผู้หญิงที่ชื่อว่านิษา คนที่ผูกคอตายน่ะครับ ไม่ทราบว่ายังพอจะมีข้าวของที่ติดตัวเธอหลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า"
"คดีนั้นมันผ่านมานานมากแล้ว และนี่มันก็ยังเช้าอยู่เลยนะคุณ"
"นี่คงจะพอช่วยได้"
ผู้หมวดมีสายตาลุกวาวเมื่อได้เห็นธนบัตรใบละหนึ่งพ้นสามสี่ใบในกำมือผมที่กำลังยื่นให้ใต้โต๊ะ
"ถือเป็นค่ากาแฟก็แล้วกันนะครับ"
"นี่คุณกำลังจะคิดสินบนเจ้าหน้าที่อย่างนั้นเหรอ"
"โธ่ หมวด ก็นี่มันยังเช้าอยู่มากเลยนะ หันไปมองรอบๆสิมีใครที่ไหน ถ้าหมวดไม่พูดผมไม่พูด แล้วใครมันจะมารู้"
ผู้หมวดหันซ้ายหันขวาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรีบหยิบเงินจากมือผมแล้วพูดห้วนๆ
"ตามผมมา"
"พวกของใช้ที่ติดตัวเธอมาก็มีอยู่เท่านี้แหละ พวกกระเป๋าและเครื่องสำอางค์ ส่วนโทรศัพท์มือถือแฟนของเธอมาเอาไปแล้ว"
ผมหยิบรูปถ่ายที่ถ่ายไว้โดยเจ้าหน้าที่ และพวกสิ่งของต่างๆของเธอมาดู
"ใช้เครื่องเดียวกันกับในรูปนี้หรือเปล่า"
"ใช่ๆ เครื่องนี้แหละ หมอนั้นบอกว่าเขาเป็นคนซื้อให้เธอ"
ผมยืนอยู่ตรงนั้นได้สักครู่ จึงบอกขอบคุณผู้หมวด แล้วออกจากโรงพักเพื่อกลับไปที่บ้านของนิษา ทำไมผมถึงต้องกลับไปที่นั่นอีกครั้งน่ะเหรอ ก็เพราะโทรศัพท์นั่นยังไงล่ะ ผมคิดว่ามันเป็นเครื่องเดียวกันกับที่พบในศพของอมรชัย ทางเดียวที่ผมจะแน่ใจได้ คือต้องกลับไปดูอีกครั้ง
ผมบึ่งรถกลับไปที่บ้านของนิษา ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็ได้โทรศัพท์นั่นมา และเมื่อเทียบจากที่ได้จากโรงพักแล้ว มันก็เป็นไปอย่างที่ผมคิดเอาไว้โทรศัพท์เครื่องนี้เป็นของนิษาจริงๆด้วย และอมรชัยกลับมาที่นี่เพราะต้องการสืบเรื่องนี้เหมือนกัน
ชิตชัย "แล้วทำไมเขาถึงไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจล่ะ"
ชลนที "เปล่าประโยชน์ พวกตำรวจจะไม่ทำอะไรหรอก เพราะพวกเขาได้สรุปไปแล้วว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แล้วหลักฐานเพิ่มเติมก็ไม่มี อีกทั้งสภาพศพในรูปถ่ายจากที่ผมได้เห็นในโรงพักมันก็ไม่ได้มีรอยเขียวช้ำอย่างนิษาได้กล่าวอ้าง ต้องยอมรับว่าฆาตรกรรอบคอบพอสมควร
ชิตชัย "งั้นอมรชัยก็ไม่ได้เชื่อว่านิษาฆ่าตัวตายงั้นสิ"
ชลนที "ตอนนั้นเขาอาจรู้เบาะแสอะไรบางอย่างจากใครมา ผมก็ไม่แน่ใจแต่ที่แน่ๆคือเขากลับไปที่นั่นแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย"
หลังจากออกจากบ้านของนิษา ผมก็แวะมาที่สระน้ำหลังโรงเรียนที่มิ้นเสียชีวิต ซึ่งเป็นทางผ่านพอดี ผมพยายามมองหาร่องรอยที่ยังหลงเหลืออยู่ตามคำบอกเล่าของน้าดา แต่ด้วยเวลาที่ผ่านมานานมากแล้วจึงทำให้ไม่เห็นอะไรนอกจากต้นหญ้าที่ขึ้นรกอยู่ตามขอบสระอันลาดชัน ผมแก้ผ้าล่อนจ้อนแล้วกระโดดลงไปในน้ำเพื่อหว้งว่าจะพบหลักฐานอะไรเพิ่มเติม แต่หลังจากดำผุดดำว่ายอยู่นานนับชั่วโมง ผมก็จำใจต้องขึ้นมาเพราะความหนาวเย็นของน้ำ ผลก็คือผมหาอะไรไม่เจอเลย อาจเป็นเพราะสระน้ำถูกขุดลอกใหม่ โทรศัพท์ของมิ้นที่ทำตกก็อาจจมอยู่ในพื้นดินแล้วก็ได้ ซึ่งก็แน่นอนว่าหลักฐานที่อาจเชื่อมโยงคดีของมิ้นกับนิษาเข้าด้วยกันก็คงจะมีแค่โทรศัพท์มือถือของนิษาเครื่องนี้เท่านั้น ขึ้นจากน้ำได้ไม่นานผมก็ขับรถเข้าไปในเมืองต่อทันที
อดีตหลอน ซ่อนอำมหิต (บทที่11)
บทที่ 11 หลักฐานชิ้นสำคัญ
"ตายแล้ว ! ไปฟัดกับอะไรมาเหรอลูก เยินมาเชียว"
"เข้าไปยิงสัตว์ในป่ามาน่ะแม่ ล้มลุกคลุกคลานนิดหน่อย"
แม่มองผมด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะเชื่อถือนัก
"บอกว่าไปยิงสัตว์ แต่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรไปเลยเนี่ยนะ เอาเถอะ ไปอาบน้ำให้เสร็จเสียก่อนแล้วเดี้ยวแม่จะทำแผลให้"
"น้าเอ้ไปไหน ป่านนี้ไม่เห็นมากินข้าว"
"ออกไปนั่งห้างยิงสัตว์กับเดชน่ะ กว่าจะกลับก็พรุ่งนี้เช้านู้นแหละ"
ผมรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วรีบกลับมาที่โต๊ะเพื่อให้แม่ทำแผลให้
"นี่ลูกกับเอนกสองคน คงไม่ได้ไปก่อเรื่องไม่ดีกันมาใช่ไหม"
"เอนกกลับไปแล้วนี่ครับแม่"
"แม่รู้แล้ว ก็เขาเพิ่งมาลาแม่เมื่อตอนบ่าย"
"มันพูดถึงผมว่าไงบ้าง"
"เขาบอกแค่ว่าเป็นห่วง กลัวลูกจะเข้าไปพัวพันกับคนไม่ดี เขาอยากให้แม่คอยดูแลลูกน่ะ"
"ไอ้ปากมอมเอ้ย !" ผมนึกในใจ ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยหลบสายตาของแม่ที่คอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา
"อย่าไปเชื่อมันเลยครับ ไอ้เหนกมันชอบแต่งเรื่องจะตายไป โอ้ย ! เบาหน่อยสิครับ"
"ทนเอาหน่อยเดี้ยวก็เสร็จแล้ว ว่าแต่ ลูกยังไม่รีบกลับเหมือนเอนกใช่ไหม"
"ยังหรอกครับ ผมอยากอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพัก"
"ดีแล้ว แม่ก็ไม่อยากให้ลูกรีบกลับเหมือนกัน อยู่ที่นี่ให้แม่หายคิดถึงก่อนนะลูกนะ เอาละ เสร็จแล้ว กินข้าวได้"
พูดจบแม่ก็เอามือมายีที่หัวของผม ท่านทำอย่างกับว่าผมเป็นเด็กๆ พอหลังจากทานข้าวเสร็จผมก็ขึ้นไปชั้นบนเพื่อพักผ่อน แต่ในขณะที่เดินก็เหมือนมีอะไรบางอย่างมาดลใจให้ผมหันมองกลับลงไปที่ด้านล่างจากราวบันได มองเห็นแม่กำลังเก็บจานอยู่ แม่เอามือข้างหนึ่งปาดไปที่ใบหน้าซ้ำๆ ใช่ แม่กำลังร้องไห้ เป็นครั้งแรกที่เห็นท่านร้องไห้ มันทำเอาผมซึมไปเลย ผมพยายามเดินเข้าห้องไปให้เงียบที่สุดเพื่อไม่ให้แม่ได้ยิน
เช้าวันต่อมาผมตื่นแต่เช้าตั้งใจจะไปโรงพัก แต่ขณะที่เดินออกมาที่หน้าบ้าน ก็เห็นน้าเอ้เดินแบกหมูป่าตัวใหญ่เดินสวนเข้ามาพอดี
"จะออกไปไหนแต่เช้าล่ะที"
"จะไปวิ่งออกกำลังหน่อยน่ะครับ ว่าแต่ได้หมูป่าตัวใหญ่เชียวนะ อ้าว แล้วแขนนั่นไปโดนอะไรมาล่ะ"
"ก็ไอ้เจ้าตัวนี้แหละที่มันทำ น้ายิงมันสองนัดจนล้มไปแล้ว พอรุ่งเช้าน้าก็ลงไปดูมันนึกว่าตายแล้วที่ไหนได้ มันกลีบลุกขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าใส่ น้าก็เลยจัดการมันด้วยมีดพกนี่แหละ มันร้ายจริงๆนะไอ้พวกนี้ ตายยากจริงๆ แล้วนี่จะไม่อยู่กินแกงหมูป่าด้วยกันเหรอ"
"ผมไปไม่นานหรอกครับ สายๆก็กลับแล้ว"
พูดจบผมก็รีบเดินต่อไปที่รถทันที แต่เมื่อผมหันกลับไปมองก็ยังเห็นน้าเอ้ยืนอยู่ที่เดิม และยังคงจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาแปลกๆ
"สวัสดีครับผู้หมวด ผมมีเรื่องอยากจะขอให้ผู้ช่วยลงบันทึกประจำวันให้หน่อย"
ร้อยเวรที่ทำท่าทางเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน เงยหน้ามองผมด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจนัก
"มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ"
"คือผมเจอปืนนี่ที่ป่าท้ายหมู่บ้าน อาจเป็นของพวกที่มาล่าสัตว์"
"อืม งั้นช่วยกรอกชื่อที่อยู่ตรงนี้ด้วย"
"อ้อ ได้ครับ เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว คืออย่างนี้นะครับ ผมยังสงสัยว่าปืนนี่น่ะจะสามารถตามหาเจ้าของได้หรือเปล่า"
"ได้สิ ปืนมันมีหมายเลขของมันอยู่ ถ้าถูกกฏหมายมันก็ต้องตรวจสอบได้ แต่ถ้าเป็นปืนเถีอนมันก็ยากหน่อย"
"ทราบผลเร็วที่สุดเมื่อไหร่"
"คุณจะทราบไปทำไม"
"คือผมสนใจปืนนี่ก็เพราะมันสวยถูกใจผมน่ะครับเลยอยากรู้จักกับเจ้าของมัน ไม่แน่บางทีผมอาจจะซื้อต่อกับเขาก็ได้ ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมจะกลับมาฟังผลอีกทีนะครับ"
ผู้หมวดพยักหน้าแทนคำพูด ท่าทางเขาเหมือนกับคนที่ต้องการพักผ่อน
"แต่ว่าผมยังมีเรื่องที่สงสัยและอยากจะรบกวนผู้หมวดอีกสักเรื่อง"
"มีอะไรอีกล่ะ"
"คือเรื่องคดีที่ผ่านมาเมื่อสี่ปีก่อน คดีของผู้หญิงที่ชื่อว่านิษา คนที่ผูกคอตายน่ะครับ ไม่ทราบว่ายังพอจะมีข้าวของที่ติดตัวเธอหลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า"
"คดีนั้นมันผ่านมานานมากแล้ว และนี่มันก็ยังเช้าอยู่เลยนะคุณ"
"นี่คงจะพอช่วยได้"
ผู้หมวดมีสายตาลุกวาวเมื่อได้เห็นธนบัตรใบละหนึ่งพ้นสามสี่ใบในกำมือผมที่กำลังยื่นให้ใต้โต๊ะ
"ถือเป็นค่ากาแฟก็แล้วกันนะครับ"
"นี่คุณกำลังจะคิดสินบนเจ้าหน้าที่อย่างนั้นเหรอ"
"โธ่ หมวด ก็นี่มันยังเช้าอยู่มากเลยนะ หันไปมองรอบๆสิมีใครที่ไหน ถ้าหมวดไม่พูดผมไม่พูด แล้วใครมันจะมารู้"
ผู้หมวดหันซ้ายหันขวาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรีบหยิบเงินจากมือผมแล้วพูดห้วนๆ
"ตามผมมา"
"พวกของใช้ที่ติดตัวเธอมาก็มีอยู่เท่านี้แหละ พวกกระเป๋าและเครื่องสำอางค์ ส่วนโทรศัพท์มือถือแฟนของเธอมาเอาไปแล้ว"
ผมหยิบรูปถ่ายที่ถ่ายไว้โดยเจ้าหน้าที่ และพวกสิ่งของต่างๆของเธอมาดู
"ใช้เครื่องเดียวกันกับในรูปนี้หรือเปล่า"
"ใช่ๆ เครื่องนี้แหละ หมอนั้นบอกว่าเขาเป็นคนซื้อให้เธอ"
ผมยืนอยู่ตรงนั้นได้สักครู่ จึงบอกขอบคุณผู้หมวด แล้วออกจากโรงพักเพื่อกลับไปที่บ้านของนิษา ทำไมผมถึงต้องกลับไปที่นั่นอีกครั้งน่ะเหรอ ก็เพราะโทรศัพท์นั่นยังไงล่ะ ผมคิดว่ามันเป็นเครื่องเดียวกันกับที่พบในศพของอมรชัย ทางเดียวที่ผมจะแน่ใจได้ คือต้องกลับไปดูอีกครั้ง
ผมบึ่งรถกลับไปที่บ้านของนิษา ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็ได้โทรศัพท์นั่นมา และเมื่อเทียบจากที่ได้จากโรงพักแล้ว มันก็เป็นไปอย่างที่ผมคิดเอาไว้โทรศัพท์เครื่องนี้เป็นของนิษาจริงๆด้วย และอมรชัยกลับมาที่นี่เพราะต้องการสืบเรื่องนี้เหมือนกัน
ชิตชัย "แล้วทำไมเขาถึงไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจล่ะ"
ชลนที "เปล่าประโยชน์ พวกตำรวจจะไม่ทำอะไรหรอก เพราะพวกเขาได้สรุปไปแล้วว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แล้วหลักฐานเพิ่มเติมก็ไม่มี อีกทั้งสภาพศพในรูปถ่ายจากที่ผมได้เห็นในโรงพักมันก็ไม่ได้มีรอยเขียวช้ำอย่างนิษาได้กล่าวอ้าง ต้องยอมรับว่าฆาตรกรรอบคอบพอสมควร
ชิตชัย "งั้นอมรชัยก็ไม่ได้เชื่อว่านิษาฆ่าตัวตายงั้นสิ"
ชลนที "ตอนนั้นเขาอาจรู้เบาะแสอะไรบางอย่างจากใครมา ผมก็ไม่แน่ใจแต่ที่แน่ๆคือเขากลับไปที่นั่นแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย"
หลังจากออกจากบ้านของนิษา ผมก็แวะมาที่สระน้ำหลังโรงเรียนที่มิ้นเสียชีวิต ซึ่งเป็นทางผ่านพอดี ผมพยายามมองหาร่องรอยที่ยังหลงเหลืออยู่ตามคำบอกเล่าของน้าดา แต่ด้วยเวลาที่ผ่านมานานมากแล้วจึงทำให้ไม่เห็นอะไรนอกจากต้นหญ้าที่ขึ้นรกอยู่ตามขอบสระอันลาดชัน ผมแก้ผ้าล่อนจ้อนแล้วกระโดดลงไปในน้ำเพื่อหว้งว่าจะพบหลักฐานอะไรเพิ่มเติม แต่หลังจากดำผุดดำว่ายอยู่นานนับชั่วโมง ผมก็จำใจต้องขึ้นมาเพราะความหนาวเย็นของน้ำ ผลก็คือผมหาอะไรไม่เจอเลย อาจเป็นเพราะสระน้ำถูกขุดลอกใหม่ โทรศัพท์ของมิ้นที่ทำตกก็อาจจมอยู่ในพื้นดินแล้วก็ได้ ซึ่งก็แน่นอนว่าหลักฐานที่อาจเชื่อมโยงคดีของมิ้นกับนิษาเข้าด้วยกันก็คงจะมีแค่โทรศัพท์มือถือของนิษาเครื่องนี้เท่านั้น ขึ้นจากน้ำได้ไม่นานผมก็ขับรถเข้าไปในเมืองต่อทันที