โรงเรียนนานชาติที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษและไทยเป็นหลักในการสอนที่เชียงใหม่ ไม่ให้เลื่อนชั้น ไม่ให้ซ้ำชั้น ตอนอนุบาลสาม

2561
ลูกชายเริ่มเข้าเรียนตั้งแต่เตรียมอนุบาล ตอนนั้นประทับใจในคุณภาพของครูมากครับ สอนผ่านการเล่นจนน้องพูดภาษาได้ในระดับบอกได้ว่าเจ็บ หิวน้ำ หิวข้าว บอกว่าจะไปห้องน้ำคนเดียวได้ครูดูแลเป็นอย่างดีสอบถามไปก็จะได้รายละเอียดพัฒนาการครบครัน เล่นกับเพื่อนได้ปกติ
 
2562
เริ่มเข้าเรียนอนุบาลปีแรกน่าจะเจอปัญหาการปรับตัวลูกชายไม่ค่อยเล่นกับเพื่อน ครูบอกเมื่อครบปีว่าลูกชายไม่ค่อยเล่น ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับใคร ยังบอกด้วยว่าโรงเรียนนี้อาจจะไม่เหมาะกับน้อง แต่ยังมีเวลาอีกเยอะ ตลอดปีผมจะสอบถามเป็นระยะๆอยู่เสมอว่ามีปัญหาอะไรต้องกังวลไหมก็ได้รับคำตอบว่าโอเคไม่มีอะไร
 
2563
อนุบาลสองโรงเรียนมีการเปลี่ยนครูประจำห้องของลูกชาย เทอมแรกครูบอกไม่มีปัญหาเหมือนเดิม ลูกชายเข้าใจภาษาที่ครูพูดกับเค้า สอบถามพัฒนาการก็แทบจะไม่ตอบ ถ้าตอบก็โอเคๆไม่มีอะไรเหมือนเดิม หลังจากนั้นก็โควิดระบาดยาว เรียกได้ว่าแทบไม่ได้ไปโรงเรียนอีกเลยหลังจากนั้นจนหมดปีการศึกษาและก็ไม่ได้มีการพูดคุยกับคุณครูถึงพัฒนาการของลูกชายไปโดยปริยาย ช่วงที่ไม่ได้ไปโรงเรียนก็หาคุณครูมาสอนภาษาเสริมให้ลูกชายเพราะเกรงว่าพัฒนาการด้านภาษาจะหยุดไปเพราะไม่ได้ไปโรงเรียน
 
2564
อนุบาลสามโควิดยังคงระบาดในเทอมแรกยาวมาจนถึงต้นๆเทอมสอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ยังคงให้ลูกชายเรียนเสริมภาษานอกโรงเรียนเป็นระยะๆ ได้หยุดเรียนเสริมบ้างในช่วงที่โควิดระบาดหนัก โรงเรียนก็ยังเหมือนเดิมแทบไม่ได้ไปเพราะโรคระบาด
 
2565
พอมาถึงกลางเทอมสองอนุบาลสามทางโรงเรียนได้ประกาศให้กลับมาเรียนได้ตามปกติ เดือนมกราคมครูก็ขอนัดคุย ผมกับแฟนก็คิดว่าคงเป็นการคุยปกติทั่วไปถึงพัฒนาการเด็กซึ่งควรจะมีทุกปีอยู่แล้วแต่งดไปช่วงโควิด แต่ครูแจ้งว่าพัฒนาการของลูกชายไม่ดีเลยควรจะคิดเรื่องย้ายโรงเรียนนะ หืมมม ตอนนั้นช๊อคมากครับคิดอะไรไม่ออกอยู่ๆเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ผมก็ได้แต่บอกครูไปว่าแล้วจะให้ลูกชายไปอ่านออกเขียนได้ภาษาไทยอังกฤษภายในเวลาสามเดือนได้ยังไงกัน ครูก็ตอบมาว่าโอ้เหรอ.... ครูแจ้งเพิ่มเติมว่าน่าจะช่วงมีนาคมจะมีการทดสอบเด็กที่จะขึ้น ป1 ว่าพัฒนาการผ่านไหมแล้วจะบอกอีกทีช่วงใกล้ๆ
 
หลังจากนั้นผมก็ขอเข้าพบกับครูใหญ่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าจะทำอะไรได้บ้าง แต่ก่อนที่จะเข้าพบ ผมก็ได้ขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่คนไทยในโรงเรียนว่าจะทำยังไงได้บ้าง ขออนุญาตใช้นามสุมมุติว่าพี่ต้นครับ พี่ต้นแนะนำได้ดีมากครับแกช่วยเต็มที่ทั้งๆที่ไม่ใช่หน้าที่อะไรของแกเลย พี่ต้นเคยเรียนและทำงานที่ประเทศนั้นมาก่อนก็บอกว่าระบบนี้เด็กถ้าไม่พร้อมก็ซ้ำชั้นไปก่อนรอให้พร้อมถึงจะได้เลื่อนชั้น ซึ่งก็ตรงกับที่ผมรับรู้มาตลอดว่าระบบนี้ซ้ำชั้นมันเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติ พี่ต้นแนะนำอีกว่าคุณพ่อก็อาจจะเตรียมแผนพัฒนาการน้องไปให้โรงเรียนดูว่าเราช่วยลูกชายจากที่บ้านแบบนี้นะ โรงเรียนมีคำแนะนำอะไรไหม ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าครอบครัวพร้อมช่วยเสมอ
เมื่อพบครูใหญ่ก็บอกว่ารอดูๆ กันอีกทีแผนพัฒนาลูกชายที่ผมเอาให้ดูแกก็ดูแล้วก็วางลงไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้แนะนำอะไรว่าแผนของผมมันดีหรือไม่ดีอย่างไร บอกมาอีกว่าเด็กเป็นคนไทยก็ต้องให้เรียนภาษาไทยด้วยนะ...
 
หลังจากนั้นผมและแฟนก็บอกลูกชายว่าให้พูดแต่ภาษานั้นนะที่โรงเรียน ลูกจะได้พูดเก่งๆนะลูก ซึ่งเท่าที่ไปรับลูกชายก็เห็นแกวิ่งเล่นกับเด็กๆคนอื่นๆและพูดภาษาโต้ตอบกับเด็กคนอื่นได้ นำเด็กคนอื่นๆวิ่งเล่นได้ สอบถามครูก็บอกว่าลูกชายพูดเป็นประโยคยาวๆได้แล้ว ดีขึ้นๆ
 
เมื่อถึงมีนาคมผมสอบถามครูไปอีกครั้งว่าใกล้จะทดสอบแล้วหรือยังครูบอกว่าไม่รู้ ???? จนเวลาล่วงเลยมาถึงเมษายนถึงได้รู้จากผู้ปกครองเพื่อนๆลูกชายว่าทดสอบกันไปแล้ว ?????
เมื่อมาถึงเดือนพฤษภาคม ครูใหญ่กับครูหัวหน้าแผนกประถม (ซึ่งเป็นคนประเทศนั้น) ได้นัดผมไปคุยอีกครั้งโดยที่ไม่มีครูจากอนุบาลมาสักคนเดียว ซึ่งผมได้คุยกับแฟนก่อนแล้วว่าไม่เป็นไรอย่างมากก็ซ้ำชั้น เพราะโควิดทำให้เด็กไม่สามารถไปโรงเรียนได้ปีกว่า พัฒนาการด้านภาษามันก็ชะงักไป ผมกับครอบครัวมั่นใจโรงเรียนนี้ ไว้ใจในระบบการศึกษาของประเทศนี้มากๆ เพราะเพื่อนๆจากประเทศนี้ที่บริษัทที่ผมทำงานอยู่และตอนผมไปเตะบอลด้วยกันรับรู้ได้เลยทั้งการทำงานระบบความคิด รวมถึงทัศนคติเวลาเตะบอลว่ามันดีมากๆในความคิดผม
 
ครูใหญ่กับครูหัวหน้าแผนกประถมแจ้งว่าลูกชายผมเกณฑ์ภาษาไม่ผ่านจะไม่ได้เลื่อนชั้น โอเคผมเตรียมใจไว้แล้วไม่เป็นไรก็ซ้ำชั้นไป เลยบอกไปว่าไม่เป็นไรงั้นก็ซ้ำชั้นไปละกันครับ ครูใหญ่กับครูหัวหน้าแผนกประถมตอบกลับมาว่าลูกชายอายุเกินแล้วซ้ำชั้นไม่ได้..............................
ผม: แล้วแบบนี้หมายความว่ายังไงซ้ำชั้นไม่ได้ เลื่อนชั้นก็ไม่ได้
ครูใหญ่กับครูหัวหน้าแผนกประถม: …
ผม: หมายความว่าลูกผมต้องออกจากโรงเรียนนี้????
ครูใหญ่กับครูหัวหน้าแผนกประถม: “I’m sorry.”
ผม: แล้วทำไมที่ผ่านมาไม่มีใครแจ้งอะไรเลยว่าลูกชายผมมีปัญหา รอมาถึงมกราคมแล้วจะทำอะไรได้ทัน ที่ผ่านมาถามตลอดก็บอกแต่โอเคๆ ไม่มีอะไร มีโควิดด้วยแล้วเด็กก็ไม่ได้มาโรงเรียนแล้วจะพัฒนาตามปกติได้ยังไง
ครูใหญ่กับครูหัวหน้าแผนกประถม: “I feel sorry for your son.”
ผม: “แล้วทำไมที่ผ่านมาไม่มีใครแจ้งอะไรเลยว่าลูกชายผมมีปัญหา รอมาถึงมกราคมแล้วจะทำอะไรได้ทัน” ผมถามคำถามเดิมที่ไม่ได้รับคำตอบด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น
ครูใหญ่: “I’ll list a school for your son.”
ผม: ถามคำเดิมอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นไปอีก และถามต่อว่าแล้วแบบนี้ก็คือปัญหานี้ทางผมต้องหาทางออกเองใช่ไหม (รู้สึกไม่ดีที่ขึ้นเสียงไปภายหลังแต่ตอนนั้นยอมรับว่าโกรธแล้วครับ เหอ)

ครูใหญ่กับครูหัวหน้าแผนกประถมไม่ตอบคำถามผมเลยสงสัยผมจะถามไม่ตรงกับคำตอบเขา...
 
ถึงตอนนี้ครูใหญ่กับครูหัวหน้าแผนกประถมมองหน้ากันเองเลิ่กลั่กแล้วก็เงียบอีก การคุยในวันนั้นก็จบไป ผมกับภรรยาช๊อคและเสียใจมากครอบครัวฝากฝังอนาคตหวังให้โรงเรียนนี้มอบโอกาสที่ดีให้กับลูกชาย ไม่เคยหวังจะให้เก่งเหนือใครแค่อยากให้ได้ตามมาตรฐานการศึกษาก็ดีใจแล้วครับ หลังจากนั้นอีกสองสามวันเริ่มตั้งสติได้เลยโทรหาศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ ร้องเรียนเรื่องราวไป เจ้าหน้าที่พูดดีมากครับขอขอบพระคุณอีกครั้งและคิดว่าน่าจะได้มีการติดต่อกลับไปทางโรงเรียน และก็มีการติดต่อมาจากผู้บริหารของโรงเรียนว่าทางโรงเรียนไม่มีนโยบายแบบนี้ ลูกชายผมสามารถเรียนที่โรงเรียนได้แต่ต้องซ้ำชั้นตามผลการทดสอบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเด็กด้วย!!?? หืมมม
ผมบอกกับท่านผุ้บริหารโรงเรียนไปว่าขอเวลาคิดสองอาทิตย์เพราะช่วงนั้นก็พาไปทดสอบที่โรงเรียนวารี เมื่อผลออกมาว่าเข้าเรียนวารีได้ ก็นอนเอาเท้าก่ายหน้าผากคิดกลับไปกลับมาได้ข้อสรุปว่า คนที่เรียนคือลูกไม่ใช่ตัวเรา จนถึงตอนนั้นทางโรงเรียนก็ไม่เคยมีแผนพัฒนาลูกชายใดๆเลย พูดง่ายๆคือตามเวรตามกรรมของเด็กถ้าเอาซ้ำชั้นที่เดิม กับที่วารีบอกว่าน้องถึงแม้ภาษาอังกฤษจะยังเข้าเรียนอินเตอร์ไม่ได้แต่ก็เข้าเรียน EP ได้เพราะยังพอเข้าใจอยู่แต่จะตอบกลับเป็นภาษานั้นเป็นส่วนใหญ่ซึ่งลูกชายผมทางโรงเรียนบอกว่าพัฒนาได้ โรงเรียนวารีเมื่อรับมาแล้วยังไงก็ต้องสอนให้ได้ไม่มีทิ้งขว้างผู้ปกครองไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อถึง ป 3 ค่อยย้ายไปเรีนแผนกอินเตอร์อีกทีหลังปรับภาษาอังกฤษแล้ว เลยย้ายมาเรียนที่วารีครับ
 
จนถึงตอนนี้ต้องขออ้างถึงและขอบพระคุณโรงเรียนวารีเป็นอย่างมากจริงๆครับที่กรุณารับเด็กที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้เข้าไป และใช้เวลาแค่สามเดือนทำให้ลูกชายผมอ่านออกเขียนภาษาอังกฤษและไทยได้แล้วตอนนี้ ผลการสอบกลางภาคได้ 81% ตอนนี้รอผลสอบปลายภาคอยู่ครับ
ที่ผ่านมาทางผมก็ยังไม่ให้ลูกชายทิ้งภาษานั้นยังคงเรียนเสริมไปเรื่อยๆแบบไม่เร่งรัด และมีพาไปรับเพื่อนที่โรงเรียนเก่าเดือนละครั้งมาเล่นด้วยกันตามสถานที่ต่างๆ และก็มีเหตุการณ์แปลกๆ ด้วยความที่ผมก็ทักทายกับเพื่อนลูกชายเป็นภาษานั้นบ้างถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็อย่างเช่น สบายดีมั้ย ชื่ออะไร แอร์ในรถหนาวมั้ย แต่เพื่อนตอบไม่ได้ ก็เลยมาแปลกใจเอาทีหลังว่า ก็ตอนนั้นโรงเรียนบอกว่าภาษาต้องดีมากๆถึงจะเลื่อนชั้นได้แล้วแบบนี้คืออะไร ซื่งเพื่อนลูกชายคนนั้นแกเลื่อนชั้นไปได้ครับ ตอนนั้นทางโรงเรียนก็ไม่เคยมีผลคะเนนการวัดผลอะไรให้ดูเลย ทางผมเคยถามแต่ก็ไม่เคยให้ดู ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มานึกว่าเออดีแล้วที่หักใจย้ายลูกชายออกมาไม่งั้นป่านนี้จะเป็นยังไงไม่รู้ ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัวของผม และจะไม่มีวันกลับไปโรงเรียนนั้นอีกแน่นอนครับ เออมีปัญหาไม่แก้นั่งทับปัญหาไว้พอถึงเวลาก็โยนออกมาง่ายๆพ้นตัวกันไปง่ายดี แล้วปัญหานี่คือปัญหาจริงๆหรือเปล่าไม่แน่ใจแล้วตอนนี้ครับ มานั่งคิดเองว่าจิตใจต้องทำด้วยอะไรถึงสามารถทำกับเด็กห้าหกขวบได้เลือดเย็นขนาดนี้ แต่ผ่านมาแล้วครับตอนนี้ครอบครัวสภาพจิตใจดีขึ้นมากแล้วครับ
 
เลยอยากมาแบ่งปันเรื่องราวเผื่อมีประโยชน์กับเพื่อนสมาชิกครับ ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่