ใครฝึกสมาธิระวัง !มิจฉาสมาธิ เป็นสมาธิ ในทางที่ผิด

สมาธิ ทั้งหลายเหล่านี้ 
แบ่งเป็นมิจฉาสมาธิ อย่างหนึ่ง คือเป็นสมาธิ 
ในทางที่ผิด 
เป็นสัมมาสมาธิ อย่างหนึ่ง 
คือเป็นสมาธิในทางที่ถูกต้อง นี้ก็ให้สังเกตให้ดี
มิจฉาสมาธิ คือ...
ความที่จิต เข้าสู่...สมาธิ เงียบหมด...
ไม่รู้อะไรเลย ปราศจากความรู้ นั่ง อยู่...
สองชั่วโมง ก็ได้ ทั้งวัน ก็ได้ 
แต่จิตไม่รู้ว่า...มันจะไปถึงไหน มันเป็นอย่างไร 
ไม่รู้เรื่อง นี่ ! สมาธิอันนี้เป็นมิจฉาสมาธิ
มันก็เหมือนมีด ที่เราลับให้คมดีแล้ว 
แต่เก็บไว้เฉยๆ ไม่เอาไปใช้ มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรอย่างนั้น ความสงบอันนั้น...
เป็นความสงบที่หลง คือว่า ไม่ค่อยรู้เนื้อรู้ตัว 
เห็นว่าถึงที่สุดแล้ว ก็ไม่ค้นคว้าอะไรอีกต่อไป 
จึงเป็นอันตราย เป็นข้าศึกในขั้นนั้น...
อันนี้เป็นอันตราย ห้ามปัญญาไม่ให้เกิด
ปัญญาเกิดไม่ได้ เพราะขาดความรู้สึกรับผิดชอบ
ส่วน สัมมาสมาธิ 
สมาธิที่ถูกต้อง ถึงแม้จะมีความสงบไปถึงแค่ไหน 
ก็มีความรู้ อยู่...ตลอดกาล ตลอดเวลา 
มีสติสัมปชัญญะ สมบูรณ์บริบูรณ์ รู้...ตลอดกาล 
นี้เรียกว่า...สัมมาสมาธิ 
เป็นสมาธิ ที่ไม่ให้หลงไปในทางอื่นได้
นี่ก็ให้นักปฏิบัติ เข้าใจไว้ให้ดี 
จะทิ้งความรู้ นั้น...ไม่ได้ 
จะต้องรู้แต่ต้นจนปลายทีเดียว จึงจะเป็นสมาธิ
ที่ถูกต้อง ขอให้สังเกตให้มาก สมาธิชนิดนี้...
ไม่เป็นอันตราย
เมื่อเราเจริญสมาธิ ที่ถูกต้องแล้ว 
อาจจะสงสัยว่า...
มันได้ผลที่ตรงไหน มันจะเกิดปัญญาที่ตรงไหน 
เพราะท่านตรัสว่า...
สมาธิ...เป็นเหตุให้เกิดปัญญาวิปัสสนา
สมาธิที่ถูกต้องนั้น... 
เมื่อเจริญแล้วมันจะมีกำลัง ให้เกิดปัญญาทุกขณะ ในเมื่อ...
ตา เห็นรูป ก็ดี 
หู ฟังเสียง ก็ดี 
จมูก ดมกลิ่น ก็ดี 
ลิ้น ลิ้มรส ก็ดี 
กาย ถูกต้องหรือโผฏฐัพพะ ก็ดี
ธรรมารมณ์ เกิดกับจิต ก็ดี 
อิริยาบถ ยืนก็ดี นั่งก็ดี นอนก็ดี จิต...จะไม่เป็น
ไปตามอารมณ์ 
แต่จะเป็นไป ด้วย...ความรู้ ตามเป็นจริงของธรรมะ
ฉะนั้น การปฏิบัตินี้ 
เมื่อมีปัญญาเกิดขึ้นมาแล้ว ก็ไม่เลือกสถานที่ 
จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน ก็ตาม 
จิต...มันเกิดปัญญาแล้ว 
เมื่อมีสุขเกิดขึ้นมา ก็รู้เท่า 
มีทุกข์เกิดขึ้นมา ก็รู้เท่า 
สุข ก็สักว่า สุข ทุกข์ ก็สักว่า ทุกข์ เท่านั้น
แล้วก็ปล่อย...ทั้งสุข และทุกข์ ไม่ยึดมั่น ถือมั่น
เมื่อสมาธิถูกต้องแล้ว... 
มันทำจิตให้เกิดปัญญา อย่างนี้เรียกว่า...วิปัสสนา
มันก็เกิดความรู้-เห็น ตามเป็นจริง 
นี้เรียกว่า...สัมมาปฏิบัติ เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้อง 
มีอิริยาบถสม่ำเสมอกัน
คำว่า อิริยาบถสม่ำเสมอกัน นี้ 
ท่านไม่ได้หมายเอา อิริยาบถภายนอกที่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน แต่ ท่านหมายเอา ทางจิต...
ที่มีสติสัมปชัญญะอยู่นั่นเอง แล้วก็รู้-เห็น ตามเป็นจริงทุกขณะ คือ...มันไม่หลง."
--------------------------------------------------------------------------
หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่