อันนี้ขอบอกก่อนว่าเป็นการแปลบทความที่มีคนเขียนมาอีกทีเพราะรู้สึกว่าเป็นมุมมองอีกมุม คนเขียนอาจจะมีความรู้ทางนี้หรืออาจจะมีความลำเอียงก็ได้ก็อยากให้พิจารณากันด้วย เป็นการแปลแบบคร่าวๆ นะ (ใช้ google translate ช่วยแปล)
ลิงค์ต้นทาง
https://japanuncensored.quora.com/Japan-is-going-towards-the-developing-status
เมื่อสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี ก็มีประเทศใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้นมา เช่น จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ยังคงถดถอยต่อไป อย่างเช่นญี่ปุ่นที่เผชิญกับวิกฤตตั้งแต่ปี 1992 ซึ่งทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นวุ่นวาย ความหวังว่าเศรษฐกิจจะมีการฟื้นฟูก็มีน้อย เนื่องจากผู้คนไม่มีแรงจูงใจที่จะกระตุ้นตัวเองเพื่อสร้างพลังการผลิตที่ดีขึ้นเพื่อเศรษฐกิจ
การที่ญี่ปุ่นมีความถดถอยไม่ใช่เรื่องใหม่ เราได้ยินมาทุกปีเกี่ยวกับปัญหาที่เจอและอนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อผ่านไปแต่ละปีเราก็เริ่มเห็นกับตาตนเองเกี่ยวกับสถานการณ์ของประเทศ
เนื่องจากวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ยังไม่คลี่คลายและความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน, วิกฤตด้านประชากร ทำให้ประเทศต้องถอดสถานะที่พัฒนาแล้วและกลายเป็นประเทศกำลังพัฒนาซึ่งประชากรมีกำลังซื้อน้อยลงและรายได้ของประชาชนลดลงเรื่อยๆ
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์สหรัฐ-จีน
ตั้งแต่ปี 2018 โลกเริ่มเข้าสู่ยุคใหม่ที่เรียกว่าสงครามเย็น 2.0 หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เปิดตัวสงครามการค้ากับสาธารณรัฐประชาชนจีน โลกก็เริ่มตัดสินใจว่าพวกเขาจะต้องอยู่ฝ่ายไหนเพราะเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งของมหาอำนาจ จากนั้นวิกฤตไต้หวันก็เริ่มตามมาภายใต้การบริหารของโจ ไบเดน ที่ทำลายสถานการณ์ที่เป็นสถานะ Quo (Status Quo)ในช่องแคบไต้หวันด้วยการช่วยเหลือไต้หวันทางอาวุธและเริ่มส่งนักการทูตเพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันประกาศเอกราชจึงทำให้เกิดยูเครนใหม่ในเอเชีย
ตอนนี้เราเห็นการพูดคุยหลายครั้งเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกสองประเทศจะแตกแยกกันไม่ทำธุรกิจกัน และดูเหมือนว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ความตึงเครียดจะทวีความรุนแรงขึ้น จีนและสหรัฐอเมริกาจะไม่ทำการค้าขายกันอีกต่อไป ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจโลก
เช่นเคย สหรัฐอเมริกาไม่เคยทำอะไรคนเดียว แต่จะกดดันให้รัฐหุ่นเชิดของตัวเองเข้าร่วม และนั่นคือจุดที่ญี่ปุ่นเข้ามามีบทบาทในฐานะประเทศในเอเชียเพียงประเทศเดียวที่ทำตามวาระ "อเมริกาต้องมาก่อน" อย่างสุ่มสี่สุ่มห้า โดยที่ญี่ปุ่นจะทำตามที่สหรัฐอเมริกาคิด และญี่ปุ่นจะประกาศในเร็วๆ นี้เพื่อไม่ทำธุรกิจกับจีน และขณะนี้ได้มีการหารือกันระหว่างเจ้าของธุรกิจที่มีการผลิตที่จีนเพื่อผลิตสินค้าของตนเอง
ถ้าเรื่องนี้มันเกิดขึ้น ญี่ปุ่นจะมีอัตราเงินเฟ้อมหาศาลเนื่องจากสินค้าจีนที่มีราคาถูกจะไม่มีจำหน่ายในตลาดอีกต่อไป และสิ่งนี้จะทำให้เงินเยนตกต่ำอย่างใหญ่หลวงและขาดดุลงบประมาณมหาศาลในงบประมาณญี่ปุ่นเพราะกว่าการซื้อขายกับจีนเป็นประโยชน์ต่อญี่ปุ่น
สิ่งนี้จะช่วยเร่งการล่มสลายของเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่กำลังดำเนินมาตั้งแต่ปี 1992 และจะคล้ายกับที่ตุรกีกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ นั่นคือภาวะเงินเฟ้อที่ไม่สิ้นสุดซึ่งจะทำลายชนชั้นกลางและคนจนที่ยากจนให้จนลง โดยที่ 1% อันดับแรก ไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจทางภูมิรัฐศาสตร์
ญี่ปุ่นจะกลายเป็นประเทศไทยใหม่
ปัจจุบันอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นส่วนใหญ่พึ่งพาผู้บริโภคชาวจีน เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นยึดการส่งออกมากกว่าเศรษฐกิจในประเทศ และเมื่อใดก็ตามที่จีนมีอัตราการเติบโต gdp ที่มากขึ้น ยอดการผลิตของญี่ปุ่นจะมากขึ้นตามเพราะธุรกิจจะได้กำไรจากการขายสินค้าให้กับจีน ตอนนี้ผลประโยชน์นี้ก็จะหายไปหลังจากที่ญี่ปุ่นไม่ยุ่งเกี่ยวกับจีนและดูแล้วอุตสาหกรรมเดียวเท่านั้นที่ยังทำเงินได้และอุตสาหกรรมนั่นคือการท่องเที่ยว
ตั้งแต่การบริหารอาเบะ การท่องเที่ยวได้รับการส่งเสริมอย่างมากเพราะเหตุผลสามประการ
1. โรงงานอุตสาหกรรมญี่ปุ่นไม่สามารถแข่งขันได้เมื่อเทียบกับจีนหรือเกาหลี ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกอุตสาหกรรมนี้เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมเดียวที่ญี่ปุ่นสามารถเติบโตได้ง่าย
2. มีความต้องการเงินมากเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายมหาศาลในการดูแลประชากรผู้สูงอายุ และญี่ปุ่นก็กำลังเตรียมรับมือกับสถานการณ์ "การแยกตัวกับจีน"
3. ประชากรมีอายุมากขึ้นและไม่ค่อยมีคนทำงานเท่าไหร่เนื่องจากเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุจึงไม่มีทางเลือกที่จะหารายได้ การท่องเที่ยวจึงเป็นทางเลือกที่ถูกเลือก
ต้องขอบคุณประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นที่ทำให้มีข้อได้เปรียบในการท่องเที่ยว แต่เพื่อให้มั่นใจว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะเฟื่องฟูต่อไปเรื่อยๆ ญี่ปุ่นต้องแน่ใจว่าต้องตอบสนองทุกความต้องการของนักท่องเที่ยวซึ่งจะนำไปสู่
สวรรค์ของโสเภณี
เหตุผลเดียวที่ประเทศไทยทำกำไรได้มากจากการท่องเที่ยว ไม่ใช่แค่เพราะธรรมชาติที่สวยงาม ชายหาด หรือประวัติศาสตร์ แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะการค้าประเวณี ซึ่งนักท่องเที่ยวไปเพื่อจุดประสงค์ทางเพศและพวกเขามีความสุขที่จะใช้เงินในเรื่องนี้ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ประเทศไทยส่งเสริมในเรื่องนี้(ไม่แน่ใจว่าคนเขียนหมายถึงโปรโมทการท่องเที่ยวหรือเรื่องโสเภณี)อย่างมีความสุขในทุกปี และญี่ปุ่นก็จะทำตามนโยบายเดียวกันกับที่ประเทศไทยทำเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
สิ่งนี้จะเพิ่มกิจกรรมทางอาญาไปสู่ระดับใหม่ที่มาเฟียต่างชาติจะมาตั้งฐานส่วนตัวของพวกเขาในโตเกียวและเมืองอื่น ๆ ที่มีประชากรจำนวนมาก
การค้ามนุษย์จะกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้หญิงจากอาเซียนซึ่งถูกกลุ่มมาเฟียพาตัวมาอย่างผิดกฎหมายเพื่อจุดประสงค์ทางเพศ แล้วจะถูกส่งตัวไปญี่ปุ่นเพื่อให้บริการ จากนั้นญี่ปุ่นจะเรียกว่าดินแดนแห่งการค้าประเวณี(Land Of The Rising Prostitution) จะมีคนแปลกๆ มาญี่ปุ่นทุกปีและ vlogger ของ Twitch ได้แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์จริงในโตเกียวในสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่พวกเขาได้ถ่ายนักท่องเที่ยวแปลก ๆ ที่มาก่อกวนคนและทำสิ่งแปลก ๆ ในเวลากลางคืนลองพิมพ์ค้นหาใน YouTube ด้วยคำว่า Creeps in Tokyo แล้วคุณจะเข้าใจสถานการณ์ที่นั่น
บริษัทจะเคลื่อนออกสู่ประเทศอาเซียน
เมื่อจีนและญี่ปุ่นมีติดต่อทำการค้ากัน คุณคิดว่าบริษัทญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่ได้รับประโยชน์จากการค้าระหว่างญี่ปุ่นกับจีนจะนิ่งเฉยและไม่ทำอะไรเลยหรือ พวกเขาไม่ได้โง่เพราะนายทุนจะมองหาวิธีต่างๆ ในการทำกำไรที่พวกเขาจะเลือกอาเซียน และจะไปตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศต่างๆ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา เนื่องจากทั้งสามประเทศในอาเซี่ยนนี้มีศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างมากแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ และต้องขอบคุณนโยบายไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
บริษัทต่าง ๆ จะย้ายออกจากญี่ปุ่นแล้วตั้งสำนักงานใหญ่ในอาเซียนซึ่งจะทำให้พวกเขาเข้าถึงตลาดจีนได้อีกครั้ง และจะทำให้การส่งออกของประเทศที่ไปตั้งเพิ่มขึ้น แทนที่จะเป็น Made in Japan มันจะกลายเป็น Made in Vietnam และก็จะมีคนจำนวนมากได้ประโยชน์เนื่องจากได้งานที่โรงงาน
ใครแพ้??
คนญี่ปุ่นแพ้เพราะบริษัทและโรงงานย้ายออกจากญี่ปุ่น คุณจะเห็นการว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้น Gdp per Capita จะลดลง ซึ่งจะทำให้ญี่ปุ่นจากที่มีรายได้สูงกลายไปเป็นรายได้ต่ำ จึงทำให้เป็นประเทศกลายเป็นประเทศกำลังพัฒนาจากที่เคยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
เวียดนามและอินโดนีเซียควรเตรียมรับมือคนญี่ปุ่นจำนวนมากที่จะอพยพไปที่นั่นเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น น่าสนใจว่าเมื่อเวลาเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้เรามีชาวเวียดนามและชาวอินโดนีเซียอพยพมาทำงานที่ญี่ปุ่น ตอนนี้เราจะมีชาวญี่ปุ่นที่จะอพยพไปที่นั่นเพื่อทำงานในเวียดนามและอินโดนีเซีย
ก็จบบทความแล้ว
สำหรับใครที่สนเรื่อง Japan-China decoupling (การแยกตัวทางเศรษฐกิจระหว่างญี่ปุ่นกับจีน) ที่เขียนถึงก็มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน
Japanese companies to pay if they follow US ‘decouple order’
Published: Aug 25, 2022 10:21 PM
https://www.globaltimes.cn/page/202208/1273912.shtml
Japan's decoupling moves to reduce trade with China, country may lose title of No.4 trade partner to South Korea
Published: Jul 30, 2022 12:22 AM
https://www.globaltimes.cn/page/202207/1271755.shtml
Honda considering decoupling supply chain from China -Sankei
August 24, 2022
https://www.reuters.com/business/autos-transportation/honda-considering-decoupling-supply-chain-china-sankei-says-2022-08-24/
สัมพันธ์เศรษฐกิจจีน-ญี่ปุ่น กำลังถูกท้าทายจากการเมือง ยืนคนละฝั่ง แต่ต้องพึ่งพากันและกัน
23 ส.ค. 65
https://plus.thairath.co.th/topic/money/101991
ญี่ปุ่นกำลังจะกลายเป็นประเทศกำลังพัฒนา
ลิงค์ต้นทาง https://japanuncensored.quora.com/Japan-is-going-towards-the-developing-status
เมื่อสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี ก็มีประเทศใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้นมา เช่น จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ยังคงถดถอยต่อไป อย่างเช่นญี่ปุ่นที่เผชิญกับวิกฤตตั้งแต่ปี 1992 ซึ่งทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นวุ่นวาย ความหวังว่าเศรษฐกิจจะมีการฟื้นฟูก็มีน้อย เนื่องจากผู้คนไม่มีแรงจูงใจที่จะกระตุ้นตัวเองเพื่อสร้างพลังการผลิตที่ดีขึ้นเพื่อเศรษฐกิจ
การที่ญี่ปุ่นมีความถดถอยไม่ใช่เรื่องใหม่ เราได้ยินมาทุกปีเกี่ยวกับปัญหาที่เจอและอนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อผ่านไปแต่ละปีเราก็เริ่มเห็นกับตาตนเองเกี่ยวกับสถานการณ์ของประเทศ
เนื่องจากวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ยังไม่คลี่คลายและความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน, วิกฤตด้านประชากร ทำให้ประเทศต้องถอดสถานะที่พัฒนาแล้วและกลายเป็นประเทศกำลังพัฒนาซึ่งประชากรมีกำลังซื้อน้อยลงและรายได้ของประชาชนลดลงเรื่อยๆ
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์สหรัฐ-จีน
ตั้งแต่ปี 2018 โลกเริ่มเข้าสู่ยุคใหม่ที่เรียกว่าสงครามเย็น 2.0 หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เปิดตัวสงครามการค้ากับสาธารณรัฐประชาชนจีน โลกก็เริ่มตัดสินใจว่าพวกเขาจะต้องอยู่ฝ่ายไหนเพราะเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งของมหาอำนาจ จากนั้นวิกฤตไต้หวันก็เริ่มตามมาภายใต้การบริหารของโจ ไบเดน ที่ทำลายสถานการณ์ที่เป็นสถานะ Quo (Status Quo)ในช่องแคบไต้หวันด้วยการช่วยเหลือไต้หวันทางอาวุธและเริ่มส่งนักการทูตเพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันประกาศเอกราชจึงทำให้เกิดยูเครนใหม่ในเอเชีย
ตอนนี้เราเห็นการพูดคุยหลายครั้งเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกสองประเทศจะแตกแยกกันไม่ทำธุรกิจกัน และดูเหมือนว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ความตึงเครียดจะทวีความรุนแรงขึ้น จีนและสหรัฐอเมริกาจะไม่ทำการค้าขายกันอีกต่อไป ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจโลก
เช่นเคย สหรัฐอเมริกาไม่เคยทำอะไรคนเดียว แต่จะกดดันให้รัฐหุ่นเชิดของตัวเองเข้าร่วม และนั่นคือจุดที่ญี่ปุ่นเข้ามามีบทบาทในฐานะประเทศในเอเชียเพียงประเทศเดียวที่ทำตามวาระ "อเมริกาต้องมาก่อน" อย่างสุ่มสี่สุ่มห้า โดยที่ญี่ปุ่นจะทำตามที่สหรัฐอเมริกาคิด และญี่ปุ่นจะประกาศในเร็วๆ นี้เพื่อไม่ทำธุรกิจกับจีน และขณะนี้ได้มีการหารือกันระหว่างเจ้าของธุรกิจที่มีการผลิตที่จีนเพื่อผลิตสินค้าของตนเอง
ถ้าเรื่องนี้มันเกิดขึ้น ญี่ปุ่นจะมีอัตราเงินเฟ้อมหาศาลเนื่องจากสินค้าจีนที่มีราคาถูกจะไม่มีจำหน่ายในตลาดอีกต่อไป และสิ่งนี้จะทำให้เงินเยนตกต่ำอย่างใหญ่หลวงและขาดดุลงบประมาณมหาศาลในงบประมาณญี่ปุ่นเพราะกว่าการซื้อขายกับจีนเป็นประโยชน์ต่อญี่ปุ่น
สิ่งนี้จะช่วยเร่งการล่มสลายของเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่กำลังดำเนินมาตั้งแต่ปี 1992 และจะคล้ายกับที่ตุรกีกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ นั่นคือภาวะเงินเฟ้อที่ไม่สิ้นสุดซึ่งจะทำลายชนชั้นกลางและคนจนที่ยากจนให้จนลง โดยที่ 1% อันดับแรก ไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจทางภูมิรัฐศาสตร์
ญี่ปุ่นจะกลายเป็นประเทศไทยใหม่
ปัจจุบันอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นส่วนใหญ่พึ่งพาผู้บริโภคชาวจีน เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นยึดการส่งออกมากกว่าเศรษฐกิจในประเทศ และเมื่อใดก็ตามที่จีนมีอัตราการเติบโต gdp ที่มากขึ้น ยอดการผลิตของญี่ปุ่นจะมากขึ้นตามเพราะธุรกิจจะได้กำไรจากการขายสินค้าให้กับจีน ตอนนี้ผลประโยชน์นี้ก็จะหายไปหลังจากที่ญี่ปุ่นไม่ยุ่งเกี่ยวกับจีนและดูแล้วอุตสาหกรรมเดียวเท่านั้นที่ยังทำเงินได้และอุตสาหกรรมนั่นคือการท่องเที่ยว
ตั้งแต่การบริหารอาเบะ การท่องเที่ยวได้รับการส่งเสริมอย่างมากเพราะเหตุผลสามประการ
1. โรงงานอุตสาหกรรมญี่ปุ่นไม่สามารถแข่งขันได้เมื่อเทียบกับจีนหรือเกาหลี ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกอุตสาหกรรมนี้เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมเดียวที่ญี่ปุ่นสามารถเติบโตได้ง่าย
2. มีความต้องการเงินมากเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายมหาศาลในการดูแลประชากรผู้สูงอายุ และญี่ปุ่นก็กำลังเตรียมรับมือกับสถานการณ์ "การแยกตัวกับจีน"
3. ประชากรมีอายุมากขึ้นและไม่ค่อยมีคนทำงานเท่าไหร่เนื่องจากเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุจึงไม่มีทางเลือกที่จะหารายได้ การท่องเที่ยวจึงเป็นทางเลือกที่ถูกเลือก
ต้องขอบคุณประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นที่ทำให้มีข้อได้เปรียบในการท่องเที่ยว แต่เพื่อให้มั่นใจว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะเฟื่องฟูต่อไปเรื่อยๆ ญี่ปุ่นต้องแน่ใจว่าต้องตอบสนองทุกความต้องการของนักท่องเที่ยวซึ่งจะนำไปสู่
สวรรค์ของโสเภณี
เหตุผลเดียวที่ประเทศไทยทำกำไรได้มากจากการท่องเที่ยว ไม่ใช่แค่เพราะธรรมชาติที่สวยงาม ชายหาด หรือประวัติศาสตร์ แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะการค้าประเวณี ซึ่งนักท่องเที่ยวไปเพื่อจุดประสงค์ทางเพศและพวกเขามีความสุขที่จะใช้เงินในเรื่องนี้ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ประเทศไทยส่งเสริมในเรื่องนี้(ไม่แน่ใจว่าคนเขียนหมายถึงโปรโมทการท่องเที่ยวหรือเรื่องโสเภณี)อย่างมีความสุขในทุกปี และญี่ปุ่นก็จะทำตามนโยบายเดียวกันกับที่ประเทศไทยทำเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
สิ่งนี้จะเพิ่มกิจกรรมทางอาญาไปสู่ระดับใหม่ที่มาเฟียต่างชาติจะมาตั้งฐานส่วนตัวของพวกเขาในโตเกียวและเมืองอื่น ๆ ที่มีประชากรจำนวนมาก
การค้ามนุษย์จะกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้หญิงจากอาเซียนซึ่งถูกกลุ่มมาเฟียพาตัวมาอย่างผิดกฎหมายเพื่อจุดประสงค์ทางเพศ แล้วจะถูกส่งตัวไปญี่ปุ่นเพื่อให้บริการ จากนั้นญี่ปุ่นจะเรียกว่าดินแดนแห่งการค้าประเวณี(Land Of The Rising Prostitution) จะมีคนแปลกๆ มาญี่ปุ่นทุกปีและ vlogger ของ Twitch ได้แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์จริงในโตเกียวในสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่พวกเขาได้ถ่ายนักท่องเที่ยวแปลก ๆ ที่มาก่อกวนคนและทำสิ่งแปลก ๆ ในเวลากลางคืนลองพิมพ์ค้นหาใน YouTube ด้วยคำว่า Creeps in Tokyo แล้วคุณจะเข้าใจสถานการณ์ที่นั่น
บริษัทจะเคลื่อนออกสู่ประเทศอาเซียน
เมื่อจีนและญี่ปุ่นมีติดต่อทำการค้ากัน คุณคิดว่าบริษัทญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่ได้รับประโยชน์จากการค้าระหว่างญี่ปุ่นกับจีนจะนิ่งเฉยและไม่ทำอะไรเลยหรือ พวกเขาไม่ได้โง่เพราะนายทุนจะมองหาวิธีต่างๆ ในการทำกำไรที่พวกเขาจะเลือกอาเซียน และจะไปตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศต่างๆ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา เนื่องจากทั้งสามประเทศในอาเซี่ยนนี้มีศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างมากแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ และต้องขอบคุณนโยบายไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
บริษัทต่าง ๆ จะย้ายออกจากญี่ปุ่นแล้วตั้งสำนักงานใหญ่ในอาเซียนซึ่งจะทำให้พวกเขาเข้าถึงตลาดจีนได้อีกครั้ง และจะทำให้การส่งออกของประเทศที่ไปตั้งเพิ่มขึ้น แทนที่จะเป็น Made in Japan มันจะกลายเป็น Made in Vietnam และก็จะมีคนจำนวนมากได้ประโยชน์เนื่องจากได้งานที่โรงงาน
ใครแพ้??
คนญี่ปุ่นแพ้เพราะบริษัทและโรงงานย้ายออกจากญี่ปุ่น คุณจะเห็นการว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้น Gdp per Capita จะลดลง ซึ่งจะทำให้ญี่ปุ่นจากที่มีรายได้สูงกลายไปเป็นรายได้ต่ำ จึงทำให้เป็นประเทศกลายเป็นประเทศกำลังพัฒนาจากที่เคยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
เวียดนามและอินโดนีเซียควรเตรียมรับมือคนญี่ปุ่นจำนวนมากที่จะอพยพไปที่นั่นเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น น่าสนใจว่าเมื่อเวลาเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้เรามีชาวเวียดนามและชาวอินโดนีเซียอพยพมาทำงานที่ญี่ปุ่น ตอนนี้เราจะมีชาวญี่ปุ่นที่จะอพยพไปที่นั่นเพื่อทำงานในเวียดนามและอินโดนีเซีย
ก็จบบทความแล้ว
สำหรับใครที่สนเรื่อง Japan-China decoupling (การแยกตัวทางเศรษฐกิจระหว่างญี่ปุ่นกับจีน) ที่เขียนถึงก็มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน
Japanese companies to pay if they follow US ‘decouple order’
Published: Aug 25, 2022 10:21 PM
https://www.globaltimes.cn/page/202208/1273912.shtml
Japan's decoupling moves to reduce trade with China, country may lose title of No.4 trade partner to South Korea
Published: Jul 30, 2022 12:22 AM
https://www.globaltimes.cn/page/202207/1271755.shtml
Honda considering decoupling supply chain from China -Sankei
August 24, 2022
https://www.reuters.com/business/autos-transportation/honda-considering-decoupling-supply-chain-china-sankei-says-2022-08-24/
สัมพันธ์เศรษฐกิจจีน-ญี่ปุ่น กำลังถูกท้าทายจากการเมือง ยืนคนละฝั่ง แต่ต้องพึ่งพากันและกัน
23 ส.ค. 65
https://plus.thairath.co.th/topic/money/101991