สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
อายุ 45 ครับ ผมเริ่มทำงานเมื่อปี 2544 เป็น Management Trainee บริษัทแห่งหนึ่งที่มีทุนจดทะเบียน 5,000 ล้านบาท หลังจากจบโครงการทุกคนในทีมได้เป็น Supervisor ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สูงกว่า Junior สองระดับ
วาร์ปมาที่ปี 2565 ผมอยู่ในตำแหน่ง Senior Engineer ซึ่งสูงกว่าระดับล่างสุดคือ Junior Engineer แค่หนึ่งสเตป แต่ไม่ใช่บริษัทเดิมที่เคยทำที่แรกนะครับและเมื่อเทียบกับเพื่อนสมัยที่เป็น Management Trainee รุ่นเดียวกันตอนนี้คือได้เป็น AVP หรือ Factory Mgr. หรือ อย่างน้อย ๆ ก็เป็น Mgr. ระดับใดระดับหนึ่งไปแล้ว สำหรับบริษัทที่ผมทำอยู่ปัจจุบัน คนที่เป็นผู้จัดการผมคือรุ่นน้องที่เคยเป็น Junior Engineer มาก่อน
มาตอบคำถามกัน (ในมุมมองของผม)
- เราจำเป็นต้องมีหน้าที่การงานดีๆ หรือมีตำแหน่งสูงๆ ไหมคะ
: ไม่จำเป็น ขึ้นอยู่กับว่าเราพอใจชีวิตตัวเองแบบไหน ถ้าเราต้องการมีตำแหน่งสูงเราควรไปให้ถึง แต่ถ้าต้องแลกกับองค์ประกอบทุกสิ่งที่ผมมีในขณะนี้ เช่นการได้เล่นบอร์ดเกมส์ทุกเย็นวันศุกร์ การได้นอนตอนสองทุ่ม เสาร์อาทิตย์ได้ไปเที่ยวกับภรรยา ฯลฯ ผมคิดว่าการได้ตำแหน่งสูงในองค์กรจะทำให้ผมสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไปเพื่อแลกกับเงินที่เพิ่มมาอีก 50,000 ผมคิดว่าไม่คุ้ม จริง ๆ ผมสารภาพว่าไม่ได้คิดแบบนี้ตั้งแต่แรก ตั้งแต่เรียนจบผมก็อยากเป็นเจ้าของกิจการ หรือมีตำแหน่งสูง ๆ แต่ระหว่างทางในการทำงานผมพบข้อจำกัดในตัวเองหลายอย่างซึ่งหลายคนมักจะก้าวข้ามกันไปได้เพื่อพาตัวเองไปในตำแหน่งที่สูงขึ้น แต่ผมเลือกที่จะอยู่ในจุดที่ทำให้ผมย่ำอยู่กับที่ เรื่องมันเกิดขึ้นอยู่วันนึงในช่วงปี 2548 ในที่ทำงานแรกของผม ๆ มองไปที่เบอร์หนึ่งขององค์กรที่หัวโต๊ะประชุม แล้วคิดว่าต่อให้เราทำทุกอย่างเต็มที่ในชีวิตเราจะเป็นได้อย่างมากเท่ากับตาคนนี้เหรอ ผมไม่อยากเป็นแบบเขา ไม่อยากมีชีวิตแบบเขา ผมมีเรื่องไร้สาระในชีวิตมากมายที่ผมอยากทำ ผมไม่อยากจริงจังกับชีวิต ผมอยากมีชีวิตที่สนุกกว่านี้ แล้วผมก็ลาออก
- ถ้าเราไม่โตไปกว่านี้แล้ว เราจะทำยังไงให้เรา "ยัง" รู้สึกสนุกกับงานนี้ (เป็นสายงานเฉพาะทาง ย้ายไปทำงานที่ไหนก็จะทำงานเนื้อหาแนวๆ นี้ตลอด)
: หลังจากลาออกจากที่แรกผมก็มาทำงานที่ๆสอง ผมยังทำงานเพื่อเงินไม่ใช่เพื่อความสนุก แต่เงินที่ได้ทำให้ผมใช้ชีวิตได้สนุกสนานพอสมควร ผมทำงานที่ ๆสองนี้เก้าปีจนเบื่อ ซึ่งจริง ๆ ผมเบื่อมาตลอดแต่การเบื่อในปีที่เก้านี้แตกต่างจากปีอื่นๆ คือ ผมมีเงินเก็บและไม่มีภาระหนี้อะไรเลย ผมเลยลาออก ถ้าไม่สนุกก็ลาออกถ้าเราสามารถทำได้ แต่ถ้าไม่สามารถก็ทำชีวิตด้านอื่นให้สนุกเป็นการชดเชยโดยเอารายได้จากงานที่ไม่สนุกนั่นแหละมาซัพพอร์ต
- มีพี่ๆ คนไหนที่ลาออกมาทำงานส่วนตัวที่ชอบไหมคะ หรือยินดีที่จะทำงานประจำแล้วควบคู่กับงานอื่นๆ ที่ชอบไปด้วย
: ผมลาออกตอนอายุ 37 มาทำงานขับรถกระบะตู้ทึบส่งของ เป็นงานที่ไม่ได้ชอบตัวเนื้องาน แต่ที่ชอบคือการได้ขับรถไปจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศไทย และที่ชอบคือในส่วนของการค่ำไหนนอนนั่น(การได้ไปพะงัน และเชียงดาวเป็นอะไรที่เจ๋งสุด) ผมทำงานนี้อยู่หกปี ในระหว่างที่ทำงานนี้ทำให้ผมพบว่าบ้านที่ผมซื้อด้วยเงินสดมันไม่ได้ถูกใช้ ผมเลยปล่อยเช่าไปกับ AirBNB นั่นทำให้ผมไม่มีบ้านอยู่เวลาไม่ได้วิ่งรถ ผมเลยปลูกบ้านหลังเล็กอีกหลังไว้อยู่เอง แต่ผมก็ลองปล่อยบ้านตัวเองไปอีกหลังให้เช่ากับ AirBNB ซึ่งก็มีคนมาเช่าอีก สรุปแล้วปัจจุบันนี้ผมมีที่พักทั้งหมด 4 ยูนิต (ถ้าเกินกว่านี้จะกลายเป็นโรงแรม ซึ่งการจัดการยุ่งยากกว่ามาก) และผมก็ยังคงไม่มีบ้านอยู่ การทำที่พักแบบนี้ทำให้ผมต้องโฟกัสกับการต้อนรับขับสู้มากกว่าไปวิ่งรถ และผมพบว่าผมชอบงานนี้ที่สุด มันทำให้รู้สึกว่าชีวิตไม่ได้ต้องการอะไรอีกแล้ว ผมเคยพูดกับภรรยาว่าถ้าพรุ่งนี้ต้องตายก็ไม่มีอะไรติดค้าง นั่นคือตอนที่ผมอายุ 42 ในช่วงเวลาเหล่านี้บ้านผมกลายเป็นที่หลบพักของเพื่อนร่วมงานเก่า ๆ หลายคน หนึ่งในนั้นก็คือผู้จัดการผมเอง
- จริงๆ แล้วเราไม่จำเป็นต้องแคร์สายตาใครเลยว่าเราจะโตหรือจะไม่โตแต่มันก็อดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นไม่ได้อยู่ดี อยากทราบว่าพี่ๆ รับมือกับความรู้สึกแบบนี้ยังไงบ้างคะ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่ามั้ยคะ
: ผลจากโควิด ทำให้ผมต้องปล่อยบ้านให้เช่าระยะยาว นั่นทำให้ผมว่างและตอนนี้แหละ อยู่ ๆ พี่ผู้จัดการผมก็โทรมาชวนกลับไปทำงาน(ซึ่งตอนนี้แกเป็น GM แล้ว) เป็นเรื่องที่ไม่เคยอยู่ในสมองเลยว่าจะกลับไปทำงานประจำ แต่ผมใช้เซนส์เดียวกับตอนที่ลาออกมาคือทำในสิ่งที่ขัดแย้งกับความรู้สึกตัวเองเพราะเราอาจพบโอกาสดี ๆ ที่คาดไม่ถึง (สั้น ๆ ก็คือการออกจาก Comfort zone) ผมเลยกลับไปสัมภาษณ์งานที่เก่า และด้วยศักยภาพด้านงานประจำที่มีอยู่เขาคงไม่มอบตำแหน่งบริหารให้แน่นอน ผมได้ตำแหน่งเกือบล่างสุด (แต่ด้วยระดับเงินเดือน ก็ช่วยเยียวยาได้บ้าง) น้อง ๆ ที่ผมเคยเทรนขึ้นเป็น Asst.Mgr หมดแล้ว และผมต้องไปเป็นลูกน้องของน้องคนหนึ่ง ช่วงนี้แหละเป็นช่วงที่ต้องเรียนรู้กับการจัดการความรู้สึก มีหลายครั้งอยากกลับบ้านต่างจังหวัด อาจจะเพราะคิดถึงภรรยาด้วย มีบางวันนะครับที่ผมแอบเอาภรรยาเข้ากรุงเทพฯไปทำงานด้วย...หลังจากผ่านไปปีนึงซึ่งก็คือตอนนี้แหละ ผมโคตรชอบชีวิตตัวเองเลย ในขณะที่บริษัทให้ WFH ทุกวัน แต่ผมไปทำงานที่บริษัทเกือบทุกวันเลย อีกสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกดีในจุดที่ตัวเองอยู่คือ ถ้าตำแหน่งสูงกว่านี้ชีวิตคงไม่ Balance เพราะการเป็น Mgr. ถือเป็นทุกขลาภ และด้วยศักภาพของผมที่ค่อนข้างเฉิดฉายในตอนนี้ได้ทำเรื่องยาก ๆ สำเร็จในขณะที่คนอื่นทำไม่ได้ ผมไม่แคร์เลยว่าตัวเองจะตำแหน่งอะไร
- ถ้าความสุขในชีวิตของพี่ๆ ไม่ใช่เรื่องงาน จะเป็นเรื่องอะไรคะ เรื่องครอบครัว?
ความสุขในชีวิตคือการได้ใช้ชีวิต และการนึกย้อนกลับไปถึงการได้ใช้ชีวิตในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งสุขและทุกข์ รวมทั้งการที่ผ่านแต่ละจุดยาก ๆ มาได้อย่างน่าประหลาด การพึงพอใจชีวิตตัวเองที่มีหลากหลายมิติ พอใจที่ได้เป็นจุดศูนย์รวมให้คนกลุ่มเล็กๆ นึกถึงเรา และต้องการให้มีเราเป็นตัวเติมเต็มชีวิตของพวกเขา
- การที่เราไม่เติบโตในหน้าที่การงาน มันจะทำให้เรารู้สึกว่าเป็นปมหรือเป็นปัญหาอะไรในชีวิตมั้ยคะ
สำหรับผมคือไม่ครับ ผมรู้สึกว่าผมชอบชีวิตตัวเองที่เป็นแบบนี้ ผมชอบความหลากหลายที่ตัวเองได้เจอ วันจันทร์ ถึง ศุกร์ ผมอาจจะประชุมเรื่องโปรเจคหลักหลายล้านกับลูกค้า เช้าวันเสาร์ผมไปรับลูกค้า AirBNB ที่ทองหล่อเพื่อมานอนที่บ้านผม เย็นวันอาทิตย์นัดก๊วนบอร์ดเกมส์ที่มีตั้งแต่อายุยีสิบกว่า ๆ จนถึงสี่สิบกว่า ที่ผมรู้สึกไม่มีปมอาจจะเป็นเพราะว่าผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับงานประจำเท่าไหร่ ผมอาจจะรู้สึกถึงความมั่นคงในชีวิตที่สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งรายได้จากงานประจำเพียงอย่างเดียว
แต่ผมยอมรับอย่างนึงว่าการมีตำแหน่งสูงและเงินมากขึ้นก็จะได้ใช้ชีวิตแบบ luxury มากขึ้น ผมอยากไปเที่ยว Positano ผมอยากไปใช้ชีวิตบน Symphony of the Seas ผมอยากไป Ladakh ซึ่งทำไม่ได้ด้วยสถานะรายได้ในปัจจุบัน
วาร์ปมาที่ปี 2565 ผมอยู่ในตำแหน่ง Senior Engineer ซึ่งสูงกว่าระดับล่างสุดคือ Junior Engineer แค่หนึ่งสเตป แต่ไม่ใช่บริษัทเดิมที่เคยทำที่แรกนะครับและเมื่อเทียบกับเพื่อนสมัยที่เป็น Management Trainee รุ่นเดียวกันตอนนี้คือได้เป็น AVP หรือ Factory Mgr. หรือ อย่างน้อย ๆ ก็เป็น Mgr. ระดับใดระดับหนึ่งไปแล้ว สำหรับบริษัทที่ผมทำอยู่ปัจจุบัน คนที่เป็นผู้จัดการผมคือรุ่นน้องที่เคยเป็น Junior Engineer มาก่อน
มาตอบคำถามกัน (ในมุมมองของผม)
- เราจำเป็นต้องมีหน้าที่การงานดีๆ หรือมีตำแหน่งสูงๆ ไหมคะ
: ไม่จำเป็น ขึ้นอยู่กับว่าเราพอใจชีวิตตัวเองแบบไหน ถ้าเราต้องการมีตำแหน่งสูงเราควรไปให้ถึง แต่ถ้าต้องแลกกับองค์ประกอบทุกสิ่งที่ผมมีในขณะนี้ เช่นการได้เล่นบอร์ดเกมส์ทุกเย็นวันศุกร์ การได้นอนตอนสองทุ่ม เสาร์อาทิตย์ได้ไปเที่ยวกับภรรยา ฯลฯ ผมคิดว่าการได้ตำแหน่งสูงในองค์กรจะทำให้ผมสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไปเพื่อแลกกับเงินที่เพิ่มมาอีก 50,000 ผมคิดว่าไม่คุ้ม จริง ๆ ผมสารภาพว่าไม่ได้คิดแบบนี้ตั้งแต่แรก ตั้งแต่เรียนจบผมก็อยากเป็นเจ้าของกิจการ หรือมีตำแหน่งสูง ๆ แต่ระหว่างทางในการทำงานผมพบข้อจำกัดในตัวเองหลายอย่างซึ่งหลายคนมักจะก้าวข้ามกันไปได้เพื่อพาตัวเองไปในตำแหน่งที่สูงขึ้น แต่ผมเลือกที่จะอยู่ในจุดที่ทำให้ผมย่ำอยู่กับที่ เรื่องมันเกิดขึ้นอยู่วันนึงในช่วงปี 2548 ในที่ทำงานแรกของผม ๆ มองไปที่เบอร์หนึ่งขององค์กรที่หัวโต๊ะประชุม แล้วคิดว่าต่อให้เราทำทุกอย่างเต็มที่ในชีวิตเราจะเป็นได้อย่างมากเท่ากับตาคนนี้เหรอ ผมไม่อยากเป็นแบบเขา ไม่อยากมีชีวิตแบบเขา ผมมีเรื่องไร้สาระในชีวิตมากมายที่ผมอยากทำ ผมไม่อยากจริงจังกับชีวิต ผมอยากมีชีวิตที่สนุกกว่านี้ แล้วผมก็ลาออก
- ถ้าเราไม่โตไปกว่านี้แล้ว เราจะทำยังไงให้เรา "ยัง" รู้สึกสนุกกับงานนี้ (เป็นสายงานเฉพาะทาง ย้ายไปทำงานที่ไหนก็จะทำงานเนื้อหาแนวๆ นี้ตลอด)
: หลังจากลาออกจากที่แรกผมก็มาทำงานที่ๆสอง ผมยังทำงานเพื่อเงินไม่ใช่เพื่อความสนุก แต่เงินที่ได้ทำให้ผมใช้ชีวิตได้สนุกสนานพอสมควร ผมทำงานที่ ๆสองนี้เก้าปีจนเบื่อ ซึ่งจริง ๆ ผมเบื่อมาตลอดแต่การเบื่อในปีที่เก้านี้แตกต่างจากปีอื่นๆ คือ ผมมีเงินเก็บและไม่มีภาระหนี้อะไรเลย ผมเลยลาออก ถ้าไม่สนุกก็ลาออกถ้าเราสามารถทำได้ แต่ถ้าไม่สามารถก็ทำชีวิตด้านอื่นให้สนุกเป็นการชดเชยโดยเอารายได้จากงานที่ไม่สนุกนั่นแหละมาซัพพอร์ต
- มีพี่ๆ คนไหนที่ลาออกมาทำงานส่วนตัวที่ชอบไหมคะ หรือยินดีที่จะทำงานประจำแล้วควบคู่กับงานอื่นๆ ที่ชอบไปด้วย
: ผมลาออกตอนอายุ 37 มาทำงานขับรถกระบะตู้ทึบส่งของ เป็นงานที่ไม่ได้ชอบตัวเนื้องาน แต่ที่ชอบคือการได้ขับรถไปจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศไทย และที่ชอบคือในส่วนของการค่ำไหนนอนนั่น(การได้ไปพะงัน และเชียงดาวเป็นอะไรที่เจ๋งสุด) ผมทำงานนี้อยู่หกปี ในระหว่างที่ทำงานนี้ทำให้ผมพบว่าบ้านที่ผมซื้อด้วยเงินสดมันไม่ได้ถูกใช้ ผมเลยปล่อยเช่าไปกับ AirBNB นั่นทำให้ผมไม่มีบ้านอยู่เวลาไม่ได้วิ่งรถ ผมเลยปลูกบ้านหลังเล็กอีกหลังไว้อยู่เอง แต่ผมก็ลองปล่อยบ้านตัวเองไปอีกหลังให้เช่ากับ AirBNB ซึ่งก็มีคนมาเช่าอีก สรุปแล้วปัจจุบันนี้ผมมีที่พักทั้งหมด 4 ยูนิต (ถ้าเกินกว่านี้จะกลายเป็นโรงแรม ซึ่งการจัดการยุ่งยากกว่ามาก) และผมก็ยังคงไม่มีบ้านอยู่ การทำที่พักแบบนี้ทำให้ผมต้องโฟกัสกับการต้อนรับขับสู้มากกว่าไปวิ่งรถ และผมพบว่าผมชอบงานนี้ที่สุด มันทำให้รู้สึกว่าชีวิตไม่ได้ต้องการอะไรอีกแล้ว ผมเคยพูดกับภรรยาว่าถ้าพรุ่งนี้ต้องตายก็ไม่มีอะไรติดค้าง นั่นคือตอนที่ผมอายุ 42 ในช่วงเวลาเหล่านี้บ้านผมกลายเป็นที่หลบพักของเพื่อนร่วมงานเก่า ๆ หลายคน หนึ่งในนั้นก็คือผู้จัดการผมเอง
- จริงๆ แล้วเราไม่จำเป็นต้องแคร์สายตาใครเลยว่าเราจะโตหรือจะไม่โตแต่มันก็อดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นไม่ได้อยู่ดี อยากทราบว่าพี่ๆ รับมือกับความรู้สึกแบบนี้ยังไงบ้างคะ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่ามั้ยคะ
: ผลจากโควิด ทำให้ผมต้องปล่อยบ้านให้เช่าระยะยาว นั่นทำให้ผมว่างและตอนนี้แหละ อยู่ ๆ พี่ผู้จัดการผมก็โทรมาชวนกลับไปทำงาน(ซึ่งตอนนี้แกเป็น GM แล้ว) เป็นเรื่องที่ไม่เคยอยู่ในสมองเลยว่าจะกลับไปทำงานประจำ แต่ผมใช้เซนส์เดียวกับตอนที่ลาออกมาคือทำในสิ่งที่ขัดแย้งกับความรู้สึกตัวเองเพราะเราอาจพบโอกาสดี ๆ ที่คาดไม่ถึง (สั้น ๆ ก็คือการออกจาก Comfort zone) ผมเลยกลับไปสัมภาษณ์งานที่เก่า และด้วยศักยภาพด้านงานประจำที่มีอยู่เขาคงไม่มอบตำแหน่งบริหารให้แน่นอน ผมได้ตำแหน่งเกือบล่างสุด (แต่ด้วยระดับเงินเดือน ก็ช่วยเยียวยาได้บ้าง) น้อง ๆ ที่ผมเคยเทรนขึ้นเป็น Asst.Mgr หมดแล้ว และผมต้องไปเป็นลูกน้องของน้องคนหนึ่ง ช่วงนี้แหละเป็นช่วงที่ต้องเรียนรู้กับการจัดการความรู้สึก มีหลายครั้งอยากกลับบ้านต่างจังหวัด อาจจะเพราะคิดถึงภรรยาด้วย มีบางวันนะครับที่ผมแอบเอาภรรยาเข้ากรุงเทพฯไปทำงานด้วย...หลังจากผ่านไปปีนึงซึ่งก็คือตอนนี้แหละ ผมโคตรชอบชีวิตตัวเองเลย ในขณะที่บริษัทให้ WFH ทุกวัน แต่ผมไปทำงานที่บริษัทเกือบทุกวันเลย อีกสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกดีในจุดที่ตัวเองอยู่คือ ถ้าตำแหน่งสูงกว่านี้ชีวิตคงไม่ Balance เพราะการเป็น Mgr. ถือเป็นทุกขลาภ และด้วยศักภาพของผมที่ค่อนข้างเฉิดฉายในตอนนี้ได้ทำเรื่องยาก ๆ สำเร็จในขณะที่คนอื่นทำไม่ได้ ผมไม่แคร์เลยว่าตัวเองจะตำแหน่งอะไร
- ถ้าความสุขในชีวิตของพี่ๆ ไม่ใช่เรื่องงาน จะเป็นเรื่องอะไรคะ เรื่องครอบครัว?
ความสุขในชีวิตคือการได้ใช้ชีวิต และการนึกย้อนกลับไปถึงการได้ใช้ชีวิตในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งสุขและทุกข์ รวมทั้งการที่ผ่านแต่ละจุดยาก ๆ มาได้อย่างน่าประหลาด การพึงพอใจชีวิตตัวเองที่มีหลากหลายมิติ พอใจที่ได้เป็นจุดศูนย์รวมให้คนกลุ่มเล็กๆ นึกถึงเรา และต้องการให้มีเราเป็นตัวเติมเต็มชีวิตของพวกเขา
- การที่เราไม่เติบโตในหน้าที่การงาน มันจะทำให้เรารู้สึกว่าเป็นปมหรือเป็นปัญหาอะไรในชีวิตมั้ยคะ
สำหรับผมคือไม่ครับ ผมรู้สึกว่าผมชอบชีวิตตัวเองที่เป็นแบบนี้ ผมชอบความหลากหลายที่ตัวเองได้เจอ วันจันทร์ ถึง ศุกร์ ผมอาจจะประชุมเรื่องโปรเจคหลักหลายล้านกับลูกค้า เช้าวันเสาร์ผมไปรับลูกค้า AirBNB ที่ทองหล่อเพื่อมานอนที่บ้านผม เย็นวันอาทิตย์นัดก๊วนบอร์ดเกมส์ที่มีตั้งแต่อายุยีสิบกว่า ๆ จนถึงสี่สิบกว่า ที่ผมรู้สึกไม่มีปมอาจจะเป็นเพราะว่าผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับงานประจำเท่าไหร่ ผมอาจจะรู้สึกถึงความมั่นคงในชีวิตที่สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งรายได้จากงานประจำเพียงอย่างเดียว
แต่ผมยอมรับอย่างนึงว่าการมีตำแหน่งสูงและเงินมากขึ้นก็จะได้ใช้ชีวิตแบบ luxury มากขึ้น ผมอยากไปเที่ยว Positano ผมอยากไปใช้ชีวิตบน Symphony of the Seas ผมอยากไป Ladakh ซึ่งทำไม่ได้ด้วยสถานะรายได้ในปัจจุบัน
แสดงความคิดเห็น
ถามคนวัย 30+ ว่าเราจำเป็นต้องมีหน้าที่การงานดีๆ หรือมีตำแหน่งสูงๆ มั้ยคะ
มีเรื่องอยากปรึกษาและขอคำแนะนำดีๆ จากพี่ๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในช่วงวัย 30+ ค่ะ
ขออนุญาตเล่าเรื่องเกี่ยวกับจขกท. ส่วนนึงนะคะ
จขกท. อายุ 30+ ทำงานในบ. ที่มีชื่อเสียงและค่อนข้างเก่าแก่ในต่างประเทศ
ตำแหน่งงานระดับลีดเดอร์เล็กๆ ความก้าวหน้าในการงานไม่ได้สูงอะไรเพราะทำงานอยู่ในหน่วยงานที่เขาจะเลือกคนประเทศเขามากกว่า
เนื้องานค่อนข้างเฉพาะทาง เงินเดือนพออยู่ได้ ไม่เดือดร้อนอะไร
แต่รู้สึกไม่มีแพชชั่นในการทำงาน ไม่มีคุณค่า รู้สึกว่าพยายามไปก็เท่านั้น คงไม่โตไปกว่านี้อีกแล้ว
และตัวเองมีงานอดิเรกที่สนุกและสามารถทำเงินได้ไม่มากแต่มีความสุข
อยากถามพี่ๆ วัย 30+ 40+ 50+ 60+
- เราจำเป็นต้องมีหน้าที่การงานดีๆ หรือมีตำแหน่งสูงๆ ไหมคะ
- ถ้าเราไม่โตไปกว่านี้แล้ว เราจะทำยังไงให้เรา "ยัง" รู้สึกสนุกกับงานนี้ (เป็นสายงานเฉพาะทาง ย้ายไปทำงานที่ไหนก็จะทำงานเนื้อหาแนวๆ นี้ตลอด)
- มีพี่ๆ คนไหนที่ลาออกมาทำงานส่วนตัวที่ชอบไหมคะ หรือยินดีที่จะทำงานประจำแล้วควบคู่กับงานอื่นๆ ที่ชอบไปด้วย
- จริงๆ แล้วเราไม่จำเป็นต้องแคร์สายตาใครเลยว่าเราจะโตหรือจะไม่โตแต่มันก็อดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นไม่ได้อยู่ดี อยากทราบว่าพี่ๆ รับมือกับความรู้สึกแบบนี้ยังไงบ้างคะ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่ามั้ยคะ
- ถ้าความสุขในชีวิตของพี่ๆ ไม่ใช่เรื่องงาน จะเป็นเรื่องอะไรคะ เรื่องครอบครัว?
- การที่เราไม่เติบโตในหน้าที่การงาน มันจะทำให้เรารู้สึกว่าเป็นปมหรือเป็นปัญหาอะไรในชีวิตมั้ยคะ
อยากฟังประสบการณ์ดีๆ ของพี่ๆ ทุกคนเลยค่ะ
ขอบคุณค่ะ