.
ฐานันดร ❤️ รัชนีกร
๑๒.๑๐.๒๕๖๕
งานแต่งงานของทั้งสองจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ที่อู่ซ่อมรถของฐานันดรเอง ซุ้มดอกไม้จัดตกแต่งประดับประดาได้บรรยากาศของงานแต่งอย่างลงตัว กลิ่นอายของความรักพรั่งพรูไปทั่วงาน แขกเหรื่อที่มาต่างยินดีไปกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว โดยเฉพาะคนที่ทราบเส้นทางแห่งความรักของทั้งคู่ รู้สึกปลาบปลื้มยินดีไปด้วย ที่สุดท้ายทั้งสองก็ได้ลงเอยกันสักที
“รักกันนาน ๆ นะ” คำอวยพรขณะรดน้ำสังข์ให้กับคู่บ่าวสาว
“ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนะจ๊ะทั้งสองคน”
“บุพเพอาละวาดจนได้นะ ในที่สุดคุณพี่กะคุณเพื่อนก็ได้มาเป็นคู่ชีวิตกัน” คำอวยพรของน้องสาวฐานันดร เรียกเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มของแขกไม่น้อย
พิธีการตอนเช้าเสร็จสิ้นไปอย่างราบรื่น ตอนกลางคืนมีงานเลี้ยงในหมู่เพื่อน ๆ และญาติสนิท พิธีกรเชิญทั้งสองขึ้นไปบนเวที ขอให้เล่าถึงเส้นทางแห่งความรักให้ทุกคนได้ฟัง ก่อนจะมาถึงวันนี้ ผ่านอะไรมาบ้าง และเริ่มรักกันได้อย่างไร
“ใครจะเป็นคนเล่าฮะ อ่า.. ให้เจ้าบ่าวเป็นคนเล่าดีกว่า” พิธีกรกล่าวพร้อมยื่นไมค์ให้ฐานันดร
เขารับไมค์จากพิธีกรมา “เรื่องเส้นทางความรักของเรา ผมอยากให้เธอเป็นคนเล่ามากกว่า อยากให้เธอและทุกคนได้รู้ว่า ผมรักเธอมากแค่ไหน”
“คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ครับ” พิธีกรชายพูด ก่อนจะยื่นไมค์ให้เจ้าสาว รัชนีกรรับไมค์มา ยิ้มอย่างมีความสุข และยินดีที่จะเล่าถึงเส้นทางแห่งความรักของเธอและเขาให้ทุกคนได้ฟัง
“เส้นทางความรักของกี้กับพี่โจ ความจริงกี้ไม่คิดจะรักพี่โจเลยด้วยซ้ำ แต่ว่ามันคงเป็นพรหมลิขิตขีดเอาไว้แล้ว และกี้ก็รู้ว่าพี่โจรักกี้จริง ๆ รักมากแค่ไหน จริงใจกับกี้แค่ไหน มาถึงวันนี้ กี้รักพี่โจสุดหัวใจเลยค่ะ” รัชนีกรพูดทั้งน้ำตาคลอ หันไปมองเจ้าบ่าวของเธอ
“กี้กับพี่โจเรารู้จักกันตอนกี้อายุเพียงสิบสี่ปีเท่านั้น พี่โจอายุสิบแปด…”
ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
กริ๊งๆๆๆๆๆๆ
รัชนีกรกดกริ่งเรียกเจ้าของบ้าน เธอและเพื่อนสองคนยืนรออย่างใจจดใจจ่อ รอคอยเจ้าของบ้านเปิดประตูให้ ไม่นานประตูรั้วก็ถูกเปิดออก ทั้งสามคนตกใจทำอะไรไม่ถูก เมื่อคนมาเปิดประตูให้ไม่ใช่เพื่อนของตนที่จะมาหาในวันนี้
“มาหาใครครับ” ชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างสูงโปร่ง ทรงผมรองทรงสูง สวมกางเกงสแล็กสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาว คล้าย ๆ เครื่องแต่งกายของนักเรียนเทคนิค
“เอ่อหนู หนูมาหาเจมส์ค่ะ เจมส์อยู่ไหม” รัชนีกรเป็นคนตอบ เธอเดาว่าผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นพี่ชายของเพื่อน เพราะหน้าตามีความคล้ายกันมาก
“อยู่ครับ อยู่ในบ้าน จะเข้ามาหรือว่าจะให้เจมส์ออกมาเจอ” ชายหนุ่มตอบ สายตามองมายังหญิงสาวคนที่ตนกำลังสนทนาอยู่ ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย “งั้นพี่ว่าพวกเราเข้ามาในบ้านดีกว่า เจมส์อยู่ในบ้านน่ะ” เขาแทนตัวเองว่าพี่เพราะเห็นเป็นเพื่อนน้องสาว
“เอ่อหนูว่าเรียกเจมส์ออกมาจะดีกว่าค่ะ พวกหนูแค่เอาการบ้านมาให้เจมส์เฉย ๆ” รัชนีกรปฏิเสธ เพราะเจมส์ป่วยขาดเรียนไปหลายวัน พวกเธอจึงนำการบ้านที่ครูสั่งมาให้ “วานพี่ไปเรียกเจมส์ให้ได้มั้ยคะ”
“งั้นได้ เดี๋ยวรอแป๊บนึงนะครับพี่ตามเจมส์ให้” ฐานันดรกล่าว ยังไม่ทันได้เดินกลับไป เจมส์ก็เดินออกมาจากในบ้านเสียก่อน
“กี้ แป้ง ดาวเข้ามาในบ้านก่อน นึกว่าพี่โจยืนคุยกับสาวที่ไหน จะมาทำไมไม่โทรบอกเราก่อน” เจมส์เดินมาหยุดยืนข้าง ๆ พี่ชาย พวกเธอยืนคุยกันตรงหน้าบ้านครู่หนึ่ง ก่อนจะชวนทั้งสามคนเข้ามาในบ้าน
พอทั้งสามคนได้เจอกับน้องสาวแล้ว ก็หมดหน้าที่ของฐานันดร เขาจึงปลีกตัวขึ้นห้อง ปล่อยให้น้อง ๆ คุยกัน ก่อนไปเขามิวายแอบมองสาวเจ้าอย่างนึกประหลาดใจ ทำไมต้องแอบแลตามอง เพื่อนน้องสาวที่ชื่อกี้คนนี้มีอะไรดึงดูดเขา อธิบายความรู้สึกของตนเองไม่ถูก
วันเวลาผ่านไปเขาเฝ้าแอบรอว่ารัชนีกรจะมาที่บ้านหาน้องสาวเมื่อไหร่ ทำเป็นแกล้งถามน้องสาวบ้าง ชวนคุยถึงเธอบ้าง ฐานันดรศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิค เมื่อก่อนเป็นคนติดเพื่อนมาก แต่พอเจอกับรัชนีกรวันนั้น เขาก็ทำตัวติดน้องสาวแทน ไปไหนก็ขอตามไปด้วยทุกที่ เผื่อจะได้เจอกับเธอ
“พี่โจถามจริง ชอบกี้เพื่อนเจมส์เหรอ” เจมส์เมื่อได้โอกาสก็ถามพี่ชายตรง ๆ เสียเลย หลังจากที่กลับจากเวียนเทียนวันออกพรรษา “เห็นตามเจมส์ไปเที่ยวตลอด แววตาที่พี่โจมองกี้น่ะ เจมส์รู้นะ ชอบเหรอ”
“อือ… อยากคุย เค้ามีแฟนยัง” ฐานันดรไม่อ้อมค้อม ตอบไปตามตรงตามความรู้สึกของตัวเอง
“เพื่อนเจมส์น่ะโสด แต่พี่โจน่ะโสดหรือเปล่า จะหลอกฟันใครก็ได้นะ แต่เพื่อนเจมส์ เจมส์ขอ” เจมส์พูดจริงจังกับพี่ชาย ไม่ห้ามถ้าพี่ชายจะคบเพื่อน แต่ถ้าเพียงคบเพื่อหวังได้เล่น ๆ เธอก็ไม่อยากให้คบ
“เฮ้ยบ้า! พี่จะไปหลอกเค้าทำมั้ย พี่ชอบน้องเค้าจริง ๆ”
“จะไปรู้เหรอ เห็นพี่โจคุยตั้งหลายคน เลิก ๆ คบ ๆ ก็หลายคน”
“คนนี้พี่ไม่! พี่พูดจริง ๆ น้องเค้าน่ารักดี” ฐานันดรพูดปนยิ้ม นึกถึงใบหน้าจิ้มลิ้มของสาวเจ้า เมื่อชั่วโมงที่ผ่านมาเขาตามน้องสาวไปเวียนเทียน ได้เวียนเทียนใกล้ ๆ เธอมันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก และไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมั่นใจว่าหากเขาได้คบกับเธอ เขาจะจริงจังและมีเธอคนเดียว
“ชอบก็จีบดิ อ่ะเบอร์ แต่เจมส์ไม่การันตีนะว่าจะจีบกี้ติดเปล่า ถามว่ากี้มีแฟนมั้ยไม่รู้ไม่มี แต่กี้มันอาจจะซ่อนแฟนไว้ไม่ให้เจมส์กับเพื่อนรู้ก็ได้” เจมส์ให้เบอร์โทรศัพท์ของรัชนีกรแก่พี่ชายไป
“ถ้าน้องกี้มีแฟนแล้ว พี่สัญญาว่าจะไม่ยุ่ง แต่ถ้าน้องกี้โสดพี่ขอคบนะ น้องเค้าน่ารักดีอ่ะ” สองพี่น้องยืนคุยกัน จากนั้นก็แยกย้ายเข้าห้องนอนของใครของมัน ส่วนเขาได้เบอร์เธอมาแล้ว รู้ว่าเสี่ยงก็คงต้องขอลองล่ะ
เมื่อฐานันดรได้เบอร์โทรศัพท์ของรัชนีกรมาแล้ว เขาโทรคุยเรื่อยมา ส่วนเธอก็รับสายและคุยเรื่อยมาเช่นกัน เขายอมรับว่าเขาหลงใหลผู้หญิงคนนี้มาก รัก คิดถึง โหยหาชนิดที่บอกไม่ถูก แม้มันจะเป็นความรักแบบเด็ก ๆ เขาเชื่อว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้น เขารักเธอจริง จริงใจ ห่วงใย และอยากได้เป็นคู่ชีวิต
รัชนีกรเมื่อพี่ชายของเพื่อนโทรมาคุยด้วยทุกวัน เธอก็ไม่กล้าปฏิเสธ เพราะเกรงใจเพื่อน ด้วยความเป็นพี่ชายของเพื่อนด้วย จึงไม่ปฏิเสธตัดรอนเยื่อใย ทว่าเธอยังตอบตัวเองไม่ได้เลยว่า เธอมีใจหรือชอบฐานันดรหรือเปล่า แต่เมื่อใดที่เขาไม่โทรหา เธอก็ไม่รู้สึกโหยหาอยากคุย และเธอก็ไม่เคยติดต่อฐานันดรก่อนเลยแม้แต่วันเดียว เป็นฐานันดรที่เป็นคนติดต่ออยู่ฝ่ายเดียว
ฐานันดรเที่ยวมาเจอ เที่ยวรับเที่ยวส่งรัชนีกรทุกครั้งที่ว่าง เขาเลิกติดเที่ยว เลิกติดเพื่อนเพื่อมาตามรัชนีกรโดยเฉพาะ และเธอก็ไม่เคยปฏิเสธความหวังดีนี้สักครั้ง ทำให้เขาคิดไปไกลว่าสาวเจ้าก็มีใจให้ และวันที่ทุกอย่างชัดเจนก็มาถึง
หนึ่งปีกับการตามจีบรัชนีกร โดยที่เขาก็ไม่เคยล่วงเกินเธอสักครั้ง นั่นเพราะเธอไม่เคยเปิดโอกาส ให้เขาได้อยู่สองต่อสองกับเธอเพียงลำพังแม้แต่ครั้งเดียว จนในที่สุดรัชนีกรเรียนจบ ม.ต้น เขาอยากจองตัวเธอเอาไว้ กลัวว่าชายอื่นจะหมายปอง เพราะเขาต้องเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่อื่น หมั้นเอาไว้ แล้วรอให้เธอเรียนจบตามที่ใจต้องการค่อยแต่ง เขารักเธอจริง ๆ แม้รู้ว่ายังเด็กทั้งคู่
“พี่อยากไปสู่ขอกี้กับพ่อแม่ได้มั้ย” วันหนึ่งเขาคุยกับรัชนีกรที่สวนสาธารณะ
รัชนีกรหันขวับมาจ้องหน้าเขา “ไม่ได้! กี้ยังอยากเรียนต่อ ม.ปลาย กี้ยังอยากเรียนหนังสืออยู่” รัชนีกรหน้าบึ้งกับคำขอของเขา “กี้ยังเด็ก และพี่โจก็ยังเด็ก ยังมีโอกาสได้เจอใคร ๆ อีกมากมายหลายคน” เธอไม่เห็นด้วย เพราะเธอยังเด็กเกินไป เธอพึ่งจะเรียนจบ ม.ต้น ทำไมเขาคิดไปไกลถึงขั้นนั้นแล้ว
“เดี๋ยว ๆ ใจเย็น พี่ไม่ได้จะให้กี้ออกจากโรงเรียน พี่แค่อยากหมั้นกี้เอาไว้ไง พี่รักกี้มากกี้ก็รู้” ฐานันดรรีบอธิบาย ไม่ได้พูดไปส่ง ๆ แต่มันออกมาจากใจ ทราบดีว่าทั้งเขาและเธอยังเด็กนัก แต่เขาเชื่อมั่นในความรู้สึกของตนเอง
“ไม่ ๆ ยังไงกี้ก็ไม่ยอม กี้รู้ว่าพี่โจรักกี้ แต่กี้ยังอยากเป็นอิสระ”
“กี้มีคนอื่นเหรอ!” เขาถาม จ้องมองใบหน้านั้นอย่างใจหาย หากเธอตอบว่าใช่
“เปล่า! กี้ไม่ได้มีคนอื่น แต่กี้… คืองี้นะพี่โจ กี้ไม่รู้จะบอกพี่โจยังไง คือ กี้คิดว่าพี่โจเป็นพี่ชายกี้คนหนึ่ง เป็นพี่ชายเจมส์ก็คล้าย ๆ พี่ชายกี้ คือ กี้… พี่โจเข้าใจกี้มั้ย” รัชนีกรไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้ฐานันดรเข้าใจ และเสียใจน้อยที่สุด ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีกับการคุยกันทุกวัน เธอคิดเพียงเท่านี้จริง ๆ
“กี้กำลังจะบอกว่า ที่ผ่านมาไม่ได้คิดไรกะพี่ว่างั้น ที่คุยกันทุกวันเพราะเกรงใจ เพราะพี่เป็นพี่ชายเจมส์” เขาถาม ความรู้สึกเจ็บแปลบเกิดขึ้นในใจ
รัชนีกรถอนหายใจ “อือ..” พยักหน้าเบา ๆ “คือกี้คุยกับพี่แบบไม่ได้คิดเป็นแฟนน่ะ แต่กี้มีความสุขนะที่ได้คุยกับพี่โจ แต่ใจกี้ไม่ได้ชอบพี่โจ และกี้ก็ไม่ได้เกรงใจเจมส์ด้วยที่คุยกับพี่ เอาเป็นว่ากี้ไม่อยากหมั้น ไม่หมั้น ถ้าพี่โจยังจะดื้อรั้นมาสู่ขอกี้กับพ่อแม่ล่ะก้อ กี้จะหนีพี่โจไปไกล ๆ เลย” รัชนีกรไม่ได้ขู่ เธอคิดจะทำเช่นนั้นจริง ๆ
หลังจากคุยกันที่สวนสาธารณะ ทั้งเขาและเธอก็ไม่ได้เจอกันอีก ต่างคนต่างไป หลังจากวันนั้นฐานันดรก็ไม่ได้โทรหารัชนีกรอีกเลย แม้แต่สายเดียว และหลังจากเธอจบมัธยมต้นก็ย้ายโรงเรียน ทำให้ไม่ได้เจอกับเจมส์อีกเลยเช่นกัน ทำให้ความสัมพันธ์ของเธอและเขาจบลงเพียงเท่านี้ ทั้งฐานันดรและรัชนีกรไม่เจอกันอีกเลย
จวบจนเวลาผ่านไปสามปี รัชนีกรสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทำให้เธอได้เจอกับเพื่อนเก่า นั่นคือเจมส์น้องสาวของฐานันดร ทั้งสองคนก็ไม่ได้อคติต่อกัน กลับมาเป็นเพื่อนสนิทกันเช่นเดิม
“กี้เข้ามาเรียนต่อ ม.ปลายที่กรุงเทพสวยขึ้นเยอะเลยเนอะ ถามจริง หนีพี่ชายเราเหรอ ถึงได้ย้ายมาเรียนกรุงเทพน่ะ” เจมส์ถาม ขณะนั่งทานข้าวมื้อเที่ยงที่ศูนย์อาหารของมหาวิทยาลัย
“เปล่า… ย้ายมาอยู่เป็นเพื่อนน้า น้าเขยเราเสีย แม่กลัวว่าน้าเราจะเหงา เลยให้เราย้ายมาอยู่เป็นเพื่อน ส่วนเรื่องเรากับพี่โจ เราคุยกับพี่โจรู้เรื่องกันแล้ว ว่าแต่พี่โจสบายดีนะ และก็เราขอโทษเจมส์ด้วยนะ ที่ทำให้พี่ชายเจมส์ผิดหวัง” รัชนีกรพูดอย่างคนรู้สึกผิด ก็รู้สึกผิดจริง ๆ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอไม่ได้รักฐานันดรจริง ๆ นี่
“ไม่เป็นไร พี่โจสบายดี ตั้งแต่เลิกคุยกับกี้ไปแกก็บ้าเรียน บ้างาน ดีซะอีกทำให้พี่ชายเราเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาเป็นกองเลย แกอยากมีอู่ซ่อมรถเป็นของตัวเองน่ะ” เจมส์พูดถึงพี่ชาย ไม่คิดจะเป็นแม่สื่ออีกแล้ว เพราะสงสารพี่ชายที่อกหักไปคราวนั้น “แต่พี่โจก็ยังไม่มีใครนะ เหมือนเค้ารอกี้”
“เฮ้ย! จะมารอเราทำไม เรามีแฟนแล้วเจมส์” รัชนีกรได้ยินแบบนั้นก็แอบสะเทือนใจ แต่เธอก็ไม่ได้ชอบฐานันดรเลยสักนิด จึงแกล้งพูดว่าตนเองมีแฟนไปแล้ว เผื่อเพื่อนสาวจะได้นำไปเล่าให้พี่ชายฟัง และได้ตัดใจจากเธอเสียที
เรื่องสั้น : บุพเพอาละวาด
.
ฐานันดร ❤️ รัชนีกร
๑๒.๑๐.๒๕๖๕
งานแต่งงานของทั้งสองจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ที่อู่ซ่อมรถของฐานันดรเอง ซุ้มดอกไม้จัดตกแต่งประดับประดาได้บรรยากาศของงานแต่งอย่างลงตัว กลิ่นอายของความรักพรั่งพรูไปทั่วงาน แขกเหรื่อที่มาต่างยินดีไปกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว โดยเฉพาะคนที่ทราบเส้นทางแห่งความรักของทั้งคู่ รู้สึกปลาบปลื้มยินดีไปด้วย ที่สุดท้ายทั้งสองก็ได้ลงเอยกันสักที
“รักกันนาน ๆ นะ” คำอวยพรขณะรดน้ำสังข์ให้กับคู่บ่าวสาว
“ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนะจ๊ะทั้งสองคน”
“บุพเพอาละวาดจนได้นะ ในที่สุดคุณพี่กะคุณเพื่อนก็ได้มาเป็นคู่ชีวิตกัน” คำอวยพรของน้องสาวฐานันดร เรียกเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มของแขกไม่น้อย
พิธีการตอนเช้าเสร็จสิ้นไปอย่างราบรื่น ตอนกลางคืนมีงานเลี้ยงในหมู่เพื่อน ๆ และญาติสนิท พิธีกรเชิญทั้งสองขึ้นไปบนเวที ขอให้เล่าถึงเส้นทางแห่งความรักให้ทุกคนได้ฟัง ก่อนจะมาถึงวันนี้ ผ่านอะไรมาบ้าง และเริ่มรักกันได้อย่างไร
“ใครจะเป็นคนเล่าฮะ อ่า.. ให้เจ้าบ่าวเป็นคนเล่าดีกว่า” พิธีกรกล่าวพร้อมยื่นไมค์ให้ฐานันดร
เขารับไมค์จากพิธีกรมา “เรื่องเส้นทางความรักของเรา ผมอยากให้เธอเป็นคนเล่ามากกว่า อยากให้เธอและทุกคนได้รู้ว่า ผมรักเธอมากแค่ไหน”
“คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ครับ” พิธีกรชายพูด ก่อนจะยื่นไมค์ให้เจ้าสาว รัชนีกรรับไมค์มา ยิ้มอย่างมีความสุข และยินดีที่จะเล่าถึงเส้นทางแห่งความรักของเธอและเขาให้ทุกคนได้ฟัง
“เส้นทางความรักของกี้กับพี่โจ ความจริงกี้ไม่คิดจะรักพี่โจเลยด้วยซ้ำ แต่ว่ามันคงเป็นพรหมลิขิตขีดเอาไว้แล้ว และกี้ก็รู้ว่าพี่โจรักกี้จริง ๆ รักมากแค่ไหน จริงใจกับกี้แค่ไหน มาถึงวันนี้ กี้รักพี่โจสุดหัวใจเลยค่ะ” รัชนีกรพูดทั้งน้ำตาคลอ หันไปมองเจ้าบ่าวของเธอ
“กี้กับพี่โจเรารู้จักกันตอนกี้อายุเพียงสิบสี่ปีเท่านั้น พี่โจอายุสิบแปด…”
ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
กริ๊งๆๆๆๆๆๆ
รัชนีกรกดกริ่งเรียกเจ้าของบ้าน เธอและเพื่อนสองคนยืนรออย่างใจจดใจจ่อ รอคอยเจ้าของบ้านเปิดประตูให้ ไม่นานประตูรั้วก็ถูกเปิดออก ทั้งสามคนตกใจทำอะไรไม่ถูก เมื่อคนมาเปิดประตูให้ไม่ใช่เพื่อนของตนที่จะมาหาในวันนี้
“มาหาใครครับ” ชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างสูงโปร่ง ทรงผมรองทรงสูง สวมกางเกงสแล็กสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาว คล้าย ๆ เครื่องแต่งกายของนักเรียนเทคนิค
“เอ่อหนู หนูมาหาเจมส์ค่ะ เจมส์อยู่ไหม” รัชนีกรเป็นคนตอบ เธอเดาว่าผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นพี่ชายของเพื่อน เพราะหน้าตามีความคล้ายกันมาก
“อยู่ครับ อยู่ในบ้าน จะเข้ามาหรือว่าจะให้เจมส์ออกมาเจอ” ชายหนุ่มตอบ สายตามองมายังหญิงสาวคนที่ตนกำลังสนทนาอยู่ ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย “งั้นพี่ว่าพวกเราเข้ามาในบ้านดีกว่า เจมส์อยู่ในบ้านน่ะ” เขาแทนตัวเองว่าพี่เพราะเห็นเป็นเพื่อนน้องสาว
“เอ่อหนูว่าเรียกเจมส์ออกมาจะดีกว่าค่ะ พวกหนูแค่เอาการบ้านมาให้เจมส์เฉย ๆ” รัชนีกรปฏิเสธ เพราะเจมส์ป่วยขาดเรียนไปหลายวัน พวกเธอจึงนำการบ้านที่ครูสั่งมาให้ “วานพี่ไปเรียกเจมส์ให้ได้มั้ยคะ”
“งั้นได้ เดี๋ยวรอแป๊บนึงนะครับพี่ตามเจมส์ให้” ฐานันดรกล่าว ยังไม่ทันได้เดินกลับไป เจมส์ก็เดินออกมาจากในบ้านเสียก่อน
“กี้ แป้ง ดาวเข้ามาในบ้านก่อน นึกว่าพี่โจยืนคุยกับสาวที่ไหน จะมาทำไมไม่โทรบอกเราก่อน” เจมส์เดินมาหยุดยืนข้าง ๆ พี่ชาย พวกเธอยืนคุยกันตรงหน้าบ้านครู่หนึ่ง ก่อนจะชวนทั้งสามคนเข้ามาในบ้าน
พอทั้งสามคนได้เจอกับน้องสาวแล้ว ก็หมดหน้าที่ของฐานันดร เขาจึงปลีกตัวขึ้นห้อง ปล่อยให้น้อง ๆ คุยกัน ก่อนไปเขามิวายแอบมองสาวเจ้าอย่างนึกประหลาดใจ ทำไมต้องแอบแลตามอง เพื่อนน้องสาวที่ชื่อกี้คนนี้มีอะไรดึงดูดเขา อธิบายความรู้สึกของตนเองไม่ถูก
วันเวลาผ่านไปเขาเฝ้าแอบรอว่ารัชนีกรจะมาที่บ้านหาน้องสาวเมื่อไหร่ ทำเป็นแกล้งถามน้องสาวบ้าง ชวนคุยถึงเธอบ้าง ฐานันดรศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิค เมื่อก่อนเป็นคนติดเพื่อนมาก แต่พอเจอกับรัชนีกรวันนั้น เขาก็ทำตัวติดน้องสาวแทน ไปไหนก็ขอตามไปด้วยทุกที่ เผื่อจะได้เจอกับเธอ
“พี่โจถามจริง ชอบกี้เพื่อนเจมส์เหรอ” เจมส์เมื่อได้โอกาสก็ถามพี่ชายตรง ๆ เสียเลย หลังจากที่กลับจากเวียนเทียนวันออกพรรษา “เห็นตามเจมส์ไปเที่ยวตลอด แววตาที่พี่โจมองกี้น่ะ เจมส์รู้นะ ชอบเหรอ”
“อือ… อยากคุย เค้ามีแฟนยัง” ฐานันดรไม่อ้อมค้อม ตอบไปตามตรงตามความรู้สึกของตัวเอง
“เพื่อนเจมส์น่ะโสด แต่พี่โจน่ะโสดหรือเปล่า จะหลอกฟันใครก็ได้นะ แต่เพื่อนเจมส์ เจมส์ขอ” เจมส์พูดจริงจังกับพี่ชาย ไม่ห้ามถ้าพี่ชายจะคบเพื่อน แต่ถ้าเพียงคบเพื่อหวังได้เล่น ๆ เธอก็ไม่อยากให้คบ
“เฮ้ยบ้า! พี่จะไปหลอกเค้าทำมั้ย พี่ชอบน้องเค้าจริง ๆ”
“จะไปรู้เหรอ เห็นพี่โจคุยตั้งหลายคน เลิก ๆ คบ ๆ ก็หลายคน”
“คนนี้พี่ไม่! พี่พูดจริง ๆ น้องเค้าน่ารักดี” ฐานันดรพูดปนยิ้ม นึกถึงใบหน้าจิ้มลิ้มของสาวเจ้า เมื่อชั่วโมงที่ผ่านมาเขาตามน้องสาวไปเวียนเทียน ได้เวียนเทียนใกล้ ๆ เธอมันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก และไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมั่นใจว่าหากเขาได้คบกับเธอ เขาจะจริงจังและมีเธอคนเดียว
“ชอบก็จีบดิ อ่ะเบอร์ แต่เจมส์ไม่การันตีนะว่าจะจีบกี้ติดเปล่า ถามว่ากี้มีแฟนมั้ยไม่รู้ไม่มี แต่กี้มันอาจจะซ่อนแฟนไว้ไม่ให้เจมส์กับเพื่อนรู้ก็ได้” เจมส์ให้เบอร์โทรศัพท์ของรัชนีกรแก่พี่ชายไป
“ถ้าน้องกี้มีแฟนแล้ว พี่สัญญาว่าจะไม่ยุ่ง แต่ถ้าน้องกี้โสดพี่ขอคบนะ น้องเค้าน่ารักดีอ่ะ” สองพี่น้องยืนคุยกัน จากนั้นก็แยกย้ายเข้าห้องนอนของใครของมัน ส่วนเขาได้เบอร์เธอมาแล้ว รู้ว่าเสี่ยงก็คงต้องขอลองล่ะ
เมื่อฐานันดรได้เบอร์โทรศัพท์ของรัชนีกรมาแล้ว เขาโทรคุยเรื่อยมา ส่วนเธอก็รับสายและคุยเรื่อยมาเช่นกัน เขายอมรับว่าเขาหลงใหลผู้หญิงคนนี้มาก รัก คิดถึง โหยหาชนิดที่บอกไม่ถูก แม้มันจะเป็นความรักแบบเด็ก ๆ เขาเชื่อว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้น เขารักเธอจริง จริงใจ ห่วงใย และอยากได้เป็นคู่ชีวิต
รัชนีกรเมื่อพี่ชายของเพื่อนโทรมาคุยด้วยทุกวัน เธอก็ไม่กล้าปฏิเสธ เพราะเกรงใจเพื่อน ด้วยความเป็นพี่ชายของเพื่อนด้วย จึงไม่ปฏิเสธตัดรอนเยื่อใย ทว่าเธอยังตอบตัวเองไม่ได้เลยว่า เธอมีใจหรือชอบฐานันดรหรือเปล่า แต่เมื่อใดที่เขาไม่โทรหา เธอก็ไม่รู้สึกโหยหาอยากคุย และเธอก็ไม่เคยติดต่อฐานันดรก่อนเลยแม้แต่วันเดียว เป็นฐานันดรที่เป็นคนติดต่ออยู่ฝ่ายเดียว
ฐานันดรเที่ยวมาเจอ เที่ยวรับเที่ยวส่งรัชนีกรทุกครั้งที่ว่าง เขาเลิกติดเที่ยว เลิกติดเพื่อนเพื่อมาตามรัชนีกรโดยเฉพาะ และเธอก็ไม่เคยปฏิเสธความหวังดีนี้สักครั้ง ทำให้เขาคิดไปไกลว่าสาวเจ้าก็มีใจให้ และวันที่ทุกอย่างชัดเจนก็มาถึง
หนึ่งปีกับการตามจีบรัชนีกร โดยที่เขาก็ไม่เคยล่วงเกินเธอสักครั้ง นั่นเพราะเธอไม่เคยเปิดโอกาส ให้เขาได้อยู่สองต่อสองกับเธอเพียงลำพังแม้แต่ครั้งเดียว จนในที่สุดรัชนีกรเรียนจบ ม.ต้น เขาอยากจองตัวเธอเอาไว้ กลัวว่าชายอื่นจะหมายปอง เพราะเขาต้องเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่อื่น หมั้นเอาไว้ แล้วรอให้เธอเรียนจบตามที่ใจต้องการค่อยแต่ง เขารักเธอจริง ๆ แม้รู้ว่ายังเด็กทั้งคู่
“พี่อยากไปสู่ขอกี้กับพ่อแม่ได้มั้ย” วันหนึ่งเขาคุยกับรัชนีกรที่สวนสาธารณะ
รัชนีกรหันขวับมาจ้องหน้าเขา “ไม่ได้! กี้ยังอยากเรียนต่อ ม.ปลาย กี้ยังอยากเรียนหนังสืออยู่” รัชนีกรหน้าบึ้งกับคำขอของเขา “กี้ยังเด็ก และพี่โจก็ยังเด็ก ยังมีโอกาสได้เจอใคร ๆ อีกมากมายหลายคน” เธอไม่เห็นด้วย เพราะเธอยังเด็กเกินไป เธอพึ่งจะเรียนจบ ม.ต้น ทำไมเขาคิดไปไกลถึงขั้นนั้นแล้ว
“เดี๋ยว ๆ ใจเย็น พี่ไม่ได้จะให้กี้ออกจากโรงเรียน พี่แค่อยากหมั้นกี้เอาไว้ไง พี่รักกี้มากกี้ก็รู้” ฐานันดรรีบอธิบาย ไม่ได้พูดไปส่ง ๆ แต่มันออกมาจากใจ ทราบดีว่าทั้งเขาและเธอยังเด็กนัก แต่เขาเชื่อมั่นในความรู้สึกของตนเอง
“ไม่ ๆ ยังไงกี้ก็ไม่ยอม กี้รู้ว่าพี่โจรักกี้ แต่กี้ยังอยากเป็นอิสระ”
“กี้มีคนอื่นเหรอ!” เขาถาม จ้องมองใบหน้านั้นอย่างใจหาย หากเธอตอบว่าใช่
“เปล่า! กี้ไม่ได้มีคนอื่น แต่กี้… คืองี้นะพี่โจ กี้ไม่รู้จะบอกพี่โจยังไง คือ กี้คิดว่าพี่โจเป็นพี่ชายกี้คนหนึ่ง เป็นพี่ชายเจมส์ก็คล้าย ๆ พี่ชายกี้ คือ กี้… พี่โจเข้าใจกี้มั้ย” รัชนีกรไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้ฐานันดรเข้าใจ และเสียใจน้อยที่สุด ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีกับการคุยกันทุกวัน เธอคิดเพียงเท่านี้จริง ๆ
“กี้กำลังจะบอกว่า ที่ผ่านมาไม่ได้คิดไรกะพี่ว่างั้น ที่คุยกันทุกวันเพราะเกรงใจ เพราะพี่เป็นพี่ชายเจมส์” เขาถาม ความรู้สึกเจ็บแปลบเกิดขึ้นในใจ
รัชนีกรถอนหายใจ “อือ..” พยักหน้าเบา ๆ “คือกี้คุยกับพี่แบบไม่ได้คิดเป็นแฟนน่ะ แต่กี้มีความสุขนะที่ได้คุยกับพี่โจ แต่ใจกี้ไม่ได้ชอบพี่โจ และกี้ก็ไม่ได้เกรงใจเจมส์ด้วยที่คุยกับพี่ เอาเป็นว่ากี้ไม่อยากหมั้น ไม่หมั้น ถ้าพี่โจยังจะดื้อรั้นมาสู่ขอกี้กับพ่อแม่ล่ะก้อ กี้จะหนีพี่โจไปไกล ๆ เลย” รัชนีกรไม่ได้ขู่ เธอคิดจะทำเช่นนั้นจริง ๆ
หลังจากคุยกันที่สวนสาธารณะ ทั้งเขาและเธอก็ไม่ได้เจอกันอีก ต่างคนต่างไป หลังจากวันนั้นฐานันดรก็ไม่ได้โทรหารัชนีกรอีกเลย แม้แต่สายเดียว และหลังจากเธอจบมัธยมต้นก็ย้ายโรงเรียน ทำให้ไม่ได้เจอกับเจมส์อีกเลยเช่นกัน ทำให้ความสัมพันธ์ของเธอและเขาจบลงเพียงเท่านี้ ทั้งฐานันดรและรัชนีกรไม่เจอกันอีกเลย
จวบจนเวลาผ่านไปสามปี รัชนีกรสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทำให้เธอได้เจอกับเพื่อนเก่า นั่นคือเจมส์น้องสาวของฐานันดร ทั้งสองคนก็ไม่ได้อคติต่อกัน กลับมาเป็นเพื่อนสนิทกันเช่นเดิม
“กี้เข้ามาเรียนต่อ ม.ปลายที่กรุงเทพสวยขึ้นเยอะเลยเนอะ ถามจริง หนีพี่ชายเราเหรอ ถึงได้ย้ายมาเรียนกรุงเทพน่ะ” เจมส์ถาม ขณะนั่งทานข้าวมื้อเที่ยงที่ศูนย์อาหารของมหาวิทยาลัย
“เปล่า… ย้ายมาอยู่เป็นเพื่อนน้า น้าเขยเราเสีย แม่กลัวว่าน้าเราจะเหงา เลยให้เราย้ายมาอยู่เป็นเพื่อน ส่วนเรื่องเรากับพี่โจ เราคุยกับพี่โจรู้เรื่องกันแล้ว ว่าแต่พี่โจสบายดีนะ และก็เราขอโทษเจมส์ด้วยนะ ที่ทำให้พี่ชายเจมส์ผิดหวัง” รัชนีกรพูดอย่างคนรู้สึกผิด ก็รู้สึกผิดจริง ๆ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอไม่ได้รักฐานันดรจริง ๆ นี่
“ไม่เป็นไร พี่โจสบายดี ตั้งแต่เลิกคุยกับกี้ไปแกก็บ้าเรียน บ้างาน ดีซะอีกทำให้พี่ชายเราเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาเป็นกองเลย แกอยากมีอู่ซ่อมรถเป็นของตัวเองน่ะ” เจมส์พูดถึงพี่ชาย ไม่คิดจะเป็นแม่สื่ออีกแล้ว เพราะสงสารพี่ชายที่อกหักไปคราวนั้น “แต่พี่โจก็ยังไม่มีใครนะ เหมือนเค้ารอกี้”
“เฮ้ย! จะมารอเราทำไม เรามีแฟนแล้วเจมส์” รัชนีกรได้ยินแบบนั้นก็แอบสะเทือนใจ แต่เธอก็ไม่ได้ชอบฐานันดรเลยสักนิด จึงแกล้งพูดว่าตนเองมีแฟนไปแล้ว เผื่อเพื่อนสาวจะได้นำไปเล่าให้พี่ชายฟัง และได้ตัดใจจากเธอเสียที