เอาบทสัมภาษณ์ของใบเฟิร์น กับ ELLE มาฝากทุกคนค่ะ
ชอบทัศนคติและความตั้งใจของน้อง เป็นสัมภาษณ์ที่ดีมากๆ
หนึ่งในการบ้านที่เฟิร์นต้องทำคือพัฒนาตัวละคร เราเลยต้องสร้างความสัมพันธ์กับตัวละครที่เราจะเป็นด้วย
ถ้ามองในจอแล้วเห็นว่า ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ร่างแบบบางตัวเล็กเพียงไรขอให้หารสองลงมาอีกเมื่อเจอตัวเป็นๆ ของเธอแต่ขอคูณล้านเพิ่มเข้าไปให้กับความมุ่งมั่นของนักแสดงหญิงที่ไร้ข้อโต้แย้งในฝีมือแห่งยุค
เราพบกับใบเฟิร์นให้หลังเพียง 3 วันหลังจากเธอได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากละคร สร้อยสะบันงา ทางช่อง 3 จากเวที ContentAsia Awards 2022 ซึ่งมอบให้กับผลงานบันเทิงในภูมิภาคเอเชีย เราเอ่ยแสดงความยินดี หากใบเฟิร์นยิ้มรับแบบเขินเต็มที “ถือว่าเกินฝันค่ะ เฟิร์นไม่เคยกล้าหวังไปถึงรางวัลเลย เฟิร์นหวังแค่ว่าได้ละครเล่นสักเรื่องก็ดีใจแล้ว ตั้งแต่เด็กกว่าเฟิร์นจะได้เล่นละครสักเรื่องก็ยากมาก ไปแคสต์เยอะมากแต่ได้งานน้อย นั่งรอไปสิ เวลาได้เล่นเลยตั้งใจมาก ไม่ว่าจะได้รางวัลยอดเยี่ยมหรือยอดนิยม เฟิร์นขอบคุณทั้งนั้น เพราะเกินฝันเราไปแล้ว ในใจมีแต่คำว่าขอบคุณ ขอบคุณคนดู ผู้จัด นักเขียนบท อยากทำตัวละครออกมาให้ดีที่สุด ไม่เคยคิดว่าจะทำเพื่อรางวัล”
รัวคำตอบอย่างถ่อมตน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอรับมือกับคำชมได้ค่อนข้างลำบาก แม้ว่าจะเดินขึ้นลงเวทีประกาศรางวัลมาตั้งแต่อายุ 18 ปี จากผลงานแสดงเรื่องแรกในภาพยนตร์ที่ทุกวันนี้ยังเป็นที่กล่าวขานถึงอย่าง สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า…รักซึ่งออกฉายในปี 2010 “ตอนนั้นเฟิร์นอายุแค่ 17-18 ปี เป็นแค่เด็ก ม.ปลายคนหนึ่ง ทุกอย่างเลยเป็นความสดใหม่หมดเลย ทั้งเรื่องของความรู้สึกของตัวละคร ความจริงใจในวัยเด็ก ความใสของคนที่มีความรักครั้งแรก ทุกอย่างดูใสสมชื่อตัวละคร ‘น้ำ’ รวมทั้งทักษะการแสดงของตัวเฟิร์นเองด้วย ตัวเองและตัวละครเลยไปด้วยกันหมด รวมทั้งบทและคนดูที่เมื่อย้อนกลับไปดูก็จะได้พบความสดใสและความจริงใจได้ทุกครั้ง เป็นน้ำที่ไม่เก่าเพราะหนังเรื่องนี้ดูได้เรื่อยๆ” แววตาเธอใสเป็นน้ำสะอาดเมื่อนึกถึงเรื่องประทับใจเมื่อ 10 กว่าปีก่อน
“เฟิร์นอยากเป็นนักแสดงที่ดี เป็นเป้าหมายเดิมตั้งแต่เด็กจนโต” เจ้าของรางวัลนักแสดงยอดนิยมและยอดเยี่ยมในระดับประเทศและระดับเอเชียกล่าว “เฟิร์นคิดว่าตัวเองเป็นนักแสดงที่ดีอยู่และจะเป็นต่อไป นักแสดงที่ดีในความหมายของเฟิร์นคือต้องมีวินัยและแสดงดี เราต้องมีวินัย เพราะงานเราเกี่ยวพันกับคนจำนวนเยอะมาก เราต้องแสดงให้ดีเพราะโอกาสไม่ได้มาง่ายๆ ค่ะ เราเคยอยู่ในจุดที่เคยนั่งรอแคสต์งาน 20-30 ครั้งแล้วไม่ได้งานเลยมาแล้ว” เธอดึงความทรงจำเมื่อครั้งเป็นเด็กหญิงที่จ้องมองโอกาสตาเป๋ง ก่อนจะสบสายตาผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าของตัวเองเป็นสิบๆ ครั้ง ไม่แปลกที่ใบเฟิร์นจะจดจำตัวละครทุกตัวที่เธอเคยได้ใช้ชีวิตและรำลึกถึงพวกเขาอย่างรักใคร่ เป็นต้นว่า
“‘ก้านแก้ว’ จากละครเรื่องหลงไฟ…คนนี้ให้ความรู้สึกถึงกับดัก ความหลงผิด ค่านิยมผิดๆ แต่เป็นตัวละครที่พาเฟิร์นไปอีกโลกหนึ่งที่ทำให้เฟิร์นไม่ตัดสินคน เพราะเฟิร์นต้องโดดเข้าไปเรียนรู้โลกอีกโลกหนึ่งที่เราไม่เคยได้ทำความเข้าใจมาก่อน เรียนรู้การใช้ชีวิตแบบเขาทำไมต้องเช่าของแบรนด์เนม ทำไมต้องทิ้งเพื่อนฝูง เหมือนเป็นโลกคนละสีกับโลกที่เฟิร์นรู้จัก ต่างกันเหมือนขาวกับดำ เฟิร์นคิดว่าการเรียนรู้หรือได้บทเรียนไม่จำเป็นต้องเรียนรู้แต่เรื่องดีงามขาวสะอาดเท่านั้น โลกเทาๆ ของก้านแก้วก็ทำให้เราได้เรียนรู้ความเป็นมนุษย์ในอีกแง่มุมหนึ่งได้เหมือนกัน เพราะคำแรกที่เฟิร์นนึกถึงตัวละครนี้คือคำว่า ‘กับดัก’ แต่เฟิร์นพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้าอกเข้าใจมากกว่าจะไปตัดสินเขาว่าเป็นคนไม่ดี พอเรารู้ที่มาที่ไปว่าอะไรทำให้คนคนหนึ่งเป็นแบบนี้ เรากลับจะเข้าใจเขาด้วยซ้ำ”
ชีวิตของนักแสดงที่ไร้ข้อโต้แย้งในฝีมือ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ที่เรียนรู้และเติบโตจากตัวละครที่ทุกคนรัก
ชอบทัศนคติและความตั้งใจของน้อง เป็นสัมภาษณ์ที่ดีมากๆ
หนึ่งในการบ้านที่เฟิร์นต้องทำคือพัฒนาตัวละคร เราเลยต้องสร้างความสัมพันธ์กับตัวละครที่เราจะเป็นด้วย
ถ้ามองในจอแล้วเห็นว่า ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ร่างแบบบางตัวเล็กเพียงไรขอให้หารสองลงมาอีกเมื่อเจอตัวเป็นๆ ของเธอแต่ขอคูณล้านเพิ่มเข้าไปให้กับความมุ่งมั่นของนักแสดงหญิงที่ไร้ข้อโต้แย้งในฝีมือแห่งยุค
เราพบกับใบเฟิร์นให้หลังเพียง 3 วันหลังจากเธอได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากละคร สร้อยสะบันงา ทางช่อง 3 จากเวที ContentAsia Awards 2022 ซึ่งมอบให้กับผลงานบันเทิงในภูมิภาคเอเชีย เราเอ่ยแสดงความยินดี หากใบเฟิร์นยิ้มรับแบบเขินเต็มที “ถือว่าเกินฝันค่ะ เฟิร์นไม่เคยกล้าหวังไปถึงรางวัลเลย เฟิร์นหวังแค่ว่าได้ละครเล่นสักเรื่องก็ดีใจแล้ว ตั้งแต่เด็กกว่าเฟิร์นจะได้เล่นละครสักเรื่องก็ยากมาก ไปแคสต์เยอะมากแต่ได้งานน้อย นั่งรอไปสิ เวลาได้เล่นเลยตั้งใจมาก ไม่ว่าจะได้รางวัลยอดเยี่ยมหรือยอดนิยม เฟิร์นขอบคุณทั้งนั้น เพราะเกินฝันเราไปแล้ว ในใจมีแต่คำว่าขอบคุณ ขอบคุณคนดู ผู้จัด นักเขียนบท อยากทำตัวละครออกมาให้ดีที่สุด ไม่เคยคิดว่าจะทำเพื่อรางวัล”
รัวคำตอบอย่างถ่อมตน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอรับมือกับคำชมได้ค่อนข้างลำบาก แม้ว่าจะเดินขึ้นลงเวทีประกาศรางวัลมาตั้งแต่อายุ 18 ปี จากผลงานแสดงเรื่องแรกในภาพยนตร์ที่ทุกวันนี้ยังเป็นที่กล่าวขานถึงอย่าง สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า…รักซึ่งออกฉายในปี 2010 “ตอนนั้นเฟิร์นอายุแค่ 17-18 ปี เป็นแค่เด็ก ม.ปลายคนหนึ่ง ทุกอย่างเลยเป็นความสดใหม่หมดเลย ทั้งเรื่องของความรู้สึกของตัวละคร ความจริงใจในวัยเด็ก ความใสของคนที่มีความรักครั้งแรก ทุกอย่างดูใสสมชื่อตัวละคร ‘น้ำ’ รวมทั้งทักษะการแสดงของตัวเฟิร์นเองด้วย ตัวเองและตัวละครเลยไปด้วยกันหมด รวมทั้งบทและคนดูที่เมื่อย้อนกลับไปดูก็จะได้พบความสดใสและความจริงใจได้ทุกครั้ง เป็นน้ำที่ไม่เก่าเพราะหนังเรื่องนี้ดูได้เรื่อยๆ” แววตาเธอใสเป็นน้ำสะอาดเมื่อนึกถึงเรื่องประทับใจเมื่อ 10 กว่าปีก่อน
“เฟิร์นอยากเป็นนักแสดงที่ดี เป็นเป้าหมายเดิมตั้งแต่เด็กจนโต” เจ้าของรางวัลนักแสดงยอดนิยมและยอดเยี่ยมในระดับประเทศและระดับเอเชียกล่าว “เฟิร์นคิดว่าตัวเองเป็นนักแสดงที่ดีอยู่และจะเป็นต่อไป นักแสดงที่ดีในความหมายของเฟิร์นคือต้องมีวินัยและแสดงดี เราต้องมีวินัย เพราะงานเราเกี่ยวพันกับคนจำนวนเยอะมาก เราต้องแสดงให้ดีเพราะโอกาสไม่ได้มาง่ายๆ ค่ะ เราเคยอยู่ในจุดที่เคยนั่งรอแคสต์งาน 20-30 ครั้งแล้วไม่ได้งานเลยมาแล้ว” เธอดึงความทรงจำเมื่อครั้งเป็นเด็กหญิงที่จ้องมองโอกาสตาเป๋ง ก่อนจะสบสายตาผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าของตัวเองเป็นสิบๆ ครั้ง ไม่แปลกที่ใบเฟิร์นจะจดจำตัวละครทุกตัวที่เธอเคยได้ใช้ชีวิตและรำลึกถึงพวกเขาอย่างรักใคร่ เป็นต้นว่า
“‘ก้านแก้ว’ จากละครเรื่องหลงไฟ…คนนี้ให้ความรู้สึกถึงกับดัก ความหลงผิด ค่านิยมผิดๆ แต่เป็นตัวละครที่พาเฟิร์นไปอีกโลกหนึ่งที่ทำให้เฟิร์นไม่ตัดสินคน เพราะเฟิร์นต้องโดดเข้าไปเรียนรู้โลกอีกโลกหนึ่งที่เราไม่เคยได้ทำความเข้าใจมาก่อน เรียนรู้การใช้ชีวิตแบบเขาทำไมต้องเช่าของแบรนด์เนม ทำไมต้องทิ้งเพื่อนฝูง เหมือนเป็นโลกคนละสีกับโลกที่เฟิร์นรู้จัก ต่างกันเหมือนขาวกับดำ เฟิร์นคิดว่าการเรียนรู้หรือได้บทเรียนไม่จำเป็นต้องเรียนรู้แต่เรื่องดีงามขาวสะอาดเท่านั้น โลกเทาๆ ของก้านแก้วก็ทำให้เราได้เรียนรู้ความเป็นมนุษย์ในอีกแง่มุมหนึ่งได้เหมือนกัน เพราะคำแรกที่เฟิร์นนึกถึงตัวละครนี้คือคำว่า ‘กับดัก’ แต่เฟิร์นพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้าอกเข้าใจมากกว่าจะไปตัดสินเขาว่าเป็นคนไม่ดี พอเรารู้ที่มาที่ไปว่าอะไรทำให้คนคนหนึ่งเป็นแบบนี้ เรากลับจะเข้าใจเขาด้วยซ้ำ”