"คนไทยจน"เพิ่ม! "สวนดุสิต"สำรวจเดือน ต.ค.พุ่ง 54% ชี้"ของแพง-ตกงาน"ทำรายได้ไม่พอรายจ่าย
https://siamrath.co.th/n/389408
เมื่อวันที่ 9 ต.ค.65 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,067 คน ระหว่างวันที่ 3-6 ตุลาคม 2565 พบว่า ณ วันนี้รายได้ของประชาชนไม่เพียงพอกับรายจ่าย ร้อยละ 54.54 เพียงพอกับรายจ่าย ร้อยละ 45.46 โดยสินค้าที่คิดว่า “แพง” เกินกว่าที่จะรับได้ อันดับ 1 คือ ค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง ร้อยละ 82.96 รองลงมาคือ ค่าน้ำ ค่าไฟ ร้อยละ71.19 สิ่งที่อยากให้รัฐบาลดำเนินการ คือ ควบคุมราคาสินค้า ลดราคาสินค้า ร้อยละ 85.73 ลดภาษีน้ำมัน ร้อยละ 68.43 กรณี “คนจน” เพิ่มเป็น 20 ล้านคน มองว่าเพราะของแพงทำให้คนมีเงินไม่พอใช้ ร้อยละ 80.38 รองลงมาคือ คนตกงานมากขึ้น ไม่มีรายได้ 74.72 สิ่งที่อยากให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อช่วยเหลือ คือ สร้างโอกาส สร้างรายได้ เน้นการพึ่งตนเองได้ในระยะยาว ร้อยละ 78.32 รองลงมาคือ ควรแก้ปัญหาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ร้อยละ 77.19 ในภาพรวมประชาชนคิดว่ารัฐบาลไม่น่าจะแก้ปัญหา “คนจน” ได้ ร้อยละ 77.32 ส่วนปัญหา “ของแพง” ก็ไม่น่าจะแก้ไขได้เช่นกัน ร้อยละ 59.23
จากผลการสำรวจเชิงลึก พบว่า กลุ่มอาชีพที่มีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย 3 อันดับแรก คือกลุ่มอาชีพรับจ้าง รองลงมา คือ นักเรียน นักศึกษา และกลุ่มคนทำธุรกิจส่วนตัวและค้าขาย อาจเป็นเพราะทั้งสามกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ไม่มีรายได้ประจำที่แน่นอน จึงเกิดปัญหารายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย โดยปัญหาของแพงเข้ามากระทบต่อการใช้จ่ายประชาชนเป็นอย่างมาก คนมีเงินไม่พอใช้ ช่วงโควิด-19 ยิ่งทำให้เกิดภาวะตกงาน ว่างงาน ต้องหยิบยืมมาใช้จ่ายทำให้เป็นหนี้เพิ่มขึ้น อัตราคนจนหรือคนรายได้น้อยก็เพิ่มสูงขึ้น เสียงสะท้อนจากผลโพลจึงต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่องเพื่อลดภาระของประชาชนโดยเร็ว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.
จิตต์วิมล คล้ายสุบรรณ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า ในปัจจุบันประชาชนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจและการจ้างงาน ทำให้คนตกงานมากขึ้น ไม่มีรายได้ หรือบางคนถูกลดเงินเดือน จึงส่งผลให้คนมีรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่ายของค่าครองชีพในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็หมายถึงมีจำนวนคนจนมากขึ้นนั้นเอง เมื่อ “รายได้น้อยลง” แต่ “ของแพงขึ้น” จึงทำให้เงินที่มีอยู่ไม่เพียงพอสำหรับการเลี้ยงปากท้องในแต่ละวัน จากปัญหาถึงแม้รัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนอยู่หลายโครงการ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้น ดังนั้นการแก้ไขปัญหาระยะยาวโดยเฉพาะวางแผนในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างทั้งระบบเป็นเรื่องที่ท้าทายรัฐบาลชุดนี้เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน โดยสิ่งสำคัญจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องโดยมีการปรับเปลี่ยนกลไกและวิธีการในการแก้ไขปัญหาให้สอดรับกับบริบททางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน และสำหรับความตั้งใจของรัฐบาลที่ว่า “30 กันยายน 2565 คนจนจะหมดไป” ณ วันนี้ก็ยังไม่เห็นผลที่ชัดเจน จึงเป็นเรื่องที่จะต้องหาวิธีการแก้จนกันต่อไป
‘พิธา’ นำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล 16 เขต ลุยตลาดเซฟวัน ปลุกพลังคนรุ่นใหม่ เปลี่ยนแปลงเมืองย่าโม
https://www.matichon.co.th/politics/news_3607795
เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 8 ตุลาคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (กก.) นำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส 16 เขต พื้นที่ จ.นครราชสีมา เดินทางมาพบปะพูดคุยพร้อมแนะนำตัวและรับฟังเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการค้าและประชาชนที่เดินทางมาจับจ่ายซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่ตลาดเซฟวันโคราช ซึ่งเป็นตลาดกลางคืนใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทันทีที่ทราบเป็นนายพิธา ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานได้มาขอถ่ายเซลฟี่กันอย่างคึกคัก
นาย
พิธา กล่าวว่า ภารกิจลงพื้นที่ภาคอีสานใต้ ถือโอกาสมาแวะเวียนพบปะลูกหลานย่าโมชาวโคราช ปัญหาความทุกข์ซ้ำคือจมน้ำฝนจากเหตุอุทกภัย โดยเฉพาะ อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.พิมาย อ.ชุมพวง และผลกระทบจากอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง มีความจุเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ล่าสุดเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ปริมาณน้ำความจุ 122 เปอร์เซ็นต์ เราขอเป็นกระบอกเสียงให้ผู้ประสบภัยส่งตรงไปถึงรัฐบาลให้รีบเร่งรัดดูแลเยียวยาความเดือดร้อนอย่างครอบคลุมและทั่วถึง รวมทั้งความทุกข์ระทมจมน้ำตาเหตุโศกนาฏกรรมที่ จ.หนองบัวลำภู ชาวโคราชก็เคยมีความสะเทือนใจจากเหตุการณ์จ่าคลั่ง กองทัพภาคที่ 2 ใช้อาวุธปืนสงครามยิงเหยื่อผู้บริสุทธิ์เมื่อปี 2563 พรรค ก.ก. ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
นาย
พิธา กล่าวว่า ทั้งนี้จากการรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชน พบว่าต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีกว่าเดิม โดยนโยบาย พรรค ก.ก. มีเป้าหมายเปลี่ยนแปลงงบประมาณของกองทัพให้เป็นสวัสดิการดูแลประชาชน แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ซึ่ง พรรค ก.ก. มุ่งหวังให้โคราชเป็นเมืองเศรษฐกิจสีเขียวเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่เชื่อมโยงและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคอย่างมีประสิทธิภาพ
นาย
พิธา กล่าวว่า ส่วนกลยุทธ์การหาเสียง ปี 2562 ผู้สมัคร ส.ส พรรคอนาคตใหม่ มีคะแนนเป็นลำดับที่ 2 หลายเขต และมีผลคะแนนรวมกว่า 1.7 แสนคะแนน เลือกตั้งครั้งหน้าเยาวชนวัยรุ่นมีอายุสามารถเลือกตั้งได้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงการเมืองโคราช ซึ่งว่าที่ผู้สมัครมีความพร้อมเรื่องของอุดมการณ์และความมุ่งมั่นในการทำงานตามวิสัยทัศน์ของ พรรค ก.ก. ขยันลงพื้นที่ทำการบ้านแสดงความมุ่งมั่นลดความเหลื่อมล้ำต้องการเห็นการสร้างและเพิ่มคุณภาพทรัพยากรมมนุษย์มากกว่าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเมือง จะเป็นโจทย์ที่ให้ กก.ประสบความสำเร็จปักธงที่โคราชได้
อุทัยธานีท่วมหนัก บ้านภูมิธรรมลึกสุด 4 ม. ชาวบ้านออกมาซื้ออาหารตุน
https://www.matichon.co.th/region/news_3608026
อุทัยธานีท่วมหนัก บ้านภูมิธรรมลึกสุด 4 ม. ชาวบ้านออกมาซื้ออาหารตุน ยังปักหลักไม่ยอมออกจากพื้นที่
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี ยังคงเพิ่มระดับความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตพื้นที่บ้านภูมิธรรม หมู่ 2 และหมู่ 3 ตำบลสะแกกรัง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี รวมกว่า 400 หลังคาเรือน ที่ขณะนี้น้ำยังคงเพิ่มระดับความสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีระดับความลึกสุดที่ 3-4 เมตร และยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวรับน้ำจากแม่น้ำสะแกกรัง และแม่น้ำเจ้าพระยา ส่งผลให้เส้นทางสัญจรถูกตัดขาด ทาง อบจ.อุทัยธานี อบต.สะแกกรัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องจัดรถใหญ่และเรือใช้รับ-ส่งประชาชนในการเดินทางเข้าออกหมู่บ้าน เพื่อออกมาซื้ออาหารและของใช้จำเป็นเข้าไปดำรงชีพ รวมถึงรับถุงยังชีพและน้ำดื่มที่ทางราชการแจกให้ด้วย
ชาวบ้านภูมิธรรมเล่าว่า น้ำได้เข้าท่วมในหมู่บ้านมากว่า 1 สัปดาห์แล้ว ตอนนี้ทำได้แค่เดินทางออกมาซื้ออาหาร ทั้งข้าวสาร เนื้อสัตว์ เพื่อตุนไว้ประกอบอาหารจนกว่าจะกลับสู่สถานการณ์ปกติ โดยตอนนี้ยังคงอยู่กันบนชั้นสองของตัวบ้าน เพราะส่วนใหญ่จะถมดินและปลูกบ้านกันสูง เพราะเป็นพื้นที่ที่มักเกิดน้ำท่วมสูงในช่วงที่ประสบอุทกภัย โดยแต่ละคนกล่าวว่า ทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น
JJNY : "คนไทยจน"เพิ่ม!│‘พิธา’ นำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ลุยตลาดเซฟวัน│อุทัยธานีท่วมหนัก│ปูติน เซ็นคำสั่ง หวังฮุบ'ซาคาลิน-1'
https://siamrath.co.th/n/389408
เมื่อวันที่ 9 ต.ค.65 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,067 คน ระหว่างวันที่ 3-6 ตุลาคม 2565 พบว่า ณ วันนี้รายได้ของประชาชนไม่เพียงพอกับรายจ่าย ร้อยละ 54.54 เพียงพอกับรายจ่าย ร้อยละ 45.46 โดยสินค้าที่คิดว่า “แพง” เกินกว่าที่จะรับได้ อันดับ 1 คือ ค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง ร้อยละ 82.96 รองลงมาคือ ค่าน้ำ ค่าไฟ ร้อยละ71.19 สิ่งที่อยากให้รัฐบาลดำเนินการ คือ ควบคุมราคาสินค้า ลดราคาสินค้า ร้อยละ 85.73 ลดภาษีน้ำมัน ร้อยละ 68.43 กรณี “คนจน” เพิ่มเป็น 20 ล้านคน มองว่าเพราะของแพงทำให้คนมีเงินไม่พอใช้ ร้อยละ 80.38 รองลงมาคือ คนตกงานมากขึ้น ไม่มีรายได้ 74.72 สิ่งที่อยากให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อช่วยเหลือ คือ สร้างโอกาส สร้างรายได้ เน้นการพึ่งตนเองได้ในระยะยาว ร้อยละ 78.32 รองลงมาคือ ควรแก้ปัญหาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ร้อยละ 77.19 ในภาพรวมประชาชนคิดว่ารัฐบาลไม่น่าจะแก้ปัญหา “คนจน” ได้ ร้อยละ 77.32 ส่วนปัญหา “ของแพง” ก็ไม่น่าจะแก้ไขได้เช่นกัน ร้อยละ 59.23
จากผลการสำรวจเชิงลึก พบว่า กลุ่มอาชีพที่มีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย 3 อันดับแรก คือกลุ่มอาชีพรับจ้าง รองลงมา คือ นักเรียน นักศึกษา และกลุ่มคนทำธุรกิจส่วนตัวและค้าขาย อาจเป็นเพราะทั้งสามกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ไม่มีรายได้ประจำที่แน่นอน จึงเกิดปัญหารายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย โดยปัญหาของแพงเข้ามากระทบต่อการใช้จ่ายประชาชนเป็นอย่างมาก คนมีเงินไม่พอใช้ ช่วงโควิด-19 ยิ่งทำให้เกิดภาวะตกงาน ว่างงาน ต้องหยิบยืมมาใช้จ่ายทำให้เป็นหนี้เพิ่มขึ้น อัตราคนจนหรือคนรายได้น้อยก็เพิ่มสูงขึ้น เสียงสะท้อนจากผลโพลจึงต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่องเพื่อลดภาระของประชาชนโดยเร็ว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จิตต์วิมล คล้ายสุบรรณ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า ในปัจจุบันประชาชนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจและการจ้างงาน ทำให้คนตกงานมากขึ้น ไม่มีรายได้ หรือบางคนถูกลดเงินเดือน จึงส่งผลให้คนมีรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่ายของค่าครองชีพในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็หมายถึงมีจำนวนคนจนมากขึ้นนั้นเอง เมื่อ “รายได้น้อยลง” แต่ “ของแพงขึ้น” จึงทำให้เงินที่มีอยู่ไม่เพียงพอสำหรับการเลี้ยงปากท้องในแต่ละวัน จากปัญหาถึงแม้รัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนอยู่หลายโครงการ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้น ดังนั้นการแก้ไขปัญหาระยะยาวโดยเฉพาะวางแผนในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างทั้งระบบเป็นเรื่องที่ท้าทายรัฐบาลชุดนี้เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน โดยสิ่งสำคัญจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องโดยมีการปรับเปลี่ยนกลไกและวิธีการในการแก้ไขปัญหาให้สอดรับกับบริบททางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน และสำหรับความตั้งใจของรัฐบาลที่ว่า “30 กันยายน 2565 คนจนจะหมดไป” ณ วันนี้ก็ยังไม่เห็นผลที่ชัดเจน จึงเป็นเรื่องที่จะต้องหาวิธีการแก้จนกันต่อไป
‘พิธา’ นำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล 16 เขต ลุยตลาดเซฟวัน ปลุกพลังคนรุ่นใหม่ เปลี่ยนแปลงเมืองย่าโม
https://www.matichon.co.th/politics/news_3607795
เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 8 ตุลาคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (กก.) นำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส 16 เขต พื้นที่ จ.นครราชสีมา เดินทางมาพบปะพูดคุยพร้อมแนะนำตัวและรับฟังเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการค้าและประชาชนที่เดินทางมาจับจ่ายซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่ตลาดเซฟวันโคราช ซึ่งเป็นตลาดกลางคืนใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทันทีที่ทราบเป็นนายพิธา ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานได้มาขอถ่ายเซลฟี่กันอย่างคึกคัก
นายพิธา กล่าวว่า ภารกิจลงพื้นที่ภาคอีสานใต้ ถือโอกาสมาแวะเวียนพบปะลูกหลานย่าโมชาวโคราช ปัญหาความทุกข์ซ้ำคือจมน้ำฝนจากเหตุอุทกภัย โดยเฉพาะ อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.พิมาย อ.ชุมพวง และผลกระทบจากอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง มีความจุเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ล่าสุดเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ปริมาณน้ำความจุ 122 เปอร์เซ็นต์ เราขอเป็นกระบอกเสียงให้ผู้ประสบภัยส่งตรงไปถึงรัฐบาลให้รีบเร่งรัดดูแลเยียวยาความเดือดร้อนอย่างครอบคลุมและทั่วถึง รวมทั้งความทุกข์ระทมจมน้ำตาเหตุโศกนาฏกรรมที่ จ.หนองบัวลำภู ชาวโคราชก็เคยมีความสะเทือนใจจากเหตุการณ์จ่าคลั่ง กองทัพภาคที่ 2 ใช้อาวุธปืนสงครามยิงเหยื่อผู้บริสุทธิ์เมื่อปี 2563 พรรค ก.ก. ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
นายพิธา กล่าวว่า ทั้งนี้จากการรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชน พบว่าต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีกว่าเดิม โดยนโยบาย พรรค ก.ก. มีเป้าหมายเปลี่ยนแปลงงบประมาณของกองทัพให้เป็นสวัสดิการดูแลประชาชน แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ซึ่ง พรรค ก.ก. มุ่งหวังให้โคราชเป็นเมืองเศรษฐกิจสีเขียวเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่เชื่อมโยงและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคอย่างมีประสิทธิภาพ
นายพิธา กล่าวว่า ส่วนกลยุทธ์การหาเสียง ปี 2562 ผู้สมัคร ส.ส พรรคอนาคตใหม่ มีคะแนนเป็นลำดับที่ 2 หลายเขต และมีผลคะแนนรวมกว่า 1.7 แสนคะแนน เลือกตั้งครั้งหน้าเยาวชนวัยรุ่นมีอายุสามารถเลือกตั้งได้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงการเมืองโคราช ซึ่งว่าที่ผู้สมัครมีความพร้อมเรื่องของอุดมการณ์และความมุ่งมั่นในการทำงานตามวิสัยทัศน์ของ พรรค ก.ก. ขยันลงพื้นที่ทำการบ้านแสดงความมุ่งมั่นลดความเหลื่อมล้ำต้องการเห็นการสร้างและเพิ่มคุณภาพทรัพยากรมมนุษย์มากกว่าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเมือง จะเป็นโจทย์ที่ให้ กก.ประสบความสำเร็จปักธงที่โคราชได้
อุทัยธานีท่วมหนัก บ้านภูมิธรรมลึกสุด 4 ม. ชาวบ้านออกมาซื้ออาหารตุน
https://www.matichon.co.th/region/news_3608026
อุทัยธานีท่วมหนัก บ้านภูมิธรรมลึกสุด 4 ม. ชาวบ้านออกมาซื้ออาหารตุน ยังปักหลักไม่ยอมออกจากพื้นที่
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี ยังคงเพิ่มระดับความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตพื้นที่บ้านภูมิธรรม หมู่ 2 และหมู่ 3 ตำบลสะแกกรัง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี รวมกว่า 400 หลังคาเรือน ที่ขณะนี้น้ำยังคงเพิ่มระดับความสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีระดับความลึกสุดที่ 3-4 เมตร และยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวรับน้ำจากแม่น้ำสะแกกรัง และแม่น้ำเจ้าพระยา ส่งผลให้เส้นทางสัญจรถูกตัดขาด ทาง อบจ.อุทัยธานี อบต.สะแกกรัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องจัดรถใหญ่และเรือใช้รับ-ส่งประชาชนในการเดินทางเข้าออกหมู่บ้าน เพื่อออกมาซื้ออาหารและของใช้จำเป็นเข้าไปดำรงชีพ รวมถึงรับถุงยังชีพและน้ำดื่มที่ทางราชการแจกให้ด้วย
ชาวบ้านภูมิธรรมเล่าว่า น้ำได้เข้าท่วมในหมู่บ้านมากว่า 1 สัปดาห์แล้ว ตอนนี้ทำได้แค่เดินทางออกมาซื้ออาหาร ทั้งข้าวสาร เนื้อสัตว์ เพื่อตุนไว้ประกอบอาหารจนกว่าจะกลับสู่สถานการณ์ปกติ โดยตอนนี้ยังคงอยู่กันบนชั้นสองของตัวบ้าน เพราะส่วนใหญ่จะถมดินและปลูกบ้านกันสูง เพราะเป็นพื้นที่ที่มักเกิดน้ำท่วมสูงในช่วงที่ประสบอุทกภัย โดยแต่ละคนกล่าวว่า ทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น