🇹🇭💙มาลาริน💙🇹🇭โควิด '4 สายพันธุ์ย่อย' ระบาดแทนที่ BA.5 สิ้นปีนี้/สธ.แจงความพร้อมฉีดวัคซีนโควิดเด็ก 6 เดือนถึง 4 ปี

โควิด '4 สายพันธุ์ย่อย' ระบาดแทนที่ BA.5 สิ้นปีนี้


7 ต.ค. 2565 – ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Center for Medical Genomics” ว่า จากการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลกมาตลอด 3 ปี ล่าสุดพบว่าโอมิครอนอย่างน้อย 4 สายพันธุ์ย่อย BQ.1.1, BA.2.3.20, BA.2.75.2, และ XBB คาดว่าจะระบาดมาแทนที่ BA.5 ในสิ้นปีนี้หรือต้นปี 2566 ส่วนประเทศใดจะเกิดการระบาดจากสายพันธุ์ย่อยใดสามารถคาดคะเนได้จากความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage)

.
อัตราการเติบโต-แพร่ระบาดแต่ละสายพันธุ์ย่อยทั้ง 4 ต่างกันไปในแต่ละทวีป

ทวีปอเมริกาเหนือ โอมิครอน BQ.1.1, BA.2.3.20 มีการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.5 สูงสุดในขณะที่ BJ.1 และ XBB มีการเติบโต-แพร่ระบาด ต่ำกว่า BA.5

ทวีปยุโรป โอมิครอน BQ.1.1 มีการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.5 มากที่สุด

ทวีปเอเชีย โอมิครอน XBB และ BQ.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.5 มากที่สุด

ทวีปโอเชียเนีย โอมิครอน BQ.1.1 และ XBB มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.5 มากที่สุด.

https://www.thaipost.net/covid-19-news/237690/

สธ.แจงความพร้อมฉีดวัคซีนโควิดเด็ก 6 เดือนถึง 4 ปี 12 ตุลาคมนี้



สธ.ซักซ้อมแนวทางฉีดวัคซีนโควิดไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้มในเด็ก 6 เดือน ถึง 4 ปี ก่อนเริ่มฉีด 12 ต.ค.ทั่วประเทศ

06 ต.ค.25​65 - ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานการประชุมชี้แจงแนวทางการให้บริการวัคซีนโควิด 19 ในเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 4 ปี แก่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด โดยกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 โรคโควิด 19 ได้ปรับจากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้การควบคุมโรคประสบความสำเร็จ คือ การฉีดวัคซีนโควิด 19 ซึ่งปัจจุบันฉีดได้กว่า 143 ล้านโดส ทำให้คนไทยส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกัน และปัจจุบันได้ขยายการฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 4 ปี ซึ่งจะคิกออฟวันที่ 12 ต.ค.นี้ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สธ.เป็นประธานที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี จึงมีการจัดประชุมชี้แจงแนวทางการให้บริการวัคซีนเด็กกลุ่มนี้แก่บุคลากรทางการแพทย์ทั้งประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมและสร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการอย่างปลอดภัย สำหรับกลุ่มอื่นๆ พบว่าเมื่อโรคลดความรุนแรงลง ทำให้ความต้องการฉีดวัคซีนลดลงตามไปด้วย ดังนั้น ย้ำว่าเข็มกระตุ้นยังมีความจำเป็น ขอให้ฉีดกระตุ้นอย่างน้อย​ 4 เดือนจากเข็มล่าสุด โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ควรรับถึงเข็มที่ 4 โดยขอให้พื้นที่ช่วยกันรณรงค์ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 2 ล้านโดส ภายในสิ้นปี 2565

ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยวริวงค์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วัคซีนไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้มสำหรับเด็กอายุ 6 เดือนถึง 4 ปี จะมาถึงวันที่ 7 ต.ค. 2565 เมื่อผ่านกระบวนการตรวจสอบรับรองรุ่นการผลิตจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะจัดส่งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง เพื่อให้กระจายต่อในพื้นที่ ตามจำนวนที่มีการแจ้งความประสงค์ และเริ่มคิกออฟพร้อมกัน วันที่ 12 ต.ค.นี้ ซึ่งขณะนี้มีผู้ปกครองสมัครใจให้เด็กรับวัคซีนแล้วเป็นจํานวนมาก โดยสามารถฉีดร่วมกับวัคซีนพื้นฐานชนิดอื่นได้

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ปัจจุบันเด็ก 6 เดือน ถึง 4 ปี เป็นกลุ่มเดียวที่ยังไม่ได้รับวัคซีนซึ่งช่วงการระบาดของโอมิครอนพบว่าเด็กกลุ่มนี้มีการป่วยและอัตราเสียชีวิตสูงกว่าเด็กโต 3 เท่า สำหรับการซักซ้อมวันนี้ได้เน้นย้ำให้ฉีดวัคซีนตามแนวทาง โดยเด็กเล็กจะใช้ปริมาณวัคซีนน้อยลง คือ

ขนาด 3 ไมโครกรัม จำนวน 0.2 มิลลิลิตร ฉีด 3 เข็ม เข็มสองห่างจากเข็มแรก 1 เดือน และเข็มสามห่างเข็มสอง 2 เดือน หลังฉีดให้สังเกตอาการ 30 นาที และติดตามต่อจนครบ 1 เดือน โดยให้จัดจุดบริการแยกจากกลุ่มวัยอื่น

เพื่อป้องกันความสับสนในการใช้วัคซีน สำหรับข้อกังวลเรื่องผลข้างเคียง สหรัฐอเมริกามีการฉีดและติดตามล้านกว่าโดส พบว่ามีผลข้างเคียงน้อยกว่าเด็กโต ไม่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรงถึงเสียชีวิต ถือว่าปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะ MIS-C จากการติดเชื้อด้วย ทั้งนี้ ขอย้ำว่าหลังจากนี้มีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ จึงมีความเสี่ยงติดเชื้อมากขึ้นทั้งผู้ใหญ่และเด็ก แต่วัคซีนจะช่วยป้องกันไม่ให้ป่วยหนักได้ง่าย เมื่อเด็กไม่ป่วย พ่อแม่ผู้สูงอายุในบ้านจะลดความเสี่ยงด้วยเช่นกัน

https://www.thaipost.net/covid-19-news/237007/

ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ...
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
กระทรวงสาธารณสุขแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ประจำวันที่ 7 ตุลาคม 2565 เวลา 13.30 น.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
https://www.facebook.com/100068069971811/videos/432340129038155/ (มีคลิป)
แถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคโควิด 19
ณ ศูนย์ปฏิบัติการกรมควบคุมโรค
7 ตุลาคม 2565


12 ต.ค. นี้ ดีเดย์ฉีดวัคซีนโควิดเด็ก 6 เดือน - 4 ขวบ

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 โรคโควิด 19 ได้ปรับจากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้การควบคุมโรคประสบความสำเร็จ คือ การฉีดวัคซีนโควิด 19 ซึ่งปัจจุบันฉีดได้กว่า 143 ล้านโดส ทำให้คนไทยส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันและปัจจุบันได้ขยายการฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 4 ปี ซึ่งจะคิกออฟวันที่ 12 ตุลาคมนี้ ดังนั้น ย้ำว่าเข็มกระตุ้นยังมีความจำเป็น ขอให้ฉีดกระตุ้นอย่างน้อย 4 เดือนจากเข็มล่าสุด โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ควรรับถึงเข็มที่ 4 โดยขอให้พื้นที่ช่วยกันรณรงค์ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 2 ล้านโดสภายในสิ้นปี 2565

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ปัจจุบันเด็ก 6 เดือน ถึง 4 ปี เป็นกลุ่มเดียวที่ยังไม่ได้รับวัคซีนซึ่งช่วงการระบาดของโอมิครอนพบว่าเด็กกลุ่มนี้มีการป่วยและอัตราเสียชีวิตสูงกว่าเด็กโต 3 เท่า สำหรับการซักซ้อมวันนี้ได้เน้นย้ำให้ฉีดวัคซีนตามแนวทางโดยเด็กเล็กจะใช้ปริมาณวัคซีนน้อยลง คือขนาด 3 ไมโครกรัม จำนวน 0.2 มิลลิลิตร ฉีด 3 เข็ม เข็มสองห่างจากเข็มแรก 1 เดือน และเข็มสามห่างเข็มสอง 2 เดือน หลังฉีดให้สังเกตอาการ 30 นาที และติดตามต่อจนครบ 1 เดือน โดยให้จัดจุดบริการแยกจากกลุ่มวัยอื่น เพื่อป้องกันความสับสนในการใช้วัคซีน สำหรับข้อกังวลเรื่องผลข้างเคียง สหรัฐอเมริกามีการฉีดและติดตามล้านกว่าโดสพบว่ามีผลข้างเคียงน้อยกว่าเด็กโต ไม่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรงถึงเสียชีวิตถือว่าปลอดภัยสำหรับเด็กเล็กและยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะ MIS-C จากการติดเชื้อด้วย ทั้งนี้ ขอย้ำว่าหลังจากนี้มีการผ่อนคลายต่างๆจึงมีความเสี่ยงติดเชื้อมากขึ้นทั้งผู้ใหญ่และเด็กแต่วัคซีนจะช่วยป้องกันไม่ให้ป่วยหนักได้ง่าย เมื่อเด็กไม่ป่วยพ่อแม่ผู้สูงอายุในบ้านจะลดความเสี่ยงด้วยเช่นกัน

ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02vuPHUnrGkA72BDYZcK921BBN5dX9YKeMm1HTzWupqL6Bvox7Ba9gH8Qh1mUSh8XFl


ศูนย์ฉีดวัคซีนกระทรวงสาธารณสุข เปิดรอบพิเศษ
วัคซีนโมเดอร์นา

● วันที่ 7 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00-14.00 น.
มารับวัคซีนเข็มกระตุ้นกันนะ

ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02iUNxmYT5oszFmSrxzDMfcvMU4oPGet3pXBVG48utR3Fu3rxcjz4ixN2BEzi4TCPAl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่