ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเป็นอย่างสูงต่อกัลยาณมิตรในพันทิปที่แนะนำเส้นทางและสถานที่ท่องเที่ยว
ทำให้การวางแผนสะดวกง่ายดายมากๆ

ปีนี้ ดิฉันตั้งใจไว้ว่าจะไปกราบเยี่ยมกัลยาณมิตรรุ่นพี่ที่ท่านไปบวชเป็นแม่ชีที่วัดถ้ำขาม สกลนคร
และเคยตั้งใจไว้ว่าอยากมีโอกาสไปเที่ยวชมวัดสองคอน หรือสักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขีที่มุกดาหาร
เวลาที่เหลือก็คิดว่าคงได้แวะเที่ยวชมตามวัดต่างๆ

เวลามีน้อยมาก แค่ 1 คืน สองวัน
จะวางแผนอย่างไรดี ให้สบายๆและตารางไม่แน่นจนเหนื่อยไป


ยังไม่ทันคิดอะไรมาก คุณแม่ชีก็แนะนำมาว่าไหนๆมาแถวนี้แล้ว อยากให้ได้มีโอกาสไปกราบพระธาตุพนม  และได้ไปถวายอาหารใส่บาตรที่วัดถ้ำขามด้วย ซึ่งควรไปถึงราวๆ 7 โมงเช้า

พอโจทย์เป็นแบบนี้ กับช่วงเวลาเท่านี้
ไฟลท์จองก็เลยเป็นนกแอร์เช้าวันเสาร์ 7 โมง
กลับอาทิตย์ 5 โมงเย็น
ซื้อน้ำหนักเพิ่มไปหน่อยเพราะเตรียมของไปทำบุญ
จ่ายไป 300

นานมากแล้วที่ไม่ได้ขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง
คิดถึงวิวแม่น้ำในเมืองอยู่นะ




เครื่องลงตอนแปดโมงนิดๆ
รับรถที่สนามบินแล้ว
เราตรงไปกินของเช้าร้านดังเมืองสกล
เลิศรถไข่กระทะ

เมนูข้าวเปียกเส้นอร่อยค่ะ
ไข่กระทะ รสชาติมาตรฐานปกติ
แต่ที่ว้าวเลยคือเมนูขนมปัง อบปิ้งร้อนๆใส่ไส้หมูยอ กรอบนอกนุ่มใน กินกับกาแฟ ชาโบราณอร่อยแบบชนะเลิศ





กินเสร็จเราแวะวัดพระธาตุเชิงชุมซึ่งอยู่ถัดไปไม่กี่ร้อยเมตร

ตัวเมืองสกลเขตด้านใน พื้นที่ไม่ใหญ่มาก
ชื่อถนนก็เก๋ ตั้งคล้องจองกัน ประมาณ
สุขเกษม เปรมปรีดา ใจผาสุก
😍💕




ลานหน้าพระธาตุกว้างและสะอาดมาก
เราแวะไปกราบพระพุทธรูปในวิหารด้วย
ดิฉันได้ถวายเชิงเทียนดอกบัวและจุดเทียนหอมถวาย



ทำบุญเรียบร้อย เราก็มุ่งหน้าไปพระธาตุพนม
ซึ่งอยู่ห่างออกไปราวๆ ชั่วโมงกว่าๆ
ถนนมีซ่อมเป็นบางจุด เราผ่านร้านสเต๊คดังอย่างฟาร์มฮัก และสหกรณ์โคเนื้ออันเลื่องชื่อคือ โพนยางคำ
แต่เราไม่ได้แวะ เพราะท้องยังแน่น

พักใหญ่ก็ถึงพระธาตุพนมริมโขง



กูเกิ้ลพาเรามาเข้าทางด้านข้าง เลยไม่มีวิวรูปด้านหน้าของพระธาตุที่หันไปทางริมโขงด้านตะวันออก

ที่นี่สวยมาก และคนเยอะมาก
มีรถทัวร์มากันทีหลายคันรถ
เราถึงพระธาตุเวลาไล่เลี่ยกับคณะของ FM One ที่จัดทริปบุญร่วมกับอาจารย์คฑา ชินบัญชร พอดี

เลยได้พลอยฟ้าพลอยฝน ร่วมทำบุญไปกับเค้าด้วย





มีการแห่ผ้ารอบเจดีย์สามรอบเพื่อห่มถวายพระธาตุ

เจดีย์พระธาตุพนมแห่งนี้บรรจุอัฐิส่วนพระอุระของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าและมีประวัติอันยาวนาน

ไหว้พระเสร็จ ถ้าพอมีเวลา
แนะนำให้ลองแวะชมพิพิธภัณฑ์อาคารไม้สองชั้นทางด้านทิศใต้ จะเห็นภาพเก่าและการบอกเล่าเรื่องราวต่างๆของพระธาตุพนมไว้อย่างน่าสนใจ










มื้อกลางวัน เราขับรถออกไปกินที่ร้านริมโขงชื่อร้านครัวริมโขงวิว @ธาตุพนม



ร้านมีสองฝั่งนะคะ
จะนั่งตึกติดแอร์ฝั่งถนนก็ได้
หรือจะนั่งส่วนที่เห็นวิวริมแม่น้ำก็ได้
เราเลือกวิวริมน้ำค่ะ เห็นแม่น้ำกว้างใหญ่มาก
มองลงไปริมตลิ่ง เห็นใบอะไรแฉกๆน่ารักดี
ไม่ใช่เมเปิ้ลนะคะ น้องเป็นกัญชาค่ะ พืชที่แทบกลายเป็นสวนครัวประจำบ้านของหลายคนในยุคนี้ไปหมดแล้ว



อาหารร้านนี้ ปลาแม่น้ำสดมากกกกกค่ะ
ไม่มีกลิ่นคาวหรือกลิ่นดินเลย
ลาบปลาอร่อยมาก เป็นอาหารคลีนมื้อเบาๆสำหรับวันนั้น

ออกจากร้าน
เราปักหมุดไปวัดสองคอนที่มุกดาหารค่ะ
อยู่ห่างไปเพียงยี่สิบกว่ากิโลเมตรเท่านั้น
อยู่ใกล้ๆแก่งกระเบาที่เที่ยวธรรมชาติขื่อดังอีกแห่งของมุกดาหาร


วัดสองคอน หรือสักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขีนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงศาสนิกชนคาทอลิคที่ยืนยันในความเชื่อต่อพระผู้เป็นเจ้าจนตัวตาย

ถ้าดิฉันจำไม่ผิด ดูเหมือนจะมีวัดคาทอลิคเพียง 2 แห่งในเมืองไทยเท่านั้นที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงศาสนิกที่เป็นมรณสักขีซึ่งภายหลังได้นับการสถาปนาเป็นบุญราศี (The Blessed)

คือที่วัดสองคอน มุกดาหาร
และวัดบุญราศีนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุงที่เขาใหญ่ ซึ่งบังเอิญมากที่ปีนี้ดิฉันได้มีโอกาสไปและได้มีโอกาสจุดเทียนหอมถวาย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้





















ประวัติการมรณะของบุญราศีทั้งสองจังหวัดต่างกันตรงที่
บุญราศีทั้ง 7 ที่วัดสองคอนเสียชีวิตจากการยืนยันความศรัทธาและถูกสังหาร

ส่วนของคุณพ่อกฤษฎาท่านยืนยันความเชื่อและถูกนำตัวเข้าเรือนจำจนเสียชีวิตที่นั่นในเวลาต่อมา

วัดสองคอนอยู่ริมโขง ถัดจากแก่งกระเบาไปหน่อย
เป็นสถานที่สัปปายะที่บรรยากาศสวยงามมาก

อาคารเป็นตึกกระจกแบบสมัยใหม่
ด้านหน้าเป็นลานกว้าง สวยงาม ร่มรื่น
ด้านหลังที่ติดริมโขง เป็นลานหญ้าสดชื่นสบาย













ด้านหลังอาคารมีโลงแก้วจำลองบุญราศีทั้งเจ็ดท่านนอนในโลงแก้ว มีรูปปั้นพระแม่มาเรียและพระเยซูเจ้าประดิษฐานอยู่

นอกจากนี้ ยังมีการจำลองบ้านพักเรียบง่ายสมัยอดีตของซิสเตอร์บุญราศี


ดิฉันได้ขออนุญาตซิสเตอร์ท่านจุดเทียนหอมบูชาพระแม่และบุญราศีทั้ง 7 ท่าน














ในบริเวณวัด พบคริสตชนบางท่านนั่งภาวนาอยู่
เด็กๆมาซ้อมเพลงสรรเสริญพระเจ้า
บรรยากาศสงบ ร่มเย็น


ออกจากวัดสองคอน เรามุ่งหน้ากลับสกลนคร
ขากลับ เราแวะวัดป่านาคนิมิตต์ วัดสายปฏิบัติอีกแห่ง
ช่วงนี้ หลวงปู่อว้านท่านงดรับแขกเนื่องจากลูกศิษย์ต้องการถนอมธาตุขันธ์ของท่าน

เราได้แวะกราบกุฏิเก่า(ที่มีการบูรณะใหม่)ของหลวงปู่มั่น
กุฏิแห่งนี้ เป็นที่ที่หลวงปู่มั่นท่านได้มาจำพรรษา และที่นี่เองที่พระธรรมเทศนาที่ท่านแสดงที่นี่ หลวงพ่อวิริยังค์ท่านได้รวบรวมไว้ในหนังสือเล่มสำคัญขื่อ “มุตโตทัย”