ผู้จัดการธนาคารคนนี้เป็นเพื่อนกับพ่อแม่ครับ ผมและลูกเค้าก็เรียนด้วยกันถึง ม.3 ก่อนผมย้ายเข้ามาอยู่ กทม
เรื่องมีอยู่ว่าบ้านเก่าที่ต่างจังหวัดค่อนข้างเก่าและพ่อแม่ผมก็ใกล้วัยเกษียณแล้วครับ ผมเลยเสนอจะกู้สร้างบ้านใหม่บนที่ดินเดิมให้พ่อแม่ไว้ไปพักผ่อนตอนแก่ครับ เพราะท่านก็มาซื้อบ้านใน กทม ตั้งแต่เราย้ายเข้ามาด้วยกันตอนผม ม.4 ช่วงวันหยุดวันแม่ที่ผ่านมาได้กลับไปที่บ้าน พ่อเลยนัดเพื่อนที่เป็นผู้จัดการธนาคารมาปรึกษา ซึ่งผมให้เพื่อนเขียนแบบให้มีครบทุกอย่างพร้อมยื่นกู้แล้วแต่ยังไม่ได้ส่งออกให้รับเหมาประเมินราคา แต่สถาปนิกช่วยตีให้คร่าวๆประมาณ 6 ล้าน สิ่งที่พ่อผมต้องการให้เค้าแนะนำคือ เราควรเอาเงินสดที่มีทำอย่างไรดี ควรเอาไปปิดบ้านที่ กทม ก่อนแล้วผมกู้เต็มบ้านใหม่ หรือให้เงินสดบางส่วนกู้บางส่วน
คำตอบแรกที่ได้คือ ไม่ไหวหรอก น่าจะเกินตัวเกินไป ซึ่งผมฟังแล้วก็งงคือเค้ายังไม่รู้เลยว่ากำลังเรามีแค่ไหน ก็เลยแจ้งเค้าไปว่าผมมีเงินเก็บเท่าไหร่ ผ่อนไหวเดือนละเท่าไหร่ เค้าก็บอกว่าหลักๆต้องดูฐานเงินเดือน อย่างมากก็กู้ได้ 2 ล้าน ผมก็สงสัยว่าแล้วเค้ามารู้เงินเดือนเราได้ไงก็ไม่เคยบอก แต่ผมก็ไม่ได้บอกไปเพราะก็ไม่ได้อยากใช้ธนาคารนี้ แล้วก็ขี้เกียจคุยกับน้าคนนี้ด้วยเพราะเค้าพูดกับผมไม่ค่อยดี เอาแต่สอนแล้วก็ชมลูกตัวเอง555
ผมมาเกททีหลังว่า ผมเคยบอกพ่อไปว่าผมไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ธนาคารนี้ แต่จริงๆแล้วผมทำสาย IT consult ซึ่งบอกชื่อไปแล้วพ่อไม่รู้จักบริษัท เค้าก็จำได้แค่ว่าลูกเราไปทำงานโปรเจคของธนาคารนี้ ซึ่งลูกป้าก็ทำงานอยู่ที่ธนาคารนี้เหมือนกันแต่เป็นพนักงานประจำ ยิ่งแกเป็นผู้จัดการธนาคารเลยน่าจะพอรู้ฐานเงินเดือนคนรุ่นๆลูกแก แล้วก็คงมาคิดว่าผมกับลูกแกคงได้เท่าๆกัน แต่จริงๆแล้วผมโชคดีที่ทำงานสายที่กำลังเป็นที่ต้องการ และได้เจ้านายดีที่ทำให้ผมเติบโตไว ตอนนี้ผมเงินเดือนประมาณ 1xx,xxx บาท
เวลาผ่านไปผมก็เตรียมเอกสารเอง ยื่นไปที่ 2 ธนาคารที่ใช้ประจำผ่านสาขาที่ กทม แต่พ่อก็บอกให้ส่งให้น้าคนนั้นด้วยสิ เค้าอยู่สาขาที่ดูแลที่เราจะสร้างบ้านน่าจะดีกว่านะ ผมก็ส่งไปไม่ได้คิดอะไร แน่นอนว่าในไฟล์นั้นมีหนังสือรับรองเงินเดือนด้วย แต่หลังจากนั้นสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
เค้าโทรมาหาด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป ถามว่าจะกู้เผื่อตกแต่งด้วยมั้ย ใช้ของธนาคารน้าดีกว่าเดี๋ยวน้าดูแล แล้วก็ถามว่าผมทำงานแผนกไหนซึ่งผมตอบไปว่าผมไม่ได้ทำงานธนาคารครับ บริษัทผมแค่ไปรับงานของธนาคารมาทำ ก็ถามต่อว่าบริษัทชื่ออะไร ทำเกี่ยวกับอะไร แนะนำให้ลูกเค้าบ้างแถมบอกว่าสมัยเรียนลูกเค้าเรียนเก่งกว่าผมคงทำได้เหมือนกัน ผมนี่หมั่นไส้ในใจขึ้นมาทันที แล้วเค้าก็ยังถามเรื่องส่วนตัวอีกเยอะ ผมก็ตอบแบบหลบหลีกไปจนวางสายไป
หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนโทรมาขอให้แนะนำแนวทางเรียนน้องๆหลานๆบ้าง โทรมาขอยืมเงินบ้าง ล่าสุดญาติมาหาที่ กทม เค้าพูดเงินเดือนผมกลางโต๊ะจีนแบบตรงตัวเลขเป๊ะๆได้เลย ผมตกใจมากระหว่างนั่งรถกลับผมว่าพ่อแม่ไปเลยว่าเรื่องเงินเดือนคุยกันแล้วไม่ใช่หรอว่าไม่ให้บอกใคร พ่อกับแม่ก็งงเหมือนกันเพราะไม่ได้บอกใครเลย ผมเลยโทรไปหาญาติคนนั้นว่ารู้ได้ยังไง เค้าบอกว่ารู้จากน้าผู้จัดการธนาคารเจอกันที่ตลาด ผมโมโหมาก เค้ามีสิทธิอะไรเอาข้อมูลของเราไปบอกคนอื่น ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานเลย อยากจะร้องเรียนไปที่สำนักงานใหญ่ แต่พ่อขอไว้ว่าอย่าทำให้เรื่องใหญ่โตเลยเดี๋ยวจะมีปัญหา เพราะเค้าก็ไปโม้เราในสิ่งที่ดี แต่ผมมองว่าเค้าไม่มีจรรยาบรรณและลุกล้ำความเป็นส่วนตัวมากๆ
ยื่นกู้บ้าน ผู้จัดการธนาคารรู้เงินเดือนเราแล้วเอาไปบอกคนอื่น
เรื่องมีอยู่ว่าบ้านเก่าที่ต่างจังหวัดค่อนข้างเก่าและพ่อแม่ผมก็ใกล้วัยเกษียณแล้วครับ ผมเลยเสนอจะกู้สร้างบ้านใหม่บนที่ดินเดิมให้พ่อแม่ไว้ไปพักผ่อนตอนแก่ครับ เพราะท่านก็มาซื้อบ้านใน กทม ตั้งแต่เราย้ายเข้ามาด้วยกันตอนผม ม.4 ช่วงวันหยุดวันแม่ที่ผ่านมาได้กลับไปที่บ้าน พ่อเลยนัดเพื่อนที่เป็นผู้จัดการธนาคารมาปรึกษา ซึ่งผมให้เพื่อนเขียนแบบให้มีครบทุกอย่างพร้อมยื่นกู้แล้วแต่ยังไม่ได้ส่งออกให้รับเหมาประเมินราคา แต่สถาปนิกช่วยตีให้คร่าวๆประมาณ 6 ล้าน สิ่งที่พ่อผมต้องการให้เค้าแนะนำคือ เราควรเอาเงินสดที่มีทำอย่างไรดี ควรเอาไปปิดบ้านที่ กทม ก่อนแล้วผมกู้เต็มบ้านใหม่ หรือให้เงินสดบางส่วนกู้บางส่วน
คำตอบแรกที่ได้คือ ไม่ไหวหรอก น่าจะเกินตัวเกินไป ซึ่งผมฟังแล้วก็งงคือเค้ายังไม่รู้เลยว่ากำลังเรามีแค่ไหน ก็เลยแจ้งเค้าไปว่าผมมีเงินเก็บเท่าไหร่ ผ่อนไหวเดือนละเท่าไหร่ เค้าก็บอกว่าหลักๆต้องดูฐานเงินเดือน อย่างมากก็กู้ได้ 2 ล้าน ผมก็สงสัยว่าแล้วเค้ามารู้เงินเดือนเราได้ไงก็ไม่เคยบอก แต่ผมก็ไม่ได้บอกไปเพราะก็ไม่ได้อยากใช้ธนาคารนี้ แล้วก็ขี้เกียจคุยกับน้าคนนี้ด้วยเพราะเค้าพูดกับผมไม่ค่อยดี เอาแต่สอนแล้วก็ชมลูกตัวเอง555
ผมมาเกททีหลังว่า ผมเคยบอกพ่อไปว่าผมไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ธนาคารนี้ แต่จริงๆแล้วผมทำสาย IT consult ซึ่งบอกชื่อไปแล้วพ่อไม่รู้จักบริษัท เค้าก็จำได้แค่ว่าลูกเราไปทำงานโปรเจคของธนาคารนี้ ซึ่งลูกป้าก็ทำงานอยู่ที่ธนาคารนี้เหมือนกันแต่เป็นพนักงานประจำ ยิ่งแกเป็นผู้จัดการธนาคารเลยน่าจะพอรู้ฐานเงินเดือนคนรุ่นๆลูกแก แล้วก็คงมาคิดว่าผมกับลูกแกคงได้เท่าๆกัน แต่จริงๆแล้วผมโชคดีที่ทำงานสายที่กำลังเป็นที่ต้องการ และได้เจ้านายดีที่ทำให้ผมเติบโตไว ตอนนี้ผมเงินเดือนประมาณ 1xx,xxx บาท
เวลาผ่านไปผมก็เตรียมเอกสารเอง ยื่นไปที่ 2 ธนาคารที่ใช้ประจำผ่านสาขาที่ กทม แต่พ่อก็บอกให้ส่งให้น้าคนนั้นด้วยสิ เค้าอยู่สาขาที่ดูแลที่เราจะสร้างบ้านน่าจะดีกว่านะ ผมก็ส่งไปไม่ได้คิดอะไร แน่นอนว่าในไฟล์นั้นมีหนังสือรับรองเงินเดือนด้วย แต่หลังจากนั้นสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
เค้าโทรมาหาด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป ถามว่าจะกู้เผื่อตกแต่งด้วยมั้ย ใช้ของธนาคารน้าดีกว่าเดี๋ยวน้าดูแล แล้วก็ถามว่าผมทำงานแผนกไหนซึ่งผมตอบไปว่าผมไม่ได้ทำงานธนาคารครับ บริษัทผมแค่ไปรับงานของธนาคารมาทำ ก็ถามต่อว่าบริษัทชื่ออะไร ทำเกี่ยวกับอะไร แนะนำให้ลูกเค้าบ้างแถมบอกว่าสมัยเรียนลูกเค้าเรียนเก่งกว่าผมคงทำได้เหมือนกัน ผมนี่หมั่นไส้ในใจขึ้นมาทันที แล้วเค้าก็ยังถามเรื่องส่วนตัวอีกเยอะ ผมก็ตอบแบบหลบหลีกไปจนวางสายไป
หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนโทรมาขอให้แนะนำแนวทางเรียนน้องๆหลานๆบ้าง โทรมาขอยืมเงินบ้าง ล่าสุดญาติมาหาที่ กทม เค้าพูดเงินเดือนผมกลางโต๊ะจีนแบบตรงตัวเลขเป๊ะๆได้เลย ผมตกใจมากระหว่างนั่งรถกลับผมว่าพ่อแม่ไปเลยว่าเรื่องเงินเดือนคุยกันแล้วไม่ใช่หรอว่าไม่ให้บอกใคร พ่อกับแม่ก็งงเหมือนกันเพราะไม่ได้บอกใครเลย ผมเลยโทรไปหาญาติคนนั้นว่ารู้ได้ยังไง เค้าบอกว่ารู้จากน้าผู้จัดการธนาคารเจอกันที่ตลาด ผมโมโหมาก เค้ามีสิทธิอะไรเอาข้อมูลของเราไปบอกคนอื่น ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานเลย อยากจะร้องเรียนไปที่สำนักงานใหญ่ แต่พ่อขอไว้ว่าอย่าทำให้เรื่องใหญ่โตเลยเดี๋ยวจะมีปัญหา เพราะเค้าก็ไปโม้เราในสิ่งที่ดี แต่ผมมองว่าเค้าไม่มีจรรยาบรรณและลุกล้ำความเป็นส่วนตัวมากๆ