เพื่อไทย ซัด ชัยวุฒิ พูดไม่คิด ปมขู่ม็อบ ย้ำ ประชาชนทำได้ตามกฎหมาย
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7284122
“สมคิด” บอก “ชัยวุฒิ” อาจพูดไม่คิด ปมขู่ม็อบเคลื่อนไหวมาก ระวังไม่ได้เลือกตั้ง ชี้ ประชาชนทำได้ตามกฎหมาย ย้ำ เพื่อไทยไม่กังวล
เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2565 นาย
สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงผู้ชุมนุมเตรียมเคลื่อนไหวในวันที่ 30 ก.ย.นี้ โดยระบุว่าหากเคลื่อนไหวมากๆ ระวังจะไม่ได้เลือกตั้ง ว่า การเคลื่อนไหวของม็อบเป็นหน้าที่ของประชาชน เขาอยากจะแสดงออกก็เรื่องของเขา
นาย
สมคิด กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยไม่ได้วิตกกังวลอะไร เพราะเหลือเวลาอีกไม่นานก็จะเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการอยู่แล้ว ส่วนผู้แสดงออกที่เป็นภาคประชาชนเราก็ห้ามเขาไม่ได้
เมื่อถามว่า มีหลายฝ่ายมองว่าการที่นายชัยวุฒิพูดเช่นนี้ อาจเป็นการเรียกให้เกิดการรัฐประหารอีก นาย
สมคิด กล่าวว่า เขาพูดอาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่เรื่องจริงคือภาคประชาชนสามารถเคลื่อนไหวได้ตามกฎหมาย แม้นาย
ชัยวุฒิไม่พูดเขาก็เคลื่อนไหวได้ ไม่มีปัญหา
‘ธีรัจชัย’ ซัด ‘ชัยวุฒิ’ คำพูดน่ารังเกียจ! หลังขู่ ‘ถ้าม็อบเคลื่อนไหวมาก ระวังไม่ได้เลือกตั้ง’
https://www.matichon.co.th/politics/news_3581992
‘ธีรัจชัย’ ซัด ‘ชัยวุฒิ’ คำพูดน่ารังเกียจ! หลังขู่ ‘ถ้าม็อบเคลื่อนไหวมาก ระวังไม่ได้เลือกตั้ง’ จวกไม่อยากได้ยินคำพูดไม่สร้างสรรค์แบบนี้จากคนที่เป็นตัวแทน ปชช.
เมื่อวันที่ 25 กันยายน นาย
ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่เมื่อวานนี้ (24 กันยายน) นาย
ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีผู้ชุมนุมเตรียมเคลื่อนไหวในวันที่ 30 กันยายนนี้ ขณะลงพื้นที่ที่ จ.อยุธยา โดยระบุว่า หากไม่พอใจรัฐบาลอยากให้ใจเย็นๆ เพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงช่วงของการเลือกตั้งแล้ว หากเคลื่อนไหวมากๆ ระวังจะไม่ได้เลือกตั้ง มองอย่างไร ว่า
เป็นเรื่องน่ารังเกียจสำหรับคำพูดแบบนี้ เพราะเป็นการพูดเหมือนคนที่ไม่ได้อยู่ในกระบวนการประชาธิปไตย ซึ่งหากไม่ได้มีการเลือกตั้งหมายถึงจะมีอำนาจอื่นมาแทรกแซง ก็ไม่ค่อยสร้างสรรค์เท่าไร ไม่อยากให้คนที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวแทนประชาชนมีคำพูดแบบนี้ออกมาจากปาก ไม่ดีเลยสำหรับคนที่มาจากประชาชนแล้วมาพูดแบบนี้ พูดเหมือนกับเป็นการเอื้อที่ให้มีอำนาจนอกระบบที่ไม่ใช่อำนาจที่ประชาชนควรจะมีและไม่ให้มีการเลือกตั้ง ตนไม่สบายใจและไม่อยากให้คนที่เป็นตัวแทนประชาชนพูดแบบนี้
สมชัย ชี้ช่องร้อง กกต.เพชรบูรณ์ รูปว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.โชว์หราป้ายต้อนรับ ‘ป้อม’ เจตนาหาเสียง?
https://www.matichon.co.th/politics/news_3582229
สมชัย ชี้ช่องร้อง กกต.เพชรบูรณ์ รูปว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.โชว์หราป้ายต้อนรับ ‘ป้อม’ เจตนาหาเสียง ซ้ำผลิตผิดขนาด อาจถูกตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 25 กันยายน นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยทางเฟซบุ๊กกรณีป้ายต้อนรับคณะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรักษาราชการนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งปรากฏรูป ว่าที่ผู้สมัครเขต 3 พรรค พปชร. เท่ากับมีเจตนาหาเสียงชัดเจน อีกทั้งขนาดป้ายเกินกว่าขนาดที่ กกต.ประกาศให้ใช้
นาย
สมชัยระบุว่า ป้ายนี่น่าจะมีปัญหาครับ ผู้สมัครพรรคการเมืองอื่นลองร้อง กกต.จังหวัดเพชรบูรณ์ดูนะครับ มากสุดแค่ตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเท่านั้น ประเด็นอยู่ที่เอารูป ส.ส.ทั้ง 5 เขต ซึ่งล้วนเป็นของพรรคพลังประชารัฐมาใส่ด้านล่าง ซึ่งยังพออธิบายได้ว่าเป็นป้ายต้อนรับในฐานะคนเพชรบูรณ์
นาย
สมชัยกล่าวว่า แต่การเอารูปว่าที่ผู้สมัครเขต 3 ของพรรคพลังประชารัฐมาใส่ไว้ด้วย จึงเท่ากับมีเจตนาหาเสียงชัดเจน และขนาดของป้ายคือ 2×4 เมตร ซึ่งเกินกว่าขนาดที่ กกต.ประกาศ
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้นาย
สมชัยเคยออกมากล่าวถึงขนาดป้ายหาเสียงโดยอ้างอิงประกาศ กกต.ที่ระบุดังนี้ กกต.ออกแนวปฏิบัติเรื่องวิธีการหาเสียง ฉบับที่ 3 แล้วเมื่อวานนี้ (22 กันยายน) มีสาระสำคัญคือให้การติดป้ายหาเสียงของผู้ประสงค์จะสมัคร ส.ส. ก่อนหน้าที่จะมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง สามารถติดป้ายหาเสียง ตามขนาด จำนวน และสถานที่ ตามที่ กกต. หรือ ผอ.กกต.จังหวัด ประกาศในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด
แปลว่า ใช้ขนาด จำนวน และสถานที่ติดป้ายตามการเลือกตั้งปี 2562 ขนาดคือ 1.2×2.4 เมตร จำนวนคือไม่เกิน 2 เท่าของจำนวนหน่วยเลือกตั้งในเขตนั้นๆ สถานที่ ตามประกาศ ของ ผอ.กกต.จังหวัด ว่าที่ใดอนุญาตให้ติดได้
บาทอ่อนเป็นบวกต่อท่องเที่ยว แต่ไม่ได้ช่วยดึงดูดต่างชาติเที่ยวไทย
https://www.matichon.co.th/economy/news_3582130
นาง
ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทที่อยู่ในโซนอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องนั้น เบื้องต้นประเมินว่าเป็นผลบวกกับภาคการท่องเที่ยวอยู่แล้ว แต่หากพิจารณาจากอดีตที่ผ่านมาพบว่า ค่าเงินบาทอ่อนค่าไม่ได้เป็นปัจจัยหลักในการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว หรือดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น เพราะปัจจัยที่มีผลกับการตัดสินใจท่องเที่ยวจริงๆ เป็นเพราะโควิด-19 ทำให้คนไม่ได้เที่ยวกว่า 2 ปี เกิดความอัดอั้นในช่วงที่ผ่านมามากกว่า แต่ก็ถือเป็นข้อดีไม่ได้เป็นข้อเสียที่มีผลกระทบกับภาคการท่องเที่ยวไทย
นาง
ศุภวรรณ กล่าวว่า หากในระยาวค่าเงินบาทอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ก็ยังเป็นข้อดีอยู่ แต่มองว่าคงไม่สามารถอ่อนค่าได้นานมากนัก เพราะมีธุรกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรงด้วย โดยเฉพาะธุรกิจการนำเข้าสินค้า ที่จะลำบากเนื่องจากต้องใช้จ่ายแพงขึ้น ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าก็มีทั้งส่วนที่ได้และส่วนที่เสีย ไม่มีการได้ฝ่ายเดียวหรือเสียฝ่ายเดียวแน่นอน รัฐบาลจึงต้องประเมินว่าผลได้หรือผลเสียมีมากกว่ากัน และบริหารจัดการให้ดีที่สุด โดยความกังวลค่าเงินบาทอ่อนจะกระทบราคาพลังงาน ทำให้ราคาซื้อสูงขึ้น และราคาพลังงาน รวมถึงสินค้าและบริการในประเทศจะแพงขึ้นด้วยหรือไม่ มองว่าหากราคาน้ำมันโลกปรับสูงขึ้นด้วยตัวเอง แบบนี้จะสร้างความกังวลมากกว่า
“ผลบวกต่อธุรกิจ อาทิ ธุรกิจโรงแรม การที่ค่าเงินบาทอ่อนก็ไม่ได้ส่งผลบวกในการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขนาดนั้น แต่เป็นปัจจัยบวกที่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากใช้จ่ายมากขึ้น และสามารถใช้ได้มากขึ้น เพราะมีเงินมากขึ้นมากกว่า รวมถึงหากนักท่องเที่ยวที่เลือกเข้ามาเที่ยวไทยได้ ก็อาจช่วยให้ตัดสินใจพักค้างแรมนานขึ้นแทน” นาง
ศุภวรรณ กล่าว
นาง
ศุภวรรณ กล่าวว่า ผลช่วยชะลอให้คนไทยเที่ยวนอกช้าลงด้วยหรือไม่นั้น มองว่าไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจ เพราปกติแล้วกลุ่มคนไทยเที่ยวนอกมักเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูงอยู่แล้ว จึงไม่เกี่ยงว่าเงินบาทจะอ่อนหรือแข็งมากน้อยอย่างไร โดยปัจจัยที่มีผลบวกกับภาคการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง เป็นเรื่องความพร้อม โดยเฉพาะความพร้อมของผู้เดินทางหรือนักท่องเที่ยวต่างชาติเอง เนื่องจากตอนนี้ยังมีเรื่องสงครามระหว่างประเทศอยู่ ทำให้ค่าใช้จ่ายจะมากขึ้น อาทิ ตั๋วเครื่องบิน ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมทั้งของบุคคล และปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ด้วย รวมถึงผู้ประกอบการจะต้องบริหารจัดการธุรกิจให้ดี เตรียมพร้อมเปิดให้บริการแบบเหมาะสมกับความต้องการ (ดีมานด์) ที่มีในตลาด เพื่อไม่ให้เกิดโอเวอร์ซัพพลายขึ้นอีก และเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการขาดทุนเพิ่ม ในการเปิดบริการใหม่
JJNY : 5in1 พท.ซัดชัยวุฒิ│‘ธีรัจชัย’ซัด‘ชัยวุฒิ’│สมชัยชี้ช่องร้องกกต.│บาทอ่อนไม่ช่วยต่างชาติเที่ยวไทย│โสมแดงเปรี้ยวจัด
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7284122
“สมคิด” บอก “ชัยวุฒิ” อาจพูดไม่คิด ปมขู่ม็อบเคลื่อนไหวมาก ระวังไม่ได้เลือกตั้ง ชี้ ประชาชนทำได้ตามกฎหมาย ย้ำ เพื่อไทยไม่กังวล
เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2565 นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงผู้ชุมนุมเตรียมเคลื่อนไหวในวันที่ 30 ก.ย.นี้ โดยระบุว่าหากเคลื่อนไหวมากๆ ระวังจะไม่ได้เลือกตั้ง ว่า การเคลื่อนไหวของม็อบเป็นหน้าที่ของประชาชน เขาอยากจะแสดงออกก็เรื่องของเขา
นายสมคิด กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยไม่ได้วิตกกังวลอะไร เพราะเหลือเวลาอีกไม่นานก็จะเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการอยู่แล้ว ส่วนผู้แสดงออกที่เป็นภาคประชาชนเราก็ห้ามเขาไม่ได้
เมื่อถามว่า มีหลายฝ่ายมองว่าการที่นายชัยวุฒิพูดเช่นนี้ อาจเป็นการเรียกให้เกิดการรัฐประหารอีก นายสมคิด กล่าวว่า เขาพูดอาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่เรื่องจริงคือภาคประชาชนสามารถเคลื่อนไหวได้ตามกฎหมาย แม้นายชัยวุฒิไม่พูดเขาก็เคลื่อนไหวได้ ไม่มีปัญหา
‘ธีรัจชัย’ ซัด ‘ชัยวุฒิ’ คำพูดน่ารังเกียจ! หลังขู่ ‘ถ้าม็อบเคลื่อนไหวมาก ระวังไม่ได้เลือกตั้ง’
https://www.matichon.co.th/politics/news_3581992
‘ธีรัจชัย’ ซัด ‘ชัยวุฒิ’ คำพูดน่ารังเกียจ! หลังขู่ ‘ถ้าม็อบเคลื่อนไหวมาก ระวังไม่ได้เลือกตั้ง’ จวกไม่อยากได้ยินคำพูดไม่สร้างสรรค์แบบนี้จากคนที่เป็นตัวแทน ปชช.
เมื่อวันที่ 25 กันยายน นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่เมื่อวานนี้ (24 กันยายน) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีผู้ชุมนุมเตรียมเคลื่อนไหวในวันที่ 30 กันยายนนี้ ขณะลงพื้นที่ที่ จ.อยุธยา โดยระบุว่า หากไม่พอใจรัฐบาลอยากให้ใจเย็นๆ เพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงช่วงของการเลือกตั้งแล้ว หากเคลื่อนไหวมากๆ ระวังจะไม่ได้เลือกตั้ง มองอย่างไร ว่า
เป็นเรื่องน่ารังเกียจสำหรับคำพูดแบบนี้ เพราะเป็นการพูดเหมือนคนที่ไม่ได้อยู่ในกระบวนการประชาธิปไตย ซึ่งหากไม่ได้มีการเลือกตั้งหมายถึงจะมีอำนาจอื่นมาแทรกแซง ก็ไม่ค่อยสร้างสรรค์เท่าไร ไม่อยากให้คนที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวแทนประชาชนมีคำพูดแบบนี้ออกมาจากปาก ไม่ดีเลยสำหรับคนที่มาจากประชาชนแล้วมาพูดแบบนี้ พูดเหมือนกับเป็นการเอื้อที่ให้มีอำนาจนอกระบบที่ไม่ใช่อำนาจที่ประชาชนควรจะมีและไม่ให้มีการเลือกตั้ง ตนไม่สบายใจและไม่อยากให้คนที่เป็นตัวแทนประชาชนพูดแบบนี้
สมชัย ชี้ช่องร้อง กกต.เพชรบูรณ์ รูปว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.โชว์หราป้ายต้อนรับ ‘ป้อม’ เจตนาหาเสียง?
https://www.matichon.co.th/politics/news_3582229
สมชัย ชี้ช่องร้อง กกต.เพชรบูรณ์ รูปว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.โชว์หราป้ายต้อนรับ ‘ป้อม’ เจตนาหาเสียง ซ้ำผลิตผิดขนาด อาจถูกตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 25 กันยายน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยทางเฟซบุ๊กกรณีป้ายต้อนรับคณะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรักษาราชการนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งปรากฏรูป ว่าที่ผู้สมัครเขต 3 พรรค พปชร. เท่ากับมีเจตนาหาเสียงชัดเจน อีกทั้งขนาดป้ายเกินกว่าขนาดที่ กกต.ประกาศให้ใช้
นายสมชัยระบุว่า ป้ายนี่น่าจะมีปัญหาครับ ผู้สมัครพรรคการเมืองอื่นลองร้อง กกต.จังหวัดเพชรบูรณ์ดูนะครับ มากสุดแค่ตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเท่านั้น ประเด็นอยู่ที่เอารูป ส.ส.ทั้ง 5 เขต ซึ่งล้วนเป็นของพรรคพลังประชารัฐมาใส่ด้านล่าง ซึ่งยังพออธิบายได้ว่าเป็นป้ายต้อนรับในฐานะคนเพชรบูรณ์
นายสมชัยกล่าวว่า แต่การเอารูปว่าที่ผู้สมัครเขต 3 ของพรรคพลังประชารัฐมาใส่ไว้ด้วย จึงเท่ากับมีเจตนาหาเสียงชัดเจน และขนาดของป้ายคือ 2×4 เมตร ซึ่งเกินกว่าขนาดที่ กกต.ประกาศ
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้นายสมชัยเคยออกมากล่าวถึงขนาดป้ายหาเสียงโดยอ้างอิงประกาศ กกต.ที่ระบุดังนี้ กกต.ออกแนวปฏิบัติเรื่องวิธีการหาเสียง ฉบับที่ 3 แล้วเมื่อวานนี้ (22 กันยายน) มีสาระสำคัญคือให้การติดป้ายหาเสียงของผู้ประสงค์จะสมัคร ส.ส. ก่อนหน้าที่จะมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง สามารถติดป้ายหาเสียง ตามขนาด จำนวน และสถานที่ ตามที่ กกต. หรือ ผอ.กกต.จังหวัด ประกาศในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด
แปลว่า ใช้ขนาด จำนวน และสถานที่ติดป้ายตามการเลือกตั้งปี 2562 ขนาดคือ 1.2×2.4 เมตร จำนวนคือไม่เกิน 2 เท่าของจำนวนหน่วยเลือกตั้งในเขตนั้นๆ สถานที่ ตามประกาศ ของ ผอ.กกต.จังหวัด ว่าที่ใดอนุญาตให้ติดได้
บาทอ่อนเป็นบวกต่อท่องเที่ยว แต่ไม่ได้ช่วยดึงดูดต่างชาติเที่ยวไทย
https://www.matichon.co.th/economy/news_3582130
นางศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทที่อยู่ในโซนอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องนั้น เบื้องต้นประเมินว่าเป็นผลบวกกับภาคการท่องเที่ยวอยู่แล้ว แต่หากพิจารณาจากอดีตที่ผ่านมาพบว่า ค่าเงินบาทอ่อนค่าไม่ได้เป็นปัจจัยหลักในการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว หรือดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น เพราะปัจจัยที่มีผลกับการตัดสินใจท่องเที่ยวจริงๆ เป็นเพราะโควิด-19 ทำให้คนไม่ได้เที่ยวกว่า 2 ปี เกิดความอัดอั้นในช่วงที่ผ่านมามากกว่า แต่ก็ถือเป็นข้อดีไม่ได้เป็นข้อเสียที่มีผลกระทบกับภาคการท่องเที่ยวไทย
นางศุภวรรณ กล่าวว่า หากในระยาวค่าเงินบาทอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ก็ยังเป็นข้อดีอยู่ แต่มองว่าคงไม่สามารถอ่อนค่าได้นานมากนัก เพราะมีธุรกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรงด้วย โดยเฉพาะธุรกิจการนำเข้าสินค้า ที่จะลำบากเนื่องจากต้องใช้จ่ายแพงขึ้น ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าก็มีทั้งส่วนที่ได้และส่วนที่เสีย ไม่มีการได้ฝ่ายเดียวหรือเสียฝ่ายเดียวแน่นอน รัฐบาลจึงต้องประเมินว่าผลได้หรือผลเสียมีมากกว่ากัน และบริหารจัดการให้ดีที่สุด โดยความกังวลค่าเงินบาทอ่อนจะกระทบราคาพลังงาน ทำให้ราคาซื้อสูงขึ้น และราคาพลังงาน รวมถึงสินค้าและบริการในประเทศจะแพงขึ้นด้วยหรือไม่ มองว่าหากราคาน้ำมันโลกปรับสูงขึ้นด้วยตัวเอง แบบนี้จะสร้างความกังวลมากกว่า
“ผลบวกต่อธุรกิจ อาทิ ธุรกิจโรงแรม การที่ค่าเงินบาทอ่อนก็ไม่ได้ส่งผลบวกในการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขนาดนั้น แต่เป็นปัจจัยบวกที่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากใช้จ่ายมากขึ้น และสามารถใช้ได้มากขึ้น เพราะมีเงินมากขึ้นมากกว่า รวมถึงหากนักท่องเที่ยวที่เลือกเข้ามาเที่ยวไทยได้ ก็อาจช่วยให้ตัดสินใจพักค้างแรมนานขึ้นแทน” นางศุภวรรณ กล่าว
นางศุภวรรณ กล่าวว่า ผลช่วยชะลอให้คนไทยเที่ยวนอกช้าลงด้วยหรือไม่นั้น มองว่าไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจ เพราปกติแล้วกลุ่มคนไทยเที่ยวนอกมักเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูงอยู่แล้ว จึงไม่เกี่ยงว่าเงินบาทจะอ่อนหรือแข็งมากน้อยอย่างไร โดยปัจจัยที่มีผลบวกกับภาคการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง เป็นเรื่องความพร้อม โดยเฉพาะความพร้อมของผู้เดินทางหรือนักท่องเที่ยวต่างชาติเอง เนื่องจากตอนนี้ยังมีเรื่องสงครามระหว่างประเทศอยู่ ทำให้ค่าใช้จ่ายจะมากขึ้น อาทิ ตั๋วเครื่องบิน ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมทั้งของบุคคล และปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ด้วย รวมถึงผู้ประกอบการจะต้องบริหารจัดการธุรกิจให้ดี เตรียมพร้อมเปิดให้บริการแบบเหมาะสมกับความต้องการ (ดีมานด์) ที่มีในตลาด เพื่อไม่ให้เกิดโอเวอร์ซัพพลายขึ้นอีก และเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการขาดทุนเพิ่ม ในการเปิดบริการใหม่