เท้าความเรื่องราวก่อน คือแม่เราแต่งงานใหม่กับ(ขอเรียกว่าคุณลุง) แล้วลุงเค้ามีลูกติดด้วย แม่เราจดทะเบียนสมรสกับลุงคนนี้มาได้15ปี
ระว่าง15ปีที่ลุงอยู่กับแม่ของเรา เราซึ่งแยกตัวออกมาอยู่หอพักตั้งแต่เรียนจนทำงาน นานๆถึงจะได้กลับไปบ้านแม่ ซึ่งช่วงเวลาที่ผ่าน แม่ก็จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับลูกติดของคุณลุงให้ฟังบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการปลอมลายเซ็นของพ่อ(คุณลุง)เพื่อกู้ยืมเงิน แอบอ้างชื่อแม่(ของเรา)ว่าเป็นสาเหตุทำให้ตัวเองถูกยึดรถ เอาโฉนดที่ดินของลุงไปจำนองโดยไม่ได้บอกกล่าว เราก็ได้พูดเตือนแม่ว่าให้ระวังอยู่ตลอด
จนมาปัจจุบันคุณลุงท่านได้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ตลอดเวลาที่ป่วยแม่เราเป็นคนดูแลตลอด แม่ต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา เสียทั้งสุขภาพตัวเองเพื่อดูแลลุง โดยคนที่เป็นลูก มาช่วยดูแลได้เฉพาะเสาร์ อาทิตย์ 15ปีลุงอยู่อาศัยที่บ้านของแม่มาตลอด แต่เหมือนบั้นปลายสุดท้ายของชีวิตคุณลุงเค้าออกจะกลับไปอยู่ที่บ้านของญาติตัวเอง ให้ลูกของตัวเองเป็นคนดูแล ทั้งๆที่ผ่านมาแม่เราเป็นทั้งคนดูแล และออกค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถเบิกได้มาตลอด (เป็นข้าราชการบำนาญทั้งคู่) อีกทั้งบอกว่าเงินฌาปนกิจของตัวเองจะให้ลูกของตัวเองเป็นคนจัดการทั้งหมด แม่เราไม่ต้องห่วงอะไร
เราเลยรู้สึกว่าทำไมลุงแกไม่ยุติธรรมกับแม่เราบ้าง ไม่คิดถึงช่วงเวลาที่อยู่กับแม่เรา ช่วงเวลาที่แม่เราดูแล แต่ลึกๆเราก็พอจะเข้าใจได้ว่าลุงแกห่วงลูกของตัวเอง เพราะลูกของตัวเองไม่สามารถเอาตัวรอดคนเดียวได้ (โตแต่ตัว)
เราทำอะไรได้บ้าง
1.แม่กับลุงยังไม่ได้เซ็นใบหย่ากัน เรากังวลว่าหากลูกติดลุงแอบปลอมลายเซ็นลุงไปกู้ยืมเงิน แม่เราจะเดือดร้อนไหมหากลุงเสียชีวิตไป
2.ลูกติดลุงเที่ยวไปบอกใครต่อใครว่าแม่เราเป็นคนผลักไสลุงให้มาอยู่บ้านญาติพี่น้อง ทั้งที่จริงๆลุงเป็นคนเอ่ยปากอยากไปอยู่เอง ทำให้แม่เราเป็นขี้ปากชาวบ้านแถวนั้น เราทำอะไรได้บ้าง
3.ตอนลุงมาอยู่กับแม่เราใหม่ๆตอนที่ยังแข็งแรงพวกเรารับรู้ว่าแกได้ยกเงินฌาปนกิจให้ลูกตัวเองดูแลคนเดียว ทีแรกเรากับแม่ก็ไม่คิดอยากได้อะไรในส่วนตรงนั้นอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันเมื่อลุงล้มป่วย แม่ของเราเป็นคนดูแลตั้งแต่ต้น ออกเงินส่วนต่างแทบทั้งหมด เสียเงินเป็นแสนๆ มันผิดไหมที่เราอยากให้คุณลุงใส่ชื่อแม่ของเราเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ร่วมด้วย
4.ควรดัดนิสัยลูกติดของคุณลุงอย่างไงดี เพื่อจะได้ไม่เอาแม่เราไปพูดแบบเสียๆหายๆ ถึงแม่เราจะบอกว่าไม่แคร์ แต่เราไม่อยากให้แม่ถูกมองเป็นคนไม่ดี ทอดทิ้งคนป่วย ทั้งๆที่ตัวคนป่วยเค้าเลือกเอง
ควรดัดนิสัยลูกติดสามีใหม่ของแม่ยังไงดี??
ระว่าง15ปีที่ลุงอยู่กับแม่ของเรา เราซึ่งแยกตัวออกมาอยู่หอพักตั้งแต่เรียนจนทำงาน นานๆถึงจะได้กลับไปบ้านแม่ ซึ่งช่วงเวลาที่ผ่าน แม่ก็จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับลูกติดของคุณลุงให้ฟังบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการปลอมลายเซ็นของพ่อ(คุณลุง)เพื่อกู้ยืมเงิน แอบอ้างชื่อแม่(ของเรา)ว่าเป็นสาเหตุทำให้ตัวเองถูกยึดรถ เอาโฉนดที่ดินของลุงไปจำนองโดยไม่ได้บอกกล่าว เราก็ได้พูดเตือนแม่ว่าให้ระวังอยู่ตลอด
จนมาปัจจุบันคุณลุงท่านได้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ตลอดเวลาที่ป่วยแม่เราเป็นคนดูแลตลอด แม่ต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา เสียทั้งสุขภาพตัวเองเพื่อดูแลลุง โดยคนที่เป็นลูก มาช่วยดูแลได้เฉพาะเสาร์ อาทิตย์ 15ปีลุงอยู่อาศัยที่บ้านของแม่มาตลอด แต่เหมือนบั้นปลายสุดท้ายของชีวิตคุณลุงเค้าออกจะกลับไปอยู่ที่บ้านของญาติตัวเอง ให้ลูกของตัวเองเป็นคนดูแล ทั้งๆที่ผ่านมาแม่เราเป็นทั้งคนดูแล และออกค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถเบิกได้มาตลอด (เป็นข้าราชการบำนาญทั้งคู่) อีกทั้งบอกว่าเงินฌาปนกิจของตัวเองจะให้ลูกของตัวเองเป็นคนจัดการทั้งหมด แม่เราไม่ต้องห่วงอะไร
เราเลยรู้สึกว่าทำไมลุงแกไม่ยุติธรรมกับแม่เราบ้าง ไม่คิดถึงช่วงเวลาที่อยู่กับแม่เรา ช่วงเวลาที่แม่เราดูแล แต่ลึกๆเราก็พอจะเข้าใจได้ว่าลุงแกห่วงลูกของตัวเอง เพราะลูกของตัวเองไม่สามารถเอาตัวรอดคนเดียวได้ (โตแต่ตัว)
เราทำอะไรได้บ้าง
1.แม่กับลุงยังไม่ได้เซ็นใบหย่ากัน เรากังวลว่าหากลูกติดลุงแอบปลอมลายเซ็นลุงไปกู้ยืมเงิน แม่เราจะเดือดร้อนไหมหากลุงเสียชีวิตไป
2.ลูกติดลุงเที่ยวไปบอกใครต่อใครว่าแม่เราเป็นคนผลักไสลุงให้มาอยู่บ้านญาติพี่น้อง ทั้งที่จริงๆลุงเป็นคนเอ่ยปากอยากไปอยู่เอง ทำให้แม่เราเป็นขี้ปากชาวบ้านแถวนั้น เราทำอะไรได้บ้าง
3.ตอนลุงมาอยู่กับแม่เราใหม่ๆตอนที่ยังแข็งแรงพวกเรารับรู้ว่าแกได้ยกเงินฌาปนกิจให้ลูกตัวเองดูแลคนเดียว ทีแรกเรากับแม่ก็ไม่คิดอยากได้อะไรในส่วนตรงนั้นอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันเมื่อลุงล้มป่วย แม่ของเราเป็นคนดูแลตั้งแต่ต้น ออกเงินส่วนต่างแทบทั้งหมด เสียเงินเป็นแสนๆ มันผิดไหมที่เราอยากให้คุณลุงใส่ชื่อแม่ของเราเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ร่วมด้วย
4.ควรดัดนิสัยลูกติดของคุณลุงอย่างไงดี เพื่อจะได้ไม่เอาแม่เราไปพูดแบบเสียๆหายๆ ถึงแม่เราจะบอกว่าไม่แคร์ แต่เราไม่อยากให้แม่ถูกมองเป็นคนไม่ดี ทอดทิ้งคนป่วย ทั้งๆที่ตัวคนป่วยเค้าเลือกเอง