หวัดดีครับพี่น้องลุงป้าชาวสินธรทั้งหลาย
แชร์ลูกโซ่กับที่อ้างอิงมาจากการลงทุนเกิดกลายเป็นคดีใหญ่นับไม่ถ้วน แทบจะปีต่อปีเลยทีเดียว และอย่างในปี 2565 นั้นอาจจะเป็นปีที่แจ็คพ็อตแตกมากนักหน่อยที่เรื่องราวเหล่านี้กลายเป็นคดีหลายคดี
ซึ่งเรียนตามตรงว่าเหล่าบรรดาผู้ที่กลายเป็นเหยื่อ / อัพไลน์ / ดาวน์ไลน์ หลายๆคนก็เป็นผู้คนที่มีหน้ามีตาในสังคม หลายๆคนก็ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ โดยเฉพาะดาราที่เคยชินกับการเป็นพรีเซ็นต์เตอร์ การเรียกคนมาลงทุนเพื่อแลกกับค่าโฆษณาดูจะเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ยากมาก หาก
1.กลต.มีมาตรการในการคัดเลือกผู้เข้าร่วมออกงาน SET in The City อย่างเข้มงวดมากกว่านี้
เพราะเจ้าพวกแชร์ลูกโซ่พวกนี้นี่แหละที่ชอบไปโผล่เอาตามงานพวกนี้ มันชอบไปออกบูธงานเซ็ทอินเดอะซิตี้ /มันนี่เอ็กโป หลอกนักลงทุนคนเถ้าคนแก่ให้เป็นเหยื่อได้หลายราย
2.หากเหล่าประชาชนในบ้านเราใช้สติปัญญาในการเรียนรู้ มากกว่าความศรัทธาในตัวบุคคล
บ้านเรามีค่านิยมที่ประหลาดอยู่อย่างนึงคือมักจะเชื่อบุคคลที่มีความนิยมในสังคม มากกว่าเชื่อการศึกษาด้วยตัวเอง
พ่อแม่เด็กรุ่นใหม่ พ่อแม่วัย Gen X Gen Y จะต้องปลูกฝังลูกๆมากๆครับ เรื่องของ ค่านิยมของความเป็นคนดีคนเก่งคนฉลาด ตั้งใจศึกษา มากกว่า การเป็นคนสวยหล่อรวย หรือ การหิวกระหายความดังในโซเชียลในทางที่ผิด
เพราะท้ายที่สุดแล้ว รากฐานที่มั่นคงนั่นแหละครับ... ที่ทำให้อยู่ได้นาน หนังสงหนังสือเกี่ยวกับการลงทุน ซื้อไปเถอะครับ ของเหล่าปรมาจารย์ ทั้งไทยทั้งต่างประเทศ วอเรน บัฟเฟต์ เบนจามิน เกรแฮม สตีฟ นิสัน ดร.นิเวศน์ บลาบลา เล่มละไม่กี่ร้อยบาท เสียเวลาอ่านสักวันละ 15 นาที ก่อนที่คุณจะเอาเงินไปละลายกับคนที่ไม่รู้จักเป็นแสนเป็นล้านเป็นสิบล้านร้อยล้าน
ก่อนที่เราจะเริ่มไปขุดคดีชั่วฉาวโฉ่แห่งวงการแชร์ลูกโซ่
เรามาสร้างขวัญกำลังใจด้วยการมาส่อง
ผลตอบแทนและส่องพอร์ตเหล่าปรมาจารย์แห่งเฮดจ์ฟันด์ทั้งหลายกันสักนิดว่าใครอยู่ที่เท่าไหร่ เผื่อผลตอบแทนเหล่านี้จะสามารถดึงพวกเราให้กลับมาอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงเสียบ้าง
(ตรงนี้เซียนมือเก๋าจะข้ามไปอ่านที่คดีเลยก็ได้นะครับ)
มาเริ่มกันที่คนนี้ที่ไม่มีใครไม่รู้จักเขา วอเรน บุฟเฟ่ต์
ผู้ชื่นชอบการทาน ซูชิ ปิ้งย่าง ชาบู เอ้ย! วอเรน บัฟเฟ่ตต์ เจ้าพ่อแห่งการลงทุนเน้นคุณค่า ผู้ยึดหลักของการลงทุนแบบอนุรักษ์นิยมอย่างเหนียวแน่น และ P/E P/BV รวมไปถึงการ บาย เดอะดิพ และไม่ว่านักลงทุนรุ่นใหม่จะล้อเลียนเขาถึงเพียงใด แต่ปู่วอเรนก็ยังคงรักษาระดับผลกำไรของเขาได้ดีไว้ที่ค่าเฉลี่ย 21% ต่อปี นอกจากนี้ หุ้น Berkshire Hathaway ของเขาที่ได้ชื่อว่ามีราคาแพงที่สุดในโลก(ราวๆ 18 ล้านบาทต่อ 1 หุ้น) ก็ยังสร้างผลกำไรให้แก่นักลงทุนได้ปีละ 20% ต่อปี
ส่องพอร์ตปู่บัฟเฟ่ตต์ หุ้นที่ปู่เลือกก็มีหลากหลายกลุ่ม ในช่วงไม่นานนี้เองที่ปู่พึ่งก้าวเข้าสู่วงการการซื้อหุ้น Tech monopoly อย่าง AAPL และซื้อสูงถึงยอดดอย แต่ปู่ก็ไม่กลัว เพราะปู่มีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ปู่เลือก นอกจากนี้ปู่ก็ยังคงเลือกหุ้นธนาคารอันแสนคอนเซอเวถีฟ และ โรงกลั่นสุดคูลมาติดพอร์ต
หากใครคิดว่าวอเรนบัฟเฟ่ต์คือศาสดาแห่งเจ้าพ่อวีไอ คุณอาจจะยังไม่รู้จักปีเตอร์ลินช์ผู้เป็นศาสดาแห่งศาสดาอีกทีนึง ลินช์เป็นเจ้
าพ่อแห่งการหาหุ้น 10 เด้ง (หลายตัวที่เขาซื้อ 10 เด้งและ หลายตัวที่เขาเจ๊ง -80-90% ก็มีเช่นกัน) เมื่อถัวเฉลี่ยออกมาแล้วบวกๆลบๆ ปีเตอร์ลินช์ได้กำไรสูงถึง 29.2% ต่อปี และเป็นที่ยอมรับว่าเป็นผู้จัดการกองทุนที่เก่งที่สุดในโลกมาหลายทศวรรษ หนังสือของลินช์ดีมากๆ สำหรับนักลงทุนผู้เริ่มต้นศึกษาหุ้นวีไอ ลองไปอ่านกันดูนะครับ
และนี่คือหุ้นในพอร์ตของกองทุนที่ปู่ลินช์แกบริหารอยู่ครับ ส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปที่ Tech monopoly แล้วก็มีเซมิคอนดัคตู่ที่ถือมาตั้งแต่ 2020 การลงทุนของแกถือว่าประสบความสำเร็จและอ่านเกมเฉียบขาดเป็นอย่างยิ่งสมคำร่ำลือครับ จากที่แกถือ Alphabet Inc หรือ กูเกิ้ลมาตั้งแต่ Google ยังไม่เป็นอวัยวะที่ 33 ของมานู้ดอย่างทุกวันนี้ ตั้งแต่ 18 ปีที่แล้ว
และนี่คือโฉมหน้าของผู้จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Bridgewater
Bridgewater เป็นกองทุนความเสี่ยงต่ำ
AS of 11 Sep 2022 Bridgewater มีความสามารถในการทำกำไรเฉลี่ยต่อ 10 ปีเพียงแค่ 5.6 % เท่านั้น!!!! แต่ถึงกระนั้นมหาเศรษฐีและเซเลปก็ยังคงฝากเงินไว้กับเขามากมาย ก็คงเพราะว่ามหาเศรษฐีที่แสนชาญฉลาดเหล่านี้รู้แล้วเงินอยู่กับเขาไม่หายเหมือน Forex 3D แน่ๆ
เห็นมั้ยล่ะครับ ว่าขนาดกองทุนยักษ์ของโลกยังเลือกหุ้นค้าปลีกเชยๆหน้าเบื่อๆ และกองทุนทองคำมาถ่วงพอร์ตเลยครับ
และมาถึงดาวร้ายแห่งวงการนักลงพุง เอ้ย ลงทุน
James Simon ชื่อเสียงเรียงนามของลุงคนนี้อาจจะไม่ได้เป็นที่คุ้นหูสักเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นคนในวงการ Quant Trader ย่อมรู้จักกันแน่นอนครับ และเขาผู้นี้คือบุคคลผู้เป็นแรงบันดาลใจให้นักเทรดควอนต์ (หรือการเทรดในเชิงปริมาน เน้นไปในการเทรดด้วยโวลุ่มหนาๆ VS ส่วนต่างทางราคา)
และสูตรในการเทรดของลุงก็เป็นเสมือน ความลับอันมหัศจรรย์ของชาวโลก ที่ลุงไม่เคยแพร่งพรายออกจากบริษัท เนื่องจากเขาใช้วิธีการคำนวนด้วย อัลกอริทึ่ม (ที่เขาพัฒนาขึ้นด้วยตัวเอง เนื่องจากในอดีตเขาเป็นนักคณิตศาสตร์มาก่อน) เขาจ้างทั้งนักบินอวกาศ นักคณิตศาสตร์ นักอุตุนิยมวิทยา ดาต้า อนาลีส ฯลฯ เพื่อพัฒนาโมเดล และหาความสัมพันธ์ระหว่างราคากับสิ่งที่เกิดขึ้นต่างๆบนโลกใบนี้ (แน่นอนล่ะว่ามันไม่ง่าย)
Machine learning ที่เป็น Subset ของ AI ถูกพัฒนาด้วยการย่อยข้อมูลเป็นจำนวนมาก James Simon เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จในสิ่งนี้ เนื่องจากการเทรดด้วย Quant โดยใช้ Data และ Machine Learning มันจะชนะได้ก็ด้วยกึ๋นของผู้ที่เขียนโมเดลนั่นแหละ ML ในยุคนี้มันก็เหมือนกับหนอนที่ไถไปไถมาแล้วก็เรียนรู้ได้จากคำสั่งและข้อมูลของผู้ที่เป็นคนพัฒนามันป้อนมันลงไป
ยกตัวอย่างพวก AI ที่เล่นเกม คือเรียนรู้จากการย่อยPatternเกมส์เป็นล้านครั้ง เพื่อหา โซลูชั่นมาทำให้ชนะ
นั่นหมายความว่า ผู้ที่เขียนระบบ Machine Learning จะต้องมีความรู้ในเชิงตรรกศาสตร์ เรื่องการลงทุน และ คณิตศาสตร์ในเชิงวิศวกรรม หรือ Mathpure และ เศรษฐศาสตร์
หรือพูดอีกอย่างคือ มันจาต้องเป็นคนเก่ง Hia hia ในคนคนเดียว หรือทั้งเก่งทั้งรวยที่มีปัญญาจ้าง นักคณิตศาสตร์/วิศวกร/โปรแกรมเมอร์ มาพัฒนาสูตรและหา Correlation ของ Data บลาบลา
แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นจริงอีกอย่างคือ เวลาทำของพวกนี้ มันเทรดเสียกันเป็นร้อยครั้งนะครับ กว่าจะเจอสิ่งที่ถูกต้อง มีเงินพร้อมจะเสียกันอย่างน้อยเป็นล้านเป็นสิบล้านครับ
หรือบางทีก็ไม่เจอเลย อันนี้จากประสบการณ์จริงของคนใกล้ตัวที่เคยทดลองทำนะครับ
ซึ่งในไทยถ้ามีคนเก่งระดับนั้น ผมว่าไปกองรวมอยู่กับโบรคหมดละครับ เพราะโบรคเองก็มีเด็กเก่งๆจบนอก ท็อปยูอยู่ในมือนับไม่ถ้วนอยู่แล้วครับ พวกโบรคใหญ่ๆ เห็นผู้บริหารจบ โคลอมเบีย ฮาวาร์ด วาร์ตั้นกันเดินให้ว่อนเต็มปายหมด
มาต่อกันที่แชร์ลูกโซ่แห่งโลกยุคใหม่ ปี 2557 ครับ ยูฟันด์ / ยูโทเคน
ยูฟันด์เป็นบริษัทสัญชาติมาเลเซียที่คิดค้นการแลกเปลี่ยนไอเท่มกับเงินสกุลหนึ่งที่ตัวเองตีตราขึ้นมา และได้บอกว่าเงินของเขาสามารถใช้แลกเปลี่ยนซื้อของในระบบบริษัทได้เอง ซึ่งก็สูตรเดียวกับแชร์ลูกโซ่ทั่วไปก็คือมีระบบอัพลายดาวลาย
ระหว่างสมาชิกและผู้ถือครอง UTOKEN ถ้าเปรียบเทียบกับสกุลเงินดิจิตอลที่กำลังดังและเริ่มมีการยอมรับอย่างแพร่หลายในหลายๆประเทศ อยู่ในขณะนี้คือ สกุลเงินใหม่ที่ชื่อว่า BITCOIN ซึ่งผู้ที่ถือ BITCOIN สามารถ นำ BITCOIN ไปแลกเปลี่ยน ซื้อ-ขายสินค้าและบริการต่างๆได้
โดยสรรพคุณของเขาได้อวดอ้างว่า
UTOKEN=BITCOIN นั่นเอง UTOKEN สามารถนำไปใช้ซื้อและขายสินค้า และบริการต่างๆ ได้ผ่านระบบของ UFUN และยังสามารถซื้อ-ขายเพื่อเก็งกำไรได้อีกด้วย
UFUN ได้ทำระบบขึ้นมารองรับกับ UTOKEN มากมาย เช่น อสังหาริมทรัพย์ (UFUN Property), ตลาดทอง (UFUN Gold), ตลาดสำหรับซื้อ-ขาย UTOKEN (Utrade), ตลาดซื้อ-ขายสินค้าพวก MLM/SLM โดยใช้ Product Point, ตลาดซื้อ-ขายสินค้า Brandname โดยใช้ Shopping Point เป็นส่วนลดแทนเงินสด (UFUNSTORE) และ ตลาดซื้อ-ขายสินค้าโดยใช้ UTOKEN (UBARTERTRADE)
สุดยอดเลย ในสมัยนั้นบิทคอยยังไม่เป็นที่ยอมรับขนาดใช้ซื้อของในร้านค้าหรือซื้อทองได้เลยด้วยซ้ำ แต่ไอ่เจ้าผู้คิดค้นระบบ Utoken นี้มันโคตรอัจฉริยะเลย พระจ้าวจ้อดดดดดดดด
เอามาให้ดูระบบอัพลายดาวลายของคนที่ชวนคนมา
ซึ่งยูฟันก็เป็นที่ป๊อบปูล่าร์มากๆเพราะเขาใช้สูตรของการเอาดารามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เอารูปดาราแปะๆๆๆๆไว้บนเฟสบุ๊ค นั้นแหละครับ สูตรพีอาร์ที่หลอกคนได้ทุกยุคทุกสมัย
และยูฟันก็หลอกคนไปได้ทั้งระบบในประเทศไทย รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 3.8 หมื่นล้านบาท ตอนนั้นลุงตรู่เข้ามาบริหารประเทศและกวาดล้างยูฟันพอดี และนั่นแหละ แปดปีแล้วก็ยังไม่ได้คืนจ้าาา
พักไว้ก่อน กินข้าวก่อนเดี๋ยวมาเขียนต่อ
หากชอบสไตล์การเขียนกระทู้และการเล่าเรื่องของผม อย่าลืมกดโหวต + เม้นท์เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะคับ
สามารถแวะเข้ามาพูดคุย
ติ ชม
ด่า คุยเรื่องการลงทุน ทุกประเภท หุ้น อสังหา ได้ที่
https://www.facebook.com/AlohaInvest
ขอบคุณคร้าบ
[มัดรวมมหากาพย์แชร์ลูกโซ่+ส่องพอร์ตและผลตอบแทนมหาศาสดาเฮดจ์ฟันด์] 2557-2565 จาก Ufund สู่ Forex 3D
แชร์ลูกโซ่กับที่อ้างอิงมาจากการลงทุนเกิดกลายเป็นคดีใหญ่นับไม่ถ้วน แทบจะปีต่อปีเลยทีเดียว และอย่างในปี 2565 นั้นอาจจะเป็นปีที่แจ็คพ็อตแตกมากนักหน่อยที่เรื่องราวเหล่านี้กลายเป็นคดีหลายคดี
ซึ่งเรียนตามตรงว่าเหล่าบรรดาผู้ที่กลายเป็นเหยื่อ / อัพไลน์ / ดาวน์ไลน์ หลายๆคนก็เป็นผู้คนที่มีหน้ามีตาในสังคม หลายๆคนก็ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ โดยเฉพาะดาราที่เคยชินกับการเป็นพรีเซ็นต์เตอร์ การเรียกคนมาลงทุนเพื่อแลกกับค่าโฆษณาดูจะเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ยากมาก หาก
1.กลต.มีมาตรการในการคัดเลือกผู้เข้าร่วมออกงาน SET in The City อย่างเข้มงวดมากกว่านี้
เพราะเจ้าพวกแชร์ลูกโซ่พวกนี้นี่แหละที่ชอบไปโผล่เอาตามงานพวกนี้ มันชอบไปออกบูธงานเซ็ทอินเดอะซิตี้ /มันนี่เอ็กโป หลอกนักลงทุนคนเถ้าคนแก่ให้เป็นเหยื่อได้หลายราย
2.หากเหล่าประชาชนในบ้านเราใช้สติปัญญาในการเรียนรู้ มากกว่าความศรัทธาในตัวบุคคล
บ้านเรามีค่านิยมที่ประหลาดอยู่อย่างนึงคือมักจะเชื่อบุคคลที่มีความนิยมในสังคม มากกว่าเชื่อการศึกษาด้วยตัวเอง
พ่อแม่เด็กรุ่นใหม่ พ่อแม่วัย Gen X Gen Y จะต้องปลูกฝังลูกๆมากๆครับ เรื่องของ ค่านิยมของความเป็นคนดีคนเก่งคนฉลาด ตั้งใจศึกษา มากกว่า การเป็นคนสวยหล่อรวย หรือ การหิวกระหายความดังในโซเชียลในทางที่ผิด
เพราะท้ายที่สุดแล้ว รากฐานที่มั่นคงนั่นแหละครับ... ที่ทำให้อยู่ได้นาน หนังสงหนังสือเกี่ยวกับการลงทุน ซื้อไปเถอะครับ ของเหล่าปรมาจารย์ ทั้งไทยทั้งต่างประเทศ วอเรน บัฟเฟต์ เบนจามิน เกรแฮม สตีฟ นิสัน ดร.นิเวศน์ บลาบลา เล่มละไม่กี่ร้อยบาท เสียเวลาอ่านสักวันละ 15 นาที ก่อนที่คุณจะเอาเงินไปละลายกับคนที่ไม่รู้จักเป็นแสนเป็นล้านเป็นสิบล้านร้อยล้าน
ก่อนที่เราจะเริ่มไปขุดคดีชั่วฉาวโฉ่แห่งวงการแชร์ลูกโซ่
เรามาสร้างขวัญกำลังใจด้วยการมาส่องผลตอบแทนและส่องพอร์ตเหล่าปรมาจารย์แห่งเฮดจ์ฟันด์ทั้งหลายกันสักนิดว่าใครอยู่ที่เท่าไหร่ เผื่อผลตอบแทนเหล่านี้จะสามารถดึงพวกเราให้กลับมาอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงเสียบ้าง
(ตรงนี้เซียนมือเก๋าจะข้ามไปอ่านที่คดีเลยก็ได้นะครับ)
มาเริ่มกันที่คนนี้ที่ไม่มีใครไม่รู้จักเขา วอเรน บุฟเฟ่ต์
ผู้ชื่นชอบการทาน ซูชิ ปิ้งย่าง ชาบูเอ้ย! วอเรน บัฟเฟ่ตต์ เจ้าพ่อแห่งการลงทุนเน้นคุณค่า ผู้ยึดหลักของการลงทุนแบบอนุรักษ์นิยมอย่างเหนียวแน่น และ P/E P/BV รวมไปถึงการ บาย เดอะดิพ และไม่ว่านักลงทุนรุ่นใหม่จะล้อเลียนเขาถึงเพียงใด แต่ปู่วอเรนก็ยังคงรักษาระดับผลกำไรของเขาได้ดีไว้ที่ค่าเฉลี่ย 21% ต่อปี นอกจากนี้ หุ้น Berkshire Hathaway ของเขาที่ได้ชื่อว่ามีราคาแพงที่สุดในโลก(ราวๆ 18 ล้านบาทต่อ 1 หุ้น) ก็ยังสร้างผลกำไรให้แก่นักลงทุนได้ปีละ 20% ต่อปีส่องพอร์ตปู่บัฟเฟ่ตต์ หุ้นที่ปู่เลือกก็มีหลากหลายกลุ่ม ในช่วงไม่นานนี้เองที่ปู่พึ่งก้าวเข้าสู่วงการการซื้อหุ้น Tech monopoly อย่าง AAPL และซื้อสูงถึงยอดดอย แต่ปู่ก็ไม่กลัว เพราะปู่มีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ปู่เลือก นอกจากนี้ปู่ก็ยังคงเลือกหุ้นธนาคารอันแสนคอนเซอเวถีฟ และ โรงกลั่นสุดคูลมาติดพอร์ต
หากใครคิดว่าวอเรนบัฟเฟ่ต์คือศาสดาแห่งเจ้าพ่อวีไอ คุณอาจจะยังไม่รู้จักปีเตอร์ลินช์ผู้เป็นศาสดาแห่งศาสดาอีกทีนึง ลินช์เป็นเจ้
าพ่อแห่งการหาหุ้น 10 เด้ง (หลายตัวที่เขาซื้อ 10 เด้งและ หลายตัวที่เขาเจ๊ง -80-90% ก็มีเช่นกัน) เมื่อถัวเฉลี่ยออกมาแล้วบวกๆลบๆ ปีเตอร์ลินช์ได้กำไรสูงถึง 29.2% ต่อปี และเป็นที่ยอมรับว่าเป็นผู้จัดการกองทุนที่เก่งที่สุดในโลกมาหลายทศวรรษ หนังสือของลินช์ดีมากๆ สำหรับนักลงทุนผู้เริ่มต้นศึกษาหุ้นวีไอ ลองไปอ่านกันดูนะครับ
และนี่คือหุ้นในพอร์ตของกองทุนที่ปู่ลินช์แกบริหารอยู่ครับ ส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปที่ Tech monopoly แล้วก็มีเซมิคอนดัคตู่ที่ถือมาตั้งแต่ 2020 การลงทุนของแกถือว่าประสบความสำเร็จและอ่านเกมเฉียบขาดเป็นอย่างยิ่งสมคำร่ำลือครับ จากที่แกถือ Alphabet Inc หรือ กูเกิ้ลมาตั้งแต่ Google ยังไม่เป็นอวัยวะที่ 33 ของมานู้ดอย่างทุกวันนี้ ตั้งแต่ 18 ปีที่แล้ว
และนี่คือโฉมหน้าของผู้จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Bridgewater
Bridgewater เป็นกองทุนความเสี่ยงต่ำ
AS of 11 Sep 2022 Bridgewater มีความสามารถในการทำกำไรเฉลี่ยต่อ 10 ปีเพียงแค่ 5.6 % เท่านั้น!!!! แต่ถึงกระนั้นมหาเศรษฐีและเซเลปก็ยังคงฝากเงินไว้กับเขามากมาย ก็คงเพราะว่ามหาเศรษฐีที่แสนชาญฉลาดเหล่านี้รู้แล้วเงินอยู่กับเขาไม่หายเหมือน Forex 3D แน่ๆ
เห็นมั้ยล่ะครับ ว่าขนาดกองทุนยักษ์ของโลกยังเลือกหุ้นค้าปลีกเชยๆหน้าเบื่อๆ และกองทุนทองคำมาถ่วงพอร์ตเลยครับ
และมาถึงดาวร้ายแห่งวงการนักลงพุง เอ้ย ลงทุน
James Simon ชื่อเสียงเรียงนามของลุงคนนี้อาจจะไม่ได้เป็นที่คุ้นหูสักเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นคนในวงการ Quant Trader ย่อมรู้จักกันแน่นอนครับ และเขาผู้นี้คือบุคคลผู้เป็นแรงบันดาลใจให้นักเทรดควอนต์ (หรือการเทรดในเชิงปริมาน เน้นไปในการเทรดด้วยโวลุ่มหนาๆ VS ส่วนต่างทางราคา)
และสูตรในการเทรดของลุงก็เป็นเสมือน ความลับอันมหัศจรรย์ของชาวโลก ที่ลุงไม่เคยแพร่งพรายออกจากบริษัท เนื่องจากเขาใช้วิธีการคำนวนด้วย อัลกอริทึ่ม (ที่เขาพัฒนาขึ้นด้วยตัวเอง เนื่องจากในอดีตเขาเป็นนักคณิตศาสตร์มาก่อน) เขาจ้างทั้งนักบินอวกาศ นักคณิตศาสตร์ นักอุตุนิยมวิทยา ดาต้า อนาลีส ฯลฯ เพื่อพัฒนาโมเดล และหาความสัมพันธ์ระหว่างราคากับสิ่งที่เกิดขึ้นต่างๆบนโลกใบนี้ (แน่นอนล่ะว่ามันไม่ง่าย)
Machine learning ที่เป็น Subset ของ AI ถูกพัฒนาด้วยการย่อยข้อมูลเป็นจำนวนมาก James Simon เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จในสิ่งนี้ เนื่องจากการเทรดด้วย Quant โดยใช้ Data และ Machine Learning มันจะชนะได้ก็ด้วยกึ๋นของผู้ที่เขียนโมเดลนั่นแหละ ML ในยุคนี้มันก็เหมือนกับหนอนที่ไถไปไถมาแล้วก็เรียนรู้ได้จากคำสั่งและข้อมูลของผู้ที่เป็นคนพัฒนามันป้อนมันลงไป
ยกตัวอย่างพวก AI ที่เล่นเกม คือเรียนรู้จากการย่อยPatternเกมส์เป็นล้านครั้ง เพื่อหา โซลูชั่นมาทำให้ชนะ
นั่นหมายความว่า ผู้ที่เขียนระบบ Machine Learning จะต้องมีความรู้ในเชิงตรรกศาสตร์ เรื่องการลงทุน และ คณิตศาสตร์ในเชิงวิศวกรรม หรือ Mathpure และ เศรษฐศาสตร์
หรือพูดอีกอย่างคือ มันจาต้องเป็นคนเก่ง Hia hia ในคนคนเดียว หรือทั้งเก่งทั้งรวยที่มีปัญญาจ้าง นักคณิตศาสตร์/วิศวกร/โปรแกรมเมอร์ มาพัฒนาสูตรและหา Correlation ของ Data บลาบลา
แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นจริงอีกอย่างคือ เวลาทำของพวกนี้ มันเทรดเสียกันเป็นร้อยครั้งนะครับ กว่าจะเจอสิ่งที่ถูกต้อง มีเงินพร้อมจะเสียกันอย่างน้อยเป็นล้านเป็นสิบล้านครับ
หรือบางทีก็ไม่เจอเลย อันนี้จากประสบการณ์จริงของคนใกล้ตัวที่เคยทดลองทำนะครับ
ซึ่งในไทยถ้ามีคนเก่งระดับนั้น ผมว่าไปกองรวมอยู่กับโบรคหมดละครับ เพราะโบรคเองก็มีเด็กเก่งๆจบนอก ท็อปยูอยู่ในมือนับไม่ถ้วนอยู่แล้วครับ พวกโบรคใหญ่ๆ เห็นผู้บริหารจบ โคลอมเบีย ฮาวาร์ด วาร์ตั้นกันเดินให้ว่อนเต็มปายหมด
มาต่อกันที่แชร์ลูกโซ่แห่งโลกยุคใหม่ ปี 2557 ครับ ยูฟันด์ / ยูโทเคน
ยูฟันด์เป็นบริษัทสัญชาติมาเลเซียที่คิดค้นการแลกเปลี่ยนไอเท่มกับเงินสกุลหนึ่งที่ตัวเองตีตราขึ้นมา และได้บอกว่าเงินของเขาสามารถใช้แลกเปลี่ยนซื้อของในระบบบริษัทได้เอง ซึ่งก็สูตรเดียวกับแชร์ลูกโซ่ทั่วไปก็คือมีระบบอัพลายดาวลาย
ระหว่างสมาชิกและผู้ถือครอง UTOKEN ถ้าเปรียบเทียบกับสกุลเงินดิจิตอลที่กำลังดังและเริ่มมีการยอมรับอย่างแพร่หลายในหลายๆประเทศ อยู่ในขณะนี้คือ สกุลเงินใหม่ที่ชื่อว่า BITCOIN ซึ่งผู้ที่ถือ BITCOIN สามารถ นำ BITCOIN ไปแลกเปลี่ยน ซื้อ-ขายสินค้าและบริการต่างๆได้
โดยสรรพคุณของเขาได้อวดอ้างว่า
UTOKEN=BITCOIN นั่นเอง UTOKEN สามารถนำไปใช้ซื้อและขายสินค้า และบริการต่างๆ ได้ผ่านระบบของ UFUN และยังสามารถซื้อ-ขายเพื่อเก็งกำไรได้อีกด้วย
UFUN ได้ทำระบบขึ้นมารองรับกับ UTOKEN มากมาย เช่น อสังหาริมทรัพย์ (UFUN Property), ตลาดทอง (UFUN Gold), ตลาดสำหรับซื้อ-ขาย UTOKEN (Utrade), ตลาดซื้อ-ขายสินค้าพวก MLM/SLM โดยใช้ Product Point, ตลาดซื้อ-ขายสินค้า Brandname โดยใช้ Shopping Point เป็นส่วนลดแทนเงินสด (UFUNSTORE) และ ตลาดซื้อ-ขายสินค้าโดยใช้ UTOKEN (UBARTERTRADE)
สุดยอดเลย ในสมัยนั้นบิทคอยยังไม่เป็นที่ยอมรับขนาดใช้ซื้อของในร้านค้าหรือซื้อทองได้เลยด้วยซ้ำ แต่ไอ่เจ้าผู้คิดค้นระบบ Utoken นี้มันโคตรอัจฉริยะเลย พระจ้าวจ้อดดดดดดดด
เอามาให้ดูระบบอัพลายดาวลายของคนที่ชวนคนมา
ซึ่งยูฟันก็เป็นที่ป๊อบปูล่าร์มากๆเพราะเขาใช้สูตรของการเอาดารามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เอารูปดาราแปะๆๆๆๆไว้บนเฟสบุ๊ค นั้นแหละครับ สูตรพีอาร์ที่หลอกคนได้ทุกยุคทุกสมัย
และยูฟันก็หลอกคนไปได้ทั้งระบบในประเทศไทย รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 3.8 หมื่นล้านบาท ตอนนั้นลุงตรู่เข้ามาบริหารประเทศและกวาดล้างยูฟันพอดี และนั่นแหละ แปดปีแล้วก็ยังไม่ได้คืนจ้าาา
พักไว้ก่อน กินข้าวก่อนเดี๋ยวมาเขียนต่อ
หากชอบสไตล์การเขียนกระทู้และการเล่าเรื่องของผม อย่าลืมกดโหวต + เม้นท์เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะคับ
สามารถแวะเข้ามาพูดคุย
ติชมด่าคุยเรื่องการลงทุน ทุกประเภท หุ้น อสังหา ได้ที่https://www.facebook.com/AlohaInvest
ขอบคุณคร้าบ