เมื่อคืนนี้ ได้เกิดความโกลาหลอลหม่านไปทั่วตลาดหุ้นอเมริกา
-ดัชนีตลาดหุ้นแนสแดคลดลง 5.16% ขณะที่ S&P 500 ก็ดำดิ่งตกลงมา 4.32% ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ตกลง 1,275 จุด คิดเป็นตกลงมา 3.94%
-นับได้ว่าเป็น “วันที่แย่ที่สุด” ของตลาดหุ้นอเมริกา นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563
-หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำขบวนเข้าสู่โซน “แดงเดือด” อาทิ NVIDIA -9.47%, เฟสบุ๊ค -9.37%, APPLE -5.87% (งานนี้..ไอโฟน 14 ก็ไม่สามารถช่วยได้) และ Tesla -4.04%
ทางการอเมริกาประกาศตัวเลขดัชนี Consumer Price Index (CPI) เดือนสิงหาคม ที่ 8.3% เปรียบเทียบกับสองเดือนที่ผ่านมา กรกฎาคมอยู่ที่ 8.5% มิถุนายนอยู่ที่ 9.1%
แม้ว่าแนวโน้มจะดูดี แต่ดัชนี CPI ยังลดลงมาไม่เร็วเพียงพอ ตามที่ตลาดคาดไว้ ส่งผลให้โอกาสที่ธนาคารกลางของอเมริกาหรือเฟด มีโอกาสจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก
แล้ว… มันจะส่งผลอะไรต่อไปล่ะ?
-ดัชนี CPI ยิ่งขึ้น แปลว่า ข้าวของ สินค้า พลังงาน ต่างๆที่ทุกคนต้องใช้ทุกวัน แนวโน้มราคายังอยู่ในขาขึ้น ถ้าไม่ขึ้นดอกเบี้ย…ราคาของเจ้าสินค้าเหล่านี้มันก็จะไม่หยุด
-มันก็จะไปบังคับให้ธนาคารกลางอเมริกา (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ จนกว่าดัชนี CPI จะขึ้นในอัตราที่ลดลง
-พอเฟดขึ้นดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ ประเทศอื่นๆก็ต้องพากันขึ้นดอกเบี้ยตาม ไม่งั้นค่าเงินของประเทศตนก็จะอ่อนไปเรื่อยๆ ถ้าค่าเงินอ่อนมากๆ เงินที่พิมพ์ออกมาก็จะคล้าย “แบงก์กงเต็ก” จะซื้ออะไรก็จะต้องจ่ายตังมากขึ้นๆ
-การลงทุนทั้งโลกก็จะชะลอหรือชะงักไปเลย เพราะว่าดอกเบี้ยมันแพง ถ้ามีตัง…เอาตังไปฝากกินดอกเบี้ยดีกว่า
-ยังไม่ควรซื้อสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ เช่น หุ้น คริปโต อสังหาฯ เพราะมีโอกาสที่เศรษฐกิจจะไม่โต หรือถดถอย
-คนรวยๆ และสถาบันต่างๆ ก็คงยังนำเงินลงทุนไปเปลี่ยนเป็นดอลลาร์อเมริกา หรือทองคำ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว
ถ้าจะคิดลงทุนอะไร?... ช้าๆไว้ก่อน..ก็ดีนะครับ
ดังสุภาษิตบ้านเรา “ช้าๆ… ได้พร้าเล่มงาม”
อ.วี
อ่านบทความที่ครบถ้วน และบทความอื่นๆ ได้ที่
https://csisociety.com/media/blog/
ตลาดหุ้น...แดงเดือด บอกอะไร?
เมื่อคืนนี้ ได้เกิดความโกลาหลอลหม่านไปทั่วตลาดหุ้นอเมริกา
-ดัชนีตลาดหุ้นแนสแดคลดลง 5.16% ขณะที่ S&P 500 ก็ดำดิ่งตกลงมา 4.32% ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ตกลง 1,275 จุด คิดเป็นตกลงมา 3.94%
-นับได้ว่าเป็น “วันที่แย่ที่สุด” ของตลาดหุ้นอเมริกา นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563
-หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำขบวนเข้าสู่โซน “แดงเดือด” อาทิ NVIDIA -9.47%, เฟสบุ๊ค -9.37%, APPLE -5.87% (งานนี้..ไอโฟน 14 ก็ไม่สามารถช่วยได้) และ Tesla -4.04%
ทางการอเมริกาประกาศตัวเลขดัชนี Consumer Price Index (CPI) เดือนสิงหาคม ที่ 8.3% เปรียบเทียบกับสองเดือนที่ผ่านมา กรกฎาคมอยู่ที่ 8.5% มิถุนายนอยู่ที่ 9.1%
แม้ว่าแนวโน้มจะดูดี แต่ดัชนี CPI ยังลดลงมาไม่เร็วเพียงพอ ตามที่ตลาดคาดไว้ ส่งผลให้โอกาสที่ธนาคารกลางของอเมริกาหรือเฟด มีโอกาสจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก
แล้ว… มันจะส่งผลอะไรต่อไปล่ะ?
-ดัชนี CPI ยิ่งขึ้น แปลว่า ข้าวของ สินค้า พลังงาน ต่างๆที่ทุกคนต้องใช้ทุกวัน แนวโน้มราคายังอยู่ในขาขึ้น ถ้าไม่ขึ้นดอกเบี้ย…ราคาของเจ้าสินค้าเหล่านี้มันก็จะไม่หยุด
-มันก็จะไปบังคับให้ธนาคารกลางอเมริกา (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ จนกว่าดัชนี CPI จะขึ้นในอัตราที่ลดลง
-พอเฟดขึ้นดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ ประเทศอื่นๆก็ต้องพากันขึ้นดอกเบี้ยตาม ไม่งั้นค่าเงินของประเทศตนก็จะอ่อนไปเรื่อยๆ ถ้าค่าเงินอ่อนมากๆ เงินที่พิมพ์ออกมาก็จะคล้าย “แบงก์กงเต็ก” จะซื้ออะไรก็จะต้องจ่ายตังมากขึ้นๆ
-การลงทุนทั้งโลกก็จะชะลอหรือชะงักไปเลย เพราะว่าดอกเบี้ยมันแพง ถ้ามีตัง…เอาตังไปฝากกินดอกเบี้ยดีกว่า
-ยังไม่ควรซื้อสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ เช่น หุ้น คริปโต อสังหาฯ เพราะมีโอกาสที่เศรษฐกิจจะไม่โต หรือถดถอย
-คนรวยๆ และสถาบันต่างๆ ก็คงยังนำเงินลงทุนไปเปลี่ยนเป็นดอลลาร์อเมริกา หรือทองคำ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว
ถ้าจะคิดลงทุนอะไร?... ช้าๆไว้ก่อน..ก็ดีนะครับ
ดังสุภาษิตบ้านเรา “ช้าๆ… ได้พร้าเล่มงาม”
อ.วี
อ่านบทความที่ครบถ้วน และบทความอื่นๆ ได้ที่ https://csisociety.com/media/blog/