ไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนเอาประโยคนี้มาพูดก่อน(ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นนักข่าวคนหนึ่งพูดออกสื่อตอนที่ชาวอัฟกันหนีตาลีบันโดยการเกาะล้อเครื่องบินสหรัฐฯขณะบินขึ้นแล้วตกลงมาเสียชีวิต)จากนั้นมาคนโลกโซเชียลเอาไปใช้ตาม ๆ กัน
โดยเน้นใช้เหยียดหยามผู้กระทำความผิด จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ บางคนอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริง ๆ บางคนอาจจะไม่รู้เลยจริง ๆ คนเราเรียนหนังสือมาแล้วก็ใช่ว่าจะรู้ทุกอย่าง และเรียนมาแล้วก็อาจจะลืมกันบ้าง ไม่มีใครเพอร์เฟ็คหรอก
สามัญสำนึกก็เหมือนกัน บางคนขี่รถย้อนศร ไม่จอดให้คนข้ามทางม้าลาย ทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง ไม่สวมหมวกกันน็อค/ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยขณะขับขี่ยานพาหนะ ขับรถเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนด ตั้งร้านอาหารบนฟุตบาท ขายอาหารบนสะพานลอย เป็นต้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้ผมคิดว่าคนที่ไปเหยียดคนอื่นนั้นต้องเคยทำมาบ้างแหละไม่มากก็น้อย แต่พอคนอื่นทำผิดบ้างต่อมสามัญสำนึกและศีลธรรมของคนโลกโซเชียลก็ผุดขึ้นมาทันที พร้อมทัวร์ลงและเม้นต์ไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด อะไรจะขนาดนั้น พวกคนมีการศึกษา แทนที่จะไปแนะนำในสิ่งที่ถูกต้องแต่กลับไปเหยียดทิ้งไว้เฉยๆ ผู้อ่านก็ไม่ได้อะไรด้วย
คุณคิดยังไงกับประโยคสุดฮิต "การศึกษานั้นสำคัญจริง ๆ"
โดยเน้นใช้เหยียดหยามผู้กระทำความผิด จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ บางคนอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริง ๆ บางคนอาจจะไม่รู้เลยจริง ๆ คนเราเรียนหนังสือมาแล้วก็ใช่ว่าจะรู้ทุกอย่าง และเรียนมาแล้วก็อาจจะลืมกันบ้าง ไม่มีใครเพอร์เฟ็คหรอก
สามัญสำนึกก็เหมือนกัน บางคนขี่รถย้อนศร ไม่จอดให้คนข้ามทางม้าลาย ทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง ไม่สวมหมวกกันน็อค/ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยขณะขับขี่ยานพาหนะ ขับรถเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนด ตั้งร้านอาหารบนฟุตบาท ขายอาหารบนสะพานลอย เป็นต้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้ผมคิดว่าคนที่ไปเหยียดคนอื่นนั้นต้องเคยทำมาบ้างแหละไม่มากก็น้อย แต่พอคนอื่นทำผิดบ้างต่อมสามัญสำนึกและศีลธรรมของคนโลกโซเชียลก็ผุดขึ้นมาทันที พร้อมทัวร์ลงและเม้นต์ไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด อะไรจะขนาดนั้น พวกคนมีการศึกษา แทนที่จะไปแนะนำในสิ่งที่ถูกต้องแต่กลับไปเหยียดทิ้งไว้เฉยๆ ผู้อ่านก็ไม่ได้อะไรด้วย