ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ “ควีนเอลิซาเบธที่ 2” เสด็จสวรรคต
https://www.thairath.co.th/news/politic/2495847
“ยิ่งลักษณ์” ขอน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความอาลัยอย่างหาที่สุดมิได้ “สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2” เสด็จสวรรคต เผยภาพครั้งเข้าเฝ้าฯ เมื่อปี 2555 “ทักษิณ” ร่วมแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
วันที่ 9 ก.ย. 2565 เมื่อเวลา 13.47 น. (ตามเวลาประเทศไทย) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพและข้อความผ่านหลายช่องทางโซเชียลมีเดีย รวมถึงแฟนเพจเฟซบุ๊กภายหลังทราบถึงการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 โดยระบุว่า
ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความอาลัยอย่างหาที่สุดมิได้ต่อการเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งนับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ รัฐบาล และประชาชนของอังกฤษ
พระองค์ทรงเป็นพระประมุขแห่งสหราชอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่และทรงครองสิริราชสมบัติมายาวนาน เป็นที่ชื่นชมและยกย่องด้วยพระจริยวัตรอันงดงาม ประกอบกับการทรงงานที่มุ่งมั่นและทุ่มเทเพื่อพสกนิกรของท่าน ทำให้พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างให้ผู้คนทั่วโลกเคารพนับถือ
ข้าพระพุทธเจ้ายังคงจำเกียรติประวัติอันสูงสุดที่ได้รับพระราชทานพระราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เมื่อปี พ.ศ. 2555 พระเมตตาและน้ำพระราชหฤทัยที่มีต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหราชอาณาจักรและราชอาณาจักรไทยของพระองค์ยังคงตราตรึงในหัวใจอย่างมิรู้ลืม
ต่อมาเวลา 13.54 น. นาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็มีการโพสต์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเช่นกันว่า
การเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ถือได้ว่าเป็นการสูญเสียประมุขผู้เป็นที่รักและเคารพที่สุดพระองค์หนึ่งของโลก การครองราชย์ข้ามศตวรรษของพระองค์เปี่ยมล้นไปด้วยเกียรติภูมิและศักดิ์ศรี ทรงทุ่มเทและทรงงานให้กับสหราชอาณาจักรและประชาชนของท่าน พระองค์ไม่เพียงเป็นศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกรชาวอังกฤษเท่านั้นแต่ยังคงได้รับการยอมรับจากประชาชนนับล้านคนทั่วโลก
ประชาชนไทยมีโอกาสเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระองค์ท่านในวโรกาสเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยในปีพุทธศักราช 2515 และ 2539 ที่เป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองราชอาณาจักรให้แน่นแฟ้นขึ้น ข้าพระพุทธเจ้าขอร่วมกับพสกนิกรชาวไทยน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อพระราชวงศ์ รัฐบาลสหราชอาณาจักร รวมถึงประชาชนทุกคนในการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้.
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/posts/pfbid02UB8a2z5cdoXTBqdYiYRa7XFvt59rWweJowArXrEc84opyY7oKcKTiHZZNSZ7Kptol
https://www.facebook.com/thaksinofficial/posts/pfbid02tvNUHgSs773ovTmcrSYayDrNuKstq13bSJNWCcvgq6NaQMtPoiQXGskAPq4V5zJGl
ปี 1 มธ. อยากได้ ‘ชัชชาติ’ เป็นนายกฯ 39.6% ธนาธร-พิธา ควบตาม ‘ทักษิณ’ อันดับ 4 ชี้ เกิดไม่ทันแต่เรื่องเล่ายังอยู่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3553626
เมื่อวันที่ 9 กันยายน รศ.ดร.
ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต ทำแบบสำรวจสอบถามนักศึกษาธรรมศาสตร์ ปี 1 จำนวน 293 คน ในชั้นเรียนวิชาโลก อาเซียน ไทย TU 101 ว่านักศึกษาปรารถนาให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป โดยนักศึกษาที่ร่วมตอบแบบสอบถาม เป็นเพศหญิงร้อยละ 58.5 เพศชายร้อยละ 28.2 เพศหลากหลายร้อยละ 13.3
ได้ผลดังนี้
อันดับ 1 นาย
ชัชชาติ สิทธิพันธ์ 39.6 %
อันดับที่ 2 นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 25.6%
อันดับ 3 นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 18.4%
อันดับ 4 นาย
ทักษิณ ชินวัตร 9.9%
รศ.ดร.
ธำรงศักดิ์ ระบุด้วยว่า พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพลเอก
ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ได้รับคะแนนนิยมแต่อย่างใด อาจกล่าวได้ว่า คน Gen Z ปฏิเสธผู้นำทหารอย่างสิ้นเชิง
“หากรวมคะแนนนิยมจากนายธนาธรกับนายพิธา ซึ่งถือได้ว่าอยู่ในสังกัดพรรคเดียวกันแล้วก็มีสูงถึงร้อยละ 44 ทีเดียว อย่างไรก็ตาม คนรุ่นใหม่ยังรู้จักและชื่นชมความเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จของนายทักกษิณ ชินวัตร แม้พวกเขาจะเกิดในปีท้ายๆ ยุครัฐบาลทักษิณ ราวปี 2546) แต่เรื่องเล่าเกี่ยวกับยุคทักษิณยังคงมีอยู่” รศ.ดร.
ธำรงศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ รศ.ดร.
ธำรงศักดิ์ ระบุว่า การวิจัยนี้เป็นการวิจัยส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับทัศนะของสถาบันการศึกษาใดๆ
คณะหลอมรวมฯ ถอดรหัส เอกสารหลุดมีชัย กดดันหัวใจประชาชน ย้ำม็อบอีก 11 ก.ย.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3554138
เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่สถานีโทรทัศน์พีซทีวี นาย
จตุพร พรหมพันธุ์ นาย
นิติธร ล้ำเหลือ พร้อมแกนนำคณะหลอมรวมประชาชน แถลงถึงกรณีเอกสารชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญของ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนาย
มีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ถูกนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ
นายนิติธรกล่าวว่า เมื่อนายมีชัยเป็นอดีตประธานกรรมการร่าง รธน.จึงถือว่าเป็นเอกสารสำคัญด้วย และศาล รธน.จะพิจารณาโดยยึดถือความจริง ดังนั้นถ้าเอกสารหลุดเป็นของจริงแล้ว ถือว่าเป็นเซียนเอาตัวเองรอด และแสดงถึงการไม่พัวพันกับการตัดสินใจคดีนี้ ดังนั้นนายมีชัยจึงต้องการทำลายตัวเองและไม่ประสงค์ให้เอกสารของตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาของศาล รธน. และที่สำคัญเอกสารจึงเป็นข้อกล่าวอ้างที่ไม่มีน้ำหนักทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน กลับไปยืนยันถ้อยความในเอกสารบันทึกการประชุมความมุ่งหมายอธิบายประกอบรายมาตราของ รธน. 2560 เพื่อให้ ปชช.ได้เข้าใจอย่างถูกต้อง อีกทั้งต้องการเผยแพร่แนวคิด พัฒนาการต่างๆ จึงหวังว่า ความมุ่งหมายนี้จะเป็นแหล่งข้อมูลชั้นต้น ซึ่งเป็นประโยชน์ในการอ้างอิง ศึกษา รธน. 2560
“นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ พูดว่า ทำภายหลัง เท่ากับต้องการด้อยค่าพยานเอกสาร ซึ่งนักกฎหมายไม่ทำกัน และไม่มีใครทำ ดังนั้น เอกสารที่ฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์หวังจะเป็นแต้มต่อทางการเมือง แต่นายมีชัย ได้ทำลายตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” นาย
นิติธรกล่าว
นาย
นิติธรกล่าวว่า เอกสารชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าเป็นจริงแล้ว แสดงว่ามีเจตนาไม่ยอมรับ รธน.นี้จริง ไม่ให้ค่า และให้ความสำคัญกับ รธน.ที่กำหนดเวลาให้ดำรงตำแหน่งรวมไม่เกิน 8 ปี อีกอย่าง ศาล รธน.สั่งให้ พล.อ.
ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวเมื่อ 24 ส.ค.65 นั่นสะท้อนว่า พล.อ.
ประยุทธ์ได้ฝ่าฝืน รธน.เรียบร้อยแล้ว และเป็นการไม่ยอมรับ รธน.มาแต่เริ่มต้นด้วย
“การกล่าวอ้างคุณงามความดี แสดงว่า มีการหลงตัวเองพอสมควร การอ้างคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะ 7 ซึ่งนายมีชัย เป็นประธาน และ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งขึ้นเมื่อปี 2565 มาเป็นความเห็นที่มีผลประโยชน์ขัดกันและทับซ้อน จึงไม่น่ารับฟัง อีกอย่างไม่ได้ดำเนินการตามประโยชน์ของกฎหมาย แต่ทำเพื่อคนคนเดียวเท่านั้น ซึ่งจะเป็นปัญหาในอนาคตต่อไป” นาย
นิติธรกล่าว
นาย
จตุพรกล่าวเสริมว่า ถ้าเอกสารนายมีชัยเป็นจริง เท่ากับเป็นการระเบิดพลีชีพตัวเองไปแล้ว เพราะการให้นับเวลาเป็นนายกฯ ตั้งแต่ 6 เม.ย.60 เป็นต้นไป ขัดกันเองการประชุมครั้งที่ 500 รวมถึงนายมีชัยอ้างว่า จดรายงานไม่ครบถ้วน และคณะกรรมการร่าง รธน.ยังไม่ตรวจรับรอง และเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย การกล่าวอ้างเช่นนี้เป็นความเท็จสิ้นเชิง
ความจริงแล้ว นาย
อภิชาต สุขัคคานนท์ รองประธาน คนที่ 2 และอดีตประธาน กกต. ได้ตรวจรายงานการประชุมครั้งที่ 500 โดยทั้งนาย
มีชัย และนาย
สุพจน์ ไข่มุกด์ รองประธาน คนที่ 1 ก็ให้รวมเวลา ครม.ก่อนใช้ รธน. 2560 มารวมเป็นเวลานายกฯ ไม่เกิน 8 ปีตาม รธน. 2560 ด้วย
อีกทั้ง เมื่อเอกสารนาย
มีชัยอ้างว่าเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายนั้น มีรายงานบันทึกการประชุมครั้งที่ 501 และนาย
มีชัยเป็นประธานการประชุมด้วย แล้วยังมีมติรับรองการประชุมครั้งที่ 500 โดยไม่มีการแก้ไข ดังนั้น นายมีชัยจึงกล่าวอ้างเท็จ 100 % และสมบูรณ์แบบ
“ส่วนการบอกว่า ขาดตอนการเป็นนายกฯตาม รธน. 2560 นั้น ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ไทย เช่น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ และลาออกในปี 2540 และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็พ้นนายกฯ ปี 2550 หากเป็นตามที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอ้าง ก็คงไปเขียนประวัติศาสตร์ของอดีตนายกฯทั้งสองคนใหม่เช่นกัน ว่าเป็นนายกฯขาดตอน
การอ้างความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะ 7 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งขึ้นมาเป็นที่ปรึกษากฎหมายรัฐบาล และยังเคยตั้งเป็นกรรมการร่าง รธน.ด้วยนั้น จะมาเป็นหลักของกฎหมายได้หรือไม่ สิ่งสำคัญกลับมีความเห็นแย้งกับการประชุมของตัวเองในช่วงเป็น กรรมการร่าง รธน.ในการบันทึกเจตนารมณ์ของ ม.158 ให้เวลาเป็นนายกฯรวมกันไม่เกิน 8 ปีด้วย” นาย
จตุพรกล่าว
นาย
จตุพรกล่าวต่อไปว่า เอกสารของ พล.อ.ประยุทธ์อ้างไม่ขัดกับมาตรฐานสากลนั้น สงสัยว่ามาตรฐานสากลของประเทศไหน สิ่งสำคัญ การอ้างความเชื่อสุจริตการเป็นนายกฯยังไม่เกิน 8 ปี เพราะจะเอา รธน. 2557 มาบังคับใช้ไม่ได้ แล้วยังอ้างการไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเรื่องเดียวกันได้ รวมทั้งเสนอศาล รธน.ให้ใช้หลักกฎหมายมาพิจารณา ไม่ใช้หลักข้อเท็จจริงมาตีความ เนื่องจากตามหลักกฎหมายนั้น ได้ขาดตอนการเป็นนายกฯไปแล้วเมื่อ รธน. 2560 บังคับใช้ ดังนั้น เวลาเป็นนายกฯยังไม่สิ้นสุดตาม รธน. 2560
“การใช้หลักคนดีไม่มีวันตายมาอ้างการเป็นนายกฯ แต่การสถาปนาตัวเป็นคนดีเพื่อละเมิดกฎหมาย สังคมจะคิดเช่นไร ถ้าเกิดขึ้นกับคนอื่นจะยินยอมหรือไม่ การอ้างเป็นคนดี มีมาตรฐานหลักสากล เป็นการอ้างที่ปฏิบัติจริงหรือไม่ คนดีสถาปนาตัวเองไม่ได้ ส่วนนายวิษณุบอกว่าถ้ายุบสภา ยังไม่มีกฎหมายลูกหรือกฎหมายประกอบ รธน.นั้น ผมจึงฟันธงว่า จะไม่มีเลือกตั้ง เพราะกฎหมายลูกจะเสร็จไม่ทัน 24 มี.ค.66 ซึ่งเป็นวันสิ้นวาระของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้” นาย
จตุพรกล่าว และว่า คณะหลอมรวมฯ ยังยืนยัน ไม่กดดันศาล รธน. แต่เอกสารที่ออกมาทุกชิ้น เป็นการกดดันหัวใจประชาชน
“เราจะปล่อยให้โชคชะตาบ้านเมืองอยู่ในมือคนเหล่านี้ ที่พูดอย่างทำอย่าง ละเมิดกฎหมาย ฉีก รธน.มากับมือหรือไม่ เราจึงนัดทำกิจกรรมกันในวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ย.นี้ ที่ราชประสงค์ เวลา 5 โมงเย็นตามเดิม” นาย
จตุพรทิ้งท้าย
ระยอง 'อ่วม' น้ำท่วมหนักสุดในรอบ 60 ปี!
https://www.nationtv.tv/news/economy-business/378885993
สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.แกลง จังหวัดระยอง กระทบกว่า 2 หมื่นครัวเรือน เสียหายเป็นวงกว้าง ทั้งประชาชน รวมถึงระบบสาธารณูโภค รุนเเรงในรอบกว่า 60 ปี ติดตามสถานการณ์ล่าสุดกับ คุณ
อิทธิพัทธ์ ปิ่นระโรจน์ รายงานจาก อ.เเกลง จ.ระยอง
JJNY : 5in1 ยิ่งลักษณ์-ทักษิณน้อมรำลึกควีน│ปี1มธ.อยากได้‘ชัชชาติ’│ถอดรหัสเอกสารหลุด│ระยอง'อ่วม'│สหรัฐทุ่มเสริมทัพยูเครน
https://www.thairath.co.th/news/politic/2495847
วันที่ 9 ก.ย. 2565 เมื่อเวลา 13.47 น. (ตามเวลาประเทศไทย) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพและข้อความผ่านหลายช่องทางโซเชียลมีเดีย รวมถึงแฟนเพจเฟซบุ๊กภายหลังทราบถึงการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 โดยระบุว่า
ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความอาลัยอย่างหาที่สุดมิได้ต่อการเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งนับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ รัฐบาล และประชาชนของอังกฤษ
พระองค์ทรงเป็นพระประมุขแห่งสหราชอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่และทรงครองสิริราชสมบัติมายาวนาน เป็นที่ชื่นชมและยกย่องด้วยพระจริยวัตรอันงดงาม ประกอบกับการทรงงานที่มุ่งมั่นและทุ่มเทเพื่อพสกนิกรของท่าน ทำให้พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างให้ผู้คนทั่วโลกเคารพนับถือ
ข้าพระพุทธเจ้ายังคงจำเกียรติประวัติอันสูงสุดที่ได้รับพระราชทานพระราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เมื่อปี พ.ศ. 2555 พระเมตตาและน้ำพระราชหฤทัยที่มีต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหราชอาณาจักรและราชอาณาจักรไทยของพระองค์ยังคงตราตรึงในหัวใจอย่างมิรู้ลืม
ต่อมาเวลา 13.54 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็มีการโพสต์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเช่นกันว่า
การเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ถือได้ว่าเป็นการสูญเสียประมุขผู้เป็นที่รักและเคารพที่สุดพระองค์หนึ่งของโลก การครองราชย์ข้ามศตวรรษของพระองค์เปี่ยมล้นไปด้วยเกียรติภูมิและศักดิ์ศรี ทรงทุ่มเทและทรงงานให้กับสหราชอาณาจักรและประชาชนของท่าน พระองค์ไม่เพียงเป็นศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกรชาวอังกฤษเท่านั้นแต่ยังคงได้รับการยอมรับจากประชาชนนับล้านคนทั่วโลก
ประชาชนไทยมีโอกาสเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระองค์ท่านในวโรกาสเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยในปีพุทธศักราช 2515 และ 2539 ที่เป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองราชอาณาจักรให้แน่นแฟ้นขึ้น ข้าพระพุทธเจ้าขอร่วมกับพสกนิกรชาวไทยน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อพระราชวงศ์ รัฐบาลสหราชอาณาจักร รวมถึงประชาชนทุกคนในการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้.
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/posts/pfbid02UB8a2z5cdoXTBqdYiYRa7XFvt59rWweJowArXrEc84opyY7oKcKTiHZZNSZ7Kptol
https://www.facebook.com/thaksinofficial/posts/pfbid02tvNUHgSs773ovTmcrSYayDrNuKstq13bSJNWCcvgq6NaQMtPoiQXGskAPq4V5zJGl
ปี 1 มธ. อยากได้ ‘ชัชชาติ’ เป็นนายกฯ 39.6% ธนาธร-พิธา ควบตาม ‘ทักษิณ’ อันดับ 4 ชี้ เกิดไม่ทันแต่เรื่องเล่ายังอยู่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3553626
เมื่อวันที่ 9 กันยายน รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต ทำแบบสำรวจสอบถามนักศึกษาธรรมศาสตร์ ปี 1 จำนวน 293 คน ในชั้นเรียนวิชาโลก อาเซียน ไทย TU 101 ว่านักศึกษาปรารถนาให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป โดยนักศึกษาที่ร่วมตอบแบบสอบถาม เป็นเพศหญิงร้อยละ 58.5 เพศชายร้อยละ 28.2 เพศหลากหลายร้อยละ 13.3
ได้ผลดังนี้
อันดับ 1 นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ 39.6 %
อันดับที่ 2 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 25.6%
อันดับ 3 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 18.4%
อันดับ 4 นายทักษิณ ชินวัตร 9.9%
รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ ระบุด้วยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ได้รับคะแนนนิยมแต่อย่างใด อาจกล่าวได้ว่า คน Gen Z ปฏิเสธผู้นำทหารอย่างสิ้นเชิง
“หากรวมคะแนนนิยมจากนายธนาธรกับนายพิธา ซึ่งถือได้ว่าอยู่ในสังกัดพรรคเดียวกันแล้วก็มีสูงถึงร้อยละ 44 ทีเดียว อย่างไรก็ตาม คนรุ่นใหม่ยังรู้จักและชื่นชมความเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จของนายทักกษิณ ชินวัตร แม้พวกเขาจะเกิดในปีท้ายๆ ยุครัฐบาลทักษิณ ราวปี 2546) แต่เรื่องเล่าเกี่ยวกับยุคทักษิณยังคงมีอยู่” รศ.ดร.ธำรงศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ ระบุว่า การวิจัยนี้เป็นการวิจัยส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับทัศนะของสถาบันการศึกษาใดๆ
คณะหลอมรวมฯ ถอดรหัส เอกสารหลุดมีชัย กดดันหัวใจประชาชน ย้ำม็อบอีก 11 ก.ย.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3554138
เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่สถานีโทรทัศน์พีซทีวี นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ พร้อมแกนนำคณะหลอมรวมประชาชน แถลงถึงกรณีเอกสารชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ถูกนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ
นายนิติธรกล่าวว่า เมื่อนายมีชัยเป็นอดีตประธานกรรมการร่าง รธน.จึงถือว่าเป็นเอกสารสำคัญด้วย และศาล รธน.จะพิจารณาโดยยึดถือความจริง ดังนั้นถ้าเอกสารหลุดเป็นของจริงแล้ว ถือว่าเป็นเซียนเอาตัวเองรอด และแสดงถึงการไม่พัวพันกับการตัดสินใจคดีนี้ ดังนั้นนายมีชัยจึงต้องการทำลายตัวเองและไม่ประสงค์ให้เอกสารของตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาของศาล รธน. และที่สำคัญเอกสารจึงเป็นข้อกล่าวอ้างที่ไม่มีน้ำหนักทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน กลับไปยืนยันถ้อยความในเอกสารบันทึกการประชุมความมุ่งหมายอธิบายประกอบรายมาตราของ รธน. 2560 เพื่อให้ ปชช.ได้เข้าใจอย่างถูกต้อง อีกทั้งต้องการเผยแพร่แนวคิด พัฒนาการต่างๆ จึงหวังว่า ความมุ่งหมายนี้จะเป็นแหล่งข้อมูลชั้นต้น ซึ่งเป็นประโยชน์ในการอ้างอิง ศึกษา รธน. 2560
“นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ พูดว่า ทำภายหลัง เท่ากับต้องการด้อยค่าพยานเอกสาร ซึ่งนักกฎหมายไม่ทำกัน และไม่มีใครทำ ดังนั้น เอกสารที่ฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์หวังจะเป็นแต้มต่อทางการเมือง แต่นายมีชัย ได้ทำลายตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” นายนิติธรกล่าว
นายนิติธรกล่าวว่า เอกสารชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าเป็นจริงแล้ว แสดงว่ามีเจตนาไม่ยอมรับ รธน.นี้จริง ไม่ให้ค่า และให้ความสำคัญกับ รธน.ที่กำหนดเวลาให้ดำรงตำแหน่งรวมไม่เกิน 8 ปี อีกอย่าง ศาล รธน.สั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวเมื่อ 24 ส.ค.65 นั่นสะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ฝ่าฝืน รธน.เรียบร้อยแล้ว และเป็นการไม่ยอมรับ รธน.มาแต่เริ่มต้นด้วย
“การกล่าวอ้างคุณงามความดี แสดงว่า มีการหลงตัวเองพอสมควร การอ้างคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะ 7 ซึ่งนายมีชัย เป็นประธาน และ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งขึ้นเมื่อปี 2565 มาเป็นความเห็นที่มีผลประโยชน์ขัดกันและทับซ้อน จึงไม่น่ารับฟัง อีกอย่างไม่ได้ดำเนินการตามประโยชน์ของกฎหมาย แต่ทำเพื่อคนคนเดียวเท่านั้น ซึ่งจะเป็นปัญหาในอนาคตต่อไป” นายนิติธรกล่าว
นายจตุพรกล่าวเสริมว่า ถ้าเอกสารนายมีชัยเป็นจริง เท่ากับเป็นการระเบิดพลีชีพตัวเองไปแล้ว เพราะการให้นับเวลาเป็นนายกฯ ตั้งแต่ 6 เม.ย.60 เป็นต้นไป ขัดกันเองการประชุมครั้งที่ 500 รวมถึงนายมีชัยอ้างว่า จดรายงานไม่ครบถ้วน และคณะกรรมการร่าง รธน.ยังไม่ตรวจรับรอง และเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย การกล่าวอ้างเช่นนี้เป็นความเท็จสิ้นเชิง
ความจริงแล้ว นายอภิชาต สุขัคคานนท์ รองประธาน คนที่ 2 และอดีตประธาน กกต. ได้ตรวจรายงานการประชุมครั้งที่ 500 โดยทั้งนายมีชัย และนายสุพจน์ ไข่มุกด์ รองประธาน คนที่ 1 ก็ให้รวมเวลา ครม.ก่อนใช้ รธน. 2560 มารวมเป็นเวลานายกฯ ไม่เกิน 8 ปีตาม รธน. 2560 ด้วย
อีกทั้ง เมื่อเอกสารนายมีชัยอ้างว่าเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายนั้น มีรายงานบันทึกการประชุมครั้งที่ 501 และนายมีชัยเป็นประธานการประชุมด้วย แล้วยังมีมติรับรองการประชุมครั้งที่ 500 โดยไม่มีการแก้ไข ดังนั้น นายมีชัยจึงกล่าวอ้างเท็จ 100 % และสมบูรณ์แบบ
“ส่วนการบอกว่า ขาดตอนการเป็นนายกฯตาม รธน. 2560 นั้น ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ไทย เช่น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ และลาออกในปี 2540 และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็พ้นนายกฯ ปี 2550 หากเป็นตามที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอ้าง ก็คงไปเขียนประวัติศาสตร์ของอดีตนายกฯทั้งสองคนใหม่เช่นกัน ว่าเป็นนายกฯขาดตอน
การอ้างความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะ 7 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งขึ้นมาเป็นที่ปรึกษากฎหมายรัฐบาล และยังเคยตั้งเป็นกรรมการร่าง รธน.ด้วยนั้น จะมาเป็นหลักของกฎหมายได้หรือไม่ สิ่งสำคัญกลับมีความเห็นแย้งกับการประชุมของตัวเองในช่วงเป็น กรรมการร่าง รธน.ในการบันทึกเจตนารมณ์ของ ม.158 ให้เวลาเป็นนายกฯรวมกันไม่เกิน 8 ปีด้วย” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพรกล่าวต่อไปว่า เอกสารของ พล.อ.ประยุทธ์อ้างไม่ขัดกับมาตรฐานสากลนั้น สงสัยว่ามาตรฐานสากลของประเทศไหน สิ่งสำคัญ การอ้างความเชื่อสุจริตการเป็นนายกฯยังไม่เกิน 8 ปี เพราะจะเอา รธน. 2557 มาบังคับใช้ไม่ได้ แล้วยังอ้างการไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเรื่องเดียวกันได้ รวมทั้งเสนอศาล รธน.ให้ใช้หลักกฎหมายมาพิจารณา ไม่ใช้หลักข้อเท็จจริงมาตีความ เนื่องจากตามหลักกฎหมายนั้น ได้ขาดตอนการเป็นนายกฯไปแล้วเมื่อ รธน. 2560 บังคับใช้ ดังนั้น เวลาเป็นนายกฯยังไม่สิ้นสุดตาม รธน. 2560
“การใช้หลักคนดีไม่มีวันตายมาอ้างการเป็นนายกฯ แต่การสถาปนาตัวเป็นคนดีเพื่อละเมิดกฎหมาย สังคมจะคิดเช่นไร ถ้าเกิดขึ้นกับคนอื่นจะยินยอมหรือไม่ การอ้างเป็นคนดี มีมาตรฐานหลักสากล เป็นการอ้างที่ปฏิบัติจริงหรือไม่ คนดีสถาปนาตัวเองไม่ได้ ส่วนนายวิษณุบอกว่าถ้ายุบสภา ยังไม่มีกฎหมายลูกหรือกฎหมายประกอบ รธน.นั้น ผมจึงฟันธงว่า จะไม่มีเลือกตั้ง เพราะกฎหมายลูกจะเสร็จไม่ทัน 24 มี.ค.66 ซึ่งเป็นวันสิ้นวาระของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้” นายจตุพรกล่าว และว่า คณะหลอมรวมฯ ยังยืนยัน ไม่กดดันศาล รธน. แต่เอกสารที่ออกมาทุกชิ้น เป็นการกดดันหัวใจประชาชน
“เราจะปล่อยให้โชคชะตาบ้านเมืองอยู่ในมือคนเหล่านี้ ที่พูดอย่างทำอย่าง ละเมิดกฎหมาย ฉีก รธน.มากับมือหรือไม่ เราจึงนัดทำกิจกรรมกันในวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ย.นี้ ที่ราชประสงค์ เวลา 5 โมงเย็นตามเดิม” นายจตุพรทิ้งท้าย
ระยอง 'อ่วม' น้ำท่วมหนักสุดในรอบ 60 ปี!
https://www.nationtv.tv/news/economy-business/378885993
สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.แกลง จังหวัดระยอง กระทบกว่า 2 หมื่นครัวเรือน เสียหายเป็นวงกว้าง ทั้งประชาชน รวมถึงระบบสาธารณูโภค รุนเเรงในรอบกว่า 60 ปี ติดตามสถานการณ์ล่าสุดกับ คุณ อิทธิพัทธ์ ปิ่นระโรจน์ รายงานจาก อ.เเกลง จ.ระยอง