รอดูตอนพ้นฤดูหนาวนี้ก่อน

ผมกำลังคิดว่ามาตราการของแต่ละประเทศในกลุ่มอียูจะกระทบเศรษฐกิจมากน้อยขนาดไหน (หาข้อมูลฟรีไม่ค่อยได้ ... คือไม่อยากจ่ายตังค์ซื้อตัวเลขแหละ) หากมาตราการจำกัดการใช้แกสส่งผลทำให้เศรษฐกิจ"หดตัวมาก"กว่าตอนนี้ ปีหน้าอียูลำบากหนักกว่านี้แน่นอน

หากกิจการขนาดเล็กและกลางในอียูต้อง "หยุด / เลิก" จ้างงานเพราะมาตราการจำกัดการใช้แกสตามมาตราการต่างๆ จะเกิดอะไรขึ้น

ส่วนเรื่องเศรษฐกิจรัสเซียจะยืนระยะได้แค่ไหน มันต้องไปดูกันว่ากลุ่มประเทศเล็กๆจะเอาอย่างอินเดียไหม ตกลงใช้เงินสกุลท้องถิ่นและรูเบิลค้าขายกับรัสเซียไหม รัสเซียตอบสนองได้ทันไหม

อดีตผู้บริหารอะรามโก้เพิ่งออกมาพูดว่า ยากที่ยุโรปจะตัดพลังงานจากรัสเซียโดยสิ้นเชิง

ปัจจุบันนี้มันเห็นๆกันอยู่ว่ามาตราการแซงค์ชั่นที่โลกตะวันตกใช้มันได้ผลน้อยไปจนถึงไม่ได้ผลเลย

ตัด swift รัสเซียสวนด้วยให้จ่ายที่แกสพรอมแบงค์ swiftหมดความหมายทันที เพราะสนง.ใหญ่แกสพรอมแบงค์รับรู้รายได้จากสาขาต่างๆโดยตรงทันที
ห้านใช้ยูเอสดอลล่าร์รัสเซียบอก"ต้อง"จ่ายเป็นรูเบิลเท่านั้น ไม่มีผลไปอีกหนึ่ง
จำกัดการซื้อน้ำมัน price cap ค่อนโลกที่ไม่ร่วมแซงค์ชั่นรีบซื้อก่อนถึงเวลา ถึงตอนนี้ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดซื้อ แถมด้วรัสเซียลากเรื่องแกสมาพ่วงกับน้ำมันทันทีที่เยอรมันยึด"แกสพรอมเยอรมันเนีย"กลายเป็นอียูต้องวิ่งแก้ปัญหาทันที ทั้งๆที่วางแผนไว้ว่าแซงค์ชั่นแกสลังจากแซงค์ชั่นน้ำมัน

ไหนจะวัตถุดิบสำคัญอย่างยูเรเนียมที่เสริมสมรรถนะแล้วยังต้องพึ่งพารัสเซีย หากรัสเซียห้ามส่งออกจะเอาเชื้อเพลิงนิวเคลียร์จากไหน ราคามันจะกระโดดแบบแกสอีกแหละ

ผมคิดว่าหากอียูดึงต่อไป ปีหน้ารัสเซียยังรับมือได้สบายๆ อาจได้ถึง สี่ปี ด้วยซ้ำ เพราะต้องนี้คนรัสเซียสามารถซื้อของที่ตัวเองต้องการได้จากอินเดีย จีน บราซิล ผ่าน Mir Pay (บราซิลนี่ใช้ได้มาก่อนสงครามอีก) แถมด้วยปีที่แล้วรัสเซียประกาศว่า สามารถผลิตอาหารได้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ ส่วนอียูมีกี่ประเทศที่มีขีดความสามารถนี้