สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
ในฐานะที่เคยทำงาน Market Research แล้วเราเดาพฤติกรรมของ Agency และฝั่ง Marketing ของบริษัทต่างๆ จากการ Design แบบสอบถามและ Research Methodology ของงานวิจัยทางการตลาด โดยเฉพาะ U&A (Usage & Attitude Research)
เท่าที่เราเข้าใจ การเลือก Presenter บริษัทใหญ่ๆ ส่วนใหญ่มันไม่ใช่เจ้าของ Product จิ้มเลยว่าจะเลือกใคร แล้วจบ หลายครั้งเป็นการเลือกร่วมกับ Agency และอ้างอิงจากงานวิจัย ผสมกับ Target ของสินค้าที่คิดเอาไว้ว่าอยากจะให้เป็นแบบไหน แล้วมองหา Presenter ที่สามารถสื่อถึง Brand Image หรือ Product Image ของสินค้านั้นๆ
บอกก่อนว่า เราก็ไม่เคยไปนั่งเลือก Presenter ร่วมกับแผนกการตลาดและ Agency บริษัทต่างๆ เรามีหน้าที่แค่รายงานผลว่า ผลของ Campaign หรือ Ads ตัวที่ยิงออกไปในช่วง xx เดือนที่ผ่านมา มันประสบความสำเร็จแค่ไหน ช่วยกระตุ้นให้เกิด Awareness มากขึ้นแค่ไหน และ Ads หรือ Presenter ช่วยให้เกิด Image อะไรบ้าง
แต่จากที่ทำงานมา เราคิดว่า การเลือก Presenter น่าจะเป็นการ Wage กันของ 3+1 เรื่องใหญ่ๆ คือ
1. Presenter ตรงกับ Image ของสินค้ามากแค่ไหน เช่น สินค้าอยากได้ภาพลักษณ์หรูหรา ก็มีโอกาสน้อยมากที่จะเลือกนักร้องลูกทุ่งมากเป็น Presenter ต่อให้นักร้องลูกทุ่งคนนั้นจะดังมากแค่ไหนก็ตาม
2. Awareness / ความดัง การเป็นที่รู้จักต่อ Public ของ Presenter หรือดารา คนนั้นๆ
3. งบประมาณ
4. กระแสของ Presenter หรือ ดารา คนนั้นๆ
สมมติมองใน 4 หัวข้อนี้ ข้อ 2 กับ 4 ช่อง 7 น่าจะมีปัญหา โดยเฉพาะข้อ 4 ที่กลุ่ม Customers หลัก มี Lifestyle ที่จะปั่นให้เกิดกระแสต่างๆ โดยเฉพาะใน Social Media ได้น้อยกว่าช่องอื่นๆ
ทีนี้ ขอเขียนถึงสิ่งที่เราตั้งข้อสังเกตเอง
คือ Market Research Project : U&A หรือ Product & Concept Test ส่วนใหญ่ จะทำแค่ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล
- ถ้าโปรโจคไหน งบเยอะหน่อย ก็ทำพื้นที่อำเภอเมือง ของ จังหวัดที่เป็นเสมือนเมืองหลวงของภาคต่างๆ เพิ่มอีกภาคละ 1 จังหวัด เช่น เชียงใหม่, สงขลา (หาดใหญ่) , ชลบุรี, ส่วนภาคอีสาน จะไม่แน่นอน แล้วแต่ลูกค้าแต่ละเจ้า เพราะมันไม่มีจังหวัดไหนที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเมืองหลวงของภาคอีสานอย่างชัดเจน ... และ ภาคกลางก็ไม่ค่อยเก็บแยก ส่วนใหญ่จะใช้ผลของ Greater Bangkok ไป Represent ภาคกลางเลย
- ถ้าโปรเจคไหน มีงบมากขึ้นอีก ก็อาจจะเพิ่มจังหวัดที่เป็นระดับเมืองรอง ของภาคต่างๆ เข้าไป เพื่อเพิ่มความหลากหลาของข้อมูลและแง่มุมในการเปรียบเทียบ
- ถ้าโปรเจคไหน Budget พอสมควร หรือเป็น Project กำหนดทิศทางของบริษัท ก็อาจจะเก็บทุกจังหวัด หรือเก็บในหลายจังหวัด ระดับ 10+++ จังหวัด ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเราไม่ได้ทำงานในบริษัท Market Research ขนาดใหญ่ ในช่วง 6-7 ปีที่เราทำงานในสายนี้ เราได้ทำ Project แบบ Nationwide แค่ 2-3 Projects เท่านั้น ซึ่ง Project ระดับนี้ ไม่ได้ทำทุกปี และไม่ใช่ Project ที่จะถามเรื่อง Presenter เพราะมันระยะสั้นเกินไป
เรารู้สึกว่า ด้วยข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ ทำให้การทำวิจัยส่วนใหญ่ มักจะอยู่แค่ในพื้นที่ Greater Bangkok หรือ มากสุดก็ อำเภอเมือง ของจังหวัดใหญ่ๆ ซึ่งถ้าเอาไปเทียบกับตาราง Rating ก็แปลว่า งานทำวิจัยเกี่ยวกับสินค้าใหม่ๆ โฆษณา หรือ Presenter จะถามจากกลุ่ม Greater Bangkok กับ UPC Urban เป็นหลัก แทบไม่ได้ถาม UPC Rural เลย
ในขณะที่ Customers หรือฐานลูกค้าหลักของช่อง 7 จะอยู่ที่ UPC Rural มากกว่า Greater Bangkok กับ UPC Urban
ดังนั้นแปลว่า สมมติในแบบสอบถาม ถามว่า ชื่นชอบดาราคนไหนบ้าง หรือ อยากให้ดาราคนไหนเป็น Presenter ของสินค้า ตาม Concept นี้ คำตอบก็เลยเป็นดาราที่ดังในกลุ่ม Greater Bangkok กับ UPC Urban มากกว่า ดาราช่อง 7 บางคนอาจจะดังในกลุ่ม UPC Rural แต่ก็ไม่ถูกตอบมากนัก
แต่ถามว่ามันแฟร์ไหม เราว่าก็พูดยาก เราเคยถามพี่คนหนึ่งที่ทำงานในสายการตลาดมานาน เค้าตอบว่า ด้วย Budget มันก็ต้อง Scope แหล่ะ ว่าจะสัมภาษณ์กลุ่มไหน แล้วอนุมานไปหากลุ่มไหน แล้วหลายๆ ครั้งก็มองว่า เมืองไทยกระแส หรือ การใช้สินค้ามันแพร่จากกรุงเทพ หรือต่างจังหวัดหัวเมืองออกไปสู่พื้นที่ Rural มากกว่า เช่น ของไหนฮิต หรือกระแสอะไรดัง ก็มักจะจุดติดที่ กทม. ก่อนแล้วค่อยๆ แพร่ไปจังหวัดอื่นๆ มีบ้าง แต่ไม่บ่อยที่จะเป็นกระแสจากต่างจังหวัดแล้วแพร่มาสู่คนเมือง ดังนั้นด้วย Budget เมื่อทำได้จำกัด ก็เลยเลือกจาก Greater Bangkok กับจังหวัดหัวเมืองก่อน
แต่เราก็เคยเจอนะ 1-2 Projects ที่ลูกค้าเค้ากำหนดมาเลยว่า สินค้าของเค้า เป็นกลุ่ม Low Budget ไม่เน้นตีตลาดคนเมือง Project นั้นก็เลยเก็บจังหวัดรองๆ ของแต่ละภาค แล้วก็ไม่เน้นเก็บอำเภอเมืองกับเขตเทศบาล แต่ Project แบบนี้มันมีไม่บ่อย
เท่าที่เราเข้าใจ การเลือก Presenter บริษัทใหญ่ๆ ส่วนใหญ่มันไม่ใช่เจ้าของ Product จิ้มเลยว่าจะเลือกใคร แล้วจบ หลายครั้งเป็นการเลือกร่วมกับ Agency และอ้างอิงจากงานวิจัย ผสมกับ Target ของสินค้าที่คิดเอาไว้ว่าอยากจะให้เป็นแบบไหน แล้วมองหา Presenter ที่สามารถสื่อถึง Brand Image หรือ Product Image ของสินค้านั้นๆ
บอกก่อนว่า เราก็ไม่เคยไปนั่งเลือก Presenter ร่วมกับแผนกการตลาดและ Agency บริษัทต่างๆ เรามีหน้าที่แค่รายงานผลว่า ผลของ Campaign หรือ Ads ตัวที่ยิงออกไปในช่วง xx เดือนที่ผ่านมา มันประสบความสำเร็จแค่ไหน ช่วยกระตุ้นให้เกิด Awareness มากขึ้นแค่ไหน และ Ads หรือ Presenter ช่วยให้เกิด Image อะไรบ้าง
แต่จากที่ทำงานมา เราคิดว่า การเลือก Presenter น่าจะเป็นการ Wage กันของ 3+1 เรื่องใหญ่ๆ คือ
1. Presenter ตรงกับ Image ของสินค้ามากแค่ไหน เช่น สินค้าอยากได้ภาพลักษณ์หรูหรา ก็มีโอกาสน้อยมากที่จะเลือกนักร้องลูกทุ่งมากเป็น Presenter ต่อให้นักร้องลูกทุ่งคนนั้นจะดังมากแค่ไหนก็ตาม
2. Awareness / ความดัง การเป็นที่รู้จักต่อ Public ของ Presenter หรือดารา คนนั้นๆ
3. งบประมาณ
4. กระแสของ Presenter หรือ ดารา คนนั้นๆ
สมมติมองใน 4 หัวข้อนี้ ข้อ 2 กับ 4 ช่อง 7 น่าจะมีปัญหา โดยเฉพาะข้อ 4 ที่กลุ่ม Customers หลัก มี Lifestyle ที่จะปั่นให้เกิดกระแสต่างๆ โดยเฉพาะใน Social Media ได้น้อยกว่าช่องอื่นๆ
ทีนี้ ขอเขียนถึงสิ่งที่เราตั้งข้อสังเกตเอง
คือ Market Research Project : U&A หรือ Product & Concept Test ส่วนใหญ่ จะทำแค่ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล
- ถ้าโปรโจคไหน งบเยอะหน่อย ก็ทำพื้นที่อำเภอเมือง ของ จังหวัดที่เป็นเสมือนเมืองหลวงของภาคต่างๆ เพิ่มอีกภาคละ 1 จังหวัด เช่น เชียงใหม่, สงขลา (หาดใหญ่) , ชลบุรี, ส่วนภาคอีสาน จะไม่แน่นอน แล้วแต่ลูกค้าแต่ละเจ้า เพราะมันไม่มีจังหวัดไหนที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเมืองหลวงของภาคอีสานอย่างชัดเจน ... และ ภาคกลางก็ไม่ค่อยเก็บแยก ส่วนใหญ่จะใช้ผลของ Greater Bangkok ไป Represent ภาคกลางเลย
- ถ้าโปรเจคไหน มีงบมากขึ้นอีก ก็อาจจะเพิ่มจังหวัดที่เป็นระดับเมืองรอง ของภาคต่างๆ เข้าไป เพื่อเพิ่มความหลากหลาของข้อมูลและแง่มุมในการเปรียบเทียบ
- ถ้าโปรเจคไหน Budget พอสมควร หรือเป็น Project กำหนดทิศทางของบริษัท ก็อาจจะเก็บทุกจังหวัด หรือเก็บในหลายจังหวัด ระดับ 10+++ จังหวัด ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเราไม่ได้ทำงานในบริษัท Market Research ขนาดใหญ่ ในช่วง 6-7 ปีที่เราทำงานในสายนี้ เราได้ทำ Project แบบ Nationwide แค่ 2-3 Projects เท่านั้น ซึ่ง Project ระดับนี้ ไม่ได้ทำทุกปี และไม่ใช่ Project ที่จะถามเรื่อง Presenter เพราะมันระยะสั้นเกินไป
เรารู้สึกว่า ด้วยข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ ทำให้การทำวิจัยส่วนใหญ่ มักจะอยู่แค่ในพื้นที่ Greater Bangkok หรือ มากสุดก็ อำเภอเมือง ของจังหวัดใหญ่ๆ ซึ่งถ้าเอาไปเทียบกับตาราง Rating ก็แปลว่า งานทำวิจัยเกี่ยวกับสินค้าใหม่ๆ โฆษณา หรือ Presenter จะถามจากกลุ่ม Greater Bangkok กับ UPC Urban เป็นหลัก แทบไม่ได้ถาม UPC Rural เลย
ในขณะที่ Customers หรือฐานลูกค้าหลักของช่อง 7 จะอยู่ที่ UPC Rural มากกว่า Greater Bangkok กับ UPC Urban
ดังนั้นแปลว่า สมมติในแบบสอบถาม ถามว่า ชื่นชอบดาราคนไหนบ้าง หรือ อยากให้ดาราคนไหนเป็น Presenter ของสินค้า ตาม Concept นี้ คำตอบก็เลยเป็นดาราที่ดังในกลุ่ม Greater Bangkok กับ UPC Urban มากกว่า ดาราช่อง 7 บางคนอาจจะดังในกลุ่ม UPC Rural แต่ก็ไม่ถูกตอบมากนัก
แต่ถามว่ามันแฟร์ไหม เราว่าก็พูดยาก เราเคยถามพี่คนหนึ่งที่ทำงานในสายการตลาดมานาน เค้าตอบว่า ด้วย Budget มันก็ต้อง Scope แหล่ะ ว่าจะสัมภาษณ์กลุ่มไหน แล้วอนุมานไปหากลุ่มไหน แล้วหลายๆ ครั้งก็มองว่า เมืองไทยกระแส หรือ การใช้สินค้ามันแพร่จากกรุงเทพ หรือต่างจังหวัดหัวเมืองออกไปสู่พื้นที่ Rural มากกว่า เช่น ของไหนฮิต หรือกระแสอะไรดัง ก็มักจะจุดติดที่ กทม. ก่อนแล้วค่อยๆ แพร่ไปจังหวัดอื่นๆ มีบ้าง แต่ไม่บ่อยที่จะเป็นกระแสจากต่างจังหวัดแล้วแพร่มาสู่คนเมือง ดังนั้นด้วย Budget เมื่อทำได้จำกัด ก็เลยเลือกจาก Greater Bangkok กับจังหวัดหัวเมืองก่อน
แต่เราก็เคยเจอนะ 1-2 Projects ที่ลูกค้าเค้ากำหนดมาเลยว่า สินค้าของเค้า เป็นกลุ่ม Low Budget ไม่เน้นตีตลาดคนเมือง Project นั้นก็เลยเก็บจังหวัดรองๆ ของแต่ละภาค แล้วก็ไม่เน้นเก็บอำเภอเมืองกับเขตเทศบาล แต่ Project แบบนี้มันมีไม่บ่อย
ความคิดเห็นที่ 14
เรตติ้งที่สูงปานยอดตาล เมื่อก่อนทุกวันนี้เหลือไม่ถึงสองหลักแล้ว
เขต bkk กำลังซื้อสูง ส่วนมากก็เป็นของช่อง 3 ช่อง 1 เวิร์คพอยท์ ฯ
อย่างละคร หงส์ฟ้า เรตติ้งตอนก่อนจบ 6.6 สูงมาก แต่พระนางก็ไม่ดัง ไม่เป็นกระแส??
ไม่มีการต่อยอดใดใด เหมือนละครจบก็จบไป เป็นเรื่องไป เลยไม่มีเอนเกจเมนต์
สร้างความรับรู้ให้ผู้ชม เอเจนซี่ เจ้าของสินค้า ได้ทั่วถึง
เขต bkk กำลังซื้อสูง ส่วนมากก็เป็นของช่อง 3 ช่อง 1 เวิร์คพอยท์ ฯ
อย่างละคร หงส์ฟ้า เรตติ้งตอนก่อนจบ 6.6 สูงมาก แต่พระนางก็ไม่ดัง ไม่เป็นกระแส??
ไม่มีการต่อยอดใดใด เหมือนละครจบก็จบไป เป็นเรื่องไป เลยไม่มีเอนเกจเมนต์
สร้างความรับรู้ให้ผู้ชม เอเจนซี่ เจ้าของสินค้า ได้ทั่วถึง
ความคิดเห็นที่ 3
เอาตรงๆ ก็คือกลุ่มแฟนคลับไม่ได้ซัพพอร์ตสินค้า ขอยกตัวอย่างกลุ่มนักแสดงวาย หรือช่อง 3 ที่งานประเภทนี้ครองตลาด แฟนคลับกลุ่มนี้ที่คนแซะว่าพวกชอบดูโฆษณา แต่คือเค้าซัพพอร์ตศิลปินตัวเองไง มีการนับจำนวน ทวีต หรือทำแคมเปญที่สนับสนุนตัวโปรดักส์ มีอีเว้นท์ก็ไปเชียร์ เค้าจะไปจ้างคนที่ไม่ซัพเค้าทำไม
แสดงความคิดเห็น
อย่าดุเราเลยนะ แต่เราติดใจจริงๆ ทำไมดาราช่อง7เราถึงไม่ค่อยมีงานพรีเซนเตอร์บ้างเลย
พยายามนั่งคิดนอนคิด พยามยามจะหาเหตุผลรวมถึงวิธีการ ช่อง7เราต้องทำยังไงอะ ดาราถึงจะเป็นกระแสในวงกว้างได้ มันติดตรงไหนอยู่