ประวัติ
HONDA CR-V G3 2.0 ปี 2011 เลขไมล์ 170,000 กม.

เริ่มมีอาการน้ำยาแอร์หาย ตั้งแต่ปีที่ 5 เลขไมล์แถวๆ 1 แสนกม. (หมด warranty แล้ว) เข้าศูนย์ไป ก็เติมน้ำยา ใส่สารเรืองแสง แต่ก็หาไม่เคยเจอว่า รั่วตรงไหน .. เติมน้ำยาไป ก็อยู่ได้ 6 เดือนมั่ง ปีนึงมั่ง บางรอบลองเบิก ศรแอร์ ไปเปลี่ยนก็อยู่ได้เกือบ 2 ปี แล้วหายใหม่

จนล่าสุด .. น้ำยาหายอีกแล้ว คำว่า หายของผม คือ แอร์ไม่ฉ่ำ มีเสียงวาล์วปล่อยน้ำยา นะครับ ไม่เคยรอให้มีแต่ลมนะ รอบนี้สั่งเปลี่ยน ศร Denso แท้ (ต้องเบิกศูนย์ Denso เพราะ ศูนย์ HONDA ขายพร้อมท่อ) กับ เปลี่ยนท่อน้ำยาด้าน Low เพราะเจอคราบน้ำมัน

ผ่านไป 2 เดือน อ้าว ไม่ฉ่ำอีกละ (เสียงวาล์วยังไม่มา) เช็คตาแมว มีแต่ฟองอากาศ

...................

หันกลับไปดู รถน้องสาว CR-V G3 2.0E ปี 2009 เลขไมล์ 210,000 กม.

รายนี้ไม่ฉ่ำ ชืดมาก (ผมไปขับ ถึงรู้ และ ด่าเจ้าของรถว่า ทนขับได้ไงฟะ) เอาเข้าศูนย์สาทร พวกบอกน้ำยาพร่อง เติมน้ำยาให้ ... สาธุ ... ผลคือ อาทิตย์เดียวไม่มีความเย็นเลย

เลยโดนน้องสาว เหวี่ยงไปรอบนึง จัดการเอาไปเช็คใหม่ บอกตู้รั่ว เดี๋ยวสั่งอะไหล่ให้ สักอาทิตย์นึง (ทำไมพระราม 7 สั่งเช้าได้บ่ายหนอ) เดี๋ยวเติมน้ำยาให้ เอาไปใช้ก่อน ของมา ค่อยมาเปลี่ยน

เบ็ดเสร็จโดนไปราวๆ 1.3 หมื่น พอดีเจ้าของรถ จ่ายตังค์เสร็จก็โยนบิลทิ้งเลย ผมเลยไม่เห็นรายการ แต่คร่าวๆคือ "ตู้รั่ว" แหละ

....................

มารถผมมั่ง เอาไงดี ที่จริง แช่งให้มันรั่วหายหมดเลยนะ จะได้หาง่าย เล่นแบบนี้หายากครับ

ลงทุนซื้อไฟฉาย UV เอามาส่องหาสารเรืองแสง ที่ศูนย์ใส่ไว้ให้ หายังไง ทั่วห้องเครื่องก็ไม่เจอ (แอบดีใจเล็กๆ อย่างน้อย คอยล์ร้อน ก็ไม่รั่วฟะ)

ทีนี้ เอาไงดี ? .. กลับไปศูนย์ จะหาเจอไหม ? .. ไหนๆก็ไหนๆละ มีเพื่อนแนะนำร้านแอร์ร้านหนึ่งมา เข้าไปส่องดูมาพักนึงละ ทำแต่ HONDA มีอะไหล่ HONDA และใช้ของแท้ หรือ Denso เท่านั้น ก็น่าจะโอเคนะ แต่ถามว่า ใช้น้ำยายี่ห้ออะไรดันไม่ตอบแฮะ ถามไปสองรอบ 

เอาฟะ เจอน้ำยายี่ห้อ JH เต็มที่ ก็วิ่งกลับศูนย์ให้แว็คทิ้งละกัน !!!


สอบถามราคาเบื้องต้นไป ตู้ + วาล์ว ของ Denso รวมค่า vac น้ำยา จบไม่ข้าม 6,000 บาท โอเค ยังไงก็ถูกกว่าหมื่นสามละกัน .. ว่าแล้วก็จองผ่านหน้า FB ไปครับ นัดเวลา 9.00 น.

ไปถึงร้าน 8.30 น. ร้านเปิดละ จัดการเอารถเข้าเช็ค ..

ช่าง (ลูกน้อง) เอาเกจ์มาวัด แล้วแจ้งผมว่า น้ำยาพร่องไปหน่อย

สักพัก เจ้าของร้านมาถึง มาถามอาการ

จขร : อาการเป็นอย่างไร
ผม : แอร์ไม่สู้แดดครับ แดดจัดแล้วไม่ฉ่ำ
จขร : (เดินไปสตาร์ทเครื่อง เปิดแอร์ เร่งน้ำยา แล้วหันมาบอกว่า) มันก็เย็นนะ
ผม : เจอแดดจัดๆ มันไม่ค่อยฉ่ำ แล้วน้ำยาก็ขาด เพิ่งเติมได้ 2 เดือนเอง
จขร : (เดินมาหน้ารถ) ไหนๆ ขาดตรงไหน (ชี้ไปที่เกจ์) มันก็อยู่ในค่าที่รับได้ 
ผม : ก็ตอนเติมเสร็จ ตาแมวมันเต็มนะ ศูนย์ก็เปิดให้ดู
จขร : คุณเปิดน้ำยาแค่ไหน ตอนร้อนๆ
ผม : ผมเปิดน้อยสุด
จขร : เฮ้ยยย เค้าทำมาให้เร่งน้ำยา คุณไปเปิดน้อยสุด แล้วมันจะเย็นได้ยังไง
ผม : รถคันนี้ผมใช้ตั้งแต่ป้าย เปิดน้ำยาน้อยสุดมันก็เย็น
จขร : อ้าว ถ้างั้นก็เปลี่ยนมันทุกชิ้นสิ ถ้าคุณต้องการให้เย็นเหมือนป้ายแดง
ผม : ก็ 2 เดือนก่อน เติมน้ำยาใหม่ๆ มันก็เย็น นี่แค่ 2 เดือนไม่เย็น มันต้องมีอะไรผิดปกติสิ
จขร : แบบนี้มันเช็คไม่ได้หรอก หาไม่เจอหรอก .. คุณจะให้ผมทำยังไง คุณบอกมาสิ ???
ผม : ก็เช็ครั่ว ถ้าในห้องเครื่องไม่มีจุดรั่ว ก็ถอดตู้เช็คสิ
จขร : แต่ผมไม่รับประกันนะ ถ้าถอดมาแล้วไม่เจอรั่ว ก็ล้าง ประกอบคืน คิด 1,600 บาทนะ
ผม : OK

เชิญพิจารณาเองละกัน .. ผมว่า ผมไม่ได้ไป อวดรู้ หรือ ไปสั่งว่า ต้องถอดนั่น ต้องถอดนี่นะ ผมแค่บอกว่า ปกติ ผมใช้งานยังไง แล้วมันผิดปกติยังไง แค่นั้นเองนะ หรือ เค้าคิดว่า ผมมาลองภูมิเค้านะ ???

จากนั้น ช่างก็ถอดตู้แอร์ ผมก็ยืนดูห่างๆ แล้วก็มีเสียงมา "ไปนั่งรอในห้องก็ได้ มายืนดูแบบนี้ช่างผมเกร็งหมด ไว้ถอดตู้ออกมาแล้วค่อยมาดู" .. ไม่รู้ ไม่สน ผมว่า ผมยืนห่าง ไม่ได้ชวนช่างคุยเลย ตำแหน่งที่ผมยืน คือประตูหลัง นะ


สักพัก Blower แอร์ ก็ออกมา เลยหยิบมาดูหน่อย .. ผมว่า กรอง Hepa มันใช้ได้นะ ฝุ่นเกาะถือว่า น้อยมาก กับ เวลา 11 ปี ที่ไม่เคยแตะต้องมันเลย (ผมใส่ Hepa ตั้งแต่ออกรถ) สักพัก มีเสียงลอยมาอีก

จขร : พัดลม ผมไม่ล้างให้นะ แต่ถ้าจะให้ล้างก็ได้ แต่ผมไม่รับประกันนะ ล้างแล้วมันชอบดัง
ผม : โอเคครับ ไม่ต้องล้าง

สักพักตู้แอร์ ก็หลุดออกมา บอกเลยว่า ดีใจมาก เพราะเจอคราบเขียวของสารเรืองแสง ที่แถวๆตัวต่อวาล์ว


จริงๆช่างแจ้งว่า เปลี่ยนแค่โอริงก็ได้ มันรั่วโอริง แต่เอาเถอะ รถอายุ 11 ปี คงใช้ต่ออีกนาน เปลี่ยนไปเถอะ เพราะใช้ต่อไม่นานก็คงรั่ว (แต่ตู้แอร์ สภาพใหม่ดีนะ คุ้มค่าเหงื่อ ที่ขยันดูดฝุ่น)

ทีนี้ อะไหล่ที่จะเปลี่ยน ช่างแจ้งว่า ตู้แอร์ กับ วาล์ว จะใช้ของ Denso ไม่ได้ใช้ของศูนย์ เพราะของศูนย์รถรุ่นนี้แพงมาก ซึ่ง ถามย้ำไปละว่า ไม่ใช่ Coolgear by Denso นะ ซึ่งช่างยืนยันว่า ไม่ใช่ เป็น Denso แท้

และได้ลองจับตู้แอร์มาเทียบกับของติดรถ ก็พบว่า เหมือนกันเป๊ะ ทั้งตำแหน่งมาร์ค หรือ ตำแหน่งตัวอักษร ต่างๆ ก็พออนุมานได้ว่า คงเป็น Denso ผลิตให้แหละ  .. อ้อ มีเปลี่ยนเซนเซอร์ตู้แอร์ (ของแท้) ไปอีกตัวครับ ช่างบอก มันชอบเสียแถว 2 แสนกม.


ประกอบกลับ เกือบเสร็จละ ผมก็หันไปถามว่า แล้วมันมีอะไรชอบเสียอีกของรถรุ่นนี้ ช่างก็บอกว่า น่าจะมี ท่อ High Pressure อีกเส้น ผมถามว่า แต่มันยังไม่รั่วใช่ไหม ? ช่างบอกว่า ใช่ 

งั้นเปลี่ยนเลย จะรออะไร ???? .. (จริงๆ ผมก็มีข้อมูลมาอยู่แล้วว่า รถรุ่นนี้ ชอบรั่วตรงนี้อีกจุด .. ช่างศูนย์ก็บอก เลยถามเพื่อยืนยัน และพอดีเค้ามีของก็เลยให้เปลี่ยน)

สุดท้าย ก็ แว็คระบบ เติมน้ำยา โดยใช้น้ำยา ยี่ห้อ DBB ไม่คุ้นแฮะ แต่เกรดต่ำกว่า Bluplanet ของศูนย์อยู่สักหน่อย .. เหลือบไปเห็นยางใบปัดน้ำฝนของแท้ แขวนอยู่ เลยสั่งเปลี่ยนยกชุดไป เพราะช่วงมาจากปราจีน ฝั่งซ้ายเริ่มปัดไม่สะอาดละ (เปิดประวัติดู 2 ปี 2 เดือน พอดีเป๊ะ)

ปล. ช่างแจ้ง ตอนปล่อยน้ำยาทิ้งว่า ศูนย์น่าจะเติมน้ำมันคอมมาเยอะ เพราะปล่อยน้ำยาออกมา มีน้ำมันคอมเพียบเลย (ศูนย์เติมตามสเปค แต่เติมหลายที และลืมว่า มันคาในคอมด้วย พอเติมไปอีกเลยเกิน)

.................

ลองใช้งาน
ถึงร้าน 8.30 น.
รถเสร็จ 10.00 น.

- ถือว่า รวดเร็วใช้ได้ครับ ขับออกมา สิ่งแรกที่เปลี่ยนไป ก็คือ สตาร์ทเครื่องเปิดแอร์ปุ๊บ แอร์ฉ่ำเลย เหมือนรถคันอื่นสักที เพราะหลังๆมารถคันนี้ ต้องวิ่งสัก 2 กม.ก่อน มันถึงจะฉ่ำ (สงสัยเพราะน้ำมันคอมเยอะไป ตามที่ช่างว่า)

- ขับยาวๆ ออกสุวินทวงศ์ กลับ ปราจีน แอร์ฉ่ำมาก เย็นมาก เทียบเท่าตอนป้ายแดงเลย ฉ่ำจนหนาว ต้องปรับให้เป่าเท้าเลย .. งั้นก็เลิกคิดเรื่องยี่ห้อน้ำยาแอร์ไปได้

- ก็หวังว่าจะจบ (มันก็น่าจะจบไม่น่ามีอะไรละ) 

สุดท้าย ค่าใช้จ่าย เจอไปราวๆ 8 พันกว่าบาท ตามบิลครับ


ปล. เรื่องฝีมือช่าง ผมให้ผ่าน งานเรียบร้อย รวดเร็ว แต่ ติ เรื่องการสนทนากับลูกค้า ตามข้างบนนี่แหละ ไม่รู้สิ เค้าอาจจะไม่เคยเจอลูกค้าละเอียดๆก็ได้มั้ง

ขอบคุณครับ