เรื่องมีอยู่ว่าอยากจะมาเล่าเรื่องของตัวเองเกี่ยวกับชีวิตในวัยทำงานหลังเรียนจบ ก่อนจะเรียนจบเนี่ยเราก็เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยพึ่งตัวเองให้มากที่สุด พยายามไม่ให้ครอบครัวเดือดร้อน เอาเป็นว่าก็เป็นคนขยันคนนึง พอปีสุดท้ายที่มหาลัยก็จะมีส่งไปฝึกงานตามหลักสูตร แต่เราโชคดีมากที่ฝึกงานเสร็จแล้วไม่ต้องกลับไปเรียนอีก คือฝึกงานเป็นวิชาสุดท้ายก็สามารถ หางานทำได้เลย รอรับปริญญาอย่างเดียว
เราฝึกงานมาเกือบๆ 3 เดือน บริษัทที่เรารับฝึกงานก็รับเราต่อนะ แต่เป็นบริษัทครอบครัวเล็กๆ ซึ่งเรามีความคิดอยากออกไปเผชิญโลกที่กว้างกว่านี้เลยตัดสินใจปฎิเสธ เพื่อไปสมัครงานตามนิคมอุตสาหกรรมต่างๆแถวบ้าน หลังจากฝึกงานเสร็จวันสุดท้าย เราก็ไม่รอช้า เริ่มหาสมัครงานโดยขับรถไปจอดเกือบๆทุกบริษัทถามหาว่ามีรับสมัครงานบัญชีบ้างมั้ยคะ มีรับบ้าง ไม่รับบ้าง บริษัทไหนรับ เราก็กรอกใบสมัครอย่างไม่รอช้า สมัครไปหลายที่และใช้เวลาหลายวันมาก ก็ได้แต่รอว่าจะมีบริษัทไหนโทรมาให้ไปสัมภาษณ์บ้างมั้ยนะ ?? สมัครจนไม่รู้จะไปสมัครที่ไหนแล้วอ่ะออนไลน์ก็ไม่ได้ดูด้วยเพราะคิดว่าไปเองน่าจะเร็วกว่า 👇🏻👇🏻
หลังจากนั้นก็มีบริษัทนึงโทรมาให้ไปสัมภาษณ์ ไอ้เราเนี่ยก็คิดว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จึงถ่อมตัวคิดว่าเป็นเด็กจบใหม่เลยเรียกเงินเดือนไป 13,000 บาท งงกับตัวเอง คุ้มมั้ยเนี่ย จริงๆ 15,000 ก็ได้มั้งงง **ก็ได้แค่คิด** สุดท้ายสัมภาษณ์เสร็จตอนแรกก็บอกว่าให้รอติดต่อกลับนะว่าได้หรือไม่ได้ ไอ้เราก็ถอนหายใจเบาๆ กับคำว่าติดต่อกลับแปลว่าไม่ได้ 😂 สุดท้ายตอนกลับบ้านวันนั้นยังเดินไม่พ้นหน้าโรงงานเลยก็มีสายโทรเข้ามาว่ารับเข้าทำงาน นัดวันมาเซ็นสัญญาอีก 7 วันให้มีเวลาเตรียมตัว
ณ ตอนนั้น เราดีใจมาก แบบว่าเราดีใจกับการเริ่มต้นทำงานจริงๆจังๆสักที เราทำเกี่ยวกับบัญชีออฟฟิศ พอเริ่มงานสังคมในที่ทำงานก็ดีมากนะ มีแต่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่เราที่ทำอยู่ที่นี่ เราเข้าทำงาน กุมภา 2019 เรารู้สึกว่าเรามีความสุขกับการทำงานมีหัวหน้าดี คนรอบข้างดี แต่พอทำงานมาได้ 3 เดือนก็รู้สึกว่า เราเรียกเงินเดือนน้อยไปป่าวว่ะ ก็เลยคิดที่อยากเปลี่ยนงานเพราะคิดว่าตัวเองพลาดมากที่เรียกเงินเดือนไปน้อย เพราะคิดว่าอยากน้อยตามมาตรฐานจบปริญญาตรีก็ควรไม่ต่ำกว่า 15,000 แล้วเราก็พึ่งรู้ว่าการที่ทำงานตรงนี้เราเป็นทรัพคอนแทรค ซึ่งเป็นสัญญาจ้างส่ะด้วย ปีต่อปี ก็เลยตัดสินใจบอกหัวหน้าตัวเองว่าหนูขอเงินเดือนเพิ่มเป็น 15,000 ได้มั้ยคะ ถ้าไม่ได้หนูขอลาออกนะคะหนูคิดว่าหนูมีค่าใช้จ่ายในการกู้เรียน หนูก็ต้องใช้หนี้ตรงนี้ด้วย แต่คิดว่าเงินเดือนไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิต เพราะต้องเสียค่าเดินทางในแต่ละวัน ก็อธิบายให้เหตุผลตามความจริงของเรา หัวหน้าเราก็บอกว่าจะคุยกับนายให้อีกทีนะเพราะว่าต้องมีการอนุมัติหลายทอด เราก็คิดว่าไม่เป็นไร รอไปสัก 1 เดือนก็ได้ ถ้าไม่ได้ก็คงลาออก ผ่านมาไม่กี่วันนายใหญ่ ก็เรียกเราเข้าไปคุยเรื่องเงินเดือนเค้าก็ถามเราตรงๆนะ ว่าเราอยากได้ 15,000 แค่นี้พอใช่มั้ย เราก็มีฉุกคิดในใจนะ ว่าเขาก็เปิดโอกาสให้เราต่อรองได้แล้ว เราก็เรียนสัก 16-17 ดีมั้ยนะ แต่ก็ได้แค่คิดเพราะคิดว่าประสบการณ์เราก็ไม่ได้มีมากมาย ก็ไม่กล้าเรียกเยอะอีกตามเคย 😭
สรุปจบที่ 15,000 เราก็ Happy นะ พอใจอยู่แหละ เราก็ทำงานแบบมาความสุขสนุกกับการทำงาน ก็ทำแบบนี้มา รวมเป็นเวลา 6 เดือน ก็มีตำแหน่งเปิดรับภายในเราก็ไม่รอจ้า ก็ไปสมัครกับเค้า ด้วยความที่เราอยากบรรจุอะเนอะเราก็ตอบได้ทุกอย่างนะ แต่ว่าเราไม่ค่อยได้ภาษาด้วย เพราะบริษัทเป็นบริษัทอเมริกา แต่คนที่สัมภาษณ์เราก็คือหัวหน้าเราเองนะ แต่เขาให้เหตุผลว่า เราอายุยังน้อย ประสบการณ์ก็น้อยมากเช่นกัน ตำแหน่งตรงนี้เป็น senior เราอายุน้อยเกินไปเพราะตอนนั้นอายุ 21 ย่าง 22 เราก็ไม่เสียใจเพราะคิดว่ามีโอกาสก็ลองดูถือว่าเป็นประสบการณ์ไป✌🏻
หลังจากนั้นอยู่มาได้ 2 ปี ตำแหน่งที่เราสมัครเขาลาออก และหัวหน้าเราก็ลาออกด้วยเช่นกัน ณ ตอนนั้นเราก็ได้หัวหน้าคนใหม่ และเขากำลังจะเปิดรับสมัครลูกน้องแทนคนที่ลาออกไป เราก็ไม่รีรอ ไปสมัครกับเขาอีก คราวนี้สัมภาษณ์เป็นคำถามภาษาอังกฤษ 5 ข้อ ไอ้เราด้วยความเป็นหัวหน้าลูกน้องอะเนอะ ก็เลยถามไปเลยค่า จะสัมภาษณ์หนูเกี่ยวกับเรื่องอะไรหรอ เพราะว่าเราก็จะได้เตรียมตัวอะเนอะ แต่ปรากฏว่าสิ่งที่เขาจะสัมภาษณ์มันเป็นข้อมูลเชิงลึกของตำแหน่งนั้น ที่เราไม่รู้เลย เพราะเราทำงานแค่เสี้ยวเล็กๆเท่านั้นอ่ะ ก็เลยเข้าสัมภาษณ์แบบงงๆ แต่ก็ได้แค่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการอยากทำตำแหน่งตรงนี้จริงๆ ส่วนใหญ่คนที่มาสัมภาษณ์เนี่ยก็อายุ 30+ ทั้งนั้นเลย เราก็เป็นเด็กอีกตามเคยอะเนอะ ตอนนี้อายุ 23 ก็มีคิดในใจกับตัวเองบ้างแหละว่าควรจะหางานที่มั่นคงได้แล้วเนอะ ที่ไม่ใช่เป็นสัญญาจ้างแบบนี้ที่ไม่มั่นคง ในอนาคตอาจจะไม่จ้างต่อก็ได้ เป็นงานที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงเลยแหละสรุป เราก็ไม่ได้ตำแหน่งนี้ด้วยสาเหตุที่ว่า เราประสบการณ์โดยตรงมันน้อย แต่คนที่เขาจะรับเข้ามาเนี่ย เขามีประสบการณ์โดยตรงทางด้านนี้มาหลายปี คนนั้น อายุ 38 และเขาก็บอกว่าหัวหน้าเรายังใหม่มาก ก็ควรที่จะได้คนที่มีประสบการณ์มาช่วยเหลือจะดีกว่า เราก็ยอมรับนะว่าเสียใจ ที่ต้องถูกเป็นตัวเลือกทั้งสองครั้ง แต่ก็ไม่ได้ แต่ใจนึงก็คิดว่าสู้เขาไม่ได้จริงๆแหละ เราคงประสบการณ์การน้อยจริงๆ แต่เราก็อยากรู้นะว่า ณ ตอนนั้นหัวหน้าคนใหม่เขาเลือกใคร เราเลยถามเลย เขาบอกว่าเขาเลือกเรานะ แต่ยังไงก็ต้องเป็นหัวหน้าที่ใหญ่กว่าเป็นตัดสินอีกทีนึง เราก็ดีใจนะ ที่เขาเลือกเรา ถึงหัวหน้าใหญ่จะไม่เอาเราก็ตาม 👇🏻
คราวนี้เริ่มเป็นจุดที่เราไม่อยากทำงานตรงนี้แล้ว คิดอยู่ในใจ สมัครออนไลน์ไปแล้วหลายที่ จู่ๆหัวหน้าใหญ่เรียกเราเข้าไปคุยว่าจะย้ายเราไปทำงานใหม่แต่จะเพิ่มเงินเดือนให้เรา เราสนใจมั้ย เค้าก็บอกว่าให้เรา 20,000 คิดส่ะว่าเป็นการปรับฐานเงินเดือนให้เรา เพื่อที่เวลามีตำแหน่งว่าง เงินเดือนจะได้ไม่ก้าวกระโดดมากเกินไป เค้าค่อนข้างมั่นใจว่าเราทำได้ แต่ก็ไม่กดดันเรา เพียงแค่บอกเราว่า ถ้าติดปัญหาอะไรในการทำงานให้เดินมาคุยกับเขาได้เลยตอนนั้นเราก็ไม่รอช้าอะเนอะ มีโอกาสได้ขึ้นเงินเดือนแบบไม่ทันตั้งตัวอะเนาะก็ต้องรีบคว้าป่ะ รับปากโดยเร็ว ดีใจอยู่นะ แต่ก็ด้วยความไม่มั่นคงอะเนอะ สัญญาจ้างติดอยู่ในตัวตลอด เราก็ทำงานไปแบบนี้กับเงินเดือน 20,000 ไปอีก 2 เดือน รวมทั้งหมด เป็น 2 ปี 6 เดือน ก็มีตำแน่งใหม่เปิดอีก เราก็ไม่รอช้าอีกแล้วสินะ หัวหน้าใหญ่ที่เพิ่มเงินเดือนให้เราเขาอยากให้เราไปสมัคร แต่ว่าหัวหน้างานใหม่ของเรานั้นไม่อยากให้เราไปด้วยความที่ว่า เขาไม่อยากสอนคนใหม่ทำไมต้องเอาลูกน้องเค้าไปด้วยล่ะ ตอนนั้นเราเสียใจมากนะ ใจนึงก็ผูกพันกับหัวหน้าใหม่ กลัวเค้าจะรู้สึกไม่ดีกับเราใจนึงเราก็อยากสมัครอีกครั้งเพราะว่ามันเป็นโอกาสที่เราสามารถจะได้บรรจุในบริษัทสักที เป็นความฝันที่รอมานานคิดว่าอายุเท่านี้ก็ควรจะมีความมั่นคงในการทำงานได้แล้ว
คราวนี้หัวหน้าใหญ่กับหัวหน้าเราแล้วก็เราเรียกคุยพร้อมกันเลย 3 คน ณ ตอนนั้นเราค่อนข้างสับสนว่าจะยังไงดีกลัวหัวหน้าเราเสียใจ แต่ใจนึงก็เพื่อความก้าวหน้าอะเนาะ เพราะว่าการสมัครตำแหน่งตรงนี้หัวหน้างานตัวเองต้องยินยอมด้วย สรุปว่า หัวหน้าเราบอกว่าถ้าเราสมัครเขาจะสมัครด้วย เพราะด้วยความว่าเอาลูกน้องเค้าไปแล้วเค้าต้องสอนงานคนใหม่แล้วก็ไม่รู้ว่าคนใหม่จะทำงานได้ดีเหมือนเรามั้ย คือฟังดูมันก็ตลกอะเนอะ ที่สมัครตำแหน่งนั้น ทั้งหัวหน้าและลูกน้องอ่ะ สรุปตำแหน่งนี้ก็มีคนสมัครทั้งหมด 3 คน เป็นคนในออฟฟิศด้วยกันทั้งหมด 1 คือเราที่เป็นทรัพคอนแทรค 2 คือหัวหน้าเราเป็นพนักงานในบริษัทอยู่แล้ว 3 เป็นเพื่อนรวมงานแผนกเดียวกันแต่เป็นนักบัญชีอาวุโสคือจะบอกว่า 2 คนนี้ประสบการณ์มากมายอายุ 40+ กับเราอายุ 24 เราค่อยข้างกดดันนะ แต่ก็คิดอยู่แล้วว่าคงไม่ได้หรอก เพราะแต่ละคนที่สมัครก็เก่งกว่าเราตั้งหลายเท่า แถมมีประสบการณ์มากมายส่ะด้วย
👇🏻👇🏻👇🏻เดี๋ยวมาต่อนะคะ 👇🏻👇🏻👇🏻
ทำงานที่เรารักกันเถอะ เด็กจบใหม่ โตเร็วมั้ยไม่รู้ แต่สำหรับเราว่าเร็วมาก มาคุยกันเถอะ
เราฝึกงานมาเกือบๆ 3 เดือน บริษัทที่เรารับฝึกงานก็รับเราต่อนะ แต่เป็นบริษัทครอบครัวเล็กๆ ซึ่งเรามีความคิดอยากออกไปเผชิญโลกที่กว้างกว่านี้เลยตัดสินใจปฎิเสธ เพื่อไปสมัครงานตามนิคมอุตสาหกรรมต่างๆแถวบ้าน หลังจากฝึกงานเสร็จวันสุดท้าย เราก็ไม่รอช้า เริ่มหาสมัครงานโดยขับรถไปจอดเกือบๆทุกบริษัทถามหาว่ามีรับสมัครงานบัญชีบ้างมั้ยคะ มีรับบ้าง ไม่รับบ้าง บริษัทไหนรับ เราก็กรอกใบสมัครอย่างไม่รอช้า สมัครไปหลายที่และใช้เวลาหลายวันมาก ก็ได้แต่รอว่าจะมีบริษัทไหนโทรมาให้ไปสัมภาษณ์บ้างมั้ยนะ ?? สมัครจนไม่รู้จะไปสมัครที่ไหนแล้วอ่ะออนไลน์ก็ไม่ได้ดูด้วยเพราะคิดว่าไปเองน่าจะเร็วกว่า 👇🏻👇🏻
หลังจากนั้นก็มีบริษัทนึงโทรมาให้ไปสัมภาษณ์ ไอ้เราเนี่ยก็คิดว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จึงถ่อมตัวคิดว่าเป็นเด็กจบใหม่เลยเรียกเงินเดือนไป 13,000 บาท งงกับตัวเอง คุ้มมั้ยเนี่ย จริงๆ 15,000 ก็ได้มั้งงง **ก็ได้แค่คิด** สุดท้ายสัมภาษณ์เสร็จตอนแรกก็บอกว่าให้รอติดต่อกลับนะว่าได้หรือไม่ได้ ไอ้เราก็ถอนหายใจเบาๆ กับคำว่าติดต่อกลับแปลว่าไม่ได้ 😂 สุดท้ายตอนกลับบ้านวันนั้นยังเดินไม่พ้นหน้าโรงงานเลยก็มีสายโทรเข้ามาว่ารับเข้าทำงาน นัดวันมาเซ็นสัญญาอีก 7 วันให้มีเวลาเตรียมตัว
ณ ตอนนั้น เราดีใจมาก แบบว่าเราดีใจกับการเริ่มต้นทำงานจริงๆจังๆสักที เราทำเกี่ยวกับบัญชีออฟฟิศ พอเริ่มงานสังคมในที่ทำงานก็ดีมากนะ มีแต่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่เราที่ทำอยู่ที่นี่ เราเข้าทำงาน กุมภา 2019 เรารู้สึกว่าเรามีความสุขกับการทำงานมีหัวหน้าดี คนรอบข้างดี แต่พอทำงานมาได้ 3 เดือนก็รู้สึกว่า เราเรียกเงินเดือนน้อยไปป่าวว่ะ ก็เลยคิดที่อยากเปลี่ยนงานเพราะคิดว่าตัวเองพลาดมากที่เรียกเงินเดือนไปน้อย เพราะคิดว่าอยากน้อยตามมาตรฐานจบปริญญาตรีก็ควรไม่ต่ำกว่า 15,000 แล้วเราก็พึ่งรู้ว่าการที่ทำงานตรงนี้เราเป็นทรัพคอนแทรค ซึ่งเป็นสัญญาจ้างส่ะด้วย ปีต่อปี ก็เลยตัดสินใจบอกหัวหน้าตัวเองว่าหนูขอเงินเดือนเพิ่มเป็น 15,000 ได้มั้ยคะ ถ้าไม่ได้หนูขอลาออกนะคะหนูคิดว่าหนูมีค่าใช้จ่ายในการกู้เรียน หนูก็ต้องใช้หนี้ตรงนี้ด้วย แต่คิดว่าเงินเดือนไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิต เพราะต้องเสียค่าเดินทางในแต่ละวัน ก็อธิบายให้เหตุผลตามความจริงของเรา หัวหน้าเราก็บอกว่าจะคุยกับนายให้อีกทีนะเพราะว่าต้องมีการอนุมัติหลายทอด เราก็คิดว่าไม่เป็นไร รอไปสัก 1 เดือนก็ได้ ถ้าไม่ได้ก็คงลาออก ผ่านมาไม่กี่วันนายใหญ่ ก็เรียกเราเข้าไปคุยเรื่องเงินเดือนเค้าก็ถามเราตรงๆนะ ว่าเราอยากได้ 15,000 แค่นี้พอใช่มั้ย เราก็มีฉุกคิดในใจนะ ว่าเขาก็เปิดโอกาสให้เราต่อรองได้แล้ว เราก็เรียนสัก 16-17 ดีมั้ยนะ แต่ก็ได้แค่คิดเพราะคิดว่าประสบการณ์เราก็ไม่ได้มีมากมาย ก็ไม่กล้าเรียกเยอะอีกตามเคย 😭
สรุปจบที่ 15,000 เราก็ Happy นะ พอใจอยู่แหละ เราก็ทำงานแบบมาความสุขสนุกกับการทำงาน ก็ทำแบบนี้มา รวมเป็นเวลา 6 เดือน ก็มีตำแหน่งเปิดรับภายในเราก็ไม่รอจ้า ก็ไปสมัครกับเค้า ด้วยความที่เราอยากบรรจุอะเนอะเราก็ตอบได้ทุกอย่างนะ แต่ว่าเราไม่ค่อยได้ภาษาด้วย เพราะบริษัทเป็นบริษัทอเมริกา แต่คนที่สัมภาษณ์เราก็คือหัวหน้าเราเองนะ แต่เขาให้เหตุผลว่า เราอายุยังน้อย ประสบการณ์ก็น้อยมากเช่นกัน ตำแหน่งตรงนี้เป็น senior เราอายุน้อยเกินไปเพราะตอนนั้นอายุ 21 ย่าง 22 เราก็ไม่เสียใจเพราะคิดว่ามีโอกาสก็ลองดูถือว่าเป็นประสบการณ์ไป✌🏻
หลังจากนั้นอยู่มาได้ 2 ปี ตำแหน่งที่เราสมัครเขาลาออก และหัวหน้าเราก็ลาออกด้วยเช่นกัน ณ ตอนนั้นเราก็ได้หัวหน้าคนใหม่ และเขากำลังจะเปิดรับสมัครลูกน้องแทนคนที่ลาออกไป เราก็ไม่รีรอ ไปสมัครกับเขาอีก คราวนี้สัมภาษณ์เป็นคำถามภาษาอังกฤษ 5 ข้อ ไอ้เราด้วยความเป็นหัวหน้าลูกน้องอะเนอะ ก็เลยถามไปเลยค่า จะสัมภาษณ์หนูเกี่ยวกับเรื่องอะไรหรอ เพราะว่าเราก็จะได้เตรียมตัวอะเนอะ แต่ปรากฏว่าสิ่งที่เขาจะสัมภาษณ์มันเป็นข้อมูลเชิงลึกของตำแหน่งนั้น ที่เราไม่รู้เลย เพราะเราทำงานแค่เสี้ยวเล็กๆเท่านั้นอ่ะ ก็เลยเข้าสัมภาษณ์แบบงงๆ แต่ก็ได้แค่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการอยากทำตำแหน่งตรงนี้จริงๆ ส่วนใหญ่คนที่มาสัมภาษณ์เนี่ยก็อายุ 30+ ทั้งนั้นเลย เราก็เป็นเด็กอีกตามเคยอะเนอะ ตอนนี้อายุ 23 ก็มีคิดในใจกับตัวเองบ้างแหละว่าควรจะหางานที่มั่นคงได้แล้วเนอะ ที่ไม่ใช่เป็นสัญญาจ้างแบบนี้ที่ไม่มั่นคง ในอนาคตอาจจะไม่จ้างต่อก็ได้ เป็นงานที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงเลยแหละสรุป เราก็ไม่ได้ตำแหน่งนี้ด้วยสาเหตุที่ว่า เราประสบการณ์โดยตรงมันน้อย แต่คนที่เขาจะรับเข้ามาเนี่ย เขามีประสบการณ์โดยตรงทางด้านนี้มาหลายปี คนนั้น อายุ 38 และเขาก็บอกว่าหัวหน้าเรายังใหม่มาก ก็ควรที่จะได้คนที่มีประสบการณ์มาช่วยเหลือจะดีกว่า เราก็ยอมรับนะว่าเสียใจ ที่ต้องถูกเป็นตัวเลือกทั้งสองครั้ง แต่ก็ไม่ได้ แต่ใจนึงก็คิดว่าสู้เขาไม่ได้จริงๆแหละ เราคงประสบการณ์การน้อยจริงๆ แต่เราก็อยากรู้นะว่า ณ ตอนนั้นหัวหน้าคนใหม่เขาเลือกใคร เราเลยถามเลย เขาบอกว่าเขาเลือกเรานะ แต่ยังไงก็ต้องเป็นหัวหน้าที่ใหญ่กว่าเป็นตัดสินอีกทีนึง เราก็ดีใจนะ ที่เขาเลือกเรา ถึงหัวหน้าใหญ่จะไม่เอาเราก็ตาม 👇🏻
คราวนี้เริ่มเป็นจุดที่เราไม่อยากทำงานตรงนี้แล้ว คิดอยู่ในใจ สมัครออนไลน์ไปแล้วหลายที่ จู่ๆหัวหน้าใหญ่เรียกเราเข้าไปคุยว่าจะย้ายเราไปทำงานใหม่แต่จะเพิ่มเงินเดือนให้เรา เราสนใจมั้ย เค้าก็บอกว่าให้เรา 20,000 คิดส่ะว่าเป็นการปรับฐานเงินเดือนให้เรา เพื่อที่เวลามีตำแหน่งว่าง เงินเดือนจะได้ไม่ก้าวกระโดดมากเกินไป เค้าค่อนข้างมั่นใจว่าเราทำได้ แต่ก็ไม่กดดันเรา เพียงแค่บอกเราว่า ถ้าติดปัญหาอะไรในการทำงานให้เดินมาคุยกับเขาได้เลยตอนนั้นเราก็ไม่รอช้าอะเนอะ มีโอกาสได้ขึ้นเงินเดือนแบบไม่ทันตั้งตัวอะเนาะก็ต้องรีบคว้าป่ะ รับปากโดยเร็ว ดีใจอยู่นะ แต่ก็ด้วยความไม่มั่นคงอะเนอะ สัญญาจ้างติดอยู่ในตัวตลอด เราก็ทำงานไปแบบนี้กับเงินเดือน 20,000 ไปอีก 2 เดือน รวมทั้งหมด เป็น 2 ปี 6 เดือน ก็มีตำแน่งใหม่เปิดอีก เราก็ไม่รอช้าอีกแล้วสินะ หัวหน้าใหญ่ที่เพิ่มเงินเดือนให้เราเขาอยากให้เราไปสมัคร แต่ว่าหัวหน้างานใหม่ของเรานั้นไม่อยากให้เราไปด้วยความที่ว่า เขาไม่อยากสอนคนใหม่ทำไมต้องเอาลูกน้องเค้าไปด้วยล่ะ ตอนนั้นเราเสียใจมากนะ ใจนึงก็ผูกพันกับหัวหน้าใหม่ กลัวเค้าจะรู้สึกไม่ดีกับเราใจนึงเราก็อยากสมัครอีกครั้งเพราะว่ามันเป็นโอกาสที่เราสามารถจะได้บรรจุในบริษัทสักที เป็นความฝันที่รอมานานคิดว่าอายุเท่านี้ก็ควรจะมีความมั่นคงในการทำงานได้แล้ว
คราวนี้หัวหน้าใหญ่กับหัวหน้าเราแล้วก็เราเรียกคุยพร้อมกันเลย 3 คน ณ ตอนนั้นเราค่อนข้างสับสนว่าจะยังไงดีกลัวหัวหน้าเราเสียใจ แต่ใจนึงก็เพื่อความก้าวหน้าอะเนาะ เพราะว่าการสมัครตำแหน่งตรงนี้หัวหน้างานตัวเองต้องยินยอมด้วย สรุปว่า หัวหน้าเราบอกว่าถ้าเราสมัครเขาจะสมัครด้วย เพราะด้วยความว่าเอาลูกน้องเค้าไปแล้วเค้าต้องสอนงานคนใหม่แล้วก็ไม่รู้ว่าคนใหม่จะทำงานได้ดีเหมือนเรามั้ย คือฟังดูมันก็ตลกอะเนอะ ที่สมัครตำแหน่งนั้น ทั้งหัวหน้าและลูกน้องอ่ะ สรุปตำแหน่งนี้ก็มีคนสมัครทั้งหมด 3 คน เป็นคนในออฟฟิศด้วยกันทั้งหมด 1 คือเราที่เป็นทรัพคอนแทรค 2 คือหัวหน้าเราเป็นพนักงานในบริษัทอยู่แล้ว 3 เป็นเพื่อนรวมงานแผนกเดียวกันแต่เป็นนักบัญชีอาวุโสคือจะบอกว่า 2 คนนี้ประสบการณ์มากมายอายุ 40+ กับเราอายุ 24 เราค่อยข้างกดดันนะ แต่ก็คิดอยู่แล้วว่าคงไม่ได้หรอก เพราะแต่ละคนที่สมัครก็เก่งกว่าเราตั้งหลายเท่า แถมมีประสบการณ์มากมายส่ะด้วย
👇🏻👇🏻👇🏻เดี๋ยวมาต่อนะคะ 👇🏻👇🏻👇🏻