สวัสดีค่ะ “
พี่หยอดวัดยาง” กลับมาอีกครั้งกับทริปต่างประเทศ ทริปแรกในรอบ 3 ปี
ครั้งนี้ตื่นเต้นกว่าทุกครั้ง เพราะมี “
เข็มทิศ” ลูกชายในวัย 3 ขวบเดินทางด้วย… (ทริปล่าสุดที่ไปมาคือตอนลูกชายยังอยู่ในท้องได้ 6 เดือน 555)
พอครั้งนี้มีลูกไปด้วย การเตรียมตัวต่างๆ และแพลนการเที่ยวก็เปลี่ยนไปค่ะ… ที่เที่ยว ที่พัก ก็ต้องเน้นที่เหมาะกับลูกเป็นหลัก และสำหรับทริปแรกนี้ บ้านพี่หยอดเลือกที่จะไป “
ประเทศสิงคโปร์” ค่ะ ไปกัน 4 วัน 3 คืน ถ้าใครกำลังมีแพลนจะเที่ยวสิงคโปร์อยู่ โดยเฉพาะครอบครัวลูกเล็ก ก็แวะมาเก็บข้อมูลกันได้เลยค๊าาาาา
ก่อนอื่นขอฝากเข้าไปเป็นกำลังใจ ติดตามเพจเล็กๆ ของ “พี่หยอด” และ “น้องเข็มทิศ” กันที่
Facebook :
Journey of Kemtis การเดินทางของเข็มทิศ
http://www.facebook.com/journeyofkemtis
*** ทริปนี้ไปมาเมื่อช่วงต้นเดือน กรกฎาคม 2565 นะคะ ข้อมูลต่างๆ เรื่องการเข้าประเทศจะยึดตามระเบียบในช่วงเวลานั้น แนะนำว่าก่อนไป เช็กข้อมูลอัพเดตกันอีกทีน้า ***
❓❓ ทำไมถึงต้องสิงคโปร์ ❓❓
😀เดินทางไม่นาน บินประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงแล้ว
😚 งบประมาณในการเดินทางไม่แรงมากเกินไป ค่าตั๋วเครื่องบินราคาประหยัด
😉 สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับเด็กและครอบครัวมีหลากหลาย
🤩 อาหารการกินใกล้เคียงกับบ้านเรา น่าจะถูกปากและเข้าถึงง่าย
😆 ค่าครองชีพไม่โหดจนเกินไป อาจจะแพงกว่าบ้านเราเล็กน้อย
😎 บ้านเมืองเป็นระเบียบ สะอาด มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
🥰 ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวสามารถหาได้ง่าย
🙃 ผู้คนส่วนใหญ่สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้
😇 การเดินทางภายในประเทศสะดวก ตรงเวลา และมีให้เลือกหลายวิธี
และที่สำคัญที่สุดคือ... 💉ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี (ที่ยังไม่รับวัคซีนหรือยังรับไม่ครบโดส) สามารถเดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องกักตัวใดๆ ค่ะ
ด้วยเหตุผลเหล่านี้... “พี่หยอด” เลยเลือกพาเข็มทิศไปสิงคโปร์เป็นประเทศแรกค่ะ
เมื่อเลือกแล้ว... เตรียมตัวอย่างไรต่อละทีนี้ ?
พี่หยอดลองแบ่งออกเป็น 7 หัวข้อหลักๆ ที่คิดว่าสำคัญและมีประโยชน์ในการเตรียมตัว โดยเฉพาะสำหรับ “การพาลูกเล็กไปเที่ยว” นะคะ ลองตามไปอ่านกันดู ยาวนิดนึงนะ
1.) เอกสารประกอบการเดินทาง / การเข้าประเทศ
- Passport ที่มีอายุคงเหลืออย่างน้อย 6 เดือน
- หลักฐานการได้รับวัคซีนครบโดส (2 เข็มยี่ห้อใดก็ได้) สามารถใช้ได้ทั้ง Vaccine Passport (เล่มเหลือง) หรือ International Certificate ใน app หมอพร้อม (แบบออนไลน์)
- ก่อนเดินทางไม่เกิน 3 วัน ต้องกรอก SG Arrival Card ล่วงหน้า
คลิก 🛂
https://eservices.ica.gov.sg/sgarrivalcard/
หากเดินทางเป็นกลุ่ม สามารถเลือกกรอกแบบ Group Submission ได้ค่ะสะดวกมาก
- หากไม่ได้กรอกมาก่อน เมื่อมาถึงตรง Immigration จะมี QR Code ให้สแกนเพื่อกรอกแต่แนะนำว่ากรอกมาเลยเร็วกว่าค่ะ
สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็กเดินทางด้วย สามารถเข้า Immigration ช่องทางด่วนได้ (อยู่ซ้ายสุด)
-----------------------------
2.) ตั๋วเครื่องบิน
✈️ สิงคโปร์เป็นประเทศที่ไม่ไกลจากประเทศไทย ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ซึ่งก็มีสายการบินให้เลือกทั้งแบบ Full-service และ Low Cost มีเครื่องออกแทบจะทุกชั่วโมง สามารถเลือกช่วงเวลาที่สะดวกกันได้เลย ส่วนเรื่องราคาถ้าได้โปรดีๆ ก็มีตั้งแต่เริ่มต้นหลักพันต้นๆ
✈️ สำหรับทริปนี้ บ้านเข็มทิศเลือกใช้บริการสายการบิน Singapore Airlines ค่ะ เป็นสายการบินแบบ Full-Service ราคารวมอาหารและน้ำหนักกระเป๋า 25kg. เรียบร้อยแล้ว เลือกเวลาบินช่วง 09.40 น. ถึงสิงคโปร์ 13.05 น. ที่เลือกเวลานี้เพราะว่าไม่เช้าและไม่ช้าจนเกินไป เอาเวลาที่บ้านเราเอง “สะดวก” และ “ไหว” ที่สุดค่ะ
✈️ และสำหรับ Singapore Airlines ถ้าเดินทางพร้อมกับเด็ก ทางสายการบินจะให้เลือก Seat ได้ฟรี สำหรับผู้ใหญ่และเด็กที่จองใน booking เดียวกันด้วยค่ะ ดีงามมาก
รายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้ใน Link นี้ค๊า >>>
https://www.singaporeair.com/en_UK/vn/travel-info/special-assistance/travelling-with-children/
✈️ ค่าตั๋วเครื่องบินสำหรับเด็ก ถ้าอายุ 2 ปีขึ้นไปจะราคาใกล้เคียงกับผู้ใหญ่เลยค่ะ โดยระหว่างที่อยู่บนเครื่อง เด็กต้องนั่ง seat ของตัวเอง และหากบ้านไหนอยากพกรถเข็นไปด้วย สามารถ request ขอโหลดใต้เครื่องที่หน้า Gate ได้ค่ะ
และที่สนามบินสุวรรณภูมิถ้าเดินทางพร้อมเด็ก สามารถเข้าช่อง Priority Lane ได้นะคะ
-----------------------------
3.) ที่พัก
🏨 ในเรื่องของที่พักนี่เป็นอะไรที่ขึ้นอยู่กับความพอใจและความชอบของแต่ละครอบครัวเลยค่ะ แต่สำหรับทริปนี้ บ้านเรามีโจทย์ในการเลือกที่พักอยู่ 6 ข้อค่ะ คำนึงถึง “ความสะดวกสบาย” เป็นหลักนะ
1. ขอที่พักที่เป็นโรงแรม (ไม่เอา AirBNB, Hostel, Guesthouse)
2. ขอโรงแรมที่อยู่ใกล้ Public Transportation จะได้เดินทางสะดวก
3. ขอโรงแรมที่มีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ อยู่ใกล้ๆ
4. ห้องพักไม่ต้องใหญ่มาก แต่ขอให้สะอาดก็พอ
5. ไม่มีอาหารเช้าไม่เป็นไร หาทานแถวๆ นั้นได้
6. ราคาไม่โหดร้ายจนเกินไป คืนละประมาณ 3-4K THB พอรับได้
🏨 สรุปทริปนี้ เลือกพักที่ V Hotel Lavender ค่ะ เป็นโรงแรมที่ตอบโจทย์ทุกข้อที่ list มา และเห็นรีวิวนักท่องเที่ยวชาวไทยมาพักกันเยอะมาก (แสดงว่าต้องดี 555) ที่นี่เป็นโรงแรม 4 ดาว ตั้งอยู่ย่าน Lavender อยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ การเดินทางจากสนามบินมาโรงแรมไม่ยาก มีสถานีรถใต้ดิน MRT อยู่ติดโรงแรมเลย มีป้ายรถเมล์อยู่ไม่ไกล โดยรอบมีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อ ราคาที่จองตกคืนละประมาณ 4,000 บาทค่ะ
ปล. ครั้งนี้จองผ่านทาง booking.com นะคะ
-----------------------------
4.) การเดินทางในสิงคโปร์
สำหรับทริปนี้ เลือกที่จะเดินทางโดยรถสาธารณะค่ะ ดูตามสถานการณ์ความเหนื่อยว่า ณ ตอนนั้นขาลากรึยัง 5555 ซึ่งรถสาธารณะหลักๆ ที่ใช้ในทริปนี้ก็คือ
🚇 รถไฟใต้ดิน MRT น่าจะเป็นการเดินทางที่รวดเร็วและประหยัดที่สุด
🚌 รถเมล์ SMRT และ SBS อีกหนึ่งการเดินทางที่ประหยัดชมวิวเมืองได้เพลินๆ
🚕 รถ Taxi ถ้าเริ่มเมื่อยเมื่อไหร่ก็กระโดดขึ้น Taxi โลดค่ะ แต่ราคาก็จะแรงนิดนึง เรียกผ่าน Grab ได้
🚇 สำหรับรถเมล์และรถไฟใต้ดิน ถ้าโดยหลักการ เด็กที่สูงกว่า 90 cm. และอายุต่ำกว่า 7 ปี โดยสารฟรีนะคะ แต่ต้องไปขอทำบัตร Child Concession Card เพียงแค่ยื่น Passport ที่เคาเตอร์ TransitLink Ticket Office ใดก็ได้ ไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม >>>
https://www.transitlink.com.sg/child-concession-card/
แต่ครั้งนี้ พอตอนจะไปขอทำบัตร Child Concession Card เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ต้องทำก็ได้เพราะลูกยังเล็กอยู่ พี่หยอดเลยคิดว่าเค้าก็คงอนุโลมให้ค่ะ สบายเลย! ยังไงเพื่อความชัวร์ลองแวะไปที่ TransitLink Ticket Office ดูก่อนนะคะ
ปล. ตลอดทริปใช้ Google Map ในการนำทางค่ะ สะดวก และ ดีงามมาก บอกหมดทุกสิ่งอย่าง และอีก App ที่ใช้ประกอบกันคือ gothere.sg.lite ค่ะ
🚖 สำหรับรถ Taxi สามารถเรียกผ่าน Application GRAB อันเดียวกับที่ใช้ที่เมืองไทยได้เลย ไม่ต้องไปโหลดใหม่ค่ะ ซึ่งสำหรับครอบครัวที่มีลูกเล็กแนะนำให้เลือกใช้บริการ Grab Family ค่ะ จะมี Car Seat (สำหรับ 1-3 ขวบ) หรือ Booster Seat (สำหรับ 4-7 ขวบ) สำหรับเด็กไว้บริการเพื่อความปลอดภัย โดยจะคิดค่าบริการเพิ่มเติมอยู่ที่ 3-5$ แต่…….จะเรียกรถยากเพราะมีน้อย จากที่ได้ลองเรียกแล้วค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม >>>
https://www.grab.com/sg/driver/transport/family/
ก็เลยได้ถามพนักงานโรงแรมว่า ถ้ามีเด็กเล็กจำเป็นต้องนั่งรถที่มี CarSeat เท่านั้นหรือไม่? ก็ได้คำตอบมาว่า ไม่จำเป็น คงอนุโลมได้ แต่ที่ซีเรียสกว่าคือ ห้ามนั่งเกินจำนวนที่นั่งในรถค่ะ
-----------------------------
5.)
สถานที่ท่องเที่ยว
📍ทริปนี้เน้น “พาลูกเที่ยว” ก็เลยจะมีแต่ที่เที่ยวที่เหมาะสำหรับเด็กค่ะ ซึ่งแทบจะทุกที่และทุกกิจกรรม เราสามารถจองบัตรเข้าล่วงหน้าได้ ครั้งนี้พี่หยอดมีทั้งแบบจองตรงกับ Website ของแต่ละที่ และจองผ่าน Klook ซึ่งก็จะได้เป็น QR code หรือ Barcode มา เพียงแค่แสดงที่หน้างานก็ผ่านฉลุย
ซึ่งทริปนี้ บ้านเราไปที่เหล่านี้มาค่ะ…
📌 Merlion Park อันนี้แลนด์มาร์คเลยต้องไปซะหน่อย
📌 Pororo Park, Marina Square สวนสนุกย่อมๆ ธีมโปโรโระน่ารักๆ
📌 Singapore Zoo หนึ่งในสวนสัตว์ที่ดีที่สุดในโลก
📌 WaterB River Cruise ล่องเรือเก็บ Landmark ของสิงคโปร์
📌 S.E.A. Aquarium วาร์ปไปโลกใต้ท้องทะเลที่ Sentosa
📌 Garden by the Bay แวะไปชมสวนสวยๆ ไฮไลท์ของสิงคโปร์
📌 Jewel Changi ปิดท้ายก่อนกลับบ้าน
ไปเที่ยวครั้งนี้ มีรถเข็นเด็กไปด้วย บอกเลยเข็นไปที่ไหนไม่เคยเจอปัญหา เพราะมีทั้งทางลาด และลิฟท์ให้บริการ ไม่ต้องมีโมเม้นยกรถเข็นขึ้นลงบันไดเลย 5555
ปล. รีวิวนี้ พี่หยอดจะเน้นให้ข้อมูลแค่เรื่องสถานที่ท่องเที่ยวนะคะ เพราะเรื่องอาหารการกินส่วนใหญ่ หิวที่ไหนก็ทานที่นั่น ไม่ได้ไปตามรอยร้านเด็ดร้านดังเลยค่ะ
-----------------------------
6.)
การติดต่อสื่อสาร
📱ครั้งนี้มา 3 คืน 4 วัน เลือกเปิด Data Roaming เอาค่ะ ของ AIS ราคา Package 399 บาท สะดวกดี มาถึงก็ไม่ต้องเปลี่ยนซิมใดๆ ให้วุ่นวาย เท่าที่ใช้มาสัญญาณโอเคไม่มีติดขัดนะ (ของค่ายมือถืออื่นๆ ไม่แน่ใจนะคะ แฮะๆ)
และถ้าใครอยากจะใช้บริการ Grab สามารถใช้โทรผ่าน messenger ของ app ได้เลย ไม่จำเป็นต้องมีเบอร์สิงคโปร์ค่ะ
-----------------------------
7.) วิธีการใช้จ่าย
💰 ตอนนี้ที่สิงคโปร์แทบจะ cashless ทุกที่ค่ะ ถ้าไม่นับร้านค้าที่ local สุดๆ จริงๆ ควรแลกเงินสดติดตัวไว้แก้ปัญหาเล็กน้อย
สำหรับบัตรที่ใช้ในการจ่ายเงิน ถ้าเอาที่คนไทยน่าจะสะดวกก็จะมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน
💳 บัตร E-Z Link เพียงใบเดียวสามารถจ่ายค่าโดยสารได้ทั้งรถบัสและรถไฟแถมยังใช้จ่ายในร้านสะดวกซื้อได้ด้วย เติมเงินได้ที่ร้าน 7-11 หรือตู้เติมเงิน
💳 บัตร Travel Card หรือบัตรเครดิต ต่างๆ ที่สมัครจากธนาคารของไทย ที่มีสัญลักษณ์ Pay Wave ก็สามารถแตะเพื่อจ่ายค่ารถไฟ รถบัตร และใช้ตามร้านค้าต่างๆ ได้เช่นกัน
และนอกจากจะ Cashless แล้ว ที่นี่ก็ Paperless ด้วยค่ะ เอกสารหรือบัตรต่างๆ ที่เราซื้อไว้ล่วงหน้า ไม่จำเป็นต้อง print ใดๆ ทั้งสิ้น เพียง save ไว้ในมือถือคือจบเลย
และนี่ก็คือทั้งหมดข้อควรรู้สำหรับการเตรียมตัวไปเที่ยวสิงคโปร์ค่ะ ถ้าพร้อมแล้ว เดี๋ยวเราไปต่อกันที่รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวกันต่อเล้ยยยยยย
[CR] Journey of Kemtis : พาลูกเที่ยวสิงคโปร์ 4 วัน 3 คืน Family Trip in Singapore
ครั้งนี้ตื่นเต้นกว่าทุกครั้ง เพราะมี “เข็มทิศ” ลูกชายในวัย 3 ขวบเดินทางด้วย… (ทริปล่าสุดที่ไปมาคือตอนลูกชายยังอยู่ในท้องได้ 6 เดือน 555)
พอครั้งนี้มีลูกไปด้วย การเตรียมตัวต่างๆ และแพลนการเที่ยวก็เปลี่ยนไปค่ะ… ที่เที่ยว ที่พัก ก็ต้องเน้นที่เหมาะกับลูกเป็นหลัก และสำหรับทริปแรกนี้ บ้านพี่หยอดเลือกที่จะไป “ประเทศสิงคโปร์” ค่ะ ไปกัน 4 วัน 3 คืน ถ้าใครกำลังมีแพลนจะเที่ยวสิงคโปร์อยู่ โดยเฉพาะครอบครัวลูกเล็ก ก็แวะมาเก็บข้อมูลกันได้เลยค๊าาาาา
ก่อนอื่นขอฝากเข้าไปเป็นกำลังใจ ติดตามเพจเล็กๆ ของ “พี่หยอด” และ “น้องเข็มทิศ” กันที่
Facebook : Journey of Kemtis การเดินทางของเข็มทิศ
http://www.facebook.com/journeyofkemtis
*** ทริปนี้ไปมาเมื่อช่วงต้นเดือน กรกฎาคม 2565 นะคะ ข้อมูลต่างๆ เรื่องการเข้าประเทศจะยึดตามระเบียบในช่วงเวลานั้น แนะนำว่าก่อนไป เช็กข้อมูลอัพเดตกันอีกทีน้า ***
❓❓ ทำไมถึงต้องสิงคโปร์ ❓❓
😀เดินทางไม่นาน บินประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงแล้ว
😚 งบประมาณในการเดินทางไม่แรงมากเกินไป ค่าตั๋วเครื่องบินราคาประหยัด
😉 สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับเด็กและครอบครัวมีหลากหลาย
🤩 อาหารการกินใกล้เคียงกับบ้านเรา น่าจะถูกปากและเข้าถึงง่าย
😆 ค่าครองชีพไม่โหดจนเกินไป อาจจะแพงกว่าบ้านเราเล็กน้อย
😎 บ้านเมืองเป็นระเบียบ สะอาด มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
🥰 ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวสามารถหาได้ง่าย
🙃 ผู้คนส่วนใหญ่สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้
😇 การเดินทางภายในประเทศสะดวก ตรงเวลา และมีให้เลือกหลายวิธี
และที่สำคัญที่สุดคือ... 💉ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี (ที่ยังไม่รับวัคซีนหรือยังรับไม่ครบโดส) สามารถเดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องกักตัวใดๆ ค่ะ
ด้วยเหตุผลเหล่านี้... “พี่หยอด” เลยเลือกพาเข็มทิศไปสิงคโปร์เป็นประเทศแรกค่ะ
เมื่อเลือกแล้ว... เตรียมตัวอย่างไรต่อละทีนี้ ?
พี่หยอดลองแบ่งออกเป็น 7 หัวข้อหลักๆ ที่คิดว่าสำคัญและมีประโยชน์ในการเตรียมตัว โดยเฉพาะสำหรับ “การพาลูกเล็กไปเที่ยว” นะคะ ลองตามไปอ่านกันดู ยาวนิดนึงนะ
1.) เอกสารประกอบการเดินทาง / การเข้าประเทศ
- Passport ที่มีอายุคงเหลืออย่างน้อย 6 เดือน
- หลักฐานการได้รับวัคซีนครบโดส (2 เข็มยี่ห้อใดก็ได้) สามารถใช้ได้ทั้ง Vaccine Passport (เล่มเหลือง) หรือ International Certificate ใน app หมอพร้อม (แบบออนไลน์)
- ก่อนเดินทางไม่เกิน 3 วัน ต้องกรอก SG Arrival Card ล่วงหน้า
คลิก 🛂https://eservices.ica.gov.sg/sgarrivalcard/
หากเดินทางเป็นกลุ่ม สามารถเลือกกรอกแบบ Group Submission ได้ค่ะสะดวกมาก
- หากไม่ได้กรอกมาก่อน เมื่อมาถึงตรง Immigration จะมี QR Code ให้สแกนเพื่อกรอกแต่แนะนำว่ากรอกมาเลยเร็วกว่าค่ะ
สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็กเดินทางด้วย สามารถเข้า Immigration ช่องทางด่วนได้ (อยู่ซ้ายสุด)
-----------------------------
2.) ตั๋วเครื่องบิน
✈️ สิงคโปร์เป็นประเทศที่ไม่ไกลจากประเทศไทย ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ซึ่งก็มีสายการบินให้เลือกทั้งแบบ Full-service และ Low Cost มีเครื่องออกแทบจะทุกชั่วโมง สามารถเลือกช่วงเวลาที่สะดวกกันได้เลย ส่วนเรื่องราคาถ้าได้โปรดีๆ ก็มีตั้งแต่เริ่มต้นหลักพันต้นๆ
✈️ สำหรับทริปนี้ บ้านเข็มทิศเลือกใช้บริการสายการบิน Singapore Airlines ค่ะ เป็นสายการบินแบบ Full-Service ราคารวมอาหารและน้ำหนักกระเป๋า 25kg. เรียบร้อยแล้ว เลือกเวลาบินช่วง 09.40 น. ถึงสิงคโปร์ 13.05 น. ที่เลือกเวลานี้เพราะว่าไม่เช้าและไม่ช้าจนเกินไป เอาเวลาที่บ้านเราเอง “สะดวก” และ “ไหว” ที่สุดค่ะ
✈️ และสำหรับ Singapore Airlines ถ้าเดินทางพร้อมกับเด็ก ทางสายการบินจะให้เลือก Seat ได้ฟรี สำหรับผู้ใหญ่และเด็กที่จองใน booking เดียวกันด้วยค่ะ ดีงามมาก
รายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้ใน Link นี้ค๊า >>> https://www.singaporeair.com/en_UK/vn/travel-info/special-assistance/travelling-with-children/
✈️ ค่าตั๋วเครื่องบินสำหรับเด็ก ถ้าอายุ 2 ปีขึ้นไปจะราคาใกล้เคียงกับผู้ใหญ่เลยค่ะ โดยระหว่างที่อยู่บนเครื่อง เด็กต้องนั่ง seat ของตัวเอง และหากบ้านไหนอยากพกรถเข็นไปด้วย สามารถ request ขอโหลดใต้เครื่องที่หน้า Gate ได้ค่ะ
และที่สนามบินสุวรรณภูมิถ้าเดินทางพร้อมเด็ก สามารถเข้าช่อง Priority Lane ได้นะคะ
-----------------------------
3.) ที่พัก
🏨 ในเรื่องของที่พักนี่เป็นอะไรที่ขึ้นอยู่กับความพอใจและความชอบของแต่ละครอบครัวเลยค่ะ แต่สำหรับทริปนี้ บ้านเรามีโจทย์ในการเลือกที่พักอยู่ 6 ข้อค่ะ คำนึงถึง “ความสะดวกสบาย” เป็นหลักนะ
1. ขอที่พักที่เป็นโรงแรม (ไม่เอา AirBNB, Hostel, Guesthouse)
2. ขอโรงแรมที่อยู่ใกล้ Public Transportation จะได้เดินทางสะดวก
3. ขอโรงแรมที่มีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ อยู่ใกล้ๆ
4. ห้องพักไม่ต้องใหญ่มาก แต่ขอให้สะอาดก็พอ
5. ไม่มีอาหารเช้าไม่เป็นไร หาทานแถวๆ นั้นได้
6. ราคาไม่โหดร้ายจนเกินไป คืนละประมาณ 3-4K THB พอรับได้
🏨 สรุปทริปนี้ เลือกพักที่ V Hotel Lavender ค่ะ เป็นโรงแรมที่ตอบโจทย์ทุกข้อที่ list มา และเห็นรีวิวนักท่องเที่ยวชาวไทยมาพักกันเยอะมาก (แสดงว่าต้องดี 555) ที่นี่เป็นโรงแรม 4 ดาว ตั้งอยู่ย่าน Lavender อยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ การเดินทางจากสนามบินมาโรงแรมไม่ยาก มีสถานีรถใต้ดิน MRT อยู่ติดโรงแรมเลย มีป้ายรถเมล์อยู่ไม่ไกล โดยรอบมีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อ ราคาที่จองตกคืนละประมาณ 4,000 บาทค่ะ
ปล. ครั้งนี้จองผ่านทาง booking.com นะคะ
-----------------------------
4.) การเดินทางในสิงคโปร์
สำหรับทริปนี้ เลือกที่จะเดินทางโดยรถสาธารณะค่ะ ดูตามสถานการณ์ความเหนื่อยว่า ณ ตอนนั้นขาลากรึยัง 5555 ซึ่งรถสาธารณะหลักๆ ที่ใช้ในทริปนี้ก็คือ
🚇 รถไฟใต้ดิน MRT น่าจะเป็นการเดินทางที่รวดเร็วและประหยัดที่สุด
🚌 รถเมล์ SMRT และ SBS อีกหนึ่งการเดินทางที่ประหยัดชมวิวเมืองได้เพลินๆ
🚕 รถ Taxi ถ้าเริ่มเมื่อยเมื่อไหร่ก็กระโดดขึ้น Taxi โลดค่ะ แต่ราคาก็จะแรงนิดนึง เรียกผ่าน Grab ได้
🚇 สำหรับรถเมล์และรถไฟใต้ดิน ถ้าโดยหลักการ เด็กที่สูงกว่า 90 cm. และอายุต่ำกว่า 7 ปี โดยสารฟรีนะคะ แต่ต้องไปขอทำบัตร Child Concession Card เพียงแค่ยื่น Passport ที่เคาเตอร์ TransitLink Ticket Office ใดก็ได้ ไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม >>> https://www.transitlink.com.sg/child-concession-card/
แต่ครั้งนี้ พอตอนจะไปขอทำบัตร Child Concession Card เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ต้องทำก็ได้เพราะลูกยังเล็กอยู่ พี่หยอดเลยคิดว่าเค้าก็คงอนุโลมให้ค่ะ สบายเลย! ยังไงเพื่อความชัวร์ลองแวะไปที่ TransitLink Ticket Office ดูก่อนนะคะ
ปล. ตลอดทริปใช้ Google Map ในการนำทางค่ะ สะดวก และ ดีงามมาก บอกหมดทุกสิ่งอย่าง และอีก App ที่ใช้ประกอบกันคือ gothere.sg.lite ค่ะ
🚖 สำหรับรถ Taxi สามารถเรียกผ่าน Application GRAB อันเดียวกับที่ใช้ที่เมืองไทยได้เลย ไม่ต้องไปโหลดใหม่ค่ะ ซึ่งสำหรับครอบครัวที่มีลูกเล็กแนะนำให้เลือกใช้บริการ Grab Family ค่ะ จะมี Car Seat (สำหรับ 1-3 ขวบ) หรือ Booster Seat (สำหรับ 4-7 ขวบ) สำหรับเด็กไว้บริการเพื่อความปลอดภัย โดยจะคิดค่าบริการเพิ่มเติมอยู่ที่ 3-5$ แต่…….จะเรียกรถยากเพราะมีน้อย จากที่ได้ลองเรียกแล้วค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม >>> https://www.grab.com/sg/driver/transport/family/
ก็เลยได้ถามพนักงานโรงแรมว่า ถ้ามีเด็กเล็กจำเป็นต้องนั่งรถที่มี CarSeat เท่านั้นหรือไม่? ก็ได้คำตอบมาว่า ไม่จำเป็น คงอนุโลมได้ แต่ที่ซีเรียสกว่าคือ ห้ามนั่งเกินจำนวนที่นั่งในรถค่ะ
-----------------------------
5.) สถานที่ท่องเที่ยว
📍ทริปนี้เน้น “พาลูกเที่ยว” ก็เลยจะมีแต่ที่เที่ยวที่เหมาะสำหรับเด็กค่ะ ซึ่งแทบจะทุกที่และทุกกิจกรรม เราสามารถจองบัตรเข้าล่วงหน้าได้ ครั้งนี้พี่หยอดมีทั้งแบบจองตรงกับ Website ของแต่ละที่ และจองผ่าน Klook ซึ่งก็จะได้เป็น QR code หรือ Barcode มา เพียงแค่แสดงที่หน้างานก็ผ่านฉลุย
ซึ่งทริปนี้ บ้านเราไปที่เหล่านี้มาค่ะ…
📌 Merlion Park อันนี้แลนด์มาร์คเลยต้องไปซะหน่อย
📌 Pororo Park, Marina Square สวนสนุกย่อมๆ ธีมโปโรโระน่ารักๆ
📌 Singapore Zoo หนึ่งในสวนสัตว์ที่ดีที่สุดในโลก
📌 WaterB River Cruise ล่องเรือเก็บ Landmark ของสิงคโปร์
📌 S.E.A. Aquarium วาร์ปไปโลกใต้ท้องทะเลที่ Sentosa
📌 Garden by the Bay แวะไปชมสวนสวยๆ ไฮไลท์ของสิงคโปร์
📌 Jewel Changi ปิดท้ายก่อนกลับบ้าน
ไปเที่ยวครั้งนี้ มีรถเข็นเด็กไปด้วย บอกเลยเข็นไปที่ไหนไม่เคยเจอปัญหา เพราะมีทั้งทางลาด และลิฟท์ให้บริการ ไม่ต้องมีโมเม้นยกรถเข็นขึ้นลงบันไดเลย 5555
ปล. รีวิวนี้ พี่หยอดจะเน้นให้ข้อมูลแค่เรื่องสถานที่ท่องเที่ยวนะคะ เพราะเรื่องอาหารการกินส่วนใหญ่ หิวที่ไหนก็ทานที่นั่น ไม่ได้ไปตามรอยร้านเด็ดร้านดังเลยค่ะ
-----------------------------
6.) การติดต่อสื่อสาร
📱ครั้งนี้มา 3 คืน 4 วัน เลือกเปิด Data Roaming เอาค่ะ ของ AIS ราคา Package 399 บาท สะดวกดี มาถึงก็ไม่ต้องเปลี่ยนซิมใดๆ ให้วุ่นวาย เท่าที่ใช้มาสัญญาณโอเคไม่มีติดขัดนะ (ของค่ายมือถืออื่นๆ ไม่แน่ใจนะคะ แฮะๆ)
และถ้าใครอยากจะใช้บริการ Grab สามารถใช้โทรผ่าน messenger ของ app ได้เลย ไม่จำเป็นต้องมีเบอร์สิงคโปร์ค่ะ
-----------------------------
7.) วิธีการใช้จ่าย
💰 ตอนนี้ที่สิงคโปร์แทบจะ cashless ทุกที่ค่ะ ถ้าไม่นับร้านค้าที่ local สุดๆ จริงๆ ควรแลกเงินสดติดตัวไว้แก้ปัญหาเล็กน้อย
สำหรับบัตรที่ใช้ในการจ่ายเงิน ถ้าเอาที่คนไทยน่าจะสะดวกก็จะมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน
💳 บัตร E-Z Link เพียงใบเดียวสามารถจ่ายค่าโดยสารได้ทั้งรถบัสและรถไฟแถมยังใช้จ่ายในร้านสะดวกซื้อได้ด้วย เติมเงินได้ที่ร้าน 7-11 หรือตู้เติมเงิน
💳 บัตร Travel Card หรือบัตรเครดิต ต่างๆ ที่สมัครจากธนาคารของไทย ที่มีสัญลักษณ์ Pay Wave ก็สามารถแตะเพื่อจ่ายค่ารถไฟ รถบัตร และใช้ตามร้านค้าต่างๆ ได้เช่นกัน
และนอกจากจะ Cashless แล้ว ที่นี่ก็ Paperless ด้วยค่ะ เอกสารหรือบัตรต่างๆ ที่เราซื้อไว้ล่วงหน้า ไม่จำเป็นต้อง print ใดๆ ทั้งสิ้น เพียง save ไว้ในมือถือคือจบเลย
และนี่ก็คือทั้งหมดข้อควรรู้สำหรับการเตรียมตัวไปเที่ยวสิงคโปร์ค่ะ ถ้าพร้อมแล้ว เดี๋ยวเราไปต่อกันที่รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวกันต่อเล้ยยยยยย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้