ผมอายุ 33 สูง 178 หนัก 71 เป็น คนไทยเชื้อสายจีน เป็น introvert มีไลฟ์สไตล์ ชอบการอยู่คนเดียว ทำอะไรคนเดียว ครอบครัวมีพี่น้องหลายคน เลยไม่ได้เหงามากเท่าไหร่ และมีกิจกรรมที่ชอบทำ คือ การแต่งรถ แต่งบ้าน แต่งสวน เลยไม่ค่อยมีเวลามาคุยกับใครเท่าไหร่
ต้นปี 2564 หลังจากฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ช่วงนั้น มีเพื่อนสาวคนหนึ่งมาทักในเฟสบุ๊ค ถามไถ่เรื่องวัคซีนประจำ และถามอาการเราว่าหลังฉีดเป็นอะไรบ้าง เราก็บอกว่า สบายดี ไม่ได้เกิดอาการอะไร สาวคนนั้นก็เปลี่ยนเรื่องคุยไปเรื่อย จนรู้สึกได้ว่า เขาดูสนใจผม ผมไม่ได้คิดไปเอง เพราะสาวชอบทักเข้ามาคุยทุกวัน จนในที่สุด ผมก็รำคาญเลยเอารูปน้องที่เป็นญาติสนิทกัน มาถ่ายรูปคู่กัน แล้วลงในเฟสบ่อยๆ ในช่วงนั้น เพื่อให้เขาเห็นว่า ผมมีแฟนแล้ว สาวก็เริ่มเงียบหายไป หลังจากเห็นรูปคู่
ปลายปี 2564 มีสาวเข้ามาทักอีกคน จากการคุยในเรดดิท คุยกันด้วยตัวหนังสือธรรมดา ก็รู้สึกว่า คุยดี เลยนัดเจอสาวคนนี้ที่ห้างหนึ่ง แต่พอเจอกันครั้งแรก รู้สึกว่า สาวเจ้าเนื้อ อวบ แม้คุยเก่ง ดูแก่กว่าวัย (ขออภัยที่พูดตรงๆ) ไม่สวยตามสเปคที่ตัวเองคาดหวังไว้ ผมเองก็ไม่รู้จะทำไงดี ทานข้าวเสร็จ พอกลับบ้าน ผมก็หายเงียบ เขาก็ทักเข้ามา ถามว่าเห็นหน้าแล้ว เงียบหายไปเลย ไม่ถูกใจหรอ ...ผมก็เลยตอบตามมารยาท และบอกว่า มีแฟนแล้ว โดยเอาคู่น้องสาวญาติสนิทมาลงคู่กันอีกเหมือนเดิม
ต้นปี 2565 ลองเล่นแอพดัง ทินเดอร์ เล่นๆ โดยลงรูปของตัวเองหลายรูป มีคนทักมาในวันเดียวมากกว่า 40 คน เราก็คัดๆ คนไม่ใช่ ก็จะคุยน้อยลง บอกแค่...ครับๆ แล้วหายไป พอลงรูปในทินเดอร์ ก็มีคนทักเข้ามาวันละ 30-40 คนแทบทุกวัน ทำให้รู้สึกว่า ไม่เป็นส่วนตัว และเสียเวลา บางคนอยู่ไกลไปบ้าง ไม่ชอบไปหาใครไกลๆ บางคนไม่ไกล แต่ไม่สวยพอ บางคนคุยแล้วไม่ใช่ ก็ไม่คุยต่อ พอคนคุยเริ่มเยอะ ก็เลยเบื่อ หายไปจากแอพ ทินเดอร์เองเฉยๆ ซะงั้น โดยไม่นัดเจอใครเลยสักคน
กลางปี 2565 มีคนใน พันทิป เข้ามาคุย แต่ประสบการณ์สอนว่า ไม่ควรสนใจใครจากตัวหนังสือ เลยบอกทุกคนว่า มีแฟนแล้ว ซึ่งข้ออ้างนี้ ใช้ได้ผลแทบ 100% เวลาไม่ต้องการคุยกับใครต่อ
มาถึง ตอนนี้ ถามว่า โสดไหม ก็ไม่โสดซะทีเดียว มีคนดูใจกันอยู่ แต่ถามลึกๆว่า อยากมีใครเป็นแฟนไหม คือ ไม่ได้อยากมีใครเท่าไหร่ เพราะ ชอบหาคนที่ชอบตรงสเปคแบบ 100% ถ้าหาไม่ได้ ก็ไม่ได้อยากมีใคร เท่าไหร่ ไม่ได้รู้สึกเหงาอะไร เพราะอยู่กันหลายคน มาเล่าให้ฟังเท่านั้นเองครับ
บทเรียน สอนว่า ถ้าไม่มีหน้า มีแค่ตัวหนังสือ ไม่ต้องคุยดีกว่า แต่ถ้ามีหน้า แล้วไม่ถูกใจ ก็พูดตัดบทว่า มีแฟนแล้ว ถ้าถูกใจ นิสัยดี แต่ไม่ถูกใจพ่อแม่ ก็จบเหมือนกัน ชีวิตมันก็เป็นเช่นนี้แล
แชร์ ชีวิตในช่วง 2564-2565
ต้นปี 2564 หลังจากฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ช่วงนั้น มีเพื่อนสาวคนหนึ่งมาทักในเฟสบุ๊ค ถามไถ่เรื่องวัคซีนประจำ และถามอาการเราว่าหลังฉีดเป็นอะไรบ้าง เราก็บอกว่า สบายดี ไม่ได้เกิดอาการอะไร สาวคนนั้นก็เปลี่ยนเรื่องคุยไปเรื่อย จนรู้สึกได้ว่า เขาดูสนใจผม ผมไม่ได้คิดไปเอง เพราะสาวชอบทักเข้ามาคุยทุกวัน จนในที่สุด ผมก็รำคาญเลยเอารูปน้องที่เป็นญาติสนิทกัน มาถ่ายรูปคู่กัน แล้วลงในเฟสบ่อยๆ ในช่วงนั้น เพื่อให้เขาเห็นว่า ผมมีแฟนแล้ว สาวก็เริ่มเงียบหายไป หลังจากเห็นรูปคู่
ปลายปี 2564 มีสาวเข้ามาทักอีกคน จากการคุยในเรดดิท คุยกันด้วยตัวหนังสือธรรมดา ก็รู้สึกว่า คุยดี เลยนัดเจอสาวคนนี้ที่ห้างหนึ่ง แต่พอเจอกันครั้งแรก รู้สึกว่า สาวเจ้าเนื้อ อวบ แม้คุยเก่ง ดูแก่กว่าวัย (ขออภัยที่พูดตรงๆ) ไม่สวยตามสเปคที่ตัวเองคาดหวังไว้ ผมเองก็ไม่รู้จะทำไงดี ทานข้าวเสร็จ พอกลับบ้าน ผมก็หายเงียบ เขาก็ทักเข้ามา ถามว่าเห็นหน้าแล้ว เงียบหายไปเลย ไม่ถูกใจหรอ ...ผมก็เลยตอบตามมารยาท และบอกว่า มีแฟนแล้ว โดยเอาคู่น้องสาวญาติสนิทมาลงคู่กันอีกเหมือนเดิม
ต้นปี 2565 ลองเล่นแอพดัง ทินเดอร์ เล่นๆ โดยลงรูปของตัวเองหลายรูป มีคนทักมาในวันเดียวมากกว่า 40 คน เราก็คัดๆ คนไม่ใช่ ก็จะคุยน้อยลง บอกแค่...ครับๆ แล้วหายไป พอลงรูปในทินเดอร์ ก็มีคนทักเข้ามาวันละ 30-40 คนแทบทุกวัน ทำให้รู้สึกว่า ไม่เป็นส่วนตัว และเสียเวลา บางคนอยู่ไกลไปบ้าง ไม่ชอบไปหาใครไกลๆ บางคนไม่ไกล แต่ไม่สวยพอ บางคนคุยแล้วไม่ใช่ ก็ไม่คุยต่อ พอคนคุยเริ่มเยอะ ก็เลยเบื่อ หายไปจากแอพ ทินเดอร์เองเฉยๆ ซะงั้น โดยไม่นัดเจอใครเลยสักคน
กลางปี 2565 มีคนใน พันทิป เข้ามาคุย แต่ประสบการณ์สอนว่า ไม่ควรสนใจใครจากตัวหนังสือ เลยบอกทุกคนว่า มีแฟนแล้ว ซึ่งข้ออ้างนี้ ใช้ได้ผลแทบ 100% เวลาไม่ต้องการคุยกับใครต่อ
มาถึง ตอนนี้ ถามว่า โสดไหม ก็ไม่โสดซะทีเดียว มีคนดูใจกันอยู่ แต่ถามลึกๆว่า อยากมีใครเป็นแฟนไหม คือ ไม่ได้อยากมีใครเท่าไหร่ เพราะ ชอบหาคนที่ชอบตรงสเปคแบบ 100% ถ้าหาไม่ได้ ก็ไม่ได้อยากมีใคร เท่าไหร่ ไม่ได้รู้สึกเหงาอะไร เพราะอยู่กันหลายคน มาเล่าให้ฟังเท่านั้นเองครับ
บทเรียน สอนว่า ถ้าไม่มีหน้า มีแค่ตัวหนังสือ ไม่ต้องคุยดีกว่า แต่ถ้ามีหน้า แล้วไม่ถูกใจ ก็พูดตัดบทว่า มีแฟนแล้ว ถ้าถูกใจ นิสัยดี แต่ไม่ถูกใจพ่อแม่ ก็จบเหมือนกัน ชีวิตมันก็เป็นเช่นนี้แล