12 สิงหาคม 2565
21:35 น. บนแท็กซี่คันหนึ่ง ณ ต่างจังหวัด
สวัสดีวันแม่ค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน
วันนี้ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่ เมื่อเช้าดิฉันรับสายโทรศัพท์จากแม่เมื่อเวลาประมาณ 05:50น. เสียงปลายสายฟังดูเศร้า ถามดิฉันว่า ลูกตื่นหรือยัง ในขณะนั้นดิฉันยังงัวเงีย เพราะเมื่อคืน เขียนงานจนตีสองตีสาม ยังพูดหยอกแม่ว่า ไม่ล้อเล่นนา ลูกเพิ่งได้นอน 😣 ถามแม่กลับไปว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า ตอนนี้เช้ามากเลย ตอนนั้นแม่พูดน้ำเสียงนิ่งมาก แต่เป็นสิ่งที่ไม่อยากได้ยิน ….
แม่แจ้งข่าวการเสียชีวิตของคุณป้าที่ดิฉันรักมาก …. พูดไม่ออกเลยค่ะ …. จนแม่เรียกชื่ออีกรอบ…ถามว่าลูกกลับบ้านได้ไหม,,,สมองตอนนั้นประมวลผลมีแต่ตารางงาน ….. เลยขอเวลาแม่สิบนาทีจะโทรกลับ …. จากที่งัวเงีย ก็ตื่นร้อยเปอร์เซ็นต์ ลำดับงานที่ทำและเช็คไฟลท์บิน … ได้ไฟลท์บินบ่ายสี่โมงครึ่ง โทรแจ้งแม่ว่ากลับวันนี้
จากนั้นก็เลยนั่งรีบเคลียร์เอกสาร จนเสร็จไปบางส่วน ส่งงานต่อให้อาจารย์อีกท่าน แจ้งการเดินทางกับคนที่ต้องดิวงานทุกคนทุกอย่าง จัดกระเป๋า ไปสนามบิน เนื่องด้วยอยู่คนเดียว และเป็นวันหยุด อาจารย์ท่านอื่นกลับบ้านกันหมด ดิฉันจึงขับรถไปเอง ในความพายุเข้าวันนี้และเป็นช่วงเวลาที่กำลังเลี้ยวรถเข้าสนามบิน ….. เลยเสี่ยงเอากระเป๋าวางทิ้งไว้ใกล้ๆเจ้าหน้าที่ตรงประตูทางเข้า แล้วเอารถไปจอดตรงลานจอด (จอดฝากรถทิ้งยาวสามวัน … เป็นหนทางเดียว)
ดีนะมีร่มติดรถไว้ แต่ช่วงล่างเปียกหมดเลยค่ะ วิ่งกลับมาประตูทางเข้ากระเป๋ายังอยู่ แต่ต้องแวะห้องน้ำเปลี่ยนกางเกงตัวใหม่ ดีนะเผื่อเวลาไว้เยอะ ดูพยากรณ์อากาศแล้วไม่น่ารอด
ไฟลท์ดีเลย์เป็นหกโมง ระกว่างนั้นแปลงานไปสิบกว่าหน้า … ถึงปลายทางคือสองทุ่มครึ่ง จากสนามบินปลายทางต้องหารถไปอีกหนึ่งต่อ ..กว่าจะถึงบ้านอีกประมาณชั่วโมงครึ่ง ไม่อยากให้ที่บ้านเป็นห่วงเลยติดต่อรถแท็กซี่ที่ใช้บริการประจำทุกครั้งที่กลับบ้าน แต่เรทกลางคืนก็แรงไม่เบา
ตอนนี้ ถึงบ้านแล้ว เดี๋ยวคงต้องอาบน้ำและนั้งแปลเอกสารก่อน พรุ่งนี้คาบเช้ายังคงทำหน้าที่ล่าม … แต่ช่วงเช้าตรู่ จะเข้าไปไหว้คุณป้าที่วัดก่อน ….. ทุกคนดูแลสุขภาพด้วย ฝันดีค่ะ ♥️ และสวัสดีวันแม่อีกครั้งนะคะ
บันทึกประจำวันเพราะมันเหงา 13
21:35 น. บนแท็กซี่คันหนึ่ง ณ ต่างจังหวัด
สวัสดีวันแม่ค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน
วันนี้ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่ เมื่อเช้าดิฉันรับสายโทรศัพท์จากแม่เมื่อเวลาประมาณ 05:50น. เสียงปลายสายฟังดูเศร้า ถามดิฉันว่า ลูกตื่นหรือยัง ในขณะนั้นดิฉันยังงัวเงีย เพราะเมื่อคืน เขียนงานจนตีสองตีสาม ยังพูดหยอกแม่ว่า ไม่ล้อเล่นนา ลูกเพิ่งได้นอน 😣 ถามแม่กลับไปว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า ตอนนี้เช้ามากเลย ตอนนั้นแม่พูดน้ำเสียงนิ่งมาก แต่เป็นสิ่งที่ไม่อยากได้ยิน ….
แม่แจ้งข่าวการเสียชีวิตของคุณป้าที่ดิฉันรักมาก …. พูดไม่ออกเลยค่ะ …. จนแม่เรียกชื่ออีกรอบ…ถามว่าลูกกลับบ้านได้ไหม,,,สมองตอนนั้นประมวลผลมีแต่ตารางงาน ….. เลยขอเวลาแม่สิบนาทีจะโทรกลับ …. จากที่งัวเงีย ก็ตื่นร้อยเปอร์เซ็นต์ ลำดับงานที่ทำและเช็คไฟลท์บิน … ได้ไฟลท์บินบ่ายสี่โมงครึ่ง โทรแจ้งแม่ว่ากลับวันนี้
จากนั้นก็เลยนั่งรีบเคลียร์เอกสาร จนเสร็จไปบางส่วน ส่งงานต่อให้อาจารย์อีกท่าน แจ้งการเดินทางกับคนที่ต้องดิวงานทุกคนทุกอย่าง จัดกระเป๋า ไปสนามบิน เนื่องด้วยอยู่คนเดียว และเป็นวันหยุด อาจารย์ท่านอื่นกลับบ้านกันหมด ดิฉันจึงขับรถไปเอง ในความพายุเข้าวันนี้และเป็นช่วงเวลาที่กำลังเลี้ยวรถเข้าสนามบิน ….. เลยเสี่ยงเอากระเป๋าวางทิ้งไว้ใกล้ๆเจ้าหน้าที่ตรงประตูทางเข้า แล้วเอารถไปจอดตรงลานจอด (จอดฝากรถทิ้งยาวสามวัน … เป็นหนทางเดียว)
ดีนะมีร่มติดรถไว้ แต่ช่วงล่างเปียกหมดเลยค่ะ วิ่งกลับมาประตูทางเข้ากระเป๋ายังอยู่ แต่ต้องแวะห้องน้ำเปลี่ยนกางเกงตัวใหม่ ดีนะเผื่อเวลาไว้เยอะ ดูพยากรณ์อากาศแล้วไม่น่ารอด
ไฟลท์ดีเลย์เป็นหกโมง ระกว่างนั้นแปลงานไปสิบกว่าหน้า … ถึงปลายทางคือสองทุ่มครึ่ง จากสนามบินปลายทางต้องหารถไปอีกหนึ่งต่อ ..กว่าจะถึงบ้านอีกประมาณชั่วโมงครึ่ง ไม่อยากให้ที่บ้านเป็นห่วงเลยติดต่อรถแท็กซี่ที่ใช้บริการประจำทุกครั้งที่กลับบ้าน แต่เรทกลางคืนก็แรงไม่เบา
ตอนนี้ ถึงบ้านแล้ว เดี๋ยวคงต้องอาบน้ำและนั้งแปลเอกสารก่อน พรุ่งนี้คาบเช้ายังคงทำหน้าที่ล่าม … แต่ช่วงเช้าตรู่ จะเข้าไปไหว้คุณป้าที่วัดก่อน ….. ทุกคนดูแลสุขภาพด้วย ฝันดีค่ะ ♥️ และสวัสดีวันแม่อีกครั้งนะคะ