สวัสดีครับ กระทู้นี้คงเป็นกระทู้ที่มาแชร์ประสบการณ์ ปนระบายอ่อนๆนะครับ นี่เป็นปัญหาชีวิตของผมกับแฟนของผม
ก่อนอื่นต้องเล่าถึงอดีตก่อน คือเรื่องมีอยู่ว่า ผมกับแฟนของผมคบหากันมาประมาณ 1 ปี แล้วครับ แล้วอยู่มาวันหนึ่งผมก็มีความคิดที่จะซื้อบ้าน เพราะคิดว่าอย่างไรซักวันก็ต้องซื้ออยู่แล้ว จึงปรึกษากับแฟนและก็ได้ข้อสรุปคือ ซื้อบ้าน!!!
แต่ปัญหาก็มีอยู่ว่า พ่อกับแม่ของแฟนเป็นคน ตวจ. ย้ายเข้ามาอยู่ปริมณฑลเพื่อประกอบอาชีพส่วนตัว โดยการเช่าบ้านอยู่ พ่อแม่ของแฟนไม่พอใจที่แฟนจะซื้อบ้านกับเรา แล้วพูดออกมาว่า "ลูกคนอื่นมีแต่ซื้อบ้านให้พ่อแม่" เหมือนพูดทำนองว่าอกตัญญูไม่ซื้อบ้านให้พ่อแม่ ไปซื้อบ้านกับผู้ชาย
รายได้ผมตอนแรกเริ่มซื้อบ้าน 23,000 บาท ไม่มีภาระ
แฟนผม รายได้ประมาณ 20,000 บาท มีภาระเป็น รถมือหนึ่ง ผ่อนเดือนละ 7,500 บาท
สุดท้ายผมจึงตัดปํญหาโดยตกลงกับแฟนว่า ผมกู้ซื้อบ้านคนเดียว ผ่อนเองคนเดียว และให้แฟนทำหน้าที่เก็บเงินเพื่อแต่งงานโดยตั้งเป๊าไว้เป็นจำนวนเงิน 3 แสนบาท ภายในระยะเวลา 4 ปี
แต่ผมก็ไม่ได้ให้แฟนเก็บเงินแต่งงานแต่เพียงผู้เดียวนะครับ ตัวผมเองก็เปิดบัญชีแบบฝากประจำปลอดภาษีไว้ เก็บเดือนละ 1,500 บาท เป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งถ้าครบ 3 ปีจะเป็นเงิน 54,000 บาท และผมจะยกเงินจำนวนนี้ให้แฟนเพื่อช่วยแฟนเก็บเงินแต่งงาน อาจจะดูช่วยน้อย
แต่ผมมีภาระค่าบ้านและก็เก็บเงินเพื่อต่อเติมบ้าน ผมจึงช่วยได้ประมาณนี้ (งบในการต่อเติมบ้านตั้งเป้าไว้ 3 แสนบาท)
(ที่ตกลงกันแบบนี้ก็เพราะว่า เรายังไม่ได้แต่งงานกัน แล้วไม่รู้ว่าอนาคตเราจะไปกันรอดไหม เราก็เลยตกลงกัน ถ้าไปกันไม่รอด เธอก็ได้มีเงินเก็บเป็นเงินก้อนของเธอ เราก็ซื้อบ้านของเรา จะได้จบแบบไม่มีพันธะอะไรต่อกัน)
กลับมาเรื่องบ้าน ผมกู้บ้านราคา 3.3 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 40 ปี ยอดผ่อนขั้นต่ำปีแรก 10,000 ต่อเดือน และผมโปะบ้านเป็นประจำทุกเดือนเป็นจำนวนเงิน 8000 บาททุกเดือน เท่ากับผ่อน 18,000 บาท ต่อเดือน
ส่วนพวกเฟอนิเจอร์ต่างๆ ผมกู้เกินมา 5 หมื่นบาท รวมในยอดกู้บ้าน 3.3 ล้าน และใช้เงินเก็บของตัวเองที่เก็บไว้ ซื้อของเข้าบ้านเพิ่มอีกประมาณ เกือบ 1 แสนบาท
และผมให้แฟนผมช่วยจ่าย ค่าน้ำ-ค่าไฟ ประมาณ 1,500-2,000 บาทต่อเดือน
สรุปภาระค่าใช้จ่ายของแต่ละคน
ผม ค่าบ้าน 18,000 ช่วยแฟนเก็บเงินแต่งงานเดือนละ 1,500 บาท เก็บเงินต่อเติมบ้าน 3 แสนบาท
แฟนผม ค่ารถ 7,500 บาท ค่าน้ำ-ไฟ 1,500-2,000 บาท เก็บเงินแต่งงาน 3 แสนบาท
ในช่วงแรก ตัวผมก็ทำโอทีแทบทุกวันเพื่อหาเงินมาผ่อนและโปะบ้าน กลับถึงบ้านมาก็ประมาณ 20:30-21:00 น.
ตัวแฟนก็ทำงานประจำมีทำโอบ้างอาทิตละสองวัน ในช่วงปีแรกผมและแฟนก็ช่วยกันทำงานบ้าน ผลัดกันบ้างไรบ้าง เพราะต่างคนต่างมีเวลาอยู่บ้านพอกัน
ต่อมาแฟนบอกอยากทำงานเสริมเพื่อจะได้มีเงินเก็บเร็วขึ้นเพราะกลัวเก็บเงินได้ไม่ตามเป้า แฟนก็เริ่มทำงานเสริมของแฟน แฟนจึงมีเวลาอยู่บ้านน้อยลง หลังจากระยะเวลาผ่านไป แฟนผมซึ่งมีหน้าที่เก็บเงินแต่งงาน หลังจากเลิกงานประจำเขาก็ไปทำงานเสริมขายของกับเพื่อนต่อ ก็จะไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่บ้าน กว่าจะกลับถึงบ้านก็ 4-5 ทุ่ม
ตัวผมซึ่งอยู่บ้านมากกว่าจึงต้องรับหน้าที่ในการทำงานบ้านทุกอย่าง (ช่วงแรกๆก็ช่วยกันทำ ผลัดกันมั่งไรมั่ง แต่พอมาหลังๆเหมือนแฟนผมเขาทำงานนอกแล้วเขาก็เหนื่อยและไม่มีเวลามาช่วยผมทำ)
เรื่องงานเสริมของแฟน ผมคอยซัพพอตตลอด ไปถ่ายรูป แต่งรูปสินค้าเพื่อลงขาย ช่วยแฟนเท่าที่เราช่วยได้ และผมไม่ได้ส่วนแบ่งหรือค่าจ้างงาน อาจมีเลี้ยงอาหารแทนคำขอบคุณแค่นั้น
แฟนก็เก็บเงินอยู่ 1 ปี เก็บเงินได้ประมาณ 70,000 บาท
ส่วนผมผ่อนบ้านจากยอด 3.3 ล้าน เหลือยอด 2.9 ล้าน เก็บเงินต่อเติมบ้านได้ 150,000 บาท ทุกคนต่างมีผลงานของตัวเอง
(ผมผ่อนและโปะบ้านไป 232,000 บาท และพ่อผมให้เงินสดผมมาโปะบ้าน 2 แสนในปีแรก ยอดเงินต้นจึงลดไปเยอะ)
ต่อมาแฟนของผมอยากดัดฟัน เราก็บอกแล้วแต่ แฟนอยากดัดก็ดัดก็ใช้เงินตัวเอง แฟนผมจึงได้ดัดฟันจ่ายแบบเหมาไป 35,000 บาท ทำให้เงินเก็ยของแฟนที่จะเอามาใช้แต่งงานเหลือครึ่งเดียว (35,000 บาท)
ซึ่งเราก็รู้สึกเสียดายเงินค่าดัดฟันเหมือนกัน แต่เราเห็นแฟนอยากสวยก็เลยไม่อยากห้ามแฟน
ต่อมาผมได้ย้ายงานไปที่ใหม่ ได้เงินเดือนเพิ่มมาข้อนข้างเยอะ จาก 23,000 เป็น 33,000 พอเงินเดือนเพิ่มขึ้นมาขนาดนี้ ผมจึงเลิกทำโอทีแบบเต็มตัว
เลิกงานก็กลับบ้าน ดังนั้นผมจึงมีเวลาอยู่บ้านมากกว่าเยอะมาก คราวนี้ผมจึงได้รับหน้าที่ทำงานบ้านแบบเต็มตัว
ระยะเวลาผ่านไปครึ่งปีกว่า ผมก็เรื่มเหนื่อยเริ่มเบื่อที่ตัวเองต้องทำงานบ้านทุกอย่างเองคนเดียว ทั้งๆที่เราก็ใช้งานบ้าน ใช้จาน ใช้เสื้อผ้า ใช้ประโยชน์จากงานบ้านที่ผมทำร่วมกัน ผมจึงเริ่มรู้สึกไม่พอใจ บวกกับพอแฟนดัดฟัน ทำให้เงินเก็บสำหรับแต่งงานหายไปเยอะมาก จึงทำให้ยิ่งรู้สึกไม่พอใจหนักเข้าไปอีก เพราะตัวเราทำงานหนักและประหยัดแทบตายเพื่อเก็บเงินเพื่อผ่อนบ้าน ช่วยเก็บเงินแต่งงานและเก็บเงินต่อเติมบ้าน แต่ตัวแฟนระยะเวลาเท่าๆ แฟนกลับกันมีเงินเก็บเพียงแค่ 4 หมื่น ทั้งๆที่ทำทั้งงานประจำและงานเสริม (ตอนแฟนขอดัดฟันเราก็ไม่กล้าขัด พอเขาดัดฟันแล้วก็มาไม่พอใจ เห้อออออออ)
ในความคิดผมคือแบบ งานนอกของเธอฉันก็ไม่เคยได้ส่วนแบ่ง แถมไปช่วยงานเธอเมื่อเธอร้องขอตลอด แต่ทำไมเธอไม่ช่วยเราทำงานบ้านมั่งเลยทั้งๆที่ก็ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี่ร่วมกัน แล้วระยะเวลาที่ผ่านมาแฟนเก็บเงินได้น้อยเพราะเอาเงินเก็บไปทำนั่นนี้อยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้ผมรู้สึกว่ามีเพียงแค่ผมที่พยายามเก็บเงินอย่างหนัก (แต่จริงๆในใจลึกๆก็รู้แหละว่าแฟนก็พยายามเก็บเงินเหมือนกัน ถึงได้คิดทำงานเสริม แค่ระหว่างทางมันมีเรื่องให้ใช้เงินอยู่บ่อยครั้งทำให้ยอดเก็บไม่เยอะตามเป้าซักที)
การที่ผมต้องทำงานบ้านคนเดียว ทำให้ผมรู้สึกไม่พอใจ ทำให้บางทีเราเกิดการทะเลาะกันเรื่องแบบนี้ พอทะเลาะกันแฟนก็บอกว่าจะช่วยทำ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ช่วยวางที้งไว้แบบนั้น สุดท้ายผมก็ทนไม่ได้เดินออกไปทำเอง
ผมเกิดอาการไม่พอใจ เป็นแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ผมไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นอย่างไร กับการที่ต้องทำงานบ้านคนเดียวโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ช่วยเลย บวกกับเรื่องเงินเก็บอีก ผมนิสัยไม่ดีใช่ไหมที่คิดไม่พอใจกับเรื่องแบบนี้?
=> update 15/8/22
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
ผมเข้ามาตอบคำถามที่ชาวพันทิปถามมานะครับ
1.ได้ใช้รถร่วมกับแฟนไหม มีรถหรือป่าว?
- ผมมีรถเป็นของตัวเองครับ ซื้อรถมือสองติดแก๊ส เงินสด
2.เรื่องค่าน้ำ-ไฟ ทำไมไม่หาร?
- คืออันนี้ตกลงกับแฟนแล้วครับ ผมมีหน้าที่ซื้อของใช้ในบ้านทุกอย่าง(แฟ๊บ สบู่ ยาสีฟัน อื่นๆ) และก็ซื้ออาหารบ้างไรบ้างบางวัน และก็ให้เงินแฟนค่าอาหารเดือนละ 1000 ครับ
3.ทำไมไม่ช่วยกันทำ เสาร์-อาทิต
- ก็พอวันหยุดเขาก็อยากพัก ผมก็ทำของผมคนเดียวเหมือนเดิมครับ
4.เรื่องเก็บเงินแต่งงาน
- ผมเสนอทฤษฎี 50-50 แล้ว แต่เขาไม่พร้อมครับ ถ้าทุกอย่างต้องหาร 2 เขาช่วยผ่อนไม่ไหวครับ
ผมจึงเลือกผ่อนคนเดียวเพื่อลดภาระหนี้ให้ได้มากที่สุด ถ้าหากแต่งงานกัน ภาระรายเดือนของทั้งคู่จะได้น้อยๆ
แต่ถ้ายังบอกผมเอาเปรียบเรื่องเงินแต่งงาน ผมเคยบอกเขาไปเรื่องเงินแต่งงานตั้งแต่แรกๆแล้ว ถ้าหาได้ไม่ครบ ไม่ต้องห่วง ผมบวกที่เหลือให้ครบตามที่กำหนดเอง
เห็นคำแนะนำต่างๆต้องขอบคุณจริงๆครับ ผมนำความคิดเห็นแทบจะทุกอันมาปรับความเข้าใจกับแฟนครับ เอาไปถามแฟนเกือบหมด ในกระทู้อาจจะบรรยายเรื่องราวตวามรักไม่ครบถ้วนนะครับ จริงๆเราไม่ได้แบบเป๊ะๆๆๆ มากขนาดนั้นนะครับ เรามีเวลาหวาน มีเวลาโรแมน พวกเรามีไปเที่ยวกันอยู่บ่อยๆครับ ไม่ได้เครียสและอึมครึมขนาดนั้น แต่ด้วยที่มันเป็นกระทู้บางทีอาจจะเขียนบรรยายได้ไม่ครบถ้วนครับ
งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะครับพอดีแฟนเรียกให้ไปล้างจานครับ.
เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมรู้สึกไม่พอใจที่ต้องรับผิดชอบงานบ้านเองทุกอย่างคนเดียว
ก่อนอื่นต้องเล่าถึงอดีตก่อน คือเรื่องมีอยู่ว่า ผมกับแฟนของผมคบหากันมาประมาณ 1 ปี แล้วครับ แล้วอยู่มาวันหนึ่งผมก็มีความคิดที่จะซื้อบ้าน เพราะคิดว่าอย่างไรซักวันก็ต้องซื้ออยู่แล้ว จึงปรึกษากับแฟนและก็ได้ข้อสรุปคือ ซื้อบ้าน!!!
แต่ปัญหาก็มีอยู่ว่า พ่อกับแม่ของแฟนเป็นคน ตวจ. ย้ายเข้ามาอยู่ปริมณฑลเพื่อประกอบอาชีพส่วนตัว โดยการเช่าบ้านอยู่ พ่อแม่ของแฟนไม่พอใจที่แฟนจะซื้อบ้านกับเรา แล้วพูดออกมาว่า "ลูกคนอื่นมีแต่ซื้อบ้านให้พ่อแม่" เหมือนพูดทำนองว่าอกตัญญูไม่ซื้อบ้านให้พ่อแม่ ไปซื้อบ้านกับผู้ชาย
รายได้ผมตอนแรกเริ่มซื้อบ้าน 23,000 บาท ไม่มีภาระ
แฟนผม รายได้ประมาณ 20,000 บาท มีภาระเป็น รถมือหนึ่ง ผ่อนเดือนละ 7,500 บาท
สุดท้ายผมจึงตัดปํญหาโดยตกลงกับแฟนว่า ผมกู้ซื้อบ้านคนเดียว ผ่อนเองคนเดียว และให้แฟนทำหน้าที่เก็บเงินเพื่อแต่งงานโดยตั้งเป๊าไว้เป็นจำนวนเงิน 3 แสนบาท ภายในระยะเวลา 4 ปี
แต่ผมก็ไม่ได้ให้แฟนเก็บเงินแต่งงานแต่เพียงผู้เดียวนะครับ ตัวผมเองก็เปิดบัญชีแบบฝากประจำปลอดภาษีไว้ เก็บเดือนละ 1,500 บาท เป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งถ้าครบ 3 ปีจะเป็นเงิน 54,000 บาท และผมจะยกเงินจำนวนนี้ให้แฟนเพื่อช่วยแฟนเก็บเงินแต่งงาน อาจจะดูช่วยน้อย
แต่ผมมีภาระค่าบ้านและก็เก็บเงินเพื่อต่อเติมบ้าน ผมจึงช่วยได้ประมาณนี้ (งบในการต่อเติมบ้านตั้งเป้าไว้ 3 แสนบาท)
(ที่ตกลงกันแบบนี้ก็เพราะว่า เรายังไม่ได้แต่งงานกัน แล้วไม่รู้ว่าอนาคตเราจะไปกันรอดไหม เราก็เลยตกลงกัน ถ้าไปกันไม่รอด เธอก็ได้มีเงินเก็บเป็นเงินก้อนของเธอ เราก็ซื้อบ้านของเรา จะได้จบแบบไม่มีพันธะอะไรต่อกัน)
กลับมาเรื่องบ้าน ผมกู้บ้านราคา 3.3 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 40 ปี ยอดผ่อนขั้นต่ำปีแรก 10,000 ต่อเดือน และผมโปะบ้านเป็นประจำทุกเดือนเป็นจำนวนเงิน 8000 บาททุกเดือน เท่ากับผ่อน 18,000 บาท ต่อเดือน
ส่วนพวกเฟอนิเจอร์ต่างๆ ผมกู้เกินมา 5 หมื่นบาท รวมในยอดกู้บ้าน 3.3 ล้าน และใช้เงินเก็บของตัวเองที่เก็บไว้ ซื้อของเข้าบ้านเพิ่มอีกประมาณ เกือบ 1 แสนบาท
และผมให้แฟนผมช่วยจ่าย ค่าน้ำ-ค่าไฟ ประมาณ 1,500-2,000 บาทต่อเดือน
สรุปภาระค่าใช้จ่ายของแต่ละคน
ผม ค่าบ้าน 18,000 ช่วยแฟนเก็บเงินแต่งงานเดือนละ 1,500 บาท เก็บเงินต่อเติมบ้าน 3 แสนบาท
แฟนผม ค่ารถ 7,500 บาท ค่าน้ำ-ไฟ 1,500-2,000 บาท เก็บเงินแต่งงาน 3 แสนบาท
ในช่วงแรก ตัวผมก็ทำโอทีแทบทุกวันเพื่อหาเงินมาผ่อนและโปะบ้าน กลับถึงบ้านมาก็ประมาณ 20:30-21:00 น.
ตัวแฟนก็ทำงานประจำมีทำโอบ้างอาทิตละสองวัน ในช่วงปีแรกผมและแฟนก็ช่วยกันทำงานบ้าน ผลัดกันบ้างไรบ้าง เพราะต่างคนต่างมีเวลาอยู่บ้านพอกัน
ต่อมาแฟนบอกอยากทำงานเสริมเพื่อจะได้มีเงินเก็บเร็วขึ้นเพราะกลัวเก็บเงินได้ไม่ตามเป้า แฟนก็เริ่มทำงานเสริมของแฟน แฟนจึงมีเวลาอยู่บ้านน้อยลง หลังจากระยะเวลาผ่านไป แฟนผมซึ่งมีหน้าที่เก็บเงินแต่งงาน หลังจากเลิกงานประจำเขาก็ไปทำงานเสริมขายของกับเพื่อนต่อ ก็จะไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่บ้าน กว่าจะกลับถึงบ้านก็ 4-5 ทุ่ม
ตัวผมซึ่งอยู่บ้านมากกว่าจึงต้องรับหน้าที่ในการทำงานบ้านทุกอย่าง (ช่วงแรกๆก็ช่วยกันทำ ผลัดกันมั่งไรมั่ง แต่พอมาหลังๆเหมือนแฟนผมเขาทำงานนอกแล้วเขาก็เหนื่อยและไม่มีเวลามาช่วยผมทำ)
เรื่องงานเสริมของแฟน ผมคอยซัพพอตตลอด ไปถ่ายรูป แต่งรูปสินค้าเพื่อลงขาย ช่วยแฟนเท่าที่เราช่วยได้ และผมไม่ได้ส่วนแบ่งหรือค่าจ้างงาน อาจมีเลี้ยงอาหารแทนคำขอบคุณแค่นั้น
แฟนก็เก็บเงินอยู่ 1 ปี เก็บเงินได้ประมาณ 70,000 บาท
ส่วนผมผ่อนบ้านจากยอด 3.3 ล้าน เหลือยอด 2.9 ล้าน เก็บเงินต่อเติมบ้านได้ 150,000 บาท ทุกคนต่างมีผลงานของตัวเอง
(ผมผ่อนและโปะบ้านไป 232,000 บาท และพ่อผมให้เงินสดผมมาโปะบ้าน 2 แสนในปีแรก ยอดเงินต้นจึงลดไปเยอะ)
ต่อมาแฟนของผมอยากดัดฟัน เราก็บอกแล้วแต่ แฟนอยากดัดก็ดัดก็ใช้เงินตัวเอง แฟนผมจึงได้ดัดฟันจ่ายแบบเหมาไป 35,000 บาท ทำให้เงินเก็ยของแฟนที่จะเอามาใช้แต่งงานเหลือครึ่งเดียว (35,000 บาท)
ซึ่งเราก็รู้สึกเสียดายเงินค่าดัดฟันเหมือนกัน แต่เราเห็นแฟนอยากสวยก็เลยไม่อยากห้ามแฟน
ต่อมาผมได้ย้ายงานไปที่ใหม่ ได้เงินเดือนเพิ่มมาข้อนข้างเยอะ จาก 23,000 เป็น 33,000 พอเงินเดือนเพิ่มขึ้นมาขนาดนี้ ผมจึงเลิกทำโอทีแบบเต็มตัว
เลิกงานก็กลับบ้าน ดังนั้นผมจึงมีเวลาอยู่บ้านมากกว่าเยอะมาก คราวนี้ผมจึงได้รับหน้าที่ทำงานบ้านแบบเต็มตัว
ระยะเวลาผ่านไปครึ่งปีกว่า ผมก็เรื่มเหนื่อยเริ่มเบื่อที่ตัวเองต้องทำงานบ้านทุกอย่างเองคนเดียว ทั้งๆที่เราก็ใช้งานบ้าน ใช้จาน ใช้เสื้อผ้า ใช้ประโยชน์จากงานบ้านที่ผมทำร่วมกัน ผมจึงเริ่มรู้สึกไม่พอใจ บวกกับพอแฟนดัดฟัน ทำให้เงินเก็บสำหรับแต่งงานหายไปเยอะมาก จึงทำให้ยิ่งรู้สึกไม่พอใจหนักเข้าไปอีก เพราะตัวเราทำงานหนักและประหยัดแทบตายเพื่อเก็บเงินเพื่อผ่อนบ้าน ช่วยเก็บเงินแต่งงานและเก็บเงินต่อเติมบ้าน แต่ตัวแฟนระยะเวลาเท่าๆ แฟนกลับกันมีเงินเก็บเพียงแค่ 4 หมื่น ทั้งๆที่ทำทั้งงานประจำและงานเสริม (ตอนแฟนขอดัดฟันเราก็ไม่กล้าขัด พอเขาดัดฟันแล้วก็มาไม่พอใจ เห้อออออออ)
ในความคิดผมคือแบบ งานนอกของเธอฉันก็ไม่เคยได้ส่วนแบ่ง แถมไปช่วยงานเธอเมื่อเธอร้องขอตลอด แต่ทำไมเธอไม่ช่วยเราทำงานบ้านมั่งเลยทั้งๆที่ก็ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี่ร่วมกัน แล้วระยะเวลาที่ผ่านมาแฟนเก็บเงินได้น้อยเพราะเอาเงินเก็บไปทำนั่นนี้อยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้ผมรู้สึกว่ามีเพียงแค่ผมที่พยายามเก็บเงินอย่างหนัก (แต่จริงๆในใจลึกๆก็รู้แหละว่าแฟนก็พยายามเก็บเงินเหมือนกัน ถึงได้คิดทำงานเสริม แค่ระหว่างทางมันมีเรื่องให้ใช้เงินอยู่บ่อยครั้งทำให้ยอดเก็บไม่เยอะตามเป้าซักที)
การที่ผมต้องทำงานบ้านคนเดียว ทำให้ผมรู้สึกไม่พอใจ ทำให้บางทีเราเกิดการทะเลาะกันเรื่องแบบนี้ พอทะเลาะกันแฟนก็บอกว่าจะช่วยทำ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ช่วยวางที้งไว้แบบนั้น สุดท้ายผมก็ทนไม่ได้เดินออกไปทำเอง
ผมเกิดอาการไม่พอใจ เป็นแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ผมไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นอย่างไร กับการที่ต้องทำงานบ้านคนเดียวโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ช่วยเลย บวกกับเรื่องเงินเก็บอีก ผมนิสัยไม่ดีใช่ไหมที่คิดไม่พอใจกับเรื่องแบบนี้?
=> update 15/8/22
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
ผมเข้ามาตอบคำถามที่ชาวพันทิปถามมานะครับ
1.ได้ใช้รถร่วมกับแฟนไหม มีรถหรือป่าว?
- ผมมีรถเป็นของตัวเองครับ ซื้อรถมือสองติดแก๊ส เงินสด
2.เรื่องค่าน้ำ-ไฟ ทำไมไม่หาร?
- คืออันนี้ตกลงกับแฟนแล้วครับ ผมมีหน้าที่ซื้อของใช้ในบ้านทุกอย่าง(แฟ๊บ สบู่ ยาสีฟัน อื่นๆ) และก็ซื้ออาหารบ้างไรบ้างบางวัน และก็ให้เงินแฟนค่าอาหารเดือนละ 1000 ครับ
3.ทำไมไม่ช่วยกันทำ เสาร์-อาทิต
- ก็พอวันหยุดเขาก็อยากพัก ผมก็ทำของผมคนเดียวเหมือนเดิมครับ
4.เรื่องเก็บเงินแต่งงาน
- ผมเสนอทฤษฎี 50-50 แล้ว แต่เขาไม่พร้อมครับ ถ้าทุกอย่างต้องหาร 2 เขาช่วยผ่อนไม่ไหวครับ
ผมจึงเลือกผ่อนคนเดียวเพื่อลดภาระหนี้ให้ได้มากที่สุด ถ้าหากแต่งงานกัน ภาระรายเดือนของทั้งคู่จะได้น้อยๆ
แต่ถ้ายังบอกผมเอาเปรียบเรื่องเงินแต่งงาน ผมเคยบอกเขาไปเรื่องเงินแต่งงานตั้งแต่แรกๆแล้ว ถ้าหาได้ไม่ครบ ไม่ต้องห่วง ผมบวกที่เหลือให้ครบตามที่กำหนดเอง
เห็นคำแนะนำต่างๆต้องขอบคุณจริงๆครับ ผมนำความคิดเห็นแทบจะทุกอันมาปรับความเข้าใจกับแฟนครับ เอาไปถามแฟนเกือบหมด ในกระทู้อาจจะบรรยายเรื่องราวตวามรักไม่ครบถ้วนนะครับ จริงๆเราไม่ได้แบบเป๊ะๆๆๆ มากขนาดนั้นนะครับ เรามีเวลาหวาน มีเวลาโรแมน พวกเรามีไปเที่ยวกันอยู่บ่อยๆครับ ไม่ได้เครียสและอึมครึมขนาดนั้น แต่ด้วยที่มันเป็นกระทู้บางทีอาจจะเขียนบรรยายได้ไม่ครบถ้วนครับ
งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะครับพอดีแฟนเรียกให้ไปล้างจานครับ.