[CR] รีวิว "Dookki Topokki" บุฟเฟ่ต์ต๊อกโปกีหม้อไฟและอาหารเกาหลีเปิดรวมกว่า 13 สาขา ราคาเพียงคนละ 299 บาท

หนึ่งในร้านประจำซึ่งส่วนตัวทานค่อนข้างบ่อยเพราะมีสาขากระจายอยู่เยอะและราคาต่อหัวก็ไม่แพงมากนักเมื่ออยากอาหารเกาหลีหลังชมซีรีย์จบทุกครั้งนั่นก็คือ "Dookki Topokki" เป็นแฟรนไชส์ชื่อดังแห่งดินแดนโสมขาวเข้ามาเปิดในประเทศไทยได้สักพัก โดยเมนูหลักคือต๊อกโปกีหม้อไฟที่สามารถตักวัตถุดิบลงหม้อเองตามใจพร้อมอาหารปรุงสำเร็จครบตั้งแต่ของคาว,เครื่องดื่มไปจนถึงขนมหวานในร้านเดียว ราคาเริ่มต้นเพียงคนละ 299 บาทสุทธิ (ไม่มี Vat./Service Charge เพิ่ม) นั่งกินได้ 1.30 ชม. เด็กส่วนสูงต่ำกว่า 110 ซม.กินฟรี ส่วนสูงตั้งแต่ 110,130 ซม. คิดราคาคนละ 199 บาท ปัจจุบันเปิดให้บริการรวมกว่า 13 สาขา (รวบรวมสถานที่ตั้งของแต่ละสาขาไว้ด้านล่างสุดของบทความรีวิวนี้) ซึ่งวันนี้เราเลือกร้านใกล้บ้านและเดินทางสะดวกสุดๆนั่นก็คือห้างสรรพสินค้าซีคอนบางแคชั้น 4 ฝั่งเดียวกับฟู้ดคอร์ทขนาดใหญ่ชื่อว่า Street Gourmet (สตรีทกูร์เมต์) ติดประตูทางเข้าห้องน้ำสาธารณะ สำหรับวิธีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเพียงปักหมุดขับตามแผนที่บนมือถือมีลานจอดฟรีใช้ได้ตั้งแต่ 06.00-21.30 น. ถ้าเดินทางด้วยบริการขนส่งสาธารณะลง MRT สถานีภาษีเจริญมีสะพานเชื่อมพิเศษถึงข้างในห้างทันที โดยวันนี้เราตั้งใจมาตั้งแต่เพิ่งเปิดใหม่ๆเพื่อถ่ายรูปไลน์อย่างสวยงามจะมีอะไรให้เราตักบ้างนั้นรีบเข้าไปด้านในพร้อมกันเลยครับ

บรรยากาศภายในเน้นความปลอดโปร่งโล่งสบายสามารถมองทะลุได้ยาวๆตั้งแต่ประตูทางเข้าหลักไปจนถึงข้างหลังร้าน โดยเว้นพื้นที่ตรงกลางเพื่อติดตั้งเคาน์เตอร์บุฟเฟ่ต์ขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยโต๊ะและเก้าอี้ไม้เนื้อแข็งสีสว่างรองรับลูกค้าได้ตั้งแต่ 4-6 คนกระจายทั่วบริเวณ พร้อมตกแต่งแบบเรียบหรูด้วยสไตล์มินิมอลผสมลอฟต์ดูทันสมัยเพื่อตอบโจทย์วัยรุ่นยุคใหม่ที่ชื่นชอบอาหารเกาหลีได้เป็นอย่างดี เนื่องจากวันนี้เราเดินทางมาถึงห้างตั้งแต่เพิ่งเปิดจึงสามารถเลือกพื้นที่อยากนั่งได้ตามใจ อีกทั้งจุดประสงค์หลักของธุรกิจนี้เน้นบริการตัวเองเป็นหลักกว่า 90% สำหรับลูกค้าใหม่อาจจะรู้สึกว่าทำตัวไม่ค่อยถูกซึ่งภายในบทความนี้จะค่อยๆอธิบายแต่ละขั้นตอนเพื่อให้ได้รับประสบการณ์ด้านความอร่อยฉบับเกาหลีแท้ๆอย่างสูงสุด ขั้นตอนแรกเพียงแจ้งจำนวนสมาชิกกับเจ้าหน้าที่ด้านหน้าแล้วเลือกโต๊ะให้เรียบร้อยเสร็จแล้วก่อนจะเริ่มนับเวลาเราขอเดินสำรวจพร้อมถ่ายรูปไลน์บุฟเฟ่ต์ทุกๆอย่างเป็นอันดับแรกครับผม

เริ่มต้นจากข้างหน้าสุดติดประตูทางเข้าร้านด้วยเหล่าของทานเล่นสไตล์ Street Food จากประเทศเกาหลีทอดใหม่ๆรักษาอุณหภูมิให้อุ่นพร้อมกินอยู่เสมอด้วยโคมไฟดวงสีเหลืองเรียงกันหลากหลายเมนูมีทั้ง 1. คาลามารีหรือว่าปลาหมึกหั่นชิ้นวงกลมชุบแป้งทอดกรอบหนา,ฟูรสชาติเค็มกลมกล่อมให้สัมผัสเคี้ยวหนึบหนับชวนสนุกอย่างเพลินๆ 2. ยากี้มันดูหรือเกี๊ยวซ่ายักษ์สไตล์เกาหลีสอดไส้หมูสับผสมกุยช่ายปรุงรสพอกลมกล่อมห่อแป้งหนาทอดจนเหลืองจิ้มซอสคันจังหรือน้ำซุปต๊อกโปกีก็อร่อย 3. คิมมารีหรือวุ้นเส้นเกาหลีห่อสาหร่ายชุบแป้งทอดกรอบนอกเคี้ยวนหนึบข้างในเป็นที่โปรดปรานของหลายๆคน 4. มันเทศญี่ปุ่นฟังจากชื่อกับหน้าตาก็ดูธรรมดาแต่มันคือมันหวานนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นราคาสูงนำมาชุบแป้งทอดรสชาติเค็มๆตัดกันได้ดี 5. เฟรนซ์ฟรายส์แท่งเล็กทอดกรอบโรยเกลือให้ทั่วๆเน้นความกรอบเค็มแต่ไม่สามารถหยุดมือให้หยิบเข้าปากได้เรื่อยๆ 6. ไก่ทอดเคลือบซอสด้วยเกาหลีสีแดงฉ่ำรสชาติหวานนำเผ็ดกลมกล่อมแป้งกรอบนอกนุ่มในชิ้นใหญ่เต็มคำ สุดท้าย 7. ไก่ทอดกรอบสูตรต้นตำรับใช้ส่วนสะโพกติดหนังคลุกแป้งแบบพิเศษจนเข้าเนื้อสไตล์เกาหลีแท้ๆแถมยังไร้กระดูกกวนใจจึงกินง่ายๆทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลยครับผม

สำหรับสายเด็กเส้นตัวจริงทางร้าน "Dookki Topokki" ได้รวบรวมมาทั้งไทยกับเกาหลีรวมกันกว่า 4 รูปแบบนั่นก็คือ 1. เส้นรามยอนหรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขนาดอ้วนใหญ่ที่เรามักจะเจอกันบ่อยๆในซีรีย์ชื่อดังมากมายซึ่งมีซองสีเหลืองสดใสเป็นเอกลักษณ์แต่ไม่มีซองเครื่องปรุงบรรจุอยู่ภายในมักใช้ในร้านอาหารประเภทหม้อไฟเป็นปกติเพียงแกะแล้วเทในซุปเดือดๆก็รับความอร่อยเหนียวนุ่มสู้ฟันได้ทันที 2. วุ้นเส้นไทยทำจากแป้งถั่วเขียวผ่านการแช่น้ำให้นุ่มพร้อมต้มในซอสต๊อกโปกีเดือดๆซึ่งจะอืดขึ้นเล็กน้อยและเหนียวนุ่มกำลังดีแบบที่เรามักจะคุ้นเคยในอาหารไทยหลายเมนู 3. เส้นอัลตึงหรือวุ้นเส้นนำเข้าจากประเทศเกาหลีเหมือนที่ใส่ในผัดจับแชมีคุณสมบัติพิเศษซึ่งเหนือกว่าของไทยคือความเหนียวนุ่มขาดยากเคี้ยวสนุกหนึบๆช่วยซึมซับรสชาติเข้มข้นของอาหารได้ดีกว่าเดิมแต่ไม่ค่อยเหมาะสำหรับลูกค้าที่มีปัญหาสุขภาพฟันเท่าไหร่นัก 4. เส้นนัมจักหรือเส้นเล็กของประเทศเกาหลีใต้ซึ่งมีความยาวแบนคล้ายๆเส้นมันเทศหรือมันฝรั่งอันผ่านความร้อนสูงๆแล้วโปร่งใสแต่ไม่ลดสัมผัสเหนียวนุ่มสู้ฟันลงของจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งถ้าใครเป็นหม้อไฟลุยสายหม่าล่าอยู่แล้วน่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะคุณสมบัติคล้ายกันแต่ชื่อเรียกต่างกันเท่านั้นเองครับ

สถานีถัดไปถือว่าค่อนข้างสนุกและได้ท้าทายความสามารถเพราะเหมือนเป็นการสวมบทบาท,รับบทซังกุงสูงสุดแห่งห้องเครื่องของวังหลวงของเมืองฮันกางเหมือนในเรื่องแดจังกึมด้วยเครื่องปรุงกับวัตถุดิบหลายๆอย่าง เริ่มต้นที่มุมข้าวผัดเกาหลีสำหรับปรุง-กินปิดท้ายหลังจากลุยต๊อกโปกีหม้อไฟซึ่งประกอบไปด้วย ข้าวสวยญี่ปุ่นอุ่นในหม้อหุงไฟฟ้า/ไข่ต้ม/น้ำมันงาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆทั้ง กรรไกร/ตะหลิวผัดข้าว/ทัพพีเมื่อใช้งานเสร็จแล้วก็นำมาแช่น้ำคืนจุดเดิม ข้างๆกันเป็นเครื่องปรุงพร้อมซอสสูตรต่างๆรวมกันกว่า 12 อย่างประกอบไปด้วย ข้าวโพด/ไส้กรอกหั่นเต๋าชิ้นเล็ก/หัวไชเท้าดอง (แต่วันนี้หมดเลยใส่เป็นกิมจิธรรมดาแทน) /กิมจิผักกาดขาว/สาหร่ายแห้งสับ/ครีมซอสเข้มข้นหวานละมุน/ซอสกุงจุงซีอิ๊วเกาหลีแบบบาร์บีคิว/ซอสพุลกชเผ็ดระดับสูงสุด/ซอสดุ๊กกี้สูตรต้นตำรับของทางร้าน/ซอสจาจังถั่วดำหมักรสหวานมัน/ซอสโรเซ่ที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่น/ซอสต๊อกโมกลมกล่อมเผ็ดระดับกลาง หากใครผสมซอสเองไม่เป็นก็ไม่ต้องตกใจเพราะข้างบนมีป้าย Dookki's Recipes ให้จับรวมผสมตามใจอีกหลายสูตรปรับความเผ็ดหรือเข้มข้นได้ด้วยตนเองแต่ควรปรุงทีละน้อยเพราะถ้าผิดคือแก้ใหม่ไม่ได้นะครับ

เมื่อมีซอสต๊อกโปกีสุดอร่อยแล้วก็ต้องเลือกท็อปปิ้งต่างๆตามลงไปในหม้อซึ่งจุดนี้จะรวมวัตถุดิบสดทั้งหมดเอาไว้มากมายทั้ง ต๊อกออมจี/ต๊อกชีส/ต๊อกฮูรูลุก/ต๊อกหัวใจ/ต๊อกมันเทศ/ต๊อกคอร์นชีส/ต๊อกรู/ต๊อกธรรมดา/ผักกาดขาว/เห็ดออเร็นจิ/เห็ดเข็มทอง/ต้นหอมญี่ปุ่น/กะหล่ำปลี/ผักกวางตุ้ง/เต้าหู้ปลา/หอมหัวใหญ่/แครอท/ออมุก (ปลาแผ่นเกาหลี) /ลูกชิ้นปู/ไส้กรอกไก่/ออมุกแบบเส้น/อกไก่หมัก/อกไก่หมักรสเผ็ด/ปลาหมึกบั้ง/หมูสไลด์/หมูสามชั้นสไลด์และหอยแมลงภู่ชิลีรวมกันกว่า 27 รายการให้ตักได้ไม่อั้นตลอด 90 นาที สำหรับมือใหม่แนะนำว่าค่อยๆคีบไปลองชิมอย่างละนิดหน่อยถ้าชอบแล้วก็กลับมาหยิบเพิ่มเพราะแป้งต๊อกค่อนข้างหนักท้องชวนอิ่มได้ไวมากหรือจะเน้นเฉพาะเนื้อสัตว์หรือรักสุขภาพโดยใส่ผักเยอะๆก็ปรับเพิ่ม-ลดเองตามใจ ซึ่งถ้าของทั้งหมดไม่ต้องกลัวหมดเพราะเขาเดินมาเติมใหม่ให้ดูแน่นและสวยงามตลอดเวลา สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อต้องเดินมายังไลน์อาหารพร้อมสวมถุงมือพลาสติกที่ทางร้านจัดให้รวมถึงตักไปแค่หมดพออิ่มเพราะถ้าเหลือเยอะคิดค่าปรับอีกโต๊ะละ 100 บาทนะครับ

ถ้านึกถึงสตีทฟู้ดของประเทศเกาหลีนอกจากต๊อกโปกี/ไก่ทอดต่างๆแล้วเมนูหน้าหนาวอีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ "ออมุก" หรือโอเด้งของดินแดนโสมขาวซึ่งจะไม่ได้มีวัตถุดิบต้มหลากหลายอย่างเท่าของญี่ปุ่น แต่เมื่อได้ชมผ่านซีรีย์ก็ชวนให้อยากลองทุกครั้งที่ "Dookki Topokki" มีให้ทานไม่อั้นถึง 2 สูตรนั่นคือ 1. ต้นตำรับเบสพื้นฐานน้ำซุปใสทำจากปลาแองโชวี่ตากแห้งดึงเครื่องในออกผสมสาหร่ายคอมบุกับคันจังโรยหน้าด้วยต้นหอมซอยรสชาติเค็ม,นัวกลมกล่อมซดร้อนๆลื่นไหลลงคอ ส่วนออมุกเป็นปลาเนื้อขาวล้วนบดขึ้นรูปแบบแผ่นบางๆขนาดใหญ่แล้วทอดคล้ายลูกชิ้นปลาฮือก้วยของไทยโดยน้องพนักงานจะเสียบไม้เป็นรูปตัว S แล้วแช่ในน้ำซุปจนความอร่อยค่อยๆซึมเข้าเนื้อทีละน้อยจึงควรต้มนานๆจะยิ่งอร่อยสุดๆ 2. สูตรเผ็ดซึ่งตอนแรกคิดว่ารสชาติจะต่างจากอันก่อนแต่เหมือนกันแค่เพิ่มพริกป่นลงไปให้ความแซ่บ-เผ็ดร้อนเหมือนไฟนิดๆตอนน้ำซุปไหลผ่านเข้าคอ ซึ่งส่วนตัวชอบแบบสีแดงฉานมากกว่าหรือถ้าใครกลัวว่าซอสต๊อกโปกีที่ตักมาจะเผ็ดมากเกินไปสามารถยกซดน้ำซุปออมุกตามก็ถือว่าช่วยได้ดีเลยครับผม

******* เกิน 10,000 ตัวอักษร ขออนุญาตเขียนรีวิวต่อในช่อง Comment แทนนะครับ *******
ชื่อสินค้า:   Dookki Topokki Thailand
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่