เราลงสมัครงานอยู่ร้านขายของร้านหนึ่ง ในการโพสหาพนักงานเขา เขาใช้รูปร้านอีกร้านหนึ่ง นายจ้างของเราเป็นคนที่มีร้านขายของ 3 ร้าน แต่เขาใช้รูปร้านใหญ่ในการโพสหาลูกจ้าง เราก็ไปสมัคร เขาก็รับ (ขออธิบายสั้นๆนะคะ) เราทำงานได้ 2 เดือน เดือนแรกมีปัญหาเรื่องการเงิน แต่เราก็เคลียร์ไปแล้ว เราเป็นทั้งพนักงานขายและบัญชี เราไม่ค่อยเก่งบัญชีและยังไม่ค่อยมีความชำนาญในการทำงาน เลยทำงานผิดพลาดบ่อยๆ และเราก็เป็นคนเช็คสต๊อก แต่เราลืมเช็คสต๊อกร้านทั้งเดือน (ขออธิบายในเรื่องสต็อกนะคะ คือที่เราไม่ได้เช็คสต๊อกไม่ใช่ว่าเราปล่อยปะล่ะเลยนะคะ คือสต็อกชิ้นไหนที่ไกล้จะหมด เราก็เขียนและบอกกับนายเจ้าของเรา ที่เราไม่เช็คสต๊อกเพราะนายจ้างของเราเขาไม่เช็คของที่ไกล้หมดของร้าน ทำให้บางทีสินค้าภายในร้านไม่ครบ ลูกค้าก็ถามถึง สต็อกของร้าน มีเยอะมากพอสมควร บางอย่างยังไม่มีในร้านก็มีชื่อในใบสต็อกแล้วใบสต็อกของไหนที่ไกล้หมด เราก็เขียน 1 เพราะมันต้องเขียนแบบนั้น นายจ้างของเราก็รับรู้นะคะแต่ไม่ได้สนใจอะไรเลย แต่พอเราเขียนสต็อกที่ไกล้หมดโดยเน้นการเขียนด้วยมือ อย่างเช่น
1.น้ำอัดลม (เหลือ 2 ขวด)ไกล้หมด ตัวอย่างสต็อกที่เราเขียน
นี้คือใบสต็อกของทางร้าน
1.น้ำอัดลม 1
2.น้ำอิชิตัน 1 (แบบนี้อาจจะทำให้นายจ้างของเราไม่เข้าใจว่า 1 นั้นหมายความว่า มันเหลือ 1ขวด เราเลยเน้นเขียนเอง ใส่รายละเอียดของสินค้าเข้าไป และเขียนแบบนี้นายจ้างเราก็สนใจและก็ซื้อของมาลงร้าน)
ซึ่งก็จะเห็นถึงความแตกต่าง เราไม่ได้เช็คสต๊อกร้าน แต่เราก็เช็คของไหนที่ไกล้หมด และก็จะมีเรื่องความสะอาดของร้าน เราเป็นคนทำเองทั้งหมด เราทำความสะอาดประจำ แต่ด้วยความที่ว่าร้านขายของนี้ เหมือนเคยปล่อยให้รกเป็นเวลานาน มันเลยทำให้มีคราบหรือสิ่งของที่เสียหายเป็นจำนวนมาก และอุปกรณ์การทำความสะอาดก็มีไม่ครบ เราเลยทำตามที่จำเป็นของร้าน ถ้าจะให้ทำความสะอาดให้ใสกริ๊ง ก็อาจจะใช้เวลานานพอสมควร เราก็ค่อยๆจัดการทำความสะอาดร้านไปเรื่อยๆ ภายในเวลา 2 เดือนกว่าๆ ร้านก็ดีขึ้น และปัญหาของร้านคือไม่มีกล้องวงจรปิด เราก็บอกนายจ้างให้ติดกล้อง เขาก็บอกว่าไม่ติด ไม่เป็นไรหรอก
หลังจากนั้นเราก็ขายของปกติ แต่รายได้ของร้านน้อยมากต่อเดือน นายจ้างของเราเลยสงสัยว่าเราแอบเอาเงินเขาไปทีละเล็กทีละน้อย เราก็ปฏิเสธ เขาเลยบอกว่าของเขาหาย แต่เราก็บอกว่าไม่ได้หาย ของที่ซื้อลงร้านก็อยู่ในร้านนั้นละ เราเช็คทุกวัน (แต่ไม่ได้เขียนไว้) มันเลยทำให้เราน่าสงสัยตรงนี้ละ เราเลยบอกว่า ต่อให้เราไม่ได้เขียนสต็อกเราก็มั่นใจว่าของทั้งหมดไม่หายแน่นอนและเราก็เช็คของที่ไกล้หมดของร้านและของจำเป็น (เยอะเกือบเท่ากับของในสต็อก) แต่นายจ้างก็ยังไม่เชื่อและเดินไปถามร้านขายของร้านที่ 2 ว่าเห็นเรามาทำงานตอนไหน น้องคนนั้นก็ตอบตามที่เห็นคือตอนบ่าย ตอนบ่ายเราไปซื้อกับข้าวมากินที่ร้าน นายจ้างก็บอกว่าเราทุจริตเวลางานเขา ทั้งๆที่เราเข้างานตรงเวลาตลอดแล้วก็เลิกงานตามเวลา 10:00-20:00 น. เราก็ให้เขาเช็คกล้อง แต่ก็ไม่มีอะไร เพราะเราไม่ได้เอาอะไรไป (กล้องของข้างร้านเรานะ) กล้องนี้จะเห็นเวลาเข้าออกของเราและเห็นว่าเราเอาของในร้านไปมั้ย นั่นละ พอเขาเห็นกล้อง เขาก็เงียบและก็ยังโยนประเด็นไปเรื่องเงินในร้าน บอกรายได้น้อยมากต่อวัน ทำไมมีแค่นี้ บราๆๆ- เราก็ทำอะไรไม่ได้เพราะว่าเราไม่ได้เอาอะไรไปเลย และเราก็ขายของได้แบบนั้นตามที่ลูกค้าซื้อ เราก็ตอบได้อยู่แค่นี้ คือ เราไม่ได้เอาของเอาเงินไป และไม่ได้ทุจริตเวลางานด้วย 🙏🙏 ต่อให้เราไม่มีเงินจะกินเราก็ไม่ขโมยเงินใครค่ะ ตอนนี้ทางนั้นเรียกเราไปคุยกับตำรวจนะคะ นายจ้างเราเป็นผู้ใหญ่ อายุ 28-30กว่า (ไม่แน่ใจ) และมีเงิน ส่วนเรา อายุ 21และเป็นลูกจ้าง เลยกลัวว่าเขาอาจจะดูน่าเชื่อถือมากกว่าเพราะภายนอกนายจ้างของเราเป็นคนดูดีมีฐานะเลยกลัวว่าตำรวจอาจจะลำเอียง เลยมาขอคำปรึกษาสำหรับเรื่องราวแบบนี้ควรทำยังไง เราโดนไล่ออกกระทันหันตั้งแต่วันนั้นเลย ทั้งๆที่เขาไม่มีหลักฐานว่าเราขโมยของเลย🙏🙏 เราควรทำยังไงคะ เงินเดือนก็ไม่ได้ ตอนนี้เราไม่รู้จะทำยังไงค่ะ (สงสัยข้อไหนถามได้นะคะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใส่ข้อความ
โดนกล่าวหาว่าขโมยเงิน เราควรทำยังไง
1.น้ำอัดลม (เหลือ 2 ขวด)ไกล้หมด ตัวอย่างสต็อกที่เราเขียน
นี้คือใบสต็อกของทางร้าน
1.น้ำอัดลม 1
2.น้ำอิชิตัน 1 (แบบนี้อาจจะทำให้นายจ้างของเราไม่เข้าใจว่า 1 นั้นหมายความว่า มันเหลือ 1ขวด เราเลยเน้นเขียนเอง ใส่รายละเอียดของสินค้าเข้าไป และเขียนแบบนี้นายจ้างเราก็สนใจและก็ซื้อของมาลงร้าน)
ซึ่งก็จะเห็นถึงความแตกต่าง เราไม่ได้เช็คสต๊อกร้าน แต่เราก็เช็คของไหนที่ไกล้หมด และก็จะมีเรื่องความสะอาดของร้าน เราเป็นคนทำเองทั้งหมด เราทำความสะอาดประจำ แต่ด้วยความที่ว่าร้านขายของนี้ เหมือนเคยปล่อยให้รกเป็นเวลานาน มันเลยทำให้มีคราบหรือสิ่งของที่เสียหายเป็นจำนวนมาก และอุปกรณ์การทำความสะอาดก็มีไม่ครบ เราเลยทำตามที่จำเป็นของร้าน ถ้าจะให้ทำความสะอาดให้ใสกริ๊ง ก็อาจจะใช้เวลานานพอสมควร เราก็ค่อยๆจัดการทำความสะอาดร้านไปเรื่อยๆ ภายในเวลา 2 เดือนกว่าๆ ร้านก็ดีขึ้น และปัญหาของร้านคือไม่มีกล้องวงจรปิด เราก็บอกนายจ้างให้ติดกล้อง เขาก็บอกว่าไม่ติด ไม่เป็นไรหรอก
หลังจากนั้นเราก็ขายของปกติ แต่รายได้ของร้านน้อยมากต่อเดือน นายจ้างของเราเลยสงสัยว่าเราแอบเอาเงินเขาไปทีละเล็กทีละน้อย เราก็ปฏิเสธ เขาเลยบอกว่าของเขาหาย แต่เราก็บอกว่าไม่ได้หาย ของที่ซื้อลงร้านก็อยู่ในร้านนั้นละ เราเช็คทุกวัน (แต่ไม่ได้เขียนไว้) มันเลยทำให้เราน่าสงสัยตรงนี้ละ เราเลยบอกว่า ต่อให้เราไม่ได้เขียนสต็อกเราก็มั่นใจว่าของทั้งหมดไม่หายแน่นอนและเราก็เช็คของที่ไกล้หมดของร้านและของจำเป็น (เยอะเกือบเท่ากับของในสต็อก) แต่นายจ้างก็ยังไม่เชื่อและเดินไปถามร้านขายของร้านที่ 2 ว่าเห็นเรามาทำงานตอนไหน น้องคนนั้นก็ตอบตามที่เห็นคือตอนบ่าย ตอนบ่ายเราไปซื้อกับข้าวมากินที่ร้าน นายจ้างก็บอกว่าเราทุจริตเวลางานเขา ทั้งๆที่เราเข้างานตรงเวลาตลอดแล้วก็เลิกงานตามเวลา 10:00-20:00 น. เราก็ให้เขาเช็คกล้อง แต่ก็ไม่มีอะไร เพราะเราไม่ได้เอาอะไรไป (กล้องของข้างร้านเรานะ) กล้องนี้จะเห็นเวลาเข้าออกของเราและเห็นว่าเราเอาของในร้านไปมั้ย นั่นละ พอเขาเห็นกล้อง เขาก็เงียบและก็ยังโยนประเด็นไปเรื่องเงินในร้าน บอกรายได้น้อยมากต่อวัน ทำไมมีแค่นี้ บราๆๆ- เราก็ทำอะไรไม่ได้เพราะว่าเราไม่ได้เอาอะไรไปเลย และเราก็ขายของได้แบบนั้นตามที่ลูกค้าซื้อ เราก็ตอบได้อยู่แค่นี้ คือ เราไม่ได้เอาของเอาเงินไป และไม่ได้ทุจริตเวลางานด้วย 🙏🙏 ต่อให้เราไม่มีเงินจะกินเราก็ไม่ขโมยเงินใครค่ะ ตอนนี้ทางนั้นเรียกเราไปคุยกับตำรวจนะคะ นายจ้างเราเป็นผู้ใหญ่ อายุ 28-30กว่า (ไม่แน่ใจ) และมีเงิน ส่วนเรา อายุ 21และเป็นลูกจ้าง เลยกลัวว่าเขาอาจจะดูน่าเชื่อถือมากกว่าเพราะภายนอกนายจ้างของเราเป็นคนดูดีมีฐานะเลยกลัวว่าตำรวจอาจจะลำเอียง เลยมาขอคำปรึกษาสำหรับเรื่องราวแบบนี้ควรทำยังไง เราโดนไล่ออกกระทันหันตั้งแต่วันนั้นเลย ทั้งๆที่เขาไม่มีหลักฐานว่าเราขโมยของเลย🙏🙏 เราควรทำยังไงคะ เงินเดือนก็ไม่ได้ ตอนนี้เราไม่รู้จะทำยังไงค่ะ (สงสัยข้อไหนถามได้นะคะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้