อาจไม่รวยไปกว่านี้ แต่พื้นฐานเราน่าจะดีกว่านี้ ตัวอย่างเช่น โซเวียต พอเปลี่ยนจาก ระบอบศักดินา serfdom มาเป็นคอมมิวนิตส์ เศรษฐกิจก็กลายเป็นอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว เช่น เหล็กกล้า อาวุธ อวกาศ และ อุตสาหกรรมหนักอื่นๆ จนเทียบเคียงกับอเมริกาได้ในระดับหนึ่ง หรือ ยูเครนที่ดูจนๆ แต่ก่อน สหภาพโซเวียตล่มสลายก็ถือว่าเป็นเขตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของโซเวียต ขนาดที่ว่าผลิตรถถังมาขายไทย หรือแม้แต่ เครื่องจักรกลทางการเกษตร รถราง รถไฟ ก็ทำเองได้หมด ที่จนเพราะ คอรัปชั่น ล้วนๆ
ตัดมาที่ของไทย เราแทบไม่มีการปฎิรูป เศรษฐกิจ หรือนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมระดับชาติ ใดๆ หลังจาก เปลี่ยนแปลงทางการเมืองในตอนนั้น เรียกได้ว่า เป็นประเด็นที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นลำดับท้ายๆ เศรษฐกิจยังมีความ diversified ต่ำ สินค้าส่งออกก็ เช่นข้าว น้ำตาล ยาง
มายุคสงครามเย็น ทหารอเมริกาเอาเงินเข้าจับจ่ายใช้สอย อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเติบโต เศรษฐกิจทุนนิยมเติบโตก็จริง แต่ก็เหมือนเดิม เราไม่มีพื้นฐานด้านอุตสาหกรรมใดๆ สินค้าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ต้องนำเข้า ถึงขนาดที่ว่านักศึกษาออกประท้วงสินค้าญี่ปุ่น เพราะขาดดุลเขาหนักมาก ขาดดุลจนจนเกิดวิฤกติขาดดุลบัญชีสะพัดในช่วงปี 80-85 รัฐบาลเปรมต้องประกาศลดค่าเงิน และเข้า imf
มายุคชาติชาย เราเริ่ม ส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้าบ้างแล้ว ดูเหมือนเริ่มจะมีความหวัง แต่ก็เช่นเดิม เราไม่มีอุตสาหกรรมต้นน้ำ เพราะรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญ เช่น การถลุงเหล็ก หรือ การผลิตวิจัยเทคโนโลยี สุดท้ายกระสันอยากรวยทางลัด เปิดเสรีการเงินมั่วๆ เศรษฐกิจมีแต่การเก็งกำไรกับฟองสบู่ ไม่มี productivity ใดๆ มีแต่ภาพลวงตา พื้นฐานอะไรก็ไม่มี จนพังพินาศในปี 40
มาปัจจุบัน ศก. เริ่มไปต่อไม่ได้ โตช้ากว่าเพื่อนบ้าน เพราะพื้นฐานอ่อน เอาดีแต่ด้านท่องเที่ยว ถึงขนาดให้กัญชาถูกกฎหมาย เพื่อ เงินนักท่องเที่ยว ใจคอกะจะเป็น ส้วมของโลกให้คนมาขี้เยี่ยวอาเจียนใส่แลกเศษเงิน ตลอดไป ส่วน อุตสาหกรรมผลิตก็มีแต่นำเข้ามาประกอบ ที่ที่ไหนก็ทำได้
ใครจะมาอ้างว่า " คนไทยไม่ซื้อของไทย " ก็ ไม่เห็นด้วย แบรนด์ในประเทศจะรอดไม่รอด อยู่ที่รัฐบาลล้วนๆ สินค้าเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ช่วงแรกๆ คุณภาพก็ห่วย แต่รัฐบาล ใช้นโยบาย protectionism ที่กีดกันสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ให้เงินทุน เงินกู้ สนับสนุนแก่อุตสาหกรรมเหล่านั้น จนยืนด้วยตัวเองได้ ถึงเปิดเสรี
ถ้าไทยเลือกใช้ระบอบเศรษฐกิจคอมมิวนิตส์ตั้งแต่แรก ตอนที่เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475
ตัดมาที่ของไทย เราแทบไม่มีการปฎิรูป เศรษฐกิจ หรือนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมระดับชาติ ใดๆ หลังจาก เปลี่ยนแปลงทางการเมืองในตอนนั้น เรียกได้ว่า เป็นประเด็นที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นลำดับท้ายๆ เศรษฐกิจยังมีความ diversified ต่ำ สินค้าส่งออกก็ เช่นข้าว น้ำตาล ยาง
มายุคสงครามเย็น ทหารอเมริกาเอาเงินเข้าจับจ่ายใช้สอย อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเติบโต เศรษฐกิจทุนนิยมเติบโตก็จริง แต่ก็เหมือนเดิม เราไม่มีพื้นฐานด้านอุตสาหกรรมใดๆ สินค้าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ต้องนำเข้า ถึงขนาดที่ว่านักศึกษาออกประท้วงสินค้าญี่ปุ่น เพราะขาดดุลเขาหนักมาก ขาดดุลจนจนเกิดวิฤกติขาดดุลบัญชีสะพัดในช่วงปี 80-85 รัฐบาลเปรมต้องประกาศลดค่าเงิน และเข้า imf
มายุคชาติชาย เราเริ่ม ส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้าบ้างแล้ว ดูเหมือนเริ่มจะมีความหวัง แต่ก็เช่นเดิม เราไม่มีอุตสาหกรรมต้นน้ำ เพราะรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญ เช่น การถลุงเหล็ก หรือ การผลิตวิจัยเทคโนโลยี สุดท้ายกระสันอยากรวยทางลัด เปิดเสรีการเงินมั่วๆ เศรษฐกิจมีแต่การเก็งกำไรกับฟองสบู่ ไม่มี productivity ใดๆ มีแต่ภาพลวงตา พื้นฐานอะไรก็ไม่มี จนพังพินาศในปี 40
มาปัจจุบัน ศก. เริ่มไปต่อไม่ได้ โตช้ากว่าเพื่อนบ้าน เพราะพื้นฐานอ่อน เอาดีแต่ด้านท่องเที่ยว ถึงขนาดให้กัญชาถูกกฎหมาย เพื่อ เงินนักท่องเที่ยว ใจคอกะจะเป็น ส้วมของโลกให้คนมาขี้เยี่ยวอาเจียนใส่แลกเศษเงิน ตลอดไป ส่วน อุตสาหกรรมผลิตก็มีแต่นำเข้ามาประกอบ ที่ที่ไหนก็ทำได้
ใครจะมาอ้างว่า " คนไทยไม่ซื้อของไทย " ก็ ไม่เห็นด้วย แบรนด์ในประเทศจะรอดไม่รอด อยู่ที่รัฐบาลล้วนๆ สินค้าเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ช่วงแรกๆ คุณภาพก็ห่วย แต่รัฐบาล ใช้นโยบาย protectionism ที่กีดกันสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ให้เงินทุน เงินกู้ สนับสนุนแก่อุตสาหกรรมเหล่านั้น จนยืนด้วยตัวเองได้ ถึงเปิดเสรี