ตามหัวโพสนะคับ เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า โลกในยัคปัจจุบัน
เป็นโลกของทุนนิยม เป็นใหญ่
ผู้ที่รวยเท่านั้นที่จะได้เกือบทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตมาครอบครอง
ทั้งชีวิตสุขสบายได้ทำตามความฝัน หรือ
จนถึงระดับไม่ต้องทำงานหาเงินไปทั้งชีวิตก็ย่อมทำได้เพื่อนำเงินที่มีไปทำตามฝันกับกิจกรรมด้านอื่นที่มีแต่เสียเงินและอาจจะไม่ได้เงินเลย
หรือ แม้กระทั่งอำนาจทางกฏหมาย การเมือง เศรษฐกิจ และ Connection ก็สามารถควบคุมได้ด้วยเงิน
ดังนั้น เราจะมีดูเหตุผลกันว่า
ทำไม ผู้ที่จะเป็นพ่อแม่คนมีลูก สร้างครอบครัวเพื่อเลี้ยงดูลูกจนเติบโตไปในโลกทุนนิยมนี้
หากคุณมีเงินเก็บไม่ถึง 30 ล้านบาท ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ช่าง = เห็นแก่ตัว หมดทุกคน
1.ถ้าคุณมีลูกทั้งๆที่เงินเก็บไม่ถึง 100 ล้านบาทในยุคนี้
แล้วเลี้ยงที่จะมีลูก หากเลี้ยงดูลูกเติบโตไปจนอายุ 22 ปี จบมหาลัย พร้อมเข้าทำงาน (กรณีที่เรียน ประถม-มหาลัย ป.ตรี 16 ปี)
คุณจะพบว่า ถ้าพ่อแม่ไม่รวยอยู่เกิน 30 ล้านบาทอยู่แล้ว
จะเป็นเรื่องยากมากที่ลูกคุณจะรวยขึ้นมาได้ง่ายๆ
ไม่ว่า ลูกคุณจะไปทำงานอะไร
1.1 ลูกจ้างงานประจำกินเงินเดือน ก็จะพบว่า งานเงินเดือนส่วนใหญ่ในไทยน้อยนิดไม่พอกับค่าครองชีพสามารถอยู่อย่างสบายได้ด้วยซ้ำ
1.2 ธุรกิจส่วนตัว ก็ต้องใช้เงินลงทุนสูงอยู่ดี และคุณจะพบว่า กำไร ธุรกิจส่วนใหญ่ขึ้นกับต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้นตาม
และ 30 ล้านบาท ถึงจะสร้างธุรกิจรายย่อยุถึงกลางได้ แต่ไม่ได้ทำให้กำไรคุณโตไวในระดับรายกลางปลายๆถึงใหญ่ ได้ง่ายๆอยู่ดี
1.3 เทรด หุ้น คริปโต Forex
เงินต้น 30 ล้านบาท อาจทำกำไรเทรดสั้นถึงยาวให้พอร์ตโตได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายจนเกินไปในระดับ เจ้ามือของตลาด (อย่างน้อยๆ หุ้นไทย)
จะปั่นราคาเอากำไรได้ง่ายๆอยู่ดี เพราะเป็นที่รู้กันในหมู่ของเทรดเดอร์อยู่แล้วว่า รายย่อย ย่อมทำกำไรได้ยากกว่า เจ้ามือ ที่มีอำนาจเงินจนคุมราคาเสมอ
เพราะเขาแค่ตั้ง Bid Offer ล่อเม่ารายย่อยก็ดันราคาขึ้นลงตามใจได้แล้ว
ในขณะรายย่อยจำเป็นต้องไปศึกษาหาความรู้ สายเทคนิกโน่นนี้นั้นมาเอาตัวรอดจากการปั่นราคาของเจ้ามือไปวันๆอยู่รอดในตลาดให้ได้
และ เงินต้นน้อยกว่า 30 ล้านบาท เป็นเจ้ามือหุ้นไทยตัวไหนยังไม่ได้เลย อย่างต่ำเกิน 1000 ล้านบาท
ถึงจะพอเป็นได้บางตัวแบบเอาชัวในการปั่นราคาได้ระดับนึง
2.เงินต้น 30 ล้านบาท คือ ต้นทุนการใช้ชีวิตที่ผมเคยประเมินไว้ว่า เด็กคนหนึ่งที่เติบโตมาจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
จนแก่ตายเป็นระยะเวลาประมาณ 60 ปี หลังจบ 22 ปี ถึง 88 ปี ซึ่งเกินอายุเฉลี่ยคนไทยไปแล้ว
3.เงินต้นน้อยกว่า 30 ล้านบาท ลูกคุณไม่สามารถว่างงานอยู่ใช้ชีวิตอย่างสบายๆไม่เดือดร้อนเรื่องเงินได้
ตั้งแต่อายุ 22 ปี ถึง 88 ปี
พูดง่ายๆ คือ คุณมีลูกแต่เงินเก็บไม่ถึง 30 ล้านบาท = คุณส่งลูกมาลงนรกในโลกทุนนิยม ที่ทุกสิ่งต้องใช้เงินตลอดทั้งชีวิต
เพราะยังไงลูกคุณก็ต้องทำงาน(งานประจำ,ธุรกิจส่วนตัว) หรือ เทรดใน 3 ตลาด(ในข้อ 1.3) หาเงินเพิ่มอย่างยากรำบากเพื่อเอาชีวิตรอด
และ ปีนขึ้นไปเพื่อเอาชีวิตที่สุขสบาย ได้ทำตามความฝัน ตลอดทั้งชีวิตอยู่ดี
และถ้าจะให้ดีจริงๆพ่อแม่ควรมีเกิน 100 ล้านบาท ด้วยซ้ำ
ลูกถึงจะอยู่ได้สุขสบาย กระดิกตีนก็ได้เงินเพิ่มมาง่ายๆแล้ว หรือ อาจถึงขั้นไม่ทำงานตลอดทั้งชีวิตได้
แล้วนำเงินไปใช้ชีวิตด้านอื่นแบบไม่ฟุ้มเฟือยจนเกินไปนะ และมีการบริหารจัดการเงินส่วนตัว(Money Manament)ที่ดีพอ
ที่น่าเศร้า และเป็นคำถามที่สำคัญกว่านั้น คือ คนที่เป็นพ่อแม่รู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่า
ต้องส่งลุกมาลงนรกโลกทุนนิยม และ ลูกที่เกิดมาของคนส่วนใหญ่อาจต้องทำงานไปทั้งชีวิต
คิดยังไง ถึงมีลูกกันอีก การเลี้ยงดีก็ใช้ว่า จะรอดจานรกโลกทุนนิยมได้
พ่อแม่ที่เลือกจะมีลุกแบบนี้ จึงเป็นการตัดสินใจที่ เห็นแก่ตัว มาก
สู้ไม่มีลูกตั้งแต่แรกดีกว่า จะได้ไม่เดือดร้อน ลูก ของคุณด้วย
ปล.เงินต้นไม่เกิน 30 ล้านบาทนี้ อาจปรับเพิ่มตามอัตราเงินเฟ้อ หรือ ค่าครองชีพ ที่เพิ่มส฿งขึ้นตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป และ ปัจจัยทางเศรษฐกิจของไทยได้
ไม่ได้ตายตัวว่า ต้องไม่เกิน 30 ล้านบาท ตลอดไป
วันนี้จะมาพูดถึงว่า ทำไมคนที่ไม่ได้รวยเกิน 30 ล้านบาทในยุคนี้ มีลูก = เห็นแก่ตัว
เป็นโลกของทุนนิยม เป็นใหญ่
ผู้ที่รวยเท่านั้นที่จะได้เกือบทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตมาครอบครอง
ทั้งชีวิตสุขสบายได้ทำตามความฝัน หรือ
จนถึงระดับไม่ต้องทำงานหาเงินไปทั้งชีวิตก็ย่อมทำได้เพื่อนำเงินที่มีไปทำตามฝันกับกิจกรรมด้านอื่นที่มีแต่เสียเงินและอาจจะไม่ได้เงินเลย
หรือ แม้กระทั่งอำนาจทางกฏหมาย การเมือง เศรษฐกิจ และ Connection ก็สามารถควบคุมได้ด้วยเงิน
ดังนั้น เราจะมีดูเหตุผลกันว่า
ทำไม ผู้ที่จะเป็นพ่อแม่คนมีลูก สร้างครอบครัวเพื่อเลี้ยงดูลูกจนเติบโตไปในโลกทุนนิยมนี้
หากคุณมีเงินเก็บไม่ถึง 30 ล้านบาท ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ช่าง = เห็นแก่ตัว หมดทุกคน
1.ถ้าคุณมีลูกทั้งๆที่เงินเก็บไม่ถึง 100 ล้านบาทในยุคนี้
แล้วเลี้ยงที่จะมีลูก หากเลี้ยงดูลูกเติบโตไปจนอายุ 22 ปี จบมหาลัย พร้อมเข้าทำงาน (กรณีที่เรียน ประถม-มหาลัย ป.ตรี 16 ปี)
คุณจะพบว่า ถ้าพ่อแม่ไม่รวยอยู่เกิน 30 ล้านบาทอยู่แล้ว
จะเป็นเรื่องยากมากที่ลูกคุณจะรวยขึ้นมาได้ง่ายๆ
ไม่ว่า ลูกคุณจะไปทำงานอะไร
1.1 ลูกจ้างงานประจำกินเงินเดือน ก็จะพบว่า งานเงินเดือนส่วนใหญ่ในไทยน้อยนิดไม่พอกับค่าครองชีพสามารถอยู่อย่างสบายได้ด้วยซ้ำ
1.2 ธุรกิจส่วนตัว ก็ต้องใช้เงินลงทุนสูงอยู่ดี และคุณจะพบว่า กำไร ธุรกิจส่วนใหญ่ขึ้นกับต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้นตาม
และ 30 ล้านบาท ถึงจะสร้างธุรกิจรายย่อยุถึงกลางได้ แต่ไม่ได้ทำให้กำไรคุณโตไวในระดับรายกลางปลายๆถึงใหญ่ ได้ง่ายๆอยู่ดี
1.3 เทรด หุ้น คริปโต Forex
เงินต้น 30 ล้านบาท อาจทำกำไรเทรดสั้นถึงยาวให้พอร์ตโตได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายจนเกินไปในระดับ เจ้ามือของตลาด (อย่างน้อยๆ หุ้นไทย)
จะปั่นราคาเอากำไรได้ง่ายๆอยู่ดี เพราะเป็นที่รู้กันในหมู่ของเทรดเดอร์อยู่แล้วว่า รายย่อย ย่อมทำกำไรได้ยากกว่า เจ้ามือ ที่มีอำนาจเงินจนคุมราคาเสมอ
เพราะเขาแค่ตั้ง Bid Offer ล่อเม่ารายย่อยก็ดันราคาขึ้นลงตามใจได้แล้ว
ในขณะรายย่อยจำเป็นต้องไปศึกษาหาความรู้ สายเทคนิกโน่นนี้นั้นมาเอาตัวรอดจากการปั่นราคาของเจ้ามือไปวันๆอยู่รอดในตลาดให้ได้
และ เงินต้นน้อยกว่า 30 ล้านบาท เป็นเจ้ามือหุ้นไทยตัวไหนยังไม่ได้เลย อย่างต่ำเกิน 1000 ล้านบาท
ถึงจะพอเป็นได้บางตัวแบบเอาชัวในการปั่นราคาได้ระดับนึง
2.เงินต้น 30 ล้านบาท คือ ต้นทุนการใช้ชีวิตที่ผมเคยประเมินไว้ว่า เด็กคนหนึ่งที่เติบโตมาจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
จนแก่ตายเป็นระยะเวลาประมาณ 60 ปี หลังจบ 22 ปี ถึง 88 ปี ซึ่งเกินอายุเฉลี่ยคนไทยไปแล้ว
3.เงินต้นน้อยกว่า 30 ล้านบาท ลูกคุณไม่สามารถว่างงานอยู่ใช้ชีวิตอย่างสบายๆไม่เดือดร้อนเรื่องเงินได้
ตั้งแต่อายุ 22 ปี ถึง 88 ปี
พูดง่ายๆ คือ คุณมีลูกแต่เงินเก็บไม่ถึง 30 ล้านบาท = คุณส่งลูกมาลงนรกในโลกทุนนิยม ที่ทุกสิ่งต้องใช้เงินตลอดทั้งชีวิต
เพราะยังไงลูกคุณก็ต้องทำงาน(งานประจำ,ธุรกิจส่วนตัว) หรือ เทรดใน 3 ตลาด(ในข้อ 1.3) หาเงินเพิ่มอย่างยากรำบากเพื่อเอาชีวิตรอด
และ ปีนขึ้นไปเพื่อเอาชีวิตที่สุขสบาย ได้ทำตามความฝัน ตลอดทั้งชีวิตอยู่ดี
และถ้าจะให้ดีจริงๆพ่อแม่ควรมีเกิน 100 ล้านบาท ด้วยซ้ำ
ลูกถึงจะอยู่ได้สุขสบาย กระดิกตีนก็ได้เงินเพิ่มมาง่ายๆแล้ว หรือ อาจถึงขั้นไม่ทำงานตลอดทั้งชีวิตได้
แล้วนำเงินไปใช้ชีวิตด้านอื่นแบบไม่ฟุ้มเฟือยจนเกินไปนะ และมีการบริหารจัดการเงินส่วนตัว(Money Manament)ที่ดีพอ
ที่น่าเศร้า และเป็นคำถามที่สำคัญกว่านั้น คือ คนที่เป็นพ่อแม่รู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่า
ต้องส่งลุกมาลงนรกโลกทุนนิยม และ ลูกที่เกิดมาของคนส่วนใหญ่อาจต้องทำงานไปทั้งชีวิต
คิดยังไง ถึงมีลูกกันอีก การเลี้ยงดีก็ใช้ว่า จะรอดจานรกโลกทุนนิยมได้
พ่อแม่ที่เลือกจะมีลุกแบบนี้ จึงเป็นการตัดสินใจที่ เห็นแก่ตัว มาก
สู้ไม่มีลูกตั้งแต่แรกดีกว่า จะได้ไม่เดือดร้อน ลูก ของคุณด้วย
ปล.เงินต้นไม่เกิน 30 ล้านบาทนี้ อาจปรับเพิ่มตามอัตราเงินเฟ้อ หรือ ค่าครองชีพ ที่เพิ่มส฿งขึ้นตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป และ ปัจจัยทางเศรษฐกิจของไทยได้
ไม่ได้ตายตัวว่า ต้องไม่เกิน 30 ล้านบาท ตลอดไป