สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
ทำไมค่ายจะไม่อยากตีตลาดอินเตอร์ พยามแล้วมาตั้งแต่ยุคเจนสองแต่ยังไม่ได้อย่างใจหวังตังหาก
ค่ายไม่ค่อยยอมปรับสไตล์ ยึดมั่นถือมั่นกับคอนเซปของตัวเองจ๋าๆ
อาจจะมั่นว่าทำอะไรเบียวๆ แล้วเวิร์คมาตลอดตั้งแต่สมัยก่อน
แต่คือการยึดติดกับคอนเซปและสตอรี่มากเกินไปก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป
เพราะบางทีคนฟังแค่อยากฟังเพลงที่เพราะ ไม่ได้อยากเสพคอนเซปไรขนาดนั้น
เทียบกับตึกฟ้าที่ตีคู่กันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตึกฟ้านี่ปรับตัวตลอด แนวเพลงเน้นฟังง่าย ติดหู ให้คนเอนจอยไปด้วยกัน
ส่วนตึกดำก็มีจุดขายที่ unique ของตัวเอง ถึงเพลงนานๆปล่อยทีแต่ค่อนข้างเมคชัวร์ได้ว่าจะปัง
อันนี้ขอพูดเฉพาะกกนะ ไม่ได้ตามบบเลย เพราะหลังๆเพลงแปลกเกินจะฟัง
จริงๆ วงที่เวิร์คกับการตีอินเตอร์ที่สุดคือ f(x) เพราะสไตล์เพลงยุคหลังๆ คือส่ง
อาร์ตเวิร์คและคอนเซปก็ไม่เคป็อบจ๋าๆ
เมมเบอร์ก็คือศักยภาพได้ ภาพลักษณ์ไปทางศิลปินมากกว่าไอดอล แต่ก็นะแยกย้ายกันไปละ...
ส่วนเอสป้า หลักๆเลยคือเพลงหนักและแปลกไปหน่อย
ถ้าไม่ได้น้องเนกมาช่วยให้วงปังขึ้นมา เพลงที่เหลือคือไม่ค่อยชวนให้ฟังซ้ำบ่อยๆ
อีกอย่างวงที่มีคอนเซปเฉพาะตัวและมีความเป็นไอดอลขนาดนี้
ไม่ใช่อะไรที่คนทั่วไปจะมาเปิดใจง่ายๆ ถ้าไม่ใช่แฟนเคป็อบอยู่แล้ว
สรุปคือ การจะตีตลาดอินเตอร์ได้ มันมีหลายองค์ประกอบมากๆ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเพลงที่โดนใจคนฟังที่เป็นฐานอินเตอร์ เพลงมันคือ universal language อะ
ถ้าค่ายเลิกทำเพลงแบบถูกใจตัวเองได้เมื่อไหร่ค่อยมาว่ากันใหม่
* แก้สะกดคำ
ค่ายไม่ค่อยยอมปรับสไตล์ ยึดมั่นถือมั่นกับคอนเซปของตัวเองจ๋าๆ
อาจจะมั่นว่าทำอะไรเบียวๆ แล้วเวิร์คมาตลอดตั้งแต่สมัยก่อน
แต่คือการยึดติดกับคอนเซปและสตอรี่มากเกินไปก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป
เพราะบางทีคนฟังแค่อยากฟังเพลงที่เพราะ ไม่ได้อยากเสพคอนเซปไรขนาดนั้น
เทียบกับตึกฟ้าที่ตีคู่กันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตึกฟ้านี่ปรับตัวตลอด แนวเพลงเน้นฟังง่าย ติดหู ให้คนเอนจอยไปด้วยกัน
ส่วนตึกดำก็มีจุดขายที่ unique ของตัวเอง ถึงเพลงนานๆปล่อยทีแต่ค่อนข้างเมคชัวร์ได้ว่าจะปัง
อันนี้ขอพูดเฉพาะกกนะ ไม่ได้ตามบบเลย เพราะหลังๆเพลงแปลกเกินจะฟัง
จริงๆ วงที่เวิร์คกับการตีอินเตอร์ที่สุดคือ f(x) เพราะสไตล์เพลงยุคหลังๆ คือส่ง
อาร์ตเวิร์คและคอนเซปก็ไม่เคป็อบจ๋าๆ
เมมเบอร์ก็คือศักยภาพได้ ภาพลักษณ์ไปทางศิลปินมากกว่าไอดอล แต่ก็นะแยกย้ายกันไปละ...
ส่วนเอสป้า หลักๆเลยคือเพลงหนักและแปลกไปหน่อย
ถ้าไม่ได้น้องเนกมาช่วยให้วงปังขึ้นมา เพลงที่เหลือคือไม่ค่อยชวนให้ฟังซ้ำบ่อยๆ
อีกอย่างวงที่มีคอนเซปเฉพาะตัวและมีความเป็นไอดอลขนาดนี้
ไม่ใช่อะไรที่คนทั่วไปจะมาเปิดใจง่ายๆ ถ้าไม่ใช่แฟนเคป็อบอยู่แล้ว
สรุปคือ การจะตีตลาดอินเตอร์ได้ มันมีหลายองค์ประกอบมากๆ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเพลงที่โดนใจคนฟังที่เป็นฐานอินเตอร์ เพลงมันคือ universal language อะ
ถ้าค่ายเลิกทำเพลงแบบถูกใจตัวเองได้เมื่อไหร่ค่อยมาว่ากันใหม่
* แก้สะกดคำ
ความคิดเห็นที่ 46
อันนี้ขอตอบตามหัวกระทู้เลย ทำไม sm ตีตลาดอินเตอร์ไม่สุด
ไม่รู้มีใครเคยดูหนังเรื่อง dreamgirls มั้ย เป็นหนังโปรดเราเลยนะดูซ้ำหลายรอบมากกก ถ้าชอบเรื่องวงการเพลงแนะนำว่าต้องดู หนังสร้างมาจากเค้าโครงจริง
DREAMGIRLS | Official Trailer

ก็คือ dreamgirls เป็นหนังที่เล่าเรื่องวงนักร้องหญิงคนดำช่วงยุค 60 ที่เปลี่ยนรูปแบบวงการเพลงอเมริกาไปตลอดกาลและก็ทำให้ค่าย motown record รุ่งเรืองสุดๆยุคนั้น สรุปรวบให้ฟังว่ายุคนั้นวงดนตรีคนดำจะเน้นเพลง soul แนว gospel ก็คือเพลงที่เน้นโหยหวนแผดๆหนักๆอารมณ์มาเต็ม จนเจมี่ ฟอกซ์ในเรื่องนี่แหละที่มาเปลี่ยนรูปแบบ คือตอนแรกวงมี jennifer hudson เป็นนักร้องนำ แต่ตาเจมี่เปลี่ยนให้บียอนเซ่ที่เสียงพลังน้อยกว่า แผดน้อยกว่าโดยให้เหตุผลว่า lighter is better , more marketable และก็ทำเพลงเร็วมากขึ้นเบาขึ้นย่อยง่ายขึ้น
จากที่ต้องแผดปอดกระจุย มาทำเพลง light ขึ้นทำให้ขายได้มากขึ้นจริง กลายเป็นดังระเบิดระเบ้อจนวงการเพลงต้องเปลี่ยนรูปแบบตาม จริงๆหนังสนุกมากแบบครบรสอ่ะ มีหักเหลี่ยมหักหลังหักสวาทเยอะแยะมาก แนะนำให้หาดูคุ้มเวลา
ที่ยกมาจะสื่อว่าขนาดคนอเมริกันเองยังเปลี่ยนเพื่อให้เข้าถึงคนฟังมากขึ้น แล้วเราจะไปขายคนต่างวัฒนธรรมแต่ไม่อ่ะฉันไม่เปลี่ยน ก็คือทางนึงถือว่ายึดมั่นถือมั่นกับรสชาติที่ตัวเองต้องการเสิร์ฟดีทีเดียว แต่อีกทางคือเสียดายความสามารถศิลปินที่ควรจะดังกว่านี้ถ้ายอมลดอัตตาลงซักนิดนึง หรือเค้าคิดว่าเออแค่นี้ก็ดังสุดๆแล้วอาจจะเป็นมุมมองเค้าก็ได้
ย้อนกลับมาที่ sm วงผู้หญิงจะเป็นรูปแบบเดียวกันแหละคือเน้นโวคอลโชว์เสียงและต้องมีไฮโน้ตเด่นๆเข้าไปด้วย นี่ฟังมาตั้งแต่โซชิไม่เคยรู้สึกว่ามีปัญหาคือมันเพราะทุกเพลงแหละแต่ทำไมคนถึงเพิ่งมาบ่นเยอะๆตอนเอสป้า นั่นเพราะเนื้อเสียงส่วนตัวของแต่ละนักร้องทำให้ความไหลลื่นต่างกัน
snsd มีแทยอนเจสสิก้าคอยขึ้นไฮโน้ต แทยอนเสียงมีความหนา bold เจสสิก้าเสียงหวานใส rv มีเวนดี้ซึ่งเนื้อเสียงก็ bold เหมือนกันมันเลยไม่มีปัญหา ส่วนเอสป้ามีหนิงหนิงวินเทอร์ อันนี้วิจารณ์ตรงๆนะ หนิงหนิงไม่มีปัญหาแต่น้องหนาวเนื้อเสียงน้องบาง เวลาใส่หูฟังต้องดึงออกทุกรอบ อย่างตอน savage กับ girls ฟังจนรู้จังหวะดึงหูฟังเลย คิดว่าหลายคนก็มีปัญหานี้ ฟังมาดีๆเพลินๆเจอเสียงหวีดกรีดหูละมันสะดุด และก็เป็นเหตุผลที่ next level ดังเป็นพลุแตกเพราะมันไม่มีท่อนที่สะดุดในเพลงเลย เป็น r&b hiphop ที่ถูกหูคนฟัง
ซึ่งน้องหนาวไม่ผิด แต่มันผิดที่ sm ดึงดันเกินไปที่จะยัดเยียดอะไรแบบนี้ให้คนต้องฟัง ถ้าถามเราให้หนิงหนิงไฮโน้ตไปแล้วปรับวินเทอร์มาในโน้ตพวกหวีดเบาๆบางๆจะดี หรือไม่ต้องไปไฮโน้ตอะไร เอาอย่าง nl ก็ดีแล้วมั้ยอ่ะ illusion ก็ฟังง่ายนะ แต่อย่าแปลแค่นั้นแหละ
สรุปให้ก็คือปี 1960 อเมริกันยังเปลี่ยนแนวแล้ว sm เป็นใครทำไมคุณจะให้เค้าเปลี่ยนมาหา มันจะไปสุดได้ไงทำเพลงแมสตกคนเสร็จละ เห็นคนเยอะหน่อยฉันปล่อยไฮโน้ตรัว ถถถถ
ไม่รู้มีใครเคยดูหนังเรื่อง dreamgirls มั้ย เป็นหนังโปรดเราเลยนะดูซ้ำหลายรอบมากกก ถ้าชอบเรื่องวงการเพลงแนะนำว่าต้องดู หนังสร้างมาจากเค้าโครงจริง
DREAMGIRLS | Official Trailer

ก็คือ dreamgirls เป็นหนังที่เล่าเรื่องวงนักร้องหญิงคนดำช่วงยุค 60 ที่เปลี่ยนรูปแบบวงการเพลงอเมริกาไปตลอดกาลและก็ทำให้ค่าย motown record รุ่งเรืองสุดๆยุคนั้น สรุปรวบให้ฟังว่ายุคนั้นวงดนตรีคนดำจะเน้นเพลง soul แนว gospel ก็คือเพลงที่เน้นโหยหวนแผดๆหนักๆอารมณ์มาเต็ม จนเจมี่ ฟอกซ์ในเรื่องนี่แหละที่มาเปลี่ยนรูปแบบ คือตอนแรกวงมี jennifer hudson เป็นนักร้องนำ แต่ตาเจมี่เปลี่ยนให้บียอนเซ่ที่เสียงพลังน้อยกว่า แผดน้อยกว่าโดยให้เหตุผลว่า lighter is better , more marketable และก็ทำเพลงเร็วมากขึ้นเบาขึ้นย่อยง่ายขึ้น
จากที่ต้องแผดปอดกระจุย มาทำเพลง light ขึ้นทำให้ขายได้มากขึ้นจริง กลายเป็นดังระเบิดระเบ้อจนวงการเพลงต้องเปลี่ยนรูปแบบตาม จริงๆหนังสนุกมากแบบครบรสอ่ะ มีหักเหลี่ยมหักหลังหักสวาทเยอะแยะมาก แนะนำให้หาดูคุ้มเวลา
ที่ยกมาจะสื่อว่าขนาดคนอเมริกันเองยังเปลี่ยนเพื่อให้เข้าถึงคนฟังมากขึ้น แล้วเราจะไปขายคนต่างวัฒนธรรมแต่ไม่อ่ะฉันไม่เปลี่ยน ก็คือทางนึงถือว่ายึดมั่นถือมั่นกับรสชาติที่ตัวเองต้องการเสิร์ฟดีทีเดียว แต่อีกทางคือเสียดายความสามารถศิลปินที่ควรจะดังกว่านี้ถ้ายอมลดอัตตาลงซักนิดนึง หรือเค้าคิดว่าเออแค่นี้ก็ดังสุดๆแล้วอาจจะเป็นมุมมองเค้าก็ได้
ย้อนกลับมาที่ sm วงผู้หญิงจะเป็นรูปแบบเดียวกันแหละคือเน้นโวคอลโชว์เสียงและต้องมีไฮโน้ตเด่นๆเข้าไปด้วย นี่ฟังมาตั้งแต่โซชิไม่เคยรู้สึกว่ามีปัญหาคือมันเพราะทุกเพลงแหละแต่ทำไมคนถึงเพิ่งมาบ่นเยอะๆตอนเอสป้า นั่นเพราะเนื้อเสียงส่วนตัวของแต่ละนักร้องทำให้ความไหลลื่นต่างกัน
snsd มีแทยอนเจสสิก้าคอยขึ้นไฮโน้ต แทยอนเสียงมีความหนา bold เจสสิก้าเสียงหวานใส rv มีเวนดี้ซึ่งเนื้อเสียงก็ bold เหมือนกันมันเลยไม่มีปัญหา ส่วนเอสป้ามีหนิงหนิงวินเทอร์ อันนี้วิจารณ์ตรงๆนะ หนิงหนิงไม่มีปัญหาแต่น้องหนาวเนื้อเสียงน้องบาง เวลาใส่หูฟังต้องดึงออกทุกรอบ อย่างตอน savage กับ girls ฟังจนรู้จังหวะดึงหูฟังเลย คิดว่าหลายคนก็มีปัญหานี้ ฟังมาดีๆเพลินๆเจอเสียงหวีดกรีดหูละมันสะดุด และก็เป็นเหตุผลที่ next level ดังเป็นพลุแตกเพราะมันไม่มีท่อนที่สะดุดในเพลงเลย เป็น r&b hiphop ที่ถูกหูคนฟัง
ซึ่งน้องหนาวไม่ผิด แต่มันผิดที่ sm ดึงดันเกินไปที่จะยัดเยียดอะไรแบบนี้ให้คนต้องฟัง ถ้าถามเราให้หนิงหนิงไฮโน้ตไปแล้วปรับวินเทอร์มาในโน้ตพวกหวีดเบาๆบางๆจะดี หรือไม่ต้องไปไฮโน้ตอะไร เอาอย่าง nl ก็ดีแล้วมั้ยอ่ะ illusion ก็ฟังง่ายนะ แต่อย่าแปลแค่นั้นแหละ

สรุปให้ก็คือปี 1960 อเมริกันยังเปลี่ยนแนวแล้ว sm เป็นใครทำไมคุณจะให้เค้าเปลี่ยนมาหา มันจะไปสุดได้ไงทำเพลงแมสตกคนเสร็จละ เห็นคนเยอะหน่อยฉันปล่อยไฮโน้ตรัว ถถถถ
แสดงความคิดเห็น
ทำไมรู้สึกค่าย SM ทำเพลงตีตลาดอินเตอร์ไม่สุดสักที
อย่างที่ป้อนให้กับวง aespa เหมือนยังไม่สุดในทางอินเตอร์
ทั้งเรื่องดนตรี การแร๊ป การเต้น รู้สึกว่า ค่ายนี้ยังป้อนให้วง aesoa ไม่สุดสักทาง
อยากให้ค่ายลองพิจารณาโปรดิวเซอร์ใหม่นะ เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น ในฐานะที่เป็นแฟนเพลงเคป๊อป