ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน / ช่วยแสดงความคิดเห็นล่วงหน้าครับ
เข้าประเด็นเลยนะครับ
ปัจจุบันเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เงินเดือนอยู่ที่ 12,000 บาท ( มีเบี้ยขยัน + ค่าคอมฯ แต่ไม่มากและไม่แน่นอน )
ใช้ชีวิติตัวคนเดียวในเมืองด้วยการเช้าห้องอยู่มาแล้วประมาณ 5-6 ปี รวมค่าเช่าแล้วร่วม 300,000 บาท จึงคิดอยากจะซื้อห้องชุดเอื้ออาทรฯเป็นของตนเอง เพราะเห็นว่าราคาส่งแต่ละเดือนไม่ได้เยอะกว่าค่าเช่าไปสักเท่าไหร่ และจำเป็นจะต้องอาศัยอยู่ในเมืองแบบนี้ไปตลอด (ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง เพียงแค่ฝากชื่อไว้ในทะเบียนบ้านญาติ)
ตอนนี้ยื่นกู้ธนาคารเพื่อซื้อห้องชุดราคา 650,000 บาท เป็นการซื้อกับเจ้าของเอง และเราผู้ซื้อเป็นคนวิ่งเต้นดำเนินการเองทั้งหมด
โดยทำสัญญาจะซื้อจะขายวางมัดจำไว้ 10,000 บาท แบบไม่ระบุวันที่โอนกรรมสิทธิ์เพราะเจ้าของห้องให้เวลาในการดำเนินการเต็มที่
และตกลงกันว่าหากยื่นกู้ไม่ผ่านจะคืนเงินมัดจำให้เต็มจำนวน
ตอนแรกยื่นกู้กับธนาคารสีส้ม เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารแล้วค่อนข้างโอเคเลยให้กรอกข้อมูลยื่นคำร้องขอกู้ พอเราก็กรอกเสร็จพนักงานกลับบอกทันทีว่า "เอกสารไม่ผ่าน" ขอคืนเอกสารให้ (แต่ส่งชื่อเราเข้าระบบไปแล้ว งงมาก)
*สาเหตุ
1. ทำงานไม่ถึง 1 ปี
2. บริษัทฯ เปิดใหม่ได้แค่ 1 ปี
3. ยอดนำส่งประกันสังคม ฝ่ายบัญชีส่งยอดผิดพลาด (มี 2 เดือนที่รวมเงินค่าคอมฯ กับ เบี้ยขยันเข้าไปด้วย)
คุยกับเจ้าของบ้านแล้วเขาแนะนำให้ไปติดต่อแบงค์ชมพูในพื้นที่เพราะห้องนี้ก็ยังติดจำนองกับแบงค์นี้และสาขานี้ด้วย
จึงเข้าไปคุยปรึกษากับธนาคารสีชมพู โดยรวมแล้วให้คำปรึกษาและคำแนะนำดีมาก ช่วยแนะนำเรื่องเอกสารการดำเนินการต่างๆเป็นอย่างดี
แต่...ล่าสุดที่ได้คุยกับธนาคารคือการกู้ซื้อห้องชุดจะได้สูงสุดแค่ 90% ของราคาซื้อขาย/ราคาประเมินเท่านั้น ตอนแรกเราก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
(ตอนนี้มีเงินสำรองอยู่ประมาณ 100,000 บาท) หลังจากที่มานั่งคิดๆดูแล้วว่า หากราคาประเมินได้ไม่ถึงราคาซื้อขาย หรือ ยอดกู้ได้น้อยกว่า 90% กลัวว่าจะไม่สามารถรับผิดชอบส่วนต่างไหว ไหนจะทั้งค่าประกันอัคคีภัย ค่าประกันหนี้สิน แต่ค่าโอนผู้ขายจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบ ส่วนค่าจดจำนองตอนนี้มีโปร 0.01% หากโอนและจดจำนองพร้อมกัน
เลยอยากขอคำปรึกษาว่า
1. หากเรากู้ผ่านแต่วงเงินที่กู้ได้สุทธิ+เงินส่วนต่างที่มีไม่พอชำระค่าห้องและค่าดำเนินการอื่นๆ เราจะสามารถยกเลิกการกู้ดังกล่าวกับธนาคารได้หรือไม่ และจะมีผลเสียอะไรกับเครดิตเราไหม?
2. จะมีความเป็นไปได้ไหม ที่จะได้รับเงินมัดจำคืนจากผู้ขาย หากไม่สามารถซื้อขายกันได้จากเหตุผลนี้?
3. ต่อจากข้อสอง หากผู้ขายไม่ยินดีจะคืนมัดจำให้ หากเราจะแจ้งว่าให้ผู้ขายถือเงินมัดจำไว้จนกว่าเราพร้อมจะซื้อขาย(อาจจะใช้เวลาอีกเป็นปีๆ)จะสามารถทำได้หรือไม่?
ปล. ไม่สามารถกู้ร่วมครอบครัวได้ เนื่องจากไม่ได้ข้องเกี่ยวกับทางญาติพี่น้องเลย(เหมือนโดนตัดออกจากบ้านเลยครับ)
ปล. ไม่สามารถกู้ร่วมกับแฟนได้ เนื่องจากเป็น LGBTQ+ ครับ
[ขอคำปรึกษา] *เป็นมือใหม่ กู้ซื้อห้องชุดครั้งแรกในชีวิตแบบไม่ผ่านนายหน้า!
เข้าประเด็นเลยนะครับ
ปัจจุบันเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เงินเดือนอยู่ที่ 12,000 บาท ( มีเบี้ยขยัน + ค่าคอมฯ แต่ไม่มากและไม่แน่นอน )
ใช้ชีวิติตัวคนเดียวในเมืองด้วยการเช้าห้องอยู่มาแล้วประมาณ 5-6 ปี รวมค่าเช่าแล้วร่วม 300,000 บาท จึงคิดอยากจะซื้อห้องชุดเอื้ออาทรฯเป็นของตนเอง เพราะเห็นว่าราคาส่งแต่ละเดือนไม่ได้เยอะกว่าค่าเช่าไปสักเท่าไหร่ และจำเป็นจะต้องอาศัยอยู่ในเมืองแบบนี้ไปตลอด (ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง เพียงแค่ฝากชื่อไว้ในทะเบียนบ้านญาติ)
ตอนนี้ยื่นกู้ธนาคารเพื่อซื้อห้องชุดราคา 650,000 บาท เป็นการซื้อกับเจ้าของเอง และเราผู้ซื้อเป็นคนวิ่งเต้นดำเนินการเองทั้งหมด
โดยทำสัญญาจะซื้อจะขายวางมัดจำไว้ 10,000 บาท แบบไม่ระบุวันที่โอนกรรมสิทธิ์เพราะเจ้าของห้องให้เวลาในการดำเนินการเต็มที่
และตกลงกันว่าหากยื่นกู้ไม่ผ่านจะคืนเงินมัดจำให้เต็มจำนวน
ตอนแรกยื่นกู้กับธนาคารสีส้ม เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารแล้วค่อนข้างโอเคเลยให้กรอกข้อมูลยื่นคำร้องขอกู้ พอเราก็กรอกเสร็จพนักงานกลับบอกทันทีว่า "เอกสารไม่ผ่าน" ขอคืนเอกสารให้ (แต่ส่งชื่อเราเข้าระบบไปแล้ว งงมาก)
*สาเหตุ
1. ทำงานไม่ถึง 1 ปี
2. บริษัทฯ เปิดใหม่ได้แค่ 1 ปี
3. ยอดนำส่งประกันสังคม ฝ่ายบัญชีส่งยอดผิดพลาด (มี 2 เดือนที่รวมเงินค่าคอมฯ กับ เบี้ยขยันเข้าไปด้วย)
คุยกับเจ้าของบ้านแล้วเขาแนะนำให้ไปติดต่อแบงค์ชมพูในพื้นที่เพราะห้องนี้ก็ยังติดจำนองกับแบงค์นี้และสาขานี้ด้วย
จึงเข้าไปคุยปรึกษากับธนาคารสีชมพู โดยรวมแล้วให้คำปรึกษาและคำแนะนำดีมาก ช่วยแนะนำเรื่องเอกสารการดำเนินการต่างๆเป็นอย่างดี
แต่...ล่าสุดที่ได้คุยกับธนาคารคือการกู้ซื้อห้องชุดจะได้สูงสุดแค่ 90% ของราคาซื้อขาย/ราคาประเมินเท่านั้น ตอนแรกเราก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
(ตอนนี้มีเงินสำรองอยู่ประมาณ 100,000 บาท) หลังจากที่มานั่งคิดๆดูแล้วว่า หากราคาประเมินได้ไม่ถึงราคาซื้อขาย หรือ ยอดกู้ได้น้อยกว่า 90% กลัวว่าจะไม่สามารถรับผิดชอบส่วนต่างไหว ไหนจะทั้งค่าประกันอัคคีภัย ค่าประกันหนี้สิน แต่ค่าโอนผู้ขายจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบ ส่วนค่าจดจำนองตอนนี้มีโปร 0.01% หากโอนและจดจำนองพร้อมกัน
เลยอยากขอคำปรึกษาว่า
1. หากเรากู้ผ่านแต่วงเงินที่กู้ได้สุทธิ+เงินส่วนต่างที่มีไม่พอชำระค่าห้องและค่าดำเนินการอื่นๆ เราจะสามารถยกเลิกการกู้ดังกล่าวกับธนาคารได้หรือไม่ และจะมีผลเสียอะไรกับเครดิตเราไหม?
2. จะมีความเป็นไปได้ไหม ที่จะได้รับเงินมัดจำคืนจากผู้ขาย หากไม่สามารถซื้อขายกันได้จากเหตุผลนี้?
3. ต่อจากข้อสอง หากผู้ขายไม่ยินดีจะคืนมัดจำให้ หากเราจะแจ้งว่าให้ผู้ขายถือเงินมัดจำไว้จนกว่าเราพร้อมจะซื้อขาย(อาจจะใช้เวลาอีกเป็นปีๆ)จะสามารถทำได้หรือไม่?
ปล. ไม่สามารถกู้ร่วมครอบครัวได้ เนื่องจากไม่ได้ข้องเกี่ยวกับทางญาติพี่น้องเลย(เหมือนโดนตัดออกจากบ้านเลยครับ)
ปล. ไม่สามารถกู้ร่วมกับแฟนได้ เนื่องจากเป็น LGBTQ+ ครับ