ปรึกษาเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาเอกสารการกู้ยืม(ของฝ่ายเจ้าหนี้)สูญหายเนื่องจากเหตุการณ์ไฟไหม้บ้าน
หลังจากที่คุณแม่ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่21กรกฎาคม2563 เจ้าหนี้ได้รับเงินประกันชีวิตเมื่อ17สิงหาคม2563เป็นจำนวนเงินหลายล้านบาท ลูกหนี้ได้มาขอกู้ยืมเงินไปหลายครั้งเริ่มตั้งแต่15ตุลาคม2563ไปจนถึง10พฤศจิกายน2563เป็นจำนวนเงินประมาณ 2.4ล้านบาท โดยลูกหนี้ได้มีการลงลายมือชื่อรับเงินไว้ในสมุดจดบันทึกของทั้งสองฝ่ายไว้คนละฉบับและได้มีการผ่อนจ่ายเงินคืนมาบ้างแบบหยุดๆจ่ายๆเรื่อยๆมาประมาณ3แสนบาทโดยมีการลงลายมือชื่อรับเงินคืนบันทึกไว้ในสมุดด้วย จนกระทั้งเมื่อวันที่ 31กรกฎาคม2564 ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านของเจ้าหนี้ทำให้ทรัพย์สินสูญหายและเสียหายทั้งหมดรวมถึงสมุดบันทึกการกู้ยืมเงินฉบับของเจ้าหนี้ด้วย หลังเหตุการไฟไหม้บ้านเจ้าหนี้ได้ไปพบลูกหนี้เพื่อขอถ่ายสำเนาการกู้ยืมเงินฉบับลูกหนี้ แต่ลูกหนี้แจ้งว่าเอกสารของเขาก็ถูกไฟไหม้ไปแล้วเหมือนกัน และก็หยุดผ่อนจ่ายเงินคืนอีกเลย ทำให้รู้สึกถึงเจตนาที่จะหนีหนี้เหมือนกับที่เคยเจตนาที่ฉ้อโกงการกู้ยืมเงินจากคุณแม่ของเจ้าหนี้มาก่อน
เนื่องจากลูกหนี้คนเดียวกันนี้ได้เคยกู้ยืมเงินจากคุณแม่ของเจ้าหนี้ไป1ล้านบาทและนำโฉนดมาวางค้ำประกันไว้ แต่เมื่อวันที่26ตุลาคม2563 ทนายได้คัดโฉนดจากสนง.ที่ดินพบว่าลูกหนี้ได้แจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าพนักงานที่ดินไว้ว่าโฉนดสูญหายและขอออกใบแทนโฉนดใหม่ และได้ขายที่ดิน2ใน3ส่วนออกไปแล้ว ซึ่งคดีแพ่งการกู้ยืมเงินนี้น้องสาวของเจ้าหนี้(ผู้จัดการมรดกของคุณแม่)ได้มีการฟ้องศาลและไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความกันไปแล้ว โดยที่ยังไม่ได้ดำเนินคดีเรื่องการแจ้งความเท็จต่อทางราชการเลย
เมื่อวันที่ 7มิถุนายน2565 เจ้าหนี้ได้เข้าไปพบลูกหนี้และได้พูดคุยถึงเรื่องยอดเงินต้น ซึ่งลูกหนี้ได้พูดว่ายอดเงินต้นประมาณ2ล้านบาท(มีการอัดเสียงไว้) จึงอยากปรึกษาผู้รู้ว่ามีวิธีใดบ้างที่จะทำให้ลูกหนี้ยอมทำสัญญารับสภาพหนี้ หรือสัญญากู้ยืมขึ้นใหม่ที่เงินต้น 2 ล้านบาทค่ะ
ขอบพระคุณมากๆสำหรับคำแนะนำนะคะ
หาแนวทางการแก้ปัญหาเอกสารการกู้ยืม(ของฝ่ายเจ้าหนี้)สูญหายเนื่องจากเหตุการณ์ไฟไหม้บ้าน
หลังจากที่คุณแม่ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่21กรกฎาคม2563 เจ้าหนี้ได้รับเงินประกันชีวิตเมื่อ17สิงหาคม2563เป็นจำนวนเงินหลายล้านบาท ลูกหนี้ได้มาขอกู้ยืมเงินไปหลายครั้งเริ่มตั้งแต่15ตุลาคม2563ไปจนถึง10พฤศจิกายน2563เป็นจำนวนเงินประมาณ 2.4ล้านบาท โดยลูกหนี้ได้มีการลงลายมือชื่อรับเงินไว้ในสมุดจดบันทึกของทั้งสองฝ่ายไว้คนละฉบับและได้มีการผ่อนจ่ายเงินคืนมาบ้างแบบหยุดๆจ่ายๆเรื่อยๆมาประมาณ3แสนบาทโดยมีการลงลายมือชื่อรับเงินคืนบันทึกไว้ในสมุดด้วย จนกระทั้งเมื่อวันที่ 31กรกฎาคม2564 ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านของเจ้าหนี้ทำให้ทรัพย์สินสูญหายและเสียหายทั้งหมดรวมถึงสมุดบันทึกการกู้ยืมเงินฉบับของเจ้าหนี้ด้วย หลังเหตุการไฟไหม้บ้านเจ้าหนี้ได้ไปพบลูกหนี้เพื่อขอถ่ายสำเนาการกู้ยืมเงินฉบับลูกหนี้ แต่ลูกหนี้แจ้งว่าเอกสารของเขาก็ถูกไฟไหม้ไปแล้วเหมือนกัน และก็หยุดผ่อนจ่ายเงินคืนอีกเลย ทำให้รู้สึกถึงเจตนาที่จะหนีหนี้เหมือนกับที่เคยเจตนาที่ฉ้อโกงการกู้ยืมเงินจากคุณแม่ของเจ้าหนี้มาก่อน
เนื่องจากลูกหนี้คนเดียวกันนี้ได้เคยกู้ยืมเงินจากคุณแม่ของเจ้าหนี้ไป1ล้านบาทและนำโฉนดมาวางค้ำประกันไว้ แต่เมื่อวันที่26ตุลาคม2563 ทนายได้คัดโฉนดจากสนง.ที่ดินพบว่าลูกหนี้ได้แจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าพนักงานที่ดินไว้ว่าโฉนดสูญหายและขอออกใบแทนโฉนดใหม่ และได้ขายที่ดิน2ใน3ส่วนออกไปแล้ว ซึ่งคดีแพ่งการกู้ยืมเงินนี้น้องสาวของเจ้าหนี้(ผู้จัดการมรดกของคุณแม่)ได้มีการฟ้องศาลและไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความกันไปแล้ว โดยที่ยังไม่ได้ดำเนินคดีเรื่องการแจ้งความเท็จต่อทางราชการเลย
เมื่อวันที่ 7มิถุนายน2565 เจ้าหนี้ได้เข้าไปพบลูกหนี้และได้พูดคุยถึงเรื่องยอดเงินต้น ซึ่งลูกหนี้ได้พูดว่ายอดเงินต้นประมาณ2ล้านบาท(มีการอัดเสียงไว้) จึงอยากปรึกษาผู้รู้ว่ามีวิธีใดบ้างที่จะทำให้ลูกหนี้ยอมทำสัญญารับสภาพหนี้ หรือสัญญากู้ยืมขึ้นใหม่ที่เงินต้น 2 ล้านบาทค่ะ
ขอบพระคุณมากๆสำหรับคำแนะนำนะคะ