กล้ามเนื้อกระตุก เป็นอาการที่หลายคงอาจจะเคยได้ยิน หรือเคยเห็นคนข้าง ๆ มีอาการแปลก ๆ ที่อยู่ๆ ก็กระพริบตารัว ๆ มุมปากยักขึ้น ยักไหล่ติด ๆ กัน โดยไม่มีที่มาที่ไป ภาวะกล้ามเนื้อกระตุก (Tic disorder) คือการกระตุก ตามที่ต่างๆ ในร่างกาย โดยเกิดขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจ และควบคุมลำบาก ที่พบบ่อยคือ กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ลำคอ ไหล่ บางครั้งมีการออกเสียงที่ผิดปกติร่วมด้วย บางคนพบทั้งกล้ามเนื้อกระตุกและออกเสียงผิดปกติ ซึ่งจะส่งผลต่อบุคลิกภาพและความเชื่อมั่นได้เลยนะครับ หากโดนเพื่อนหรือคนรอบข้างล้อเลียน และเจ้ากล้ามเนื้อกระตุกนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะผู้ใหญ่นะครับ เด็ก ๆ เองก็เป็นได้ คุณพ่อคุณแม่ต้องลองสังเกตลูก ๆ ดูนะครับว่าลูกเรามีอาการที่พี่หมอจะเล่าให้ฟังมั้ยหรือถ้าลูกเรามีอาการนี้ คุณพ่อคุณแม่จะช่วยแก้ไขได้อย่างไร
สาเหตุของภาวะกล้ามเนื้อกระตุก💁♀️
ภาวะกล้ามเนื้อกระตุก ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่จากการศึกษาพบว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย หรือ สารสื่อประสาทในสมอง ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายอย่างครับ
กล้ามเนื้อกระตุก มี 2 แบบ
1.
กล้ามเนื้อกระตุก (Motor tics) พบได้บ่อยในเด็ก เป็นการกระตุกที่เริ่มจากใบหน้า อาทิ กระพริบตารัวและถี่ ยักคิ้ว ย่นจมูก ทำปากขมุบขมิบ โดยมักจะเปลี่ยนที่กระตุกไปเรื่อย ๆ ซ้ายบ้างขวาบ้าง ไม่เฉพาะเจาะจง บางคนถึงกับลามไปกระตุกที่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น
· คอ โดยมักพบอาการ สะบัดคอ เอียงศีรษะ
· ไหล่/แขน มักพบอาการแขนที่แกว่งไปมา
· ขา มักพบอาการแกว่งขา หรือมีการกระดิกเท้า
2.
อาการส่งเสียงผิดปกติ (Vocal tics) อาการนี้จะพบได้น้อยกว่าแบบแรก ที่กล้ามเนื้อตามร่างกายกระตุก มักพบเป็นอาการแบบกระแอม ไอ ส่งเสียงเหมือนอึกอักในคอ สะอึก มีอาการแบบสูดน้ำมูก หรือกระทั่งเด็กบางคนอาจส่งเสียงมาเป็นคำเลยก็มี ทั้งคำที่มีความหมายหรืออาจไม่มีความหมายใด ๆ ก็ได้
เด็กที่มักพบว่าเป็นภาวะกล้ามเนื้อกระตุก👦
เด็ก ๆ ส่วนมากมักจะมีอาการกล้ามเนื้อกระตุกในช่วงวัย 3 – 7 ปี โดยเด็กกลุ่มนี้จะมีทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัวว่ามีกล้ามเนื้อกระตุกหรือมีอาการเปล่งเป็นเสียงออกมา แต่อาการดังกล่าวไม่ได้เกิดลักษณะเดิมในทุกครั้ง จะเปลี่ยนตำแหน่งกล้ามเนื้อที่กระตุกหรือเปล่งเสียงไปเรื่อย ๆ โดยพบว่ามีอาการมากขึ้นเมื่อเด็กมีความเครียด อดนอน ร่างกายอ่อนแอ เหนื่อยและล้า หรืออาจเกี่ยวกับการอยู่ในสถานที่ที่แตกต่างกันไป มีอุณหภูมิร้อนหนาวมากเกินไป และมีอาการแบบเป็น ๆ หาย ๆ
พอเด็กโตเข้าสู่วัยรุ่นก็จะเริ่มจับอาการนำก่อนที่จะเกิดอาการกระตุกต่างๆ ดังกล่าวได้ โดยบางคนก่อนที่กล้ามเนื้อกระตุกหรือเปล่งเสียง จะมีสัญญาณบางอย่างบอกว่ากำลังจะมีอาการ เด็กจะสามารถควบคุมหรือกลั้นอาการกระตุกหรือส่งเสียงได้ แต่จะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก โดยทั่วไปเมื่ออายุเพิ่มขึ้นอาการของโรคจะค่อยๆ หายไปหรือลดลง ส่วนน้อยที่จะเป็นจนถึงวัยผู้ใหญ่ แต่ไม่สามารถบอกช่วงอายุได้อย่างชัดเจน
เด็กที่เป็นโรคกล้ามเนื้อกระตุกจะพบว่าเป็นโรคอื่นร่วมด้วย?😞
จากการศึกษาพบว่าเด็กที่เป็นโรคกล้ามเนื้อกระตุก จะตรวจเจอโรคอื่นเพิ่มด้วย เช่น โรคสมาธิสั้น โรคย้ำคิดย้ำทำ โรควิตกกังวล และโรคซึมเศร้า
การรักษาและการช่วยเหลือเด็กที่เป็นโรคกล้ามเนื้อกระตุก💊
1.
ปรับพฤติกรรม ฝึกและควบคุมอาการ การรักษานี้ถือว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีในเด็กโต ที่มีอาการนำ แต่ต้องใช้เวลาและอาศัยความร่วมมือของผู้ปกครองและตัวเด็กเอง
- ทำความเข้าใจกับผู้ปกครองและบุคคลรอบข้าง อาการกล้ามเนื้อกระตุกหรือการส่งเสียงออกมาแบบไม่ตั้งใจนี้ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจหรือเด็ก ๆ แกล้งทำ พ่อแม่หรือคนรอบตัวเด็กต้องเปิดใจให้กว้าง ไม่ต่อว่าตำหนิ ไม่ล้อเลียน ไม่ทักหรือห้ามใด ๆ จนทำให้เด็กเครียดนะครับ เพราะอย่างที่พี่หมอบอกว่าถ้ายิ่งเครียดอาการยิ่งเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น อย่าแสดงกริยาต่าง ๆ ไม่ทัก ไม่ล้อ ไม่ต่อว่า แต่ให้หาสาเหตุแล้วช่วยแก้ไข เช่น ถ้าเห็นเด็กมีอาการ ควรหาทางให้เด็กได้พักผ่อนหรือเบี่ยงเบนให้เด็กทำกิจกรรมผ่อนคลาย
- หากเด็กมีอาการที่โรงเรียน คุณครูก็ต้องทำความเข้าใจโรคนี้ด้วยเช่นกัน พ่อแม่อาจหาวิธีบอกหรือแจ้งผู้ปกครองในเบื้องต้น ว่าอาการของเด็กนั้นไม่ร้ายแรง ไม่ได้ติดต่อ ขอความร่วมมือว่า อย่าทัก ล้อเลียน กลั่นแกล้ง หรือกีดกันไม่ให้เข้ากลุ่ม หากพบว่าเด็กมีอาการ ให้พาเด็กไปพักผ่อน หรือหากิจกรรมผ่อนคลายให้เด็กทำ
- พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ให้เด็กทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายหนักและเหนื่อยเกินไป ขจัดความเครียดให้เด็ก ข้อนี้เป็นสิ่งแรกที่สำคัญที่สุด พยายามไม่ให้เด็กกลุ่มนี้เกิดความเครียด เพราะความเครียดมีผลต่ออาการกล้ามเนื้อกระตุก และที่สำคัญที่สุด ควรพาเด็กไปพบแพทย์ เพื่อหาแนวทางดูแลป้องกัน ที่มีประสิทธิภาพ
2.
การรักษาด้วยยา โดยปกติแล้วตัวโรคกล้ามเนื้อกระตุกจะมีอาการแบบเป็น ๆ หาย ๆ อาการจะมาเป็นระยะ อาจไม่ต้องรักษาโดยใช้ยา แต่ถึงแม้ไม่ได้ส่งผลเสียกับร่างกาย ก็อาจส่งผลเสียและผลกระทบทางจิตใจ เพราะเพื่อนและคนรอบข้างล้อเลียนจนทำให้ต้องอาย เด็กบางคนมีอาการมือสั่นหรือสะบัด จนเขียนหนังสือไม่ได้ หรือกระตุกและส่งเสียงจนเสียบุคลิกมากจนเกินไป เช่น อาการกระตุกหรือส่งเสียงออกมามากจนกลายเป็นการรบกวนชีวิตประจำวัน การกินยาจะเป็นการช่วยลดอาการกระตุกหรือส่งเสียงได้ โดยกินเป็นช่วง ๆ ตามความรุนแรงของอาการตามแพทย์พิจารณา ไม่ต้องกินไปตลอด
3.
รักษากับโรคที่ตรวจพบร่วม การรักษาส่วนนี้ แพทย์จะรักษาร่วมกับโรคหรืออาการอื่น ๆ เช่น เด็กที่พบโรคสมาธิสั้น โรควิตกกังวล โรคบกพร่องทักษะการเรียนเฉพาะด้าน เพราะเด็กกลุ่มที่พบโรคอื่นร่วม ความเครียดในตัวเด็กจะส่งผลให้โรคกล้ามเนื้อกระตุกมีอาการเพิ่มขึ้น
อย่างที่พี่หมอบอกนะครับ เด็ก ๆ ที่มีอาการกล้ามเนื้อกระตุก เขาไม่ได้แกล้งหรือไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้น คุณพ่อ คุณแม่ และคนรอบข้างต้องทำความเข้าใจเสียก่อน หากลูกมีอาการนี้ ต้องช่วยแก้ไข ไม่ล้อเลียน ไม่ดุ ไม่ว่า เพื่อไม่ให้เด็กเกิดความเครียดหรือกังวล เพราะจะทำให้อาการกำเริบมากขึ้น หากรับมือไม่ไหวก็สามารถพาน้อง ๆ ไปปรึกษากุมารแพทย์เพื่อปรึกษาและหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมได้นะครับ 😊
ทำอย่างไร? ถ้าลูกกล้ามเนื้อกระตุก
สาเหตุของภาวะกล้ามเนื้อกระตุก💁♀️
ภาวะกล้ามเนื้อกระตุก ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่จากการศึกษาพบว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย หรือ สารสื่อประสาทในสมอง ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายอย่างครับ
1. กล้ามเนื้อกระตุก (Motor tics) พบได้บ่อยในเด็ก เป็นการกระตุกที่เริ่มจากใบหน้า อาทิ กระพริบตารัวและถี่ ยักคิ้ว ย่นจมูก ทำปากขมุบขมิบ โดยมักจะเปลี่ยนที่กระตุกไปเรื่อย ๆ ซ้ายบ้างขวาบ้าง ไม่เฉพาะเจาะจง บางคนถึงกับลามไปกระตุกที่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น
· คอ โดยมักพบอาการ สะบัดคอ เอียงศีรษะ
· ไหล่/แขน มักพบอาการแขนที่แกว่งไปมา
· ขา มักพบอาการแกว่งขา หรือมีการกระดิกเท้า
2. อาการส่งเสียงผิดปกติ (Vocal tics) อาการนี้จะพบได้น้อยกว่าแบบแรก ที่กล้ามเนื้อตามร่างกายกระตุก มักพบเป็นอาการแบบกระแอม ไอ ส่งเสียงเหมือนอึกอักในคอ สะอึก มีอาการแบบสูดน้ำมูก หรือกระทั่งเด็กบางคนอาจส่งเสียงมาเป็นคำเลยก็มี ทั้งคำที่มีความหมายหรืออาจไม่มีความหมายใด ๆ ก็ได้
เด็กที่มักพบว่าเป็นภาวะกล้ามเนื้อกระตุก👦
เด็ก ๆ ส่วนมากมักจะมีอาการกล้ามเนื้อกระตุกในช่วงวัย 3 – 7 ปี โดยเด็กกลุ่มนี้จะมีทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัวว่ามีกล้ามเนื้อกระตุกหรือมีอาการเปล่งเป็นเสียงออกมา แต่อาการดังกล่าวไม่ได้เกิดลักษณะเดิมในทุกครั้ง จะเปลี่ยนตำแหน่งกล้ามเนื้อที่กระตุกหรือเปล่งเสียงไปเรื่อย ๆ โดยพบว่ามีอาการมากขึ้นเมื่อเด็กมีความเครียด อดนอน ร่างกายอ่อนแอ เหนื่อยและล้า หรืออาจเกี่ยวกับการอยู่ในสถานที่ที่แตกต่างกันไป มีอุณหภูมิร้อนหนาวมากเกินไป และมีอาการแบบเป็น ๆ หาย ๆ
พอเด็กโตเข้าสู่วัยรุ่นก็จะเริ่มจับอาการนำก่อนที่จะเกิดอาการกระตุกต่างๆ ดังกล่าวได้ โดยบางคนก่อนที่กล้ามเนื้อกระตุกหรือเปล่งเสียง จะมีสัญญาณบางอย่างบอกว่ากำลังจะมีอาการ เด็กจะสามารถควบคุมหรือกลั้นอาการกระตุกหรือส่งเสียงได้ แต่จะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก โดยทั่วไปเมื่ออายุเพิ่มขึ้นอาการของโรคจะค่อยๆ หายไปหรือลดลง ส่วนน้อยที่จะเป็นจนถึงวัยผู้ใหญ่ แต่ไม่สามารถบอกช่วงอายุได้อย่างชัดเจน
เด็กที่เป็นโรคกล้ามเนื้อกระตุกจะพบว่าเป็นโรคอื่นร่วมด้วย?😞
จากการศึกษาพบว่าเด็กที่เป็นโรคกล้ามเนื้อกระตุก จะตรวจเจอโรคอื่นเพิ่มด้วย เช่น โรคสมาธิสั้น โรคย้ำคิดย้ำทำ โรควิตกกังวล และโรคซึมเศร้า
1. ปรับพฤติกรรม ฝึกและควบคุมอาการ การรักษานี้ถือว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีในเด็กโต ที่มีอาการนำ แต่ต้องใช้เวลาและอาศัยความร่วมมือของผู้ปกครองและตัวเด็กเอง
- ทำความเข้าใจกับผู้ปกครองและบุคคลรอบข้าง อาการกล้ามเนื้อกระตุกหรือการส่งเสียงออกมาแบบไม่ตั้งใจนี้ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจหรือเด็ก ๆ แกล้งทำ พ่อแม่หรือคนรอบตัวเด็กต้องเปิดใจให้กว้าง ไม่ต่อว่าตำหนิ ไม่ล้อเลียน ไม่ทักหรือห้ามใด ๆ จนทำให้เด็กเครียดนะครับ เพราะอย่างที่พี่หมอบอกว่าถ้ายิ่งเครียดอาการยิ่งเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น อย่าแสดงกริยาต่าง ๆ ไม่ทัก ไม่ล้อ ไม่ต่อว่า แต่ให้หาสาเหตุแล้วช่วยแก้ไข เช่น ถ้าเห็นเด็กมีอาการ ควรหาทางให้เด็กได้พักผ่อนหรือเบี่ยงเบนให้เด็กทำกิจกรรมผ่อนคลาย
- หากเด็กมีอาการที่โรงเรียน คุณครูก็ต้องทำความเข้าใจโรคนี้ด้วยเช่นกัน พ่อแม่อาจหาวิธีบอกหรือแจ้งผู้ปกครองในเบื้องต้น ว่าอาการของเด็กนั้นไม่ร้ายแรง ไม่ได้ติดต่อ ขอความร่วมมือว่า อย่าทัก ล้อเลียน กลั่นแกล้ง หรือกีดกันไม่ให้เข้ากลุ่ม หากพบว่าเด็กมีอาการ ให้พาเด็กไปพักผ่อน หรือหากิจกรรมผ่อนคลายให้เด็กทำ
- พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ให้เด็กทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายหนักและเหนื่อยเกินไป ขจัดความเครียดให้เด็ก ข้อนี้เป็นสิ่งแรกที่สำคัญที่สุด พยายามไม่ให้เด็กกลุ่มนี้เกิดความเครียด เพราะความเครียดมีผลต่ออาการกล้ามเนื้อกระตุก และที่สำคัญที่สุด ควรพาเด็กไปพบแพทย์ เพื่อหาแนวทางดูแลป้องกัน ที่มีประสิทธิภาพ
2. การรักษาด้วยยา โดยปกติแล้วตัวโรคกล้ามเนื้อกระตุกจะมีอาการแบบเป็น ๆ หาย ๆ อาการจะมาเป็นระยะ อาจไม่ต้องรักษาโดยใช้ยา แต่ถึงแม้ไม่ได้ส่งผลเสียกับร่างกาย ก็อาจส่งผลเสียและผลกระทบทางจิตใจ เพราะเพื่อนและคนรอบข้างล้อเลียนจนทำให้ต้องอาย เด็กบางคนมีอาการมือสั่นหรือสะบัด จนเขียนหนังสือไม่ได้ หรือกระตุกและส่งเสียงจนเสียบุคลิกมากจนเกินไป เช่น อาการกระตุกหรือส่งเสียงออกมามากจนกลายเป็นการรบกวนชีวิตประจำวัน การกินยาจะเป็นการช่วยลดอาการกระตุกหรือส่งเสียงได้ โดยกินเป็นช่วง ๆ ตามความรุนแรงของอาการตามแพทย์พิจารณา ไม่ต้องกินไปตลอด
3. รักษากับโรคที่ตรวจพบร่วม การรักษาส่วนนี้ แพทย์จะรักษาร่วมกับโรคหรืออาการอื่น ๆ เช่น เด็กที่พบโรคสมาธิสั้น โรควิตกกังวล โรคบกพร่องทักษะการเรียนเฉพาะด้าน เพราะเด็กกลุ่มที่พบโรคอื่นร่วม ความเครียดในตัวเด็กจะส่งผลให้โรคกล้ามเนื้อกระตุกมีอาการเพิ่มขึ้น
อย่างที่พี่หมอบอกนะครับ เด็ก ๆ ที่มีอาการกล้ามเนื้อกระตุก เขาไม่ได้แกล้งหรือไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้น คุณพ่อ คุณแม่ และคนรอบข้างต้องทำความเข้าใจเสียก่อน หากลูกมีอาการนี้ ต้องช่วยแก้ไข ไม่ล้อเลียน ไม่ดุ ไม่ว่า เพื่อไม่ให้เด็กเกิดความเครียดหรือกังวล เพราะจะทำให้อาการกำเริบมากขึ้น หากรับมือไม่ไหวก็สามารถพาน้อง ๆ ไปปรึกษากุมารแพทย์เพื่อปรึกษาและหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมได้นะครับ 😊