800 น้อยไป ชาวบ้าน-พ่อค้าแม่ค้า วอน คนละครึ่ง ควรเพิ่มเป็น 1,500 บาท ช่วยค่าครองชีพ ยุคของแพง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7186501
800 น้อยไป ชาวบ้าน-พ่อค้าแม่ค้า ประสานเสียง คนละครึ่ง ควรเพิ่มเป็น 1,500 บาท ถึงจะสามารถแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ให้สอดคล้องยุควิกฤตของแพง
ปชช.ชาวบุรีรัมย์ วอนรัฐบาลเพิ่มวงเงินคนละครึ่งเฟส 5 จากคนละ 800 บาทเป็น 1,500 บาท ถึงจะสามารถแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับ ปชช.อย่างแท้จริง ให้สอดคล้องกับยุควิกฤตของแพง และอยากให้มีโครงการต่อไปเรื่อยๆ แม่ค้าดีใจเพราะจะช่วยทำให้ยอดขายกระเตื้องขึ้น
วันที่ 29 ก.ค.65 หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 หรือ (คนละครึ่ง เฟส 5) วงเงินคนละ 800 บาท โดยผู้มีสิทธิรายเดิม สามารถยืนยันสิทธิ ได้ในวันที่ 19 ส.ค. และรายใหม่สามารถลงทะเบียนได้ในวันที่ 19 ส.ค.เช่นกัน
จากนั้นจะมีเงินโอนเข้าในแอพเป๋าตังค์ เริ่มใช้สิทธิได้วันที่ 14 ก.ย.2565 ซึ่งจากการสำรวจความเห็นทั้งพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ต่างเห็นตรงกันว่าโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ที่รัฐให้วงเงินคนละ 800 บาทนั้นน้อยเกินไป ซึ่งไม่สอดคล้องกับภาวะราคาข้าวของที่แพงขึ้นในปัจจุบัน จึงอยากให้รัฐพิจารณาเพิ่มวงเงินคนละครึ่งจาก 800 บาท เป็น 1,500 บาท ถึงจะสามารถแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชนได้
นาย
กรรณฑิพัฒน์ ศักดิ์ธิสกุล และ น.ส.
ณประภัส แก้วประจุ ประชาชนที่ได้รับสิทธิคนละครึ่ง บอกตรงกันว่า โครงการคนละครึ่งเป็นโครงการที่ดี เพราะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้ แต่เฟส 5 ที่รัฐให้วงเงินแค่คนละ 800 บาท ถือว่าน้อยเกินไปไม่สอดคล้องกับภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่แพงขึ้นเกือบทุกอย่าง จึงอยากให้รัฐพิจารณาเพิ่มวงเงินเป็นคนละ 1,500 บาทถึงจะสามารถแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนให้เข้ากับยุควิกฤตข้าวของราคาแพง และอยากให้รัฐมีโครงการแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ด้าน น.ส.
อาริสา มะพารัมย์ แม่ค้าขายผักในตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ บอกว่า ดีใจที่รัฐมีโครงการคนละครึ่งเฟส 5 เพราะจะทำให้สามารถขายของได้กระเตื้องขึ้นกว่าปกติ โดยเฉพาะช่วงที่ข้าวของปรับขึ้นราคาเกือบทุกอย่าง ยอดขายก็ลดลงเกือบเท่าตัวเพราะประชาชนไม่มีกำลังซื้อ
แต่หากมีโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ออกมา เชื่อว่าจะทำให้ยอดการค้าขายเพิ่มขึ้นจากเดิม แต่หากเป็นไปได้ก็อยากให้รัฐเพิ่มวงเงินจากคนละ 800 บาท เป็นคนละ 1,500 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพในปัจจุบัน ก็จะส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้ามียอดขายที่กระเตื้องขึ้นจากเดิมด้วยเช่นกัน
"ประภัสร์" ปูด ได้ข่าวผู้มีอำนาจจะเอารถไฟฟ้าสายสีแดงไปให้เอกชนดำเนินการ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3478722
“ประภัสร์” ปูด ได้ข่าวผู้มีอำนาจจะเอารถไฟฟ้าสายสีแดงไปให้เอกชนดำเนินการ
เมื่อวันที่ 29 ก.ค. นาย
ประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย และอดีตผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“ได้ข่าวจากน้องๆครฟ.ว่าผู้มีอำนาจกำลังจะเอารถไฟฟ้าสายสีแดงไปให้เอกชนดำเนินการ.. บอกตรงๆนะว่า คนคิดนะรู้บ้างหรือเปล่าว่าหน้าที่ของสายสีแดงคืออะไร?? ถ้าไม่รู้ถามครฟ.คนไหนก็ได้และล้มเลิกความคิดที่จะเอาสายสีแดงไปยกให้เอกชนได้แล้ว….วันนี้รฟท.เป็นหน่วยงานเดียวที่มีบริษัทลูก (แอร์พอร์ตเรลลิงค์)ที่มีความพร้อมและมีความสามารถเดินรถไฟฟ้า ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าและระบบรถไฟฟ้าได้…หน่วยงานอื่นไม่ว่าจะเป็นกรมราง รฟม.หรือกทม.ไม่มีความรู้ด้านนี้เลย … อย่าเอาทรัพยากรและบุคลากรอันมีค่าส่วนนี้ของรฟท.และของชาติไปผ่องถ่ายให้เอกชนเพียงเพื่อข้ออ้างว่ารฟท.มีหนี้สินมากมาย…ถามจริงๆไม่รู้จริงๆหรือแกล้งโง่ว่ามูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดของรฟท.นะท่วมหนี้สินอันน้อยนิดที่ชอบอ้างถึงกี่เท่า…(นี่ไม่นับรวมถึงผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่รฟท.สร้างให้กับประเทศไทยเป็นระยะเวลากว่า 130 ปี) หรือว่าไม่จริง ”
“การให้บริการด้วยรถไฟฟ้าและระบบอาณัติสัญญาณอัตโนมัติคืออนาคตอันใกล้ของรฟท. อย่าทำลายความพร้อมที่รฟท.มีอยู่ในการปรับเปลี่ยนไปสู่ความทันโลกและทันสมัย เพียงเพื่อสนองความต้องการของเหล่าพวก”ลักรถไฟ…ลักชาติ” จนน้ำลายฟูมปาก”
“อย่างน้อยก็ขอให้ระถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช ที่ทรงมีพระบรมราชโองการก่อตั้ง”การรถไฟ” เพื่อความเจริญของประเทศและความสะดวกของพสกนิกรของพระองค์ด้วย”
https://www.facebook.com/prapatc/posts/pfbid02woDiqs16SPM3pn1vFPWYkoNwV6GfWhGmcLEK39RiEAJ8GWRjx6B457oQyj5HxNqjl
เขื่อนพิมายเร่งระบายน้ำ นาข้าวเสียหายนับพันไร่ ชาวนาโอดปลูกได้เดือนเดียว เสียหายหมด
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3478807
เขื่อนพิมายเร่งระบายน้ำ ทำให้น้ำไหลเอ่อเจ้าท่วมไร่นาเกษตรกรที่อยู่ท้ายเขื่อนถูกน้ำท่วมเสียหายระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร นาข้าวเสียหายกว่า 1000 ไร่
นครราชสีมา – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์ (เขื่อนพิมาย) อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ได้ยกบานประตูระบายน้ำด้านท้ายเขื่อนขึ้นทั้งหมด 6 บาน เพื่อเร่งระบายน้ำทำให้น้ำจำนวนมากที่ปล่อยออกไปได้ไหลเอ่อเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรที่อยู่ด้านท้ายเขื่อน ถูกน้ำท่วมได้รับความเสีหายระดับน้ำสูง กว่า 1 เมตร โดยนาข้าวของเกษตรกรที่อยู่ติดกับลำน้ำมูลได้รับความเสียหายกว่า 1,000 ไร่ในพื้นที่ ต.ในเมือง และ ต,ท่าหลวง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ขยายออกเป็นวงกว้างคาดว่าปริมาณน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีกและขยายพื้นที่เสียหายออกไปมากขึ้น เนื่องจากยังคงมีมวลน้ำก้อนใหญ่ไหลเข้ามาสะสมภายในเขื่อนพิมายต่อเนื่องทุกวัน นอกจากนี้น้ำปริมาณดังกล่าวยังได้ไหลเอ่อเข้าท่วมถนนสาย บ้านใหม่ไทรงามไปบ้านท่าหลวง อ.ท่าหลวง อ.พิมาย อีกด้วย
โดยนาง
จำรัส บัวจัสตุรัส อายุ 47 ปี ชาวนา อ.พิมาย ชาวนาที่พื้นอยู่บริเวณท้ายเขื่อนพิมาย บอกว่า ตนมีพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมด 80 ไร่เป็นซึ่งลงทุนไปกว่า 60,000 บาท โดยเริ่มปลูกข้าวมาแล้วกว่า 1 เดือน พึ่งหว่านปุ๋ยไปได้เพียง 3 วัน น้ำก็ไหลเอ่อเข้าท่วมได้รับความเสียหายทั้งหมด โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแล
JJNY : คนละครึ่งควรเป็น 1,500│"ประภัสร์"ปูดข่าวรถไฟฟ้าสายสีแดง│เขื่อนพิมายเร่งระบายน้ำ นาข้าวเสียหาย│"ไพศาล" ฟันโฉ๊ะ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7186501
800 น้อยไป ชาวบ้าน-พ่อค้าแม่ค้า ประสานเสียง คนละครึ่ง ควรเพิ่มเป็น 1,500 บาท ถึงจะสามารถแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ให้สอดคล้องยุควิกฤตของแพง
ปชช.ชาวบุรีรัมย์ วอนรัฐบาลเพิ่มวงเงินคนละครึ่งเฟส 5 จากคนละ 800 บาทเป็น 1,500 บาท ถึงจะสามารถแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับ ปชช.อย่างแท้จริง ให้สอดคล้องกับยุควิกฤตของแพง และอยากให้มีโครงการต่อไปเรื่อยๆ แม่ค้าดีใจเพราะจะช่วยทำให้ยอดขายกระเตื้องขึ้น
วันที่ 29 ก.ค.65 หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 หรือ (คนละครึ่ง เฟส 5) วงเงินคนละ 800 บาท โดยผู้มีสิทธิรายเดิม สามารถยืนยันสิทธิ ได้ในวันที่ 19 ส.ค. และรายใหม่สามารถลงทะเบียนได้ในวันที่ 19 ส.ค.เช่นกัน
จากนั้นจะมีเงินโอนเข้าในแอพเป๋าตังค์ เริ่มใช้สิทธิได้วันที่ 14 ก.ย.2565 ซึ่งจากการสำรวจความเห็นทั้งพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ต่างเห็นตรงกันว่าโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ที่รัฐให้วงเงินคนละ 800 บาทนั้นน้อยเกินไป ซึ่งไม่สอดคล้องกับภาวะราคาข้าวของที่แพงขึ้นในปัจจุบัน จึงอยากให้รัฐพิจารณาเพิ่มวงเงินคนละครึ่งจาก 800 บาท เป็น 1,500 บาท ถึงจะสามารถแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชนได้
นายกรรณฑิพัฒน์ ศักดิ์ธิสกุล และ น.ส.ณประภัส แก้วประจุ ประชาชนที่ได้รับสิทธิคนละครึ่ง บอกตรงกันว่า โครงการคนละครึ่งเป็นโครงการที่ดี เพราะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้ แต่เฟส 5 ที่รัฐให้วงเงินแค่คนละ 800 บาท ถือว่าน้อยเกินไปไม่สอดคล้องกับภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่แพงขึ้นเกือบทุกอย่าง จึงอยากให้รัฐพิจารณาเพิ่มวงเงินเป็นคนละ 1,500 บาทถึงจะสามารถแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนให้เข้ากับยุควิกฤตข้าวของราคาแพง และอยากให้รัฐมีโครงการแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ด้าน น.ส.อาริสา มะพารัมย์ แม่ค้าขายผักในตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ บอกว่า ดีใจที่รัฐมีโครงการคนละครึ่งเฟส 5 เพราะจะทำให้สามารถขายของได้กระเตื้องขึ้นกว่าปกติ โดยเฉพาะช่วงที่ข้าวของปรับขึ้นราคาเกือบทุกอย่าง ยอดขายก็ลดลงเกือบเท่าตัวเพราะประชาชนไม่มีกำลังซื้อ
แต่หากมีโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ออกมา เชื่อว่าจะทำให้ยอดการค้าขายเพิ่มขึ้นจากเดิม แต่หากเป็นไปได้ก็อยากให้รัฐเพิ่มวงเงินจากคนละ 800 บาท เป็นคนละ 1,500 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพในปัจจุบัน ก็จะส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้ามียอดขายที่กระเตื้องขึ้นจากเดิมด้วยเช่นกัน
"ประภัสร์" ปูด ได้ข่าวผู้มีอำนาจจะเอารถไฟฟ้าสายสีแดงไปให้เอกชนดำเนินการ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3478722
“ประภัสร์” ปูด ได้ข่าวผู้มีอำนาจจะเอารถไฟฟ้าสายสีแดงไปให้เอกชนดำเนินการ
เมื่อวันที่ 29 ก.ค. นายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย และอดีตผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“ได้ข่าวจากน้องๆครฟ.ว่าผู้มีอำนาจกำลังจะเอารถไฟฟ้าสายสีแดงไปให้เอกชนดำเนินการ.. บอกตรงๆนะว่า คนคิดนะรู้บ้างหรือเปล่าว่าหน้าที่ของสายสีแดงคืออะไร?? ถ้าไม่รู้ถามครฟ.คนไหนก็ได้และล้มเลิกความคิดที่จะเอาสายสีแดงไปยกให้เอกชนได้แล้ว….วันนี้รฟท.เป็นหน่วยงานเดียวที่มีบริษัทลูก (แอร์พอร์ตเรลลิงค์)ที่มีความพร้อมและมีความสามารถเดินรถไฟฟ้า ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าและระบบรถไฟฟ้าได้…หน่วยงานอื่นไม่ว่าจะเป็นกรมราง รฟม.หรือกทม.ไม่มีความรู้ด้านนี้เลย … อย่าเอาทรัพยากรและบุคลากรอันมีค่าส่วนนี้ของรฟท.และของชาติไปผ่องถ่ายให้เอกชนเพียงเพื่อข้ออ้างว่ารฟท.มีหนี้สินมากมาย…ถามจริงๆไม่รู้จริงๆหรือแกล้งโง่ว่ามูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดของรฟท.นะท่วมหนี้สินอันน้อยนิดที่ชอบอ้างถึงกี่เท่า…(นี่ไม่นับรวมถึงผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่รฟท.สร้างให้กับประเทศไทยเป็นระยะเวลากว่า 130 ปี) หรือว่าไม่จริง ”
“การให้บริการด้วยรถไฟฟ้าและระบบอาณัติสัญญาณอัตโนมัติคืออนาคตอันใกล้ของรฟท. อย่าทำลายความพร้อมที่รฟท.มีอยู่ในการปรับเปลี่ยนไปสู่ความทันโลกและทันสมัย เพียงเพื่อสนองความต้องการของเหล่าพวก”ลักรถไฟ…ลักชาติ” จนน้ำลายฟูมปาก”
“อย่างน้อยก็ขอให้ระถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช ที่ทรงมีพระบรมราชโองการก่อตั้ง”การรถไฟ” เพื่อความเจริญของประเทศและความสะดวกของพสกนิกรของพระองค์ด้วย”
https://www.facebook.com/prapatc/posts/pfbid02woDiqs16SPM3pn1vFPWYkoNwV6GfWhGmcLEK39RiEAJ8GWRjx6B457oQyj5HxNqjl
เขื่อนพิมายเร่งระบายน้ำ นาข้าวเสียหายนับพันไร่ ชาวนาโอดปลูกได้เดือนเดียว เสียหายหมด
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3478807
เขื่อนพิมายเร่งระบายน้ำ ทำให้น้ำไหลเอ่อเจ้าท่วมไร่นาเกษตรกรที่อยู่ท้ายเขื่อนถูกน้ำท่วมเสียหายระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร นาข้าวเสียหายกว่า 1000 ไร่
นครราชสีมา – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์ (เขื่อนพิมาย) อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ได้ยกบานประตูระบายน้ำด้านท้ายเขื่อนขึ้นทั้งหมด 6 บาน เพื่อเร่งระบายน้ำทำให้น้ำจำนวนมากที่ปล่อยออกไปได้ไหลเอ่อเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรที่อยู่ด้านท้ายเขื่อน ถูกน้ำท่วมได้รับความเสีหายระดับน้ำสูง กว่า 1 เมตร โดยนาข้าวของเกษตรกรที่อยู่ติดกับลำน้ำมูลได้รับความเสียหายกว่า 1,000 ไร่ในพื้นที่ ต.ในเมือง และ ต,ท่าหลวง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ขยายออกเป็นวงกว้างคาดว่าปริมาณน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีกและขยายพื้นที่เสียหายออกไปมากขึ้น เนื่องจากยังคงมีมวลน้ำก้อนใหญ่ไหลเข้ามาสะสมภายในเขื่อนพิมายต่อเนื่องทุกวัน นอกจากนี้น้ำปริมาณดังกล่าวยังได้ไหลเอ่อเข้าท่วมถนนสาย บ้านใหม่ไทรงามไปบ้านท่าหลวง อ.ท่าหลวง อ.พิมาย อีกด้วย
โดยนางจำรัส บัวจัสตุรัส อายุ 47 ปี ชาวนา อ.พิมาย ชาวนาที่พื้นอยู่บริเวณท้ายเขื่อนพิมาย บอกว่า ตนมีพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมด 80 ไร่เป็นซึ่งลงทุนไปกว่า 60,000 บาท โดยเริ่มปลูกข้าวมาแล้วกว่า 1 เดือน พึ่งหว่านปุ๋ยไปได้เพียง 3 วัน น้ำก็ไหลเอ่อเข้าท่วมได้รับความเสียหายทั้งหมด โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแล