สวัสดีค่ะทุกคน... 

หลังจากห่างหายจากการรีวิวมาพักใหญ่ วันนี้ได้โอกาสดีมาพบกันเพื่อเล่าเรื่องราวแสนจะอิ่ม(อก)..อิ่ม(ใจ)...อิ่ม(ท้อง) 

ปกติจังหวัดแถบอีสาน เราไม่ค่อยมีโอกาสได้เดินทางไปค่ะ จะได้ไปก็ต่อเมื่อไปทำงานไม่ก็ผ่านไปต่อรถข้ามไปลาวค่ะ

และครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเราที่ได้ไปเยือนจังหวัดนครพนม และสกลนคร เบาๆกันที่ 3 วัน กับ 2 คืน กับเส้นทางอาหาร 3 วัฒนธรรม ไทย-เวียดนาม-ลาว

ที่ได้รับการสนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้จาก ททท. x พันทิป ในการเข้าร่วมกิจกรรม ISAN IN LOVE ม่วนอีหลีคีรีริมโขง

ป่ะ...ไปเที่ยวด้วยกันค่ะ 

      วันนี้เป็นวันเดินทางค่ะ หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จ เตรียมพร้อมจะเดินทางไปจุดนัดพบ สนามบินดอนเมือง กดเรียกแท๊กซี่ไปไม่มีคนรับงานเลย ผ่านไป 20 นาทีรอไม่ไหวเลยเปลี่ยนแอพเรียก...ในที่สุดก็ถึงสนามบินค่ะ เลทไป 15 นาที 

      ต่อเเถวลงทะเบียน รับป้ายชื่อ เสื้อทีม และของที่ระลึกต่างๆ จากทีมงานพันทิป

ดีต่อใจมากค่ะได้หมวกน้องเพี้ยน แอลกอฮอล์น้องเพี้ยน พวงกุญเเจน้องเพี้ยน และพัดสานที่เข้าธีมอีสานในทริปนี้

พอลงจากเครื่องบินรอรับกระเป๋าแล้วก็รวมตัวกันรอขึ้นรถค่ะ ทริปทั้ง 3 วันนี้เราจะเดินทางกันด้วยรถตู้ VIP นั่งคันละ 5-6 คนค่ะ เพื่อเป็นการรักษาระยะห่างท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย

จุดจอดแรกของเราในวันนี้ คือ เยี่ยมชม "บ้านลุงโฮ" ณ หมู่บ้านนาจอก ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม พร้อมทั้งชิมชาเวียดนาม เราขอชาอาร์ติโชคของโปรดค่ะ พร้อมรับขนมใบป่าน ที่หาทานทั่วไปยากค่ะ 

ขนมใบป่าน (หรือกาละแมเวียดนาม) มีลักษณะคล้ายขนมเทียนค่ะ ตัวแป้งทำจากแป้งข้าวเหนียวผสมกับน้ำต้มใบป่านแห้ง และน้ำตาลเคี่ยว ทำให้ได้เนื้อแป้งสีน้ำตาล พอนวดจนได้ที่แล้วจะนำมาห่อไส้ที่ทำจากมะพร้าวขูดและถั่วเหลืองบดปรุงรสหวานด้วยน้ำตาลเล็กน้อย จากนั้นก็ห่อด้วยใบตองแล้วนำไปนึ่งค่ะ รสชาติของขนมหวานกำลังดี มีความมันของถั่วเหลือง ความหอมของมะพร้าว ทานคู่กับเนื้อแป้งนุ่มๆหอมใบป่านอ่อนๆ จิบกับชาอาร์ติโชคที่ออกขมๆ หน่อย .. คือดีย์ค่ะ

เพื่อนๆแปลกใจไหมคะว่า ทำไมลุงโฮฯ ถึงมามีบ้านอยู่ที่นี่ได้ คุณไก่ ได้เล่าประวัติของสถานที่แห่งนี้ให้ฟัง

ด้วยความที่เราไม่ค่อยถนัดเรื่องประวัติศาสตร์มากนัก หากมีจุดใดที่ผิดเพี้ยนไปจากความจริงต้องขออภัยคุณไก่ และเพื่อนด้วยนะคะ

บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณไก่ ทายาทของคุณปู่หว่อ ตร่อง ด่าย ซึ่งรู้จักและเป็นเพื่อนสนิทกันกับท่านโฮจิมินห์  ในอดีตสภาพแวดล้อมของที่ตั้งบ้านหลังนี้อยู่ในป่ามีต้นไม้หนาทึบมีเพียงบ้านหลังนี้เท่านั้นจึงทำให้เหมาะกับการเป็นสถานที่พักเพื่อวางแผนกอบกู้เอกราชของเวียดนามในช่วงสงครามอินโดจีนกับฝรั่งเศส ซึ่งเดิมบ้านหลังนี้ไม่มีคนรู้จักว่าเป็นสถานที่พักของท่านโฮจิมินห์ในประเทศไทยค่ะ ในสมัยของท่านปรีดีพนมยงค์ มีนักข่าวที่ทราบเรื่องนี้มาตามหาครอบครัวคุณไก่ คุณพ่อของคุณไก่เลยยอมเปิดเผยเรื่องราวต่างๆ พอสื่อลงทางรัฐบาลเวียดนามก็ส่งรัฐมนตรีมหาดไทยมาที่บ้านหลังนี้ 

ในสมัยสงครามจะมีชาวเวียดนามที่ย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในประเทศไทยเยอะค่ะ ประเทศไทยให้กลุ่มคนนี้เข้ามาอาศัยในประเทศได้แต่ไม่ได้ให้สัญชาติไทย เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทราบเรื่องเลยรับสั่งให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในช่วงนั้นส่งความถึงรัฐบาล คนเวียดนามที่เกิดในประเทศไทย และมีหลักฐานก็เลยได้สัญชาติไทยค่ะ แต่ถ้าคนที่มีอายุประมาณ 70-80 ปี ไม่มีหลักฐานการเกิดก็จะมีวันเกิดวันเดียวกันหมดทุกคนค่ะ คือวันที่ 1 มกราคม 

หลังจากการบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่ยาวนานจากคุณไก่ แล้วก็ได้เวลาเที่ยงพอดี พวกเราเลยต้องอำลาจากบ้านลุงโฮฯ เพื่อไปพักทานอาหารเที่ยงกันที่ "ร้านสบายดี@นครพนม" เป็นร้านที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากริมน้ำโขงค่ะ ถึงชื่อร้านจะเป็นคล้ายคำในภาษาลาวที่เป็นว่าสวัสดี แต่ในร้านจำหน่ายอาหารเวียดนาม และอาหารไทยนะคะ เมนูเด็ดของร้านที่พี่เจ้าของร้านแนะนำคือ เมนูปลาแม่น้ำโขงค่ะ

เมนูที่ทางร้านได้นำมาให้เราทานในวันนี้อร่อยมากค่ะ มีหลายเมนู และที่สำคัญปริมาณต่อจานเยอะมากๆค่ะ

รายการอาหารที่เราทานในวันนี้ ประกอบด้วย ผัดฉ่าปลาคังแบบสดๆ แกงส้มชะอมกุ้งตัวโตๆ เนื้อเด้งเลยค่ะ พันหอมเมนูที่ไม่เคยทานมาก่อน ปลาเค้า(สดๆ)ทอดน้ำปลา กุ้งกระเบื้อง (ชอบจานนี้มากที่สุดค่ะ) และผัดผงกะหรี่ปลาหมึกแบบเนื้อแน่นๆ 

จากนั้นไปสักการะ "พระธาตุพนม วรมหาวิหาร" สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของนครพนม เป็นพระธาตุประจำปีวอก และยังเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ ลักษณะของเจดีย์เป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสที่ก่อสร้างขึ้นด้วยอิฐ มีกำแพงล้อมองค์พระธาตุ 4 ชั้น สำหรับใครที่จะมางานนมัสการพระธาตุพนมประจำปีให้มาในวันเพ็ญเดือน 3 ถึง แรม 1 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปีนะคะ

เย็นเเล้วเราเข้าที่พักไปเก็บของก่อนเริ่มกิจกรรมถัดไปค่ะ คืนนี้เราพักกันที่ "โรงแรมชีวาโขง" ค่ะ เป็นโรงแรมขนาดกลาง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง

ห้องมี 2 ฝั่ง คือ ฝั่งวิวถนน และฝั่งวิวโขง เราได้ห้องฝั่งถนนค่ะ เลยไม่มีรูปสวยๆมาให้เพื่อนๆดู

ภายในห้องมีอุปกรณ์ของใช้ครบถ้วนค่ะ เตียงนุ่ม นอนสบาย

 

ที่พลาดไม่ได้คือ ต้องขึ้นไปบนชั้น 6 ของโรงแรมค่ะ ข้างบนมีร้านกาแฟ "ชีวาคาเฟ่" และสระว่ายน้ำวิวแม่น้ำโขงค่ะ 

วิวสวยดีค่ะ นั่งในร้านกาแฟมองทางไหนก็เห็นวิวค่ะ

(วิวทางซ้าย)

(วิวด้านหน้า)

(วิวด้านขวา)

เราสั่งกาแฟส้ม ชาเย็น และเค้กมะพร้าวอ่อนทานค่ะ รสชาติดีใช้ได้เลยค่ะ

 

หลังจากหายเหนื่อยแล้วเราไป "ถนนคนเดินนครพนม" และมีกิจกรรมที่เราต้องทำ คือ ตามล่าหาแลนด์มาร์ค บนถนนคนเดิน เเละถ่ายภาพค่ะ ซึ่งแต่ละทีมจะแข่งกันหาจุดนั้นๆ และถ่ายรูป ทีมไหนครบก่อนก็ชนะ สนุกดี เดินกันจนแฮ่กเลยค่ะพอได้ทีมชนะ (เเน่นอนค่ะไม่ใช่ทีมสายกินอย่างเราที่ชนะ)

ก็ถึงเวลาเดินชิลเล่นๆ ค่ะ ถนนคนอยู่ริมน้ำโขงค่ะ วิวดี อากาศดี ถึงกับอิจฉาคนนครพนมเลยค่ะ มีจุดพักผ่อนริมน้ำดีแบบนี้

บริเวณริมน้ำนี้มีอาหารหลากหลายรูปแบบเลยค่ะ ทั้งไทย เวียดนาม และลาว 

(Cr: คุณ Monstertim ถ่าย)

บริเวณถนนคนเดินมีแลนด์มาร์คสำคัญหลายจุดเลยค่ะ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ "พญาศรีสัตตนาคราช" ช่วงที่ไปมีคนมาบวงสรวงกันตลอดเวลาเลยค่ะ

แวะ "วัดโอกาส" ที่ประดิษฐานของพระติ้ว-พระเทียม สักการะพระคู่บ้านคู่เมืองนครพนมค่ะ

มื้อเย็นวันนี้

เรามาทานกันที่ร้าน river bar ทานอาหารกรุ๊บกริ๊บจนแน่นไปหมด ทั้งอาหารอีสานและอาหารเวียดนาม ระหว่างทานอาหารมีกิจกรรมที่ทางทีมงานจัดให้ สนุกสนานรับของรางวัลติดมือกลับบ้านกันทุกคนไปเลยค่ะ พอดีแบตกล้องหมดเลยมีภาพอาหารแค่บางส่วน เสียดายยย

เหล่านักสู้ (การกิน) สาย 3 ถ่ายภาพร่วมกันค่ะ

.......จบวันกันไปแล้วค่ะ พรุ่งนี้จัดหนักจัดเต็มจนไม่รู้จักคำว่าหิวเลยค่ะ จุกๆ แน่นๆ แบบอร่อยๆกันไปเลยค่ะ.....