กระทู้นี้มีเนื้อหาสปอยถึงมังงะตอนล่าสุด
ด้วยความที่ วันก่อนไปอ่านเว็ป
ONE PIECE FANDOM แล้วก็เกิดอยากแปลขึ้นมา จึงได้ทำกระทู้นี้ขึ้นมาค่ะ
เป็นการแปลมาจากเว็ปนี้โดยตรง และ เราก็ถึงขั้นไปย้อนอ่านมังงะรวมเล่มมาด้วยนะคะ 5555 เนื่องจากบางอย่างคือลืมไปหมดแล้ว
One Piece เป็นเรื่องที่มีปริศนาที่ทำให้ต่อมความอยากรู้ของคนอ่าน ทำงานหนักมาก โดยเฉพาะ ปริศนา "100 ปีแห่งความว่างเปล่า"
ขอ Note ไว้ก่อนว่ากระทู้นี้เป็นเพียง ข้อมูลเบื้องต้น หรือ ข้อมูลคร่าว ๆ ตามที่ไทม์ไลน์ปัจจุบัน เคยกล่าวถึงนะคะ ไม่ใช่การเฉลยแต่อย่างใด
ปัจจุบัน ปริศนายังไม่ถูกเผยออกมาค่ะ แล้ว Hint ก็น้อยมาก เราผู้เฝ้ารอวันเปิดเผยปริศนาอย่างใจจดใจจ่อ จึงอยากแปลกระทู้นี้เก็บไว้อ่าน
ถ้าเรา "ไม่ขี้เกียจ" คาดว่า จะอัปเดทกระทู้นี้หากมีอะไร Add มาใหม่ ไปเรื่อย ๆ หรือทำกระทู้เพิ่มอีก part จนกว่า One Piece จะอวสานค่ะ
(วางอนาคตไว้ไกลมาก) ผู้อ่านที่แวะเวียนเข้ามา ก็ถือซะว่า อ่านไปเพลิน ๆ แล้วกันนะะ ขอบคุณค่ะ
🪐 100 ปีแห่งความว่างเปล่าคือ ช่องว่างนานนับศตวรรษ ที่ถูกบันทึกไว้เป็นประวัติการศาสตร์ทางหลักฐานในโบราณคดี การศึกษาค้นคว้าข้อมูลของมัน ถูกสั่งห้ามโดย
“รัฐบาลโลก” ช่วงเวลาดังกล่าวมีความสำคัญมากเกินไป ถึงขั้นกล่าวได้เลยว่าเป็นข้อมูล
“ประวัติศาสตร์ที่แท้จริง” ของโลก
เหตุการณ์ของ 100 ปี แห่งความว่างเปล่า เกิดขึ้นเมื่อ 800-900 ปีก่อน นับจากเวลาปัจจุบัน เรื่องราวของมันถูกเปิดเผย หรือ กล่าวถึงครั้งแรกใน
บท : สกายเปียร์ ตอนย้อนอดีตของโรบินบางส่วน
ช่วงเวลาดังกล่าวถูกเรียกว่า
“100 ปีแห่งความว่างเปล่า” เพราะมันไม่มีอะไรเหลือให้รับรู้เลยสักอย่าง ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น หลักฐานที่เกิดขึ้นมีแค่การสลักข้อความไว้บน
“โพเนกลีฟ” ด้วยภาษาที่แตกต่าง ซึ่งบนโลกมีคนที่อ่านมันออกเพียงไม่กี่คนเท่านั้น อย่างไรก็ตามการมีอยู่ของมันเป็นปัญหากับประวัติศาสตร์โลกเพราะมันหายไป หลาย ๆ คนในเรื่องรู้ว่ามันมีช่องว่างตรงนี้ แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะหามันเจอจากไหน และคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะหาทางเติมเต็มมัน ตัวอย่างเช่น
เนเฟอร์ตาลี คอบร้า เมื่อได้ฟังสิ่งที่
นิโค โรบิน พูดเรื่องนี้ ก็ตกใจว่ามันมีวิธี
“ผูกสายใยแห่งประวัติศาสตร์เข้าด้วยกัน” และต่อมาไม่นาน เรย์ลี่ ได้ยืนยันแล้วว่า วิธีดังกล่าวสามารถทำได้ และเปิดเผยว่า ราชาโจรสลัด โกลด์ โรเจอร์ ค้นพบประวัติศาสตร์ที่แท้จริงแล้ว
ประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของโลก มีความลับที่อันตรายมาก หลาย ๆ คนเกรงกลัวที่จะพูดถึงมัน แม้กระทั่งพวกนอกกฎหมายก็ยังไม่เต็มใจจะพูดถึงมัน โรเจอร์ และ หนวดขาว ไม่เคยเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ใน
“ลาฟเทล” และเรื่องของ
โคสิกิ สู่สาธาณะโลก และตัว
โอเด้ง ก็ไม่ได้บอกใคร เพราะคิดว่ามันเป็นภาระต่อพวกพ้อง เรย์ลี่ เคยเสนอจะบอกความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้โรบินทราบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เนื้อหามังงะตอนที่ 507 อนิเมะตอนที่ 400 --
ที่ Shakky's Bar โรบินถาม เรย์ลี่ เกี่ยวกับ 100 ปีที่หายไป โดยบอกเรย์ลี่เกี่ยวกับโน้ตที่โรเจอร์เขียนไว้บน Poneglyph ที่ สกายเปียร์ เรย์ลี่ตอบว่ากลุ่มโจรสลัดโรเจอร์ได้ค้นพบประวัติศาสตร์ทั้งหมดแล้ว เขาแนะนำให้โรบินค้นหาต่อไปด้วยตัวเอง เรย์ลี่กล่าวว่าบางทีโรบินอาจได้ข้อสรุปที่แตกต่างจากที่พวกเขาได้รู้
ถึงกระนั้น เขาเสนอที่จะเปิดเผยเรื่องนี้กับโรบิน แต่โรบินปฏิเสธ โดยเห็นด้วยกับคำแนะนำก่อนหน้านี้ว่าให้ค้นหาด้วยตัวเอง เรย์ลี่ยังเปิดเผยว่าโรเจอร์ ไม่สามารถไขความลับได้ยอดเยี่ยมเหมือนศาสตราจารย์โคลเวอร์ หรือนักวิชาการคนอื่นๆ จาก Ohara โรเจอร์เพียงแค่ "ได้ยินเสียงของทุกสิ่ง" อุซปจึงถามโรบินว่าอยากจะปล่อยโอกาสแบบนี้ออกไปหรอ และเริ่มถามเรย์ลี่เกี่ยวกับวันพีซ อย่างไรก็ตาม ลูฟี่หยุดทุกคนและขู่ว่าจะเลิกเป็นโจรสลัดถ้าลูกเรือคนใดถามเรย์ลี่เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยบอกว่า "ฉันไม่อยากไปผจญภัยที่น่าเบื่อแบบนั้น"
The Great War
เหตุการณ์สำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 100 ปีนั้น
เกิดขึ้นและจบลงราว ๆ ปี 722 พร้อมกับการล่มสลายของ “เมืองขุมทอง แชนโดรา”
Moon (ดวงจันทร์)
ถูกเล่าผ่านภาพปกตอน เป็นมินิสตอรี่ เรื่องราวของเอเนล เดินทางไปยังดินแดนอันไกลโพ้น มีเมืองโบราณอยู่บนดวงจันทร์ เอเนลเดินทางไปยังสถานที่ที่เรียกกันว่า
“แฟรี่วาร์ต” หรือก็คือดวงจันทร์นั่นแหละ ปริศนาถูกเปิดเผย ว่าก่อนหน้านี้ก็มี ชาวสกายเปียร์ , แชนโดเรียน และชาวไบรเคน เคยอาศัยอยู่บนดวงจันทร์ พร้อมกับเจ้าตัวออโตมาตา คนสามเผ่าช่วยกันสร้างตัว ออโตมาตา ขึ้นมา มันถูกเขียนไว้บนฝาพนัง อาณาจักรบนดวงจันทร์ชื่อว่า
“ไบรก้า” แต่เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ทรัพยากรณ์ในอาณาจักรเริ่มหมดลง และขาดแคลน ทุกเผ่าพันธ์บนอาณาจักรแห่งนี้ จึงละทิ้งดวงจันทร์และไปตั้งถิ่นฐานใหม่ ณ
“ดาวเคราะห์สีฟ้า” โลกนั่นเอง
หนึ่งในสามเผ่าพันธุ์นี้
ชาวแชนโดเรียน ได้มาตั้งรกรากอยู่ที่เกาะ
“จายา” (Jaya) ซึ่งพวกเขาก่อตั้งเมือง
“แชนโดรา” (Shandora) เมื่อราว ๆ หนึ่งพันปีก่อน และก่อเกิดมหาสงครามแห่งแชนโดรา เมืองแชนโดราพังทลายลง แต่ชาวแชนเดียร์ ที่เป็นลูกหลานของชาวแชนโดเรียน ได้ปกป้องเมืองแห่งนี้มานานกว่า 800 ปี ทั้งสามเผ่าพันธุ์ที่ละทิ้งดวงจันทร์จะมีปีกที่หลัง แม้ว่าแต่ละเผ่าจะมีลักษณะแตกต่างกันเล็กน้อย หรือบางทีทั้งสามเผ่าอาจเคยเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันด้วยซ้ำ ความเชื่อมโยงระหว่าง เกาะแห่งท้องฟ้า และ ร้อยปีแห่งความว่างเปล่าคือ โพเนกลีฟ ที่ถูกทิ้งไว้ให้ชาวแชนโดเรียน และชาวแชนเดียร์ปกป้อง
[🪐 แถม มินิสตอรี่ของ ก๊อดเอเนล กด Spoil ได้เลยค่ะ 🪐]
อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ (Great Kingdom)
อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ เป็นอาณาจักรที่ทรงพลังที่สุด ซึ่งถูกทำลายทิ้งโดย 20 อาณาจักร หรือที่ต่อมาคือ
'รัฐบาลโลก' อาณาจักรนี้ มีอำนาจมากถึงขั้นที่การมีอยู่ของมัน คือเรื่องร้ายแรงและเป็นภัยต่อโลก รัฐบาลโลกจึงสั่งห้ามค้นคว้าโพเนกลีฟ และทำให้การค้นคว้าโพเนกลีฟเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
ชื่อของอาณาจักรที่แท้จริงนั้นยังไม่ถูกเปิดเผย อย่างไรก็ตาม
ศาตราจารย์โคลเวอร์ เคยกล่าวไว้ว่า ชื่อของมันมีความสำคัญมาก และเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำความเข้าใจ 100 ปีแห่งความว่างเปล่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้“อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่” (The Great Kingdom) -- ถูกกล่าวถึงครั้งแรกโดยศาสตราจารย์โคลเวอร์ ในเหตุการณ์ก่อนที่โอฮาร่าจะถูกทำลายล้าง เขากล่าวว่าตัวเขานั้นรู้ว่าทำไมรัฐบาลโลกถึงต้องการปกปิดเรื่องนี้ อาณาจักรดังกล่าวหากมีคนค้นพบความจริง จะทำให้เกิดภัยคุกคามร้ายแรงต่อรัฐบาลโลก
เมื่อประมาณ 800 ปีก่อน ตระกูล โคสึกิ ได้คิดค้นและสรรสร้าง ศิลาลึกลับที่รู้จักกันในชื่อ “โพเนกลีฟ” ศิลาลึกลับนั้นไม่สามารถทำลายทิ้งได้ ไม่แตกหัก คนในอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ทราบดีว่าตนเองจะพ่ายแพ้ และเรื่องราวทุกอย่างจะถูกลบออกไม่เหลือซาก จึงบันทึกเรื่องราวในประวัติศาสตร์ไว้บนศิลาที่มีความทนทานเป็นพิเศษ และปล่อยมันกระจัดกระจายไปทั่วมุมโลก
รัฐบาลสั่งห้ามค้นคว้ามัน และลบข้อมูลทั้งหมดของ “อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่” ออกจากสารระบบโลก ตอนนี้โพเนกลีฟจึงเป็นแหล่งข้อมูลเดียวที่ยังลงเหลืออยู่ โดยเรายังไม่ทราบสาเหตุที่ว่าทำไม อาณาจักรแห่งนี้ ถึงเป็นภัยคุกคามต่อรัฐบาลโลก ศาสตราจารย์โคลเวอร์มั่นใจว่าประวัติศาสตร์ทั้งหมด จะตอบคำถามนั่นได้ ชื่อของอาณาจักร ยังไม่เคยถูกกล่าวออกมา ก่อนที่โคลเวอร์จะได้พูดชื่อมัน เขาถูกฆ่าตายซะก่อน ข้อมูลจึงยังไม่มีการเปิดเผย
Tequila Wolf
สะพานนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างมากว่า 700 ปี ตามความต้องการของ เหล่าชนชั้นสูงของโลก
ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้ ถูกสร้างโดยเหล่าทาสหลายคนที่เป็นอาชญากร หรือผู้คนจากประเทศที่ไม่เป็นพันธมิตรกับรัฐบาลโลก เนื่องจากการก่อสร้างสะพานใช้เวลานานกว่า 700 ปี จุดประสงค์ดูเหมือนจะพยายามเชื่อมเกาะต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัดในการทำแบบนั้นก็ตาม
นิโค โรบิน เคยถูกส่งตัวมาที่สะพานแห่งนี้เพราะโดน บาโซโลมิว คุมะ ส่งมาในเหตุการณ์ที่หมู่เกาะซาบอนดี้ และหลังจากนั้น โรบินถูกบังคับใช้แรงงานจนกระทั่งกองทัพปฏิวัติโจมตี Tequila Wolf และปล่อยโรบิน และทาสคนอื่น ๆ ไป ปัจจุบันไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับ Tequila Wolf แล้ว หลังจากที่ทาสได้รับการปล่อยตัว
[One Piece] ข้อมูลเบื้องต้น เกี่ยวกับปริศนา "100 ปีแห่งความว่างเปล่า" และ โพเนกลีฟที่ถูกค้นพบ
เหตุการณ์ของ 100 ปี แห่งความว่างเปล่า เกิดขึ้นเมื่อ 800-900 ปีก่อน นับจากเวลาปัจจุบัน เรื่องราวของมันถูกเปิดเผย หรือ กล่าวถึงครั้งแรกใน บท : สกายเปียร์ ตอนย้อนอดีตของโรบินบางส่วน
ช่วงเวลาดังกล่าวถูกเรียกว่า “100 ปีแห่งความว่างเปล่า” เพราะมันไม่มีอะไรเหลือให้รับรู้เลยสักอย่าง ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น หลักฐานที่เกิดขึ้นมีแค่การสลักข้อความไว้บน “โพเนกลีฟ” ด้วยภาษาที่แตกต่าง ซึ่งบนโลกมีคนที่อ่านมันออกเพียงไม่กี่คนเท่านั้น อย่างไรก็ตามการมีอยู่ของมันเป็นปัญหากับประวัติศาสตร์โลกเพราะมันหายไป หลาย ๆ คนในเรื่องรู้ว่ามันมีช่องว่างตรงนี้ แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะหามันเจอจากไหน และคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะหาทางเติมเต็มมัน ตัวอย่างเช่น เนเฟอร์ตาลี คอบร้า เมื่อได้ฟังสิ่งที่ นิโค โรบิน พูดเรื่องนี้ ก็ตกใจว่ามันมีวิธี “ผูกสายใยแห่งประวัติศาสตร์เข้าด้วยกัน” และต่อมาไม่นาน เรย์ลี่ ได้ยืนยันแล้วว่า วิธีดังกล่าวสามารถทำได้ และเปิดเผยว่า ราชาโจรสลัด โกลด์ โรเจอร์ ค้นพบประวัติศาสตร์ที่แท้จริงแล้ว
ประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของโลก มีความลับที่อันตรายมาก หลาย ๆ คนเกรงกลัวที่จะพูดถึงมัน แม้กระทั่งพวกนอกกฎหมายก็ยังไม่เต็มใจจะพูดถึงมัน โรเจอร์ และ หนวดขาว ไม่เคยเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ใน “ลาฟเทล” และเรื่องของ โคสิกิ สู่สาธาณะโลก และตัว โอเด้ง ก็ไม่ได้บอกใคร เพราะคิดว่ามันเป็นภาระต่อพวกพ้อง เรย์ลี่ เคยเสนอจะบอกความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้โรบินทราบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หนึ่งในสามเผ่าพันธุ์นี้ ชาวแชนโดเรียน ได้มาตั้งรกรากอยู่ที่เกาะ “จายา” (Jaya) ซึ่งพวกเขาก่อตั้งเมือง “แชนโดรา” (Shandora) เมื่อราว ๆ หนึ่งพันปีก่อน และก่อเกิดมหาสงครามแห่งแชนโดรา เมืองแชนโดราพังทลายลง แต่ชาวแชนเดียร์ ที่เป็นลูกหลานของชาวแชนโดเรียน ได้ปกป้องเมืองแห่งนี้มานานกว่า 800 ปี ทั้งสามเผ่าพันธุ์ที่ละทิ้งดวงจันทร์จะมีปีกที่หลัง แม้ว่าแต่ละเผ่าจะมีลักษณะแตกต่างกันเล็กน้อย หรือบางทีทั้งสามเผ่าอาจเคยเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันด้วยซ้ำ ความเชื่อมโยงระหว่าง เกาะแห่งท้องฟ้า และ ร้อยปีแห่งความว่างเปล่าคือ โพเนกลีฟ ที่ถูกทิ้งไว้ให้ชาวแชนโดเรียน และชาวแชนเดียร์ปกป้อง
ชื่อของอาณาจักรที่แท้จริงนั้นยังไม่ถูกเปิดเผย อย่างไรก็ตาม ศาตราจารย์โคลเวอร์ เคยกล่าวไว้ว่า ชื่อของมันมีความสำคัญมาก และเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำความเข้าใจ 100 ปีแห่งความว่างเปล่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้