ทำไมคุณ? ถึงมองการตั้งคำถามหรือการอธิบายต่อพ่อแม่คือความบาป?

สวัสดีค่ะ เพิ่งสมัครบัญชีใหม่ เพื่อแวะมาตั้งกระทู้แรก เพียงเพราะสับสนในความ บาบ บุญ คุณ โทษ และความเหมาะสม! เราอยากมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่หลากหลาย เพื่อหาแนวคิดใหม่ๆ เสริมสร้างพลังบวกและลบในการขับเคลื่อนชีวิตต่อไป

เราเป็นคนอีสาน พ่อและแม่แต่งงานใหม่ และทิ้งเราไปตั้งแต่ 7 ขวบ เราเติบโตมากับตายายตั้งแต่เด็กจนโต ช่วงอายุ16ปี ตาและยายก็เสียไป ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน อยากเรียนต่อม4 มากค่ะ แต่ไม่ได้เรียนค่ะ ได้มีการติดต่อใหพ่อแม่ส่งเรียน แต่ได้รับการปฏิเสธมาโดยตลอด เราก็ได้ถอดใจและเริ่มต้นใหม่ด้วยการเข้าไปหางานทำตามร้านอาหารในกรุงเทพ และเรียน กสน ควบคู่ไปด้วย

ช่วงวัยรุ่น และเริ่มเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เราเป็นคนขี้โรคมาโดยตลอด ป่วยหนัก ลาบ่อย จนถูกเชิญออกจากงานหลายที่ กลายเป็นผีไม่ค่อยจะมีศาลสิงสถิตย์ ไม่มีบ้านให้กลับไปตั้งหลักตั้งสติใดๆ เพราะคำว่าบ้าน เราไม่เคยได้รับรู้ถึงคำว่าHomeมาตั้งแต่จำความได้ รับรู้แต่คำว่าHouse มาโดยตลอด

มันเป็นช่วงตกต่ำสุดๆ ได้มีการติดต่อพ่อแม่อีกครั้ง ยืมเงินรักษาตัว ได้ถูกปฏิเสธอีกครั้ง พ่อให้เหตุผมว่า พ่อมีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ (แล้วเราไม่ใช่คนในครอบครัวคุณเหรอ) แม่ให้เหตุผลว่า แม่มีหนี้สินที่ต้องเก็บไว้ใช้ (ชีวิตลูกที่นอนเป็นผัก ไม่มีค่าพอเท่ากับหนี้สินของคุณ) ยืมญาติพี่น้อง ถูกปฎิเสธตามมาติดๆ ยืมเพื่อนก็ถูกปฎิเสธเช่นกัน! 

เริ่มเจอพ่อกับแม่บ้างช่วงตอนโตตามอัตภาพ มีแต่การเปรียบเทียบ การเหยียด การแขวะ บั่นทอน การดูถูก ลูกคนนี้ ไม่เคยมีแม้แต่คำอวยพรวันเกิด คำพูดเสริมสร้างกำลังใจ ลูกสบายดีหรือไม่! เราอดทนมาโดยตลอด ไม่เคยโต้ตอบ เราเก็บกดมาโดยตลอด....

เราผ่านมาอย่างโดดเดี่ยว และเดียวดาย เราเฉียดตายหลายรอบ แต่เรายังคงไม่เคยตาย ชีวิตวนเวียนแต่กับ โรงพยาบาล หมอ พยาบาล ได้เห็นผู้คนที่นอนรอความตายตามมุมของรพ รัฐ มามากมาย บางคนก็มีญาติอยู่ข้างๆคอยดูแล บ้างคนก็นอนเดียวดายไร้คนข้างกาย เช่นเรา เป็นต้น เราผ่านมาอย่างยากลำบาก ร่างกายขี้โรค บวกกับจิตเริ่มไม่ปกติ ใจที่ท้อแท้ กับความป่วยเก่ง ตกงานบ่อย เพราะถูกเชิญออกหลายรอบ และผู้คนเห็นแก่ตัว เอาเปรียบมากมาย รัฐบาลก็เฮงซวย เราเองก็อ่อนแอในช่วงนั้น อยากจะตายซะให้มันรู้ไป! แต่โลกนี้ยังคงสวยงามเสมอ เดี่ยวค่อยตาย!

งานอดิเราของเราเพื่อสงบสติ คือไปขับเจ๊ทเล่นบนท้องทะเล นั่งฟังเสียงคลื่นเพื่อสงบสติ โดดทะเลตายตอนนี้ดีมั๊ย เหนื่อย ไม่ได้ สงสารกู้ภัยกับคนปล่อยเช่าเจ๊ท เห้อ! เราต้องต่อสู้กับความอยากจะตายและยังไม่อยากตายของเรา จนเหนื่อยมากในแต่ล่ะวัน

ช่วงวัยแรกรุ่น เราศรัทธาศาสนาอย่างมาก แต่ในระหว่างการเดินทางด้วยตัวเอง ทำให้เราสูญสิ้นศรัทธาต่อพระเจ้าทั้งหมด ทุกวันนี้เรายึดเหนี่ยวโดยการ เชื่อมั่นในตนเองและเป็นปัญญาชน และพลเมืองที่ดี ในการขับเคลื่อนชีวิตด้วยการไร้ที่ยึดเหนี่ยวจากศาสนาใดๆ เราเดินทางมาจนถึงอายุ29ปี พ่อกับแม่เริ่มกดดัน ในเชิงบุญคุณ แม่เป็นหนี้ โดยการบอกว่า ..'กูคลอดมา เลี้ยงมา ต้องชดใช้ กูเป็นแม่..' ทุกคนเริ่มทวงบุญคุณกัน

เราได้มีการปะทะ ปลดปล่อย ร้องไห้ อยากได้ความรักความเมตตาจากพ่อแม่มาโดยตลอด พวกคุณไปอยู่ไหนกันมา ได้เปิดฉากด้วยอารมณ์รุนแรง กันในหมู่ดงญาติพี่น้องและครอบครัว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเก้บกดมาตั้งแต่เด็กจนโต เราพรั่งพรูออกมากหมด นึกว่าจะมีคนเห็นใจบ้าง อยากกอดใครสักคนแล้วร้องไห้!

แต่ ผิดคาด! ทุกคนมองว่าเราบาปหนา อีเนรคุณ เถียงพ่อแม่ มีคำถามกับผู้มีบุญคุณแบบนี้ได้ไงกัน เราอยากมีญาติสักคนที่รับฟังเรา และผู้ใหญ่สักคนชี้นำเราในการหาเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ แต่ญาติ พ่อ แม่ มีแต่คำว่า บาป บาป บาป!

ทำไม? พ่อแม่ ญาติๆถึงมองการเป็นบาป สำคัญกว่าจิตใจของเด็กคนนึงที่บอบช้ำมากมาตลอดจนโต แค่ไหน ....

เราเครียด ซึมเศร้าอยากตาย เงียบเหงา มาพักผ่อนคนเดียวที่ทะเลแห่งนึง เรานั่งโง่ๆอยู่ริมทะเลสามารถนั่งนับคลื่นกระทบฝั่งได้กี่ครั้งต่อ1นาที เศร้าใจ อยากตาย มีแฟน แฟนก็ไม่เคยเข้าใจในปมวัยเด็กของเรา เพราะเขาเติบโตมาในพื้นฐานที่ดีมีความอบอุ่น ก็ใช่สิ! คุณมันจะไปเข้าใจอะไร สงบสติได้แล้ว เรากลับห้องไปเริ่มต้นวันใหม่ เห็นหน้าแฟน เล่าให้แฟนฟัง เพื่อหวังให้เข้าใจ แต่คำแรกที่แฟนพูด ...'อยุดเถียงพ่อแม่ หยุดตั้งคำถาม เราไม่มีสิทธิ์ในการหาคำตอบ ไม่ว่าท่านจะดีจะร้าย เขาทั้งสองก็คือผู้มีพระคุณ คุณจะบาปหนา! ..' WTF! นี่แฟนเราก็เป็นไปอีกคน จัดอันดับความสำคัญ ในความบาปเป็น1 กว่าความรู้สึกของแฟนตัวเองที่กำลังแตกสลาย...

จิตใจของเราที่มันบอบช้ำอย่างหนัก ไม่มีใครสนใจ ถูกลดทอนคุณค่าลง ด้วยคำว่า บาปหรือ?! 

ทำไม คุณถึงมองการเป็นบาปมันสำคัญ กว่าจิตใจของเด็กคนนึงที่กำลังแย่ลง เด็กคนนึง ที่กำลังไขว่คว้าใครสักคนเป็นที่ยึดเหนี่ยว และคอยให้กำลังใจ 

ทำไมสังคมไทย และ สังคมชาวอีสาน(ไม่ได้เหมารวม ไม่ได้เหยียด แค่ยกตัวอย่างใน% ส่วนมาก) ถึงปลูกฝังค่านิยมผิดๆ ในการตั้งคำถามกับพ่อแม่ คือความบาปหนา? จัดอันดับความสำคัญเป็นหนึ่งต้นๆ มากกว่าที่จะรับฟังปมในใจของเด็ก แล้วร่วมกันแก้ไข ช่วยเหลือ หาจุดกึ่งกลางร่วมกันบ้างคะ?

ทำไมพวกคุณ ไม่เคยที่จะสนใจความในใจของเด็กกันบ้าง บาปมันสำคัญกว่าความรู้สึกของเด๋กหรือคะ?

เราเศร้ามากค่ะ ตกงานจากโควิด ไม่มีบ้านให้กลับ แฟนก็ไม่เคยจะเข้าใจอะไร ครอบครัวTOXIC เพื่อนจริงใจก็ไม่มีสักคน อยากตายซะวันนี้ คุณช่วยปลอบประโลมแนวคิดใหม่ๆดึงสติ ให้เราทีได้ไหมคะ? ขอบคุณพื้นที่ระบายค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่