(ตอนที่ 1 : Day 1-4)
https://ppantip.com/topic/41543769
(ตอนที่ 2 : Day 5-8.1)
https://ppantip.com/topic/41545011
(ตอนที่ 4 : Day 11-14)
https://ppantip.com/topic/41551654
Day 8.2 – Mestia
Mestia ต้อนรับเราด้วยสายฝนปรอยๆ หนาวไปอี๊ก ความทุลักทุเลคูณ 2 ขนกระเป๋าค่ะ ขึ้นที่พักชั้น 3 ไม่มีลิฟต์จ้า...
รูปนี้วิวจากหน้าต่างห้องนอนของพวกเรา...
“ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ” คำกล่าวนี้เป็นจริงเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า
เดินเล่น หามื้อเย็นกินกัน บรรยากาศเมืองชิลมาก ทุกอย่างดู Slow life แต่ไม่ถึงกับเงียบสงัด ยังคงมีแสง สี เสียงบ้าง เมืองนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ บางคนมาพักเพื่อรอเทร็กกิ้ง บางคนมาพักเพื่อรอไปต่อที่ Ushguli
บรรยากาศเมืองนี้คือดีไม่ไหว ตอนนี้จำได้ว่าประมาณ 6 โมงเย็น มองเห็นพระจันทร์อยู่ไกลๆ
ร้านอาหารที่นักท่องเที่ยวคนไทยแนะนำ พวกเรายกให้ 10 10 10 อาหารอร่อย พนักงานน่ารัก บรรยากาศก็ดีชนะเลิศ
อิ่มแล้วก็เดินเล่นชมบรรยากาศของเมืองกันต่อค่ะ ชิลไม่ไหว...
เดินตามเสียงน้ำมาเรื่อยๆ ได้เจอทางน้ำไหลผ่านเมืองแบบนี้...
และเดินถัดมาก็จะเจอถนนที่ลาดลงไป มองจากมุมนี้ฟิลดีมากๆ
ส่วนรูปนี้เป็นรูปหอคอยขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนของเมือง Mestia ที่หากมองไกลๆ จะนึกว่าเป็นปล่องไฟ ซึ่งในสมัยก่อนใช้เพื่อการรักษาความปลอดภัยของเมือง
กลับที่พัก นั่งจิบเครื่องดื่มพอให้ร่างกายอุ่น ชมวิวจากหน้าต่างห้องอยู่ดีๆ ไฟดับเฉย...พวกเราเลยได้รูปท้องฟ้า ดวงดาว วิวเมือง ที่มีฉากหลังเป็นเทือกเขาคอเคซัสมาฝากค่า
พรุ่งนี้เทร็กกิ้งอีกค่า เอาใจช่วยข้อเข่าของพวกเราด้วยน๊า หวังว่าจะไม่หนักหน่วงนะจ๊ะ
ป.ล. Mestia มีสนามบินเล็กๆด้วยแหละ
Day 9 – Mestia
ตื่นเช้าพร้อมพระอาทิตย์ขึ้นแยงตา ส่องแสงถึงเตียงนอน...
อาหารเช้าที่ทางที่พักจัดให้ เพิ่มพลังงานสุดๆ
วันนี้เราจ้างรถเพื่อขับขึ้นไปเทร็กกิ้งบนเขา ตามล่าหา Kuruldi Lake ตื่นเต้น...!!!
เราได้เพื่อนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มอีก 2 ท่าน เพื่อเดินทางไปรถคันเดียวกับเราค่ะ...
พวกเราพร้อม รถพร้อม ออกเดินทางค่ะ
_______
ทางขึ้นไปยังจุดเริ่มต้นค่อนข้างลำบาก แบบลำบากมาก ทางแคบสุด ขวาภูเขา ซ้ายเหวเลยจ๊ะ โยกเยกตลอดทาง เรียกได้ว่าไม่มีทางเรียบให้พักหายใจเลย นี่คือเหตุผลที่เราต้องจ้างคนขับที่ชำนาญเส้นทางพาพวกเราไปค่ะ...ไม่มีรูปมาอวดนะคะ ไม่ไหวจริงๆ
ยาแก้เมารถต้องเข้าแล้วแหละ...หมดกันเป็นแผงสำหรับทริปนี้!!
พวกเราใช้เวลาประมาณ 45 นาทีกับระยะทางแค่ 10 กม.มั้งคะ (หลับตลอด) ถึงจุดจอดรถ ลงรถ และเดินต่อสิคะ...
ระยะทางจากนี้คือเดินไป 4 กม. (ไป-กลับ) พวกเราใช้เวลาประมาณ 3 ชม. (รถรอเราอยู่ต้องทำเวลา) เสียเวลาถ่ายรูป ชมวิวซะส่วนใหญ่ ทางเดินยาก ง่าย สลับกันไปทั้งทางลาด ทางชัน พื้นหญ้า พื้นหิน หรือพื้นหิมะ มีหมดเลย...
ลากๆ ดันๆกันไป บางช่วงทางชันคือชันมาก แบบ 40 องศาอ่ะค่ะ คุณผู้ชม...
ข้อเข่าแทบเสื่อมกันเลยทีเดียว...
แต่วิวตลอดทางก็คือสวยทุกมุม สวยทุกองศา เรียกว่าสวย 360 องศาเลยก็ว่าได้...
Kuruldi Lake ในที่สุดเราก็มาถึงเลค น้ำแข็งยังไม่ละลาย เราเลยได้เห็นกราเซียแบบนี้ สวยงามอย่างกะภาพวาด แต่นี้คือของจริงตรงหน้าค่ะคุณผู้ชม...
พวกเรานั่งชิลอยู่ตรงเลคกันพักใหญ่ก็เดินทางกลับ
ถึงเมืองแล้วหิวโซ มื้อนี้เลยขอจัดบาร์บีคิวหนักๆ ชีสเน้นๆ...
อิ่มท้องแล้วเดินชิล แดดร่มลมตกไปคาเฟ่กันจ้า ไปรอดูพระอาทิตย์ตกบนเขากัน
Heshkili Huts คาเฟ่ที่คนไทยด้วยกัน Recommend ว่าต้องไปน๊า ก็ไปสิค่ะ รออะไร สายคาเฟ่อย่างเรามีหรือจะพลาด...
จากเมืองขับรถไปไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงคาเฟ่ค่ะ คาเฟ่นี้ตั้งอยู่บนเขา พื้นที่ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร และอลังการมากจ๊ะ (จะใหญ่ไปไหนน๊อ)
มาถึงคาเฟ่ก็ไม่ผิดหวังจ๊ะ ตามคำแนะนำของคนไทย คำแรกที่เจ้าของคาเฟ่ทักทายคือ Thailand?? ยืดอกรับเต็มๆ พร้อมตอบว่า...Yes!!! (ในใจคิด...รู้ได้ไง??) แต่พอถึงบาร์สั่งกาแฟก็อ๋อ...มีรูปเพ้นท์ธงชาติไทยติดอยู่จ๊ะ
จิบกาแฟ พร้อมแพนเค้กร้อนๆ ราดน้ำผึ้งสดๆ
อิ่มแล้วก็เดินชมวิวกันจ๊ะ (ชมวิวถ่ายรูปนานกว่าจิบกาแฟ...คุ้ม...คิดเอง 555)
พื้นที่คาเฟ่คือใหญ่เว่อวัง ใหญ่ไปไหนก๊อน...เดินจากจุดนึงไปอีกจุดนึงคือหอบ...
มีชิงช้าให้แกว่งๆ เสียวๆตรงทางลาดลง แกว่งกันจนมึนจ๊ะ กว่าจะได้รูป ได้คลิปครบทุกคน....
ดอกไม้มีให้เห็นเต็มพื้นที่ ถ้าจะไม่เหยียบดอกไม้คือต้องมีปีก เหาะได้เท่านั้น!!!
ได้เวลาพิชิตเป้าหมายของเราที่ขึ้นมาคาเฟ่นี้ละ พระอาทิตย์ตกเวลานี้ ดีไม่ไหว สวยงามกว่าที่คิดไว้จริงๆ...
Goodnight from Mestia พรุ่งนี้ย้ายเมืองอีกแล้ว มารอดูความทุลักทุเล และเส้นทางที่เค้าว่าโหดสุดสำหรับทริปนี้จะเป็นยังไง รอด ไม่รอด มาลุ้นกัน
Day 10 – Ushguli
ตื่นเช้าพร้อมวิวจากหน้าต่างห้อง และอาหารเช้าจากที่พัก ที่เตรียมไว้สำหรับพวกเรา 4 คน ไม่มาก ไม่น้อย กำลังพอดี...
แวะจิบกาแฟที่ร้านกาแฟในเมืองใกล้ๆที่พัก และแวะซื้อเคบับเจ้อร่อยไว้กินมื้อเที่ยง
ประมาณ 10 โมง ออกเดินทางสู่ Ushguli (อุชกูลลิ ) หมู่บ้านมรดกโลก ได้ชื่อว่าเป็นชุมชนที่อยู่สูงที่สุดในทวีปยุโรป ที่ความสูง 2,100 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 300 คนเท่านั้น!!
______
พวกเราตัดสินใจหลายรอบมากกับการเดินทางไปเที่ยวที่ Ushguli ค้าง ไม่ค้าง ขับเอง หรือจ้างคนขับ??
จากข้อมูลบอกพวกเราว่าทางค่อนข้างยากและอันตราย ถ้าไม่ชัวร์ให้จ้างคนขับจากในเมืองที่ชำนาญทางขับพาไปจะดีกว่า แต่สุดท้ายพวกเราก็ตัดสินใจขับไปกันเอง โดยได้คุยและปรึกษากับคนไทยท่านหนึ่งซึ่งเดินทางไปก่อนพวกเรา 1 วัน (เพื่อนที่รู้จักกันทางออนไลน์...ขอบคุณมากๆ)
ล้อหมุน...ช่วงแรกสบายๆ ถนนดี ซ้ายหน้าผา ขวาเหว ทางเลนเดียว ถ้ารถสวนก็ต้องหาทางหลบ และแบ่งๆกันไป
แต่พอถึง 10 กม. สุดท้าย ตามเสียงบอกเล่าจ๊ะ...โหดร้ายตามภาพ แต่พวกเราก็ผ่านมาได้อย่างระมัดระวังที่สุด...
ยาแก้เมารถที่กินมาไม่ช่วยอะไรเลยจ๊ะ
เห็นหมู่บ้านมาแต่ไกลๆ
และสุดท้ายพวกเราก็ผ่านเส้นทางโหดๆมาได้ โล่ง...!!!
ยังไม่จบจ๊ะ...
ทางมา Ushguli ว่าโหดแล้ว ทางในหมู่บ้านไปที่พักของพวกเราโหดกว่า โหดแบบโหด...โหดแบบตะโกน!! ทำไมไม่มีใครรีวิวทางในหมู่บ้านเลยหล่ะจ๊ะ...กว่าจะถึงที่พักเกือบจะเอาถอดใจแล้ว...
พวกเราพักที่ Ushguli 1 คืน ที่พักที่พวกเราเลือกชื่อว่า Ushguli°Cabins
เก็บกระเป๋า หาข้าวเย็นกินกัน อาหารที่นี่จัดว่าเด็ด ไม่ได้กินอะไรเผ็ดๆที่รสชาติค่อนข้างถูกปากคนไทยมาหลายวัน
อิ่มแล้วก็ออกเดินเล่นรอบๆเมือง เดินขึ้นไปบนเนินสูงๆ มันดีมากจริงๆ วิวที่เห็นคือเมืองสุดลูกหูลูกตา ข้างหลังเป็นวิวภูเขาสลับซับซ้อน ดีไม่ไหว อยากหลับลงตรงนี้เลย จริงๆนะ คือชิลมากจริงๆ
ลักษณะบ้านเรือนของที่นี่ จะมีหอคอยเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของชาว Svaneti ในอดีตหอคอยเหล่านี้ เอาไว้ใช้สอดส่อง และปกกันผู้บุกรุก
คืนนี้พวกเราตั้งใจจะนั่งจิบเครื่องดื่มหน้าบ้าน รอดูดาว แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจ๊ะ...
ฟ้าเริ่มมืด เมฆดำค่อยๆลอยมา ลมเริ่มแรง อากาศเริ่มหนาว และแล้วฝนก็ตกจ๊ะ หนีเข้าบ้านแทบไม่ทัน แยกย้ายเตียงใครเตียงมัน (เหมือนพายุจะเข้าแหละ...)
ไฟดับต่อเลยจ๊ะ...
น้ำท่วมห้องจ๊ะ...
พรมเอย ผ้าคลุมเตียงเอย ขนมาปิดตรงพื้นประตูห้อง ไม่งั้นท่วมทั้งห้องแน่ๆ...งานนี้ต้องขอโทษเจ้าของห้องเบาๆ ก็มันจำเป็นอ่ะเนอะ...
บอกราตรีสวัสดิ์แบบไม่ค่อยโอเคเลยจริงๆ
พรุ่งนี้เดินทางกลับเข้าเมืองแล้วนะ ขอต่อตอนที่ 4 นะคะ
[CR] จอร์เจีย 14 วัน กับคำว่า..."ยังไม่พอ" !!! (ตอนที่ 3)
(ตอนที่ 2 : Day 5-8.1) https://ppantip.com/topic/41545011
(ตอนที่ 4 : Day 11-14) https://ppantip.com/topic/41551654
รูปนี้วิวจากหน้าต่างห้องนอนของพวกเรา...
“ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ” คำกล่าวนี้เป็นจริงเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า
เดินเล่น หามื้อเย็นกินกัน บรรยากาศเมืองชิลมาก ทุกอย่างดู Slow life แต่ไม่ถึงกับเงียบสงัด ยังคงมีแสง สี เสียงบ้าง เมืองนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ บางคนมาพักเพื่อรอเทร็กกิ้ง บางคนมาพักเพื่อรอไปต่อที่ Ushguli
บรรยากาศเมืองนี้คือดีไม่ไหว ตอนนี้จำได้ว่าประมาณ 6 โมงเย็น มองเห็นพระจันทร์อยู่ไกลๆ
ร้านอาหารที่นักท่องเที่ยวคนไทยแนะนำ พวกเรายกให้ 10 10 10 อาหารอร่อย พนักงานน่ารัก บรรยากาศก็ดีชนะเลิศ
อิ่มแล้วก็เดินเล่นชมบรรยากาศของเมืองกันต่อค่ะ ชิลไม่ไหว...
เดินตามเสียงน้ำมาเรื่อยๆ ได้เจอทางน้ำไหลผ่านเมืองแบบนี้...
และเดินถัดมาก็จะเจอถนนที่ลาดลงไป มองจากมุมนี้ฟิลดีมากๆ
ส่วนรูปนี้เป็นรูปหอคอยขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนของเมือง Mestia ที่หากมองไกลๆ จะนึกว่าเป็นปล่องไฟ ซึ่งในสมัยก่อนใช้เพื่อการรักษาความปลอดภัยของเมือง
กลับที่พัก นั่งจิบเครื่องดื่มพอให้ร่างกายอุ่น ชมวิวจากหน้าต่างห้องอยู่ดีๆ ไฟดับเฉย...พวกเราเลยได้รูปท้องฟ้า ดวงดาว วิวเมือง ที่มีฉากหลังเป็นเทือกเขาคอเคซัสมาฝากค่า
พรุ่งนี้เทร็กกิ้งอีกค่า เอาใจช่วยข้อเข่าของพวกเราด้วยน๊า หวังว่าจะไม่หนักหน่วงนะจ๊ะ
ป.ล. Mestia มีสนามบินเล็กๆด้วยแหละ
อาหารเช้าที่ทางที่พักจัดให้ เพิ่มพลังงานสุดๆ
วันนี้เราจ้างรถเพื่อขับขึ้นไปเทร็กกิ้งบนเขา ตามล่าหา Kuruldi Lake ตื่นเต้น...!!!
เราได้เพื่อนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มอีก 2 ท่าน เพื่อเดินทางไปรถคันเดียวกับเราค่ะ...
พวกเราพร้อม รถพร้อม ออกเดินทางค่ะ
_______
ทางขึ้นไปยังจุดเริ่มต้นค่อนข้างลำบาก แบบลำบากมาก ทางแคบสุด ขวาภูเขา ซ้ายเหวเลยจ๊ะ โยกเยกตลอดทาง เรียกได้ว่าไม่มีทางเรียบให้พักหายใจเลย นี่คือเหตุผลที่เราต้องจ้างคนขับที่ชำนาญเส้นทางพาพวกเราไปค่ะ...ไม่มีรูปมาอวดนะคะ ไม่ไหวจริงๆ
ยาแก้เมารถต้องเข้าแล้วแหละ...หมดกันเป็นแผงสำหรับทริปนี้!!
พวกเราใช้เวลาประมาณ 45 นาทีกับระยะทางแค่ 10 กม.มั้งคะ (หลับตลอด) ถึงจุดจอดรถ ลงรถ และเดินต่อสิคะ...
ระยะทางจากนี้คือเดินไป 4 กม. (ไป-กลับ) พวกเราใช้เวลาประมาณ 3 ชม. (รถรอเราอยู่ต้องทำเวลา) เสียเวลาถ่ายรูป ชมวิวซะส่วนใหญ่ ทางเดินยาก ง่าย สลับกันไปทั้งทางลาด ทางชัน พื้นหญ้า พื้นหิน หรือพื้นหิมะ มีหมดเลย...
ลากๆ ดันๆกันไป บางช่วงทางชันคือชันมาก แบบ 40 องศาอ่ะค่ะ คุณผู้ชม...
ข้อเข่าแทบเสื่อมกันเลยทีเดียว...
แต่วิวตลอดทางก็คือสวยทุกมุม สวยทุกองศา เรียกว่าสวย 360 องศาเลยก็ว่าได้...
Kuruldi Lake ในที่สุดเราก็มาถึงเลค น้ำแข็งยังไม่ละลาย เราเลยได้เห็นกราเซียแบบนี้ สวยงามอย่างกะภาพวาด แต่นี้คือของจริงตรงหน้าค่ะคุณผู้ชม...
พวกเรานั่งชิลอยู่ตรงเลคกันพักใหญ่ก็เดินทางกลับถึงเมืองแล้วหิวโซ มื้อนี้เลยขอจัดบาร์บีคิวหนักๆ ชีสเน้นๆ...
อิ่มท้องแล้วเดินชิล แดดร่มลมตกไปคาเฟ่กันจ้า ไปรอดูพระอาทิตย์ตกบนเขากัน
Heshkili Huts คาเฟ่ที่คนไทยด้วยกัน Recommend ว่าต้องไปน๊า ก็ไปสิค่ะ รออะไร สายคาเฟ่อย่างเรามีหรือจะพลาด...
จากเมืองขับรถไปไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงคาเฟ่ค่ะ คาเฟ่นี้ตั้งอยู่บนเขา พื้นที่ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร และอลังการมากจ๊ะ (จะใหญ่ไปไหนน๊อ)
มาถึงคาเฟ่ก็ไม่ผิดหวังจ๊ะ ตามคำแนะนำของคนไทย คำแรกที่เจ้าของคาเฟ่ทักทายคือ Thailand?? ยืดอกรับเต็มๆ พร้อมตอบว่า...Yes!!! (ในใจคิด...รู้ได้ไง??) แต่พอถึงบาร์สั่งกาแฟก็อ๋อ...มีรูปเพ้นท์ธงชาติไทยติดอยู่จ๊ะ
จิบกาแฟ พร้อมแพนเค้กร้อนๆ ราดน้ำผึ้งสดๆ
อิ่มแล้วก็เดินชมวิวกันจ๊ะ (ชมวิวถ่ายรูปนานกว่าจิบกาแฟ...คุ้ม...คิดเอง 555)
พื้นที่คาเฟ่คือใหญ่เว่อวัง ใหญ่ไปไหนก๊อน...เดินจากจุดนึงไปอีกจุดนึงคือหอบ...
มีชิงช้าให้แกว่งๆ เสียวๆตรงทางลาดลง แกว่งกันจนมึนจ๊ะ กว่าจะได้รูป ได้คลิปครบทุกคน....
ดอกไม้มีให้เห็นเต็มพื้นที่ ถ้าจะไม่เหยียบดอกไม้คือต้องมีปีก เหาะได้เท่านั้น!!!
ได้เวลาพิชิตเป้าหมายของเราที่ขึ้นมาคาเฟ่นี้ละ พระอาทิตย์ตกเวลานี้ ดีไม่ไหว สวยงามกว่าที่คิดไว้จริงๆ...
Goodnight from Mestia พรุ่งนี้ย้ายเมืองอีกแล้ว มารอดูความทุลักทุเล และเส้นทางที่เค้าว่าโหดสุดสำหรับทริปนี้จะเป็นยังไง รอด ไม่รอด มาลุ้นกัน
ยังไม่จบจ๊ะ...
ทางมา Ushguli ว่าโหดแล้ว ทางในหมู่บ้านไปที่พักของพวกเราโหดกว่า โหดแบบโหด...โหดแบบตะโกน!! ทำไมไม่มีใครรีวิวทางในหมู่บ้านเลยหล่ะจ๊ะ...กว่าจะถึงที่พักเกือบจะเอาถอดใจแล้ว...
พวกเราพักที่ Ushguli 1 คืน ที่พักที่พวกเราเลือกชื่อว่า Ushguli°Cabins
เก็บกระเป๋า หาข้าวเย็นกินกัน อาหารที่นี่จัดว่าเด็ด ไม่ได้กินอะไรเผ็ดๆที่รสชาติค่อนข้างถูกปากคนไทยมาหลายวัน
อิ่มแล้วก็ออกเดินเล่นรอบๆเมือง เดินขึ้นไปบนเนินสูงๆ มันดีมากจริงๆ วิวที่เห็นคือเมืองสุดลูกหูลูกตา ข้างหลังเป็นวิวภูเขาสลับซับซ้อน ดีไม่ไหว อยากหลับลงตรงนี้เลย จริงๆนะ คือชิลมากจริงๆ
ลักษณะบ้านเรือนของที่นี่ จะมีหอคอยเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของชาว Svaneti ในอดีตหอคอยเหล่านี้ เอาไว้ใช้สอดส่อง และปกกันผู้บุกรุก
คืนนี้พวกเราตั้งใจจะนั่งจิบเครื่องดื่มหน้าบ้าน รอดูดาว แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจ๊ะ...
ฟ้าเริ่มมืด เมฆดำค่อยๆลอยมา ลมเริ่มแรง อากาศเริ่มหนาว และแล้วฝนก็ตกจ๊ะ หนีเข้าบ้านแทบไม่ทัน แยกย้ายเตียงใครเตียงมัน (เหมือนพายุจะเข้าแหละ...)
ไฟดับต่อเลยจ๊ะ...
น้ำท่วมห้องจ๊ะ...
พรมเอย ผ้าคลุมเตียงเอย ขนมาปิดตรงพื้นประตูห้อง ไม่งั้นท่วมทั้งห้องแน่ๆ...งานนี้ต้องขอโทษเจ้าของห้องเบาๆ ก็มันจำเป็นอ่ะเนอะ...
บอกราตรีสวัสดิ์แบบไม่ค่อยโอเคเลยจริงๆ
พรุ่งนี้เดินทางกลับเข้าเมืองแล้วนะ ขอต่อตอนที่ 4 นะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้