สวัสดีคับ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง เนื้อหาอาจจะมีงงๆ บ้าง เพราะจุดเริ่มต้นมันคือ 8 ปีที่แล้ว แต่ผมก็จะพยายามเล่ารายละเอียดให้ได้มากที่
เรื่องมันเริ่มตอนผมอายุ 20 ผมทำงานอยู่โรงงานแห่งหนึ่งที่ จ.ปทุมฯ ซึ่งตอนนั้นผมเพิ่งเริ่มคบกับ ผญ คนหนึ่ง ซึ่งมีอายุมากกว่าผมหลายปี ตัวเค้าเปิดร้านเสริมสวยหอเดียวกับที่ผมพักอยู่ ตั้งแต่อยู่ด้วยกัน ผมก็ให้เค้าเป็นคนเก็บบัตร atm ผมไว้ ตอนนั้นเงินเดือนผมยังไม่สูงมาก เพราะอายุงานเพิ่งจะปีกว่า ส่วนเค้าก็มีค่าเช่าห้อง+เช่าร้าน ตกเดือนละ 8,000 ได้
ช่วงปีแรกที่คบกัน ทุกอย่างราบรื่นดีไม่มีปัญหาเรื่องเงินทอง มีเงินพอไปกินไปเที่ยวบ้าง เดือนละครั้งสองคนั้ง แต่ละเดือนก็พอมีเงินเหลือเก็บบ้าง 3-4 พัน
พอเริ่มเข้าปีที่ 2 เค้าเริ่มมีปัญหาเรื่องหนี้เก่าๆ เข้ามา คือเงินกู้ยืมแบงค์กับ กยศ ซึ่งก็มีการขึ้นศาลไกล่เกลี่ยกัน แล้วก็ทยอยจ่ายคืนเรื่อยๆ
แต่จุดเริ่มต้นจริงๆ มันเกิดขึ้น ก็ตอนที่พี่ชาย 2 คนของเค้าเริ่มเข้าในชีวิตนี่แหละ แรกๆ แค่แวะเวียนมาหามาเยี่ยมหลังๆ เหมือนเริ่มมีปัญหาทางบ้านเค้า ก็พากันมาอาศัยอยู่ด้วยเป็นเดือนๆ งานก็ไม่ได้ทำ ค่าใช้จ่ายอะไรก็ไม่ช่วยเหลือ
พี่คนโตมาอยู่เดือนกว่าได้แล้วก็กลับไป แต่เคยมีแอบมาขอเงินก้อนจากแฟนผมไปหลายหมื่นได้อยู่ แต่ปัญหาจริงๆคือพี่คนเล็ก เพราะมาอาศัยอยู่หลายเดือนมาก จนมีแฟนถึงย้ายออกไปอยู่กับแฟน แต่พอเลิกกันก็กลับมาอยู่อีก ทำแบบนี้อยู่ 2 คน
พอเลิกกับคนที่ 2 ก็กลับมาอยู่ยาวเป็นปีๆ แต่มีช่วงนึง ประมาณ 6-7 เดือน ที่ออกไปขับรถส่งของ ซึ่งรถที่ออกนั่นก็ชื่อผม ผมเริ่มเป็นหนี้เพราะแฟนกดบัตรเครดิตผมเพื่อเอาเงินไปหมุนน้ำมัน ส่วนเงินที่วิ่งงานได้แทบไม่เหลือ เพราะต้องจ่ายค่างวดรถ ค่าบำรุงรักษา ค่าผ่อนตู้กับเงินมัดจำสินค้า ซึ่ง 2 ตัวหลังเนี่ย เหมือนโดนหลอกให้เป็นหนี้ แล้วเจ้าหนี้ก็เป็นญาติห่างๆ กับทางแฟนนี่แหละ ตอนนั้นเค้ามาชักชวนให้ไปขับรถด้วย อ้างรายได้ต่างๆ นาๆ โดยที่ไม่ยอมบอกว่าแรกเริ่มต้องมีค่ามัดจำหลักแสนด้วย เลยเหมือนโดนมัดมือชกให้ต้องกู้ยืมเงินเค้า
ขับรถส่งของได้ประมาณ 6-7 เดือน ก็เลิก เพราะหมุนเงินไม่ทัน ได้ไม่คุ้มเสีย แล้วดูพี่เขยจะไม่จริงจังด้วย สุดท้ายก็ประกาศขายรถ เงินที่ได้ก็พอแค่ปิดค่าตู้กับเงินมัดจำสินค้า แต่ไม่พอจ่ายหนี้บัตรเครดิต และยังมีหนี้ที่ไปหยิบยืมคนอื่นมาโดยพี่ผมไม่รู้อีก
พอขายรถแล้ว พี่เขยก็มาอาศัยอยู่ด้วยอีก เป็นเดือนกว่าจะได้งาน รอบนี้ทำงานไดลบ้าน ต้องเอารถผมไปทำงานทุกวัน ไป-กลับ ประมาณ 50 โล ผมจำไม่ได้ว่าทำได้กี่เดือน น่าจะประมาณ 6 เดือนมั้ง ก็เลิกอีก เหมือนผิดใจกันอะไรกับนายจ้าง แล้วทางนายจ้างมีปัญหาการเงิน แล้วไม่ยอมจ่ายค่าแรงด้วย สุดท้ายพี่เขยก็ออกอีก
ตกงานได้เดือนนึง ก็มีคนมาชวนไปทำงานต่างประเทศ พี่เขยก็จัดเตรียมเอกสารหนังสือเดินทางต่างๆ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ก็เงินที่แฟนผมไปหยิบยืมมาอีกนั่นแหละ แต่ส่วนนี้ผมมารู้ทีหลัง สุดท้ายก็ไม่ได้ไป บอกผมแค่ว่าติดสถาณการโควิด ทำให้บินไม่ได้
จนตอนนี้พี่เขยมาได้งานอยู่ใกล้ๆ ที่เราอยู่ ซึ่งคนรู้จักเค้าแนะนำและพาไปสมัคร ซึ่งก็ต้องเอารถผมไปอีกนั่นแหละพอได้งานที่นี่ ก็เหมือนจะอยู่ตัว คือพอทำได้ พอประคับประคองตัวเองได้ แต่ไม่ยอมแยกออกไปเช่าห้องอยู่
แรกๆ ก็หยิบยื่นเงินให้แฟนผมบ้าง แต่หลังๆ มา เริ่มติดการพนัน ครั้งแรกเลยเล่นบาคาร่า ได้เสียเยอะมั้ยผมก็ไม่รู้แต่มีแบ่งเศษๆ เงินให้แฟนผมบ้าง เดือนละพันสองพัน เพิ่งมารู้ว่าแกเล่นได้เยอะ ตอนมาบอกว่าเสียบาไปเจ็ดหมื่น คือตอนนั้นผมโมโหมาก มีเงินเยอะขนาดนั้น แทนที่จะแบ่งมาช่วยใช้หนี้ ตั้งแต่วันนั้นผมไม่คุยกับพี่เขยเลย
พอมารอบ 2 เล่นหุ้น แรกๆ เหมือนเดิมเลย คือแบ่งเงินให้เดือนละพันสองพัน มีอยู่วันนึงชวนแฟนผมลงทุนด้วย เค้าบอกจะให้ทุนมาเล่น ให้ไปหัดกับเค้าก่อน วันเดียวกันนั่นแหละ แฟนผมนั่งดูพี่เค้าเล่น แล้วเหมือนตัวหวะมันได้พอดีลงทุนเท่าไหร่ไม่รู้ แต่เล่นได้เจ็ดหมื่น แต่ดีใจได้ไม่นาน ทางโบรกเกอร์บอกต้องมีค่าทำเรื่องถอนหมื่นนึง แฟนผมเดินมาบอกผมเรื่องนี้ ผมพูดกับแฟนทันทีเลยว่า ทำไม่ต้องจ่ายค่าทำเรื่อง ทั้งๆ ที่เงินถอนมามันต้องผ่านมือเค้า ระวังจะโดนโกงเอา แฟนผมเหมือนจะคิดตามแหละ แต่ก็ไม่ได้ให้เงินพี่เขยไป เพราะตอนนั้นไม่มีจริงๆ
แต่สุดท้ายแล้วพี่เขยผมก็เอาเงินตัวเองให้ไปหมื่นนึง แล้วปรากฎว่า มันโกงจริงๆ เงินเจ็ดหมื่นก็ไม่ได้ เสียค่าโง่ให้มันอีกหมื่น หรืออาจจะมากกว่านั้น
จุดดิ่งมันคือตรงนี้แหละ เพราะเงินที่โอนให้โบรกเกอร์ไป พี่เขยต้องเอาเงินจำนวนนี้ให้แฟนผม ไปจ่ายค่ากู้ทอง แต่พอไม่มีเงินจำนวนนี้ปุ๊ป กลายเป็นว่าผมกับแฟนล้นแบบยับเยิน เพราะไม่มีเงินไปจ่ายเจ้าหนี้ แล้วหนี้ตัวนี้มันมาเก็บทุกอาทิตย์ กลายเป็นว่าแฟนผมต้องไปหาหยิบยืมเงินคนอื่นแทบทุกวันเพื่อเตรียมจ่ายเจ้าหนี้ ทำให้หนี้ที่ปกติมีแค่บัตรเครดิตผม กับกู้ทอง กลายเป็นแตกแขนงออกไปเยอะมาก รวมๆ แล้วน่าจะบวมมา 3-4 หมื่นได้ แถมหนี้ทองก็ไม่ลดเพราะไม่ได้จ่ายตามตกลงไว้ ทำให้จำนวนงวดยืดเพิ่มไปอีก
วันนี้ที่ผมเขียนกระทู้นี้ผ่านมาเดือนนึงแล้วกับการที่ต้องอยู่กับความเครียดแบบหนักหนามาก ตัวผมเองก็ไม่สามารถไปกู้ยืมเงินที่ไหนได้ เพราะแฟนผม ทำเครดิตผมเสียไปแล้ว รถผมก็ยังผ่อนไม่หมด ต่อให้คืนไฟแนนซ์ไป ก็ไม่ได้ทำให้มีเงินมาจ่ายค่าทอง แถมยังต้องจ่ายค่าส่วนต่างอีก
ที่ผมเครียดที่สุดคือ เจ้าหนี้รายนี้เค้าจะโหดรายได้แค่ไหน เพราะตอนนี้ ผมไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้จริงๆ แฟนผมเองงานก็น้อยลงหาเงินได้แค่พอค่าข้าวรายวันเท่านั้น ตัวผมเองไม่รู้จะพึ่งใครได้จริงๆ
ส่วนตรงนี้จะเป็นสรุปสั้นๆ และบางส่วนที่ผมไม่ได้เล่านะคับ
-ผมเคยเลิกกับแฟนช่วงนึง เพราะเบื่อที่ต้องคอยแบกรับภาระจากพี่ชายเค้า แต่สุดท้ายแล้วผมก็ไม่สามารถทิ้งให้แฟนต้องแบกรับปัญหาคนเดียวได้จริงๆ แต่ถ้าเออเค้าได้แฟนใหม่รวยๆ คอยเลี้ยงดูเค้าไปเลยผมก็โอเค พร้อมจบ แต่มันไม่เป็นแบบนั้น
- 3 ปีก่อน(มั้ง) ปีเดียวกับที่โควิคเริ่มระบาด แม่ผมโดนรถชน อาการสาหัส ต้องผ่าตัดสมอง ช่วงนั้นค่าใช้จ่ายผมกับแฟนสูงมาก เป็นช่วงที่พี่เขยขับรถส่งของ ผมอยู่ปทุมฯ แม่โดนชนที่ภูเก็ต ผมต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่ 4 รอบ และผมไม่สามารถหาญาติมาช่วยดูแลแม่ช่วงนั้นได้ ทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่าผมต้องเป็นคนดูแล ซึ่งจะให้ผมลาออกมาดูแลผมบอกตรงๆ ทำไม่ได้ เพราะหนี้เยอะมาก สุดท้ายผมต้องจ้างคนมาดูแลแม่แทน น่าจะ 2-3 เดือนได้ หมดค่าใช้จ่ายเป็นแสน โดยที่คนชนไม่มีการชดใช้ใดๆ ทั้งสิ้น เจอกัน 2 ครั้ง ไม่มีคำขอโทษออกมาจากปากซักคำ ครั้งสุดท้ายที่เจอกันพูดแค่ว่า อยากได้ให้ไปฟ้องเอา ซึ่งเอาตรงๆ ผมไม่มีปัญญาจะทำจริงๆ เพราะมันไกลมาก
-ความสัมพันธ์ผมกับแม่ค่อนข้างแย่ตั้งแต่เด็ก ทำให้ตอนนั้นผมทำใจยากมากที่จะต้องดูแลแม่ แต่แฟนผมเค้าชดเชยให้ผมได้ทุกอย่าง เค้าดูแลแม่ผมดีมาก ทำได้ทุกอย่างจริงๆ ดูแลเหมือนแม่ตัวเองด้วยซ้ำ ซึ่งผมก็พยายามที่จะทำให้ดีขึ้นให้ได้
- อาการของแม่หลังพักฟื้นคือกลายเป็นคนสติไม่สมประกอบ เหมือนตอนตื้นขึ้นมาแล้วแล้วรับสภาพตัวเองไม่ได้ทำให้สติกระเจิงไปหมดแล้ว หรืออาจแค่เพราะผ่านการผ่าตัดสมองมา ตอนนี้กะโหลกยังไม่ใส่ด้วยซ้ำ เพราะผมไม่มีเงินใส่ให้ มือขวาใช่งานไม่ได้ น่าจะเป็นเพราะถูกมัดมือตอนพักรักษาตัว กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง ที่แย่สุดคือบางครั้งมีอาการชัก เป็นเดือนละครั้งสองครั้ง และทุกคนั้งหลังมีอาการ กล้ามเนื้อแกจะอ่อนแรง แกจะไม่สามารถลุกเดินไปเข้าห้องน้ำเองได้เลย ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เหนื่อยที่สุดของผมกับแฟน ปกติแม่ชักรอบละประมาณ 5-10 นาที แต่มีครั้งนึงที่แม่ชักตอนนั้นผมคิดว่าแปปๆ เดี๋ยวก็หาย แต่เอาไปเอามา แม่ชักอยู่ 4 ชม ถึงหาย ทำให้คืนนั้นผมต้องลางานด่วย(เข้ากะดึก) เพราะคิดว่าแฟนไม่สามารถดูแลแม่คนเดียวได้แน่ๆ ซึ้งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แม่เดินไม่ได้ 4-5 วัน แต่แฟนผมดูแลแม่กีทุกอย่าง ไม่เคยเอ่ยปากบ่น หรือพาลใส่ผมเลยซักครั้ง
-ช่วงที่ผมเลิกกับแฟน ตอนนั้นผมไปเรียนเทียบโอน ปวส. ด้วย กะว่าจะมาจะหางานใหม่ที่ดีกว่าเดิม แต่พอจบแล้วแม่ก็มาโดนรถชนตามหลัง ทำให้ผมไม่สามารถเสี่ยงตกงานได้จริงๆ
- สุดท้ายนี้ ผมขอบคุณพื้นที่ตรงนี้ ที่ให้ผมได้ระบาย อาจจะเล่าออกมางงๆ หน่อย แต่ผมก็ขอยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดที่ผมเล่า เป็นเรื่องจริงของผมเอง ไม่ได้แต่งขึ้นมาใดๆ วันนี้สิ่งที่เครียดที่สึดคือ กังวลว่าเจ้าหน้าที่ทวงหนี้เค้าจะยอมให้เราผ่อนผันมั้ย เพราะแฟนผมเครียดถึงขนาดพูดว่า ถ้าโดนเจ้าหนี้ยิง ขออย่าให้ผมจมทุกข์ 😞
เครียดมาก ชีวิตกำลังดิ่งลงเหวสุดๆ
เรื่องมันเริ่มตอนผมอายุ 20 ผมทำงานอยู่โรงงานแห่งหนึ่งที่ จ.ปทุมฯ ซึ่งตอนนั้นผมเพิ่งเริ่มคบกับ ผญ คนหนึ่ง ซึ่งมีอายุมากกว่าผมหลายปี ตัวเค้าเปิดร้านเสริมสวยหอเดียวกับที่ผมพักอยู่ ตั้งแต่อยู่ด้วยกัน ผมก็ให้เค้าเป็นคนเก็บบัตร atm ผมไว้ ตอนนั้นเงินเดือนผมยังไม่สูงมาก เพราะอายุงานเพิ่งจะปีกว่า ส่วนเค้าก็มีค่าเช่าห้อง+เช่าร้าน ตกเดือนละ 8,000 ได้
ช่วงปีแรกที่คบกัน ทุกอย่างราบรื่นดีไม่มีปัญหาเรื่องเงินทอง มีเงินพอไปกินไปเที่ยวบ้าง เดือนละครั้งสองคนั้ง แต่ละเดือนก็พอมีเงินเหลือเก็บบ้าง 3-4 พัน
พอเริ่มเข้าปีที่ 2 เค้าเริ่มมีปัญหาเรื่องหนี้เก่าๆ เข้ามา คือเงินกู้ยืมแบงค์กับ กยศ ซึ่งก็มีการขึ้นศาลไกล่เกลี่ยกัน แล้วก็ทยอยจ่ายคืนเรื่อยๆ
แต่จุดเริ่มต้นจริงๆ มันเกิดขึ้น ก็ตอนที่พี่ชาย 2 คนของเค้าเริ่มเข้าในชีวิตนี่แหละ แรกๆ แค่แวะเวียนมาหามาเยี่ยมหลังๆ เหมือนเริ่มมีปัญหาทางบ้านเค้า ก็พากันมาอาศัยอยู่ด้วยเป็นเดือนๆ งานก็ไม่ได้ทำ ค่าใช้จ่ายอะไรก็ไม่ช่วยเหลือ
พี่คนโตมาอยู่เดือนกว่าได้แล้วก็กลับไป แต่เคยมีแอบมาขอเงินก้อนจากแฟนผมไปหลายหมื่นได้อยู่ แต่ปัญหาจริงๆคือพี่คนเล็ก เพราะมาอาศัยอยู่หลายเดือนมาก จนมีแฟนถึงย้ายออกไปอยู่กับแฟน แต่พอเลิกกันก็กลับมาอยู่อีก ทำแบบนี้อยู่ 2 คน
พอเลิกกับคนที่ 2 ก็กลับมาอยู่ยาวเป็นปีๆ แต่มีช่วงนึง ประมาณ 6-7 เดือน ที่ออกไปขับรถส่งของ ซึ่งรถที่ออกนั่นก็ชื่อผม ผมเริ่มเป็นหนี้เพราะแฟนกดบัตรเครดิตผมเพื่อเอาเงินไปหมุนน้ำมัน ส่วนเงินที่วิ่งงานได้แทบไม่เหลือ เพราะต้องจ่ายค่างวดรถ ค่าบำรุงรักษา ค่าผ่อนตู้กับเงินมัดจำสินค้า ซึ่ง 2 ตัวหลังเนี่ย เหมือนโดนหลอกให้เป็นหนี้ แล้วเจ้าหนี้ก็เป็นญาติห่างๆ กับทางแฟนนี่แหละ ตอนนั้นเค้ามาชักชวนให้ไปขับรถด้วย อ้างรายได้ต่างๆ นาๆ โดยที่ไม่ยอมบอกว่าแรกเริ่มต้องมีค่ามัดจำหลักแสนด้วย เลยเหมือนโดนมัดมือชกให้ต้องกู้ยืมเงินเค้า
ขับรถส่งของได้ประมาณ 6-7 เดือน ก็เลิก เพราะหมุนเงินไม่ทัน ได้ไม่คุ้มเสีย แล้วดูพี่เขยจะไม่จริงจังด้วย สุดท้ายก็ประกาศขายรถ เงินที่ได้ก็พอแค่ปิดค่าตู้กับเงินมัดจำสินค้า แต่ไม่พอจ่ายหนี้บัตรเครดิต และยังมีหนี้ที่ไปหยิบยืมคนอื่นมาโดยพี่ผมไม่รู้อีก
พอขายรถแล้ว พี่เขยก็มาอาศัยอยู่ด้วยอีก เป็นเดือนกว่าจะได้งาน รอบนี้ทำงานไดลบ้าน ต้องเอารถผมไปทำงานทุกวัน ไป-กลับ ประมาณ 50 โล ผมจำไม่ได้ว่าทำได้กี่เดือน น่าจะประมาณ 6 เดือนมั้ง ก็เลิกอีก เหมือนผิดใจกันอะไรกับนายจ้าง แล้วทางนายจ้างมีปัญหาการเงิน แล้วไม่ยอมจ่ายค่าแรงด้วย สุดท้ายพี่เขยก็ออกอีก
ตกงานได้เดือนนึง ก็มีคนมาชวนไปทำงานต่างประเทศ พี่เขยก็จัดเตรียมเอกสารหนังสือเดินทางต่างๆ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ก็เงินที่แฟนผมไปหยิบยืมมาอีกนั่นแหละ แต่ส่วนนี้ผมมารู้ทีหลัง สุดท้ายก็ไม่ได้ไป บอกผมแค่ว่าติดสถาณการโควิด ทำให้บินไม่ได้
จนตอนนี้พี่เขยมาได้งานอยู่ใกล้ๆ ที่เราอยู่ ซึ่งคนรู้จักเค้าแนะนำและพาไปสมัคร ซึ่งก็ต้องเอารถผมไปอีกนั่นแหละพอได้งานที่นี่ ก็เหมือนจะอยู่ตัว คือพอทำได้ พอประคับประคองตัวเองได้ แต่ไม่ยอมแยกออกไปเช่าห้องอยู่
แรกๆ ก็หยิบยื่นเงินให้แฟนผมบ้าง แต่หลังๆ มา เริ่มติดการพนัน ครั้งแรกเลยเล่นบาคาร่า ได้เสียเยอะมั้ยผมก็ไม่รู้แต่มีแบ่งเศษๆ เงินให้แฟนผมบ้าง เดือนละพันสองพัน เพิ่งมารู้ว่าแกเล่นได้เยอะ ตอนมาบอกว่าเสียบาไปเจ็ดหมื่น คือตอนนั้นผมโมโหมาก มีเงินเยอะขนาดนั้น แทนที่จะแบ่งมาช่วยใช้หนี้ ตั้งแต่วันนั้นผมไม่คุยกับพี่เขยเลย
พอมารอบ 2 เล่นหุ้น แรกๆ เหมือนเดิมเลย คือแบ่งเงินให้เดือนละพันสองพัน มีอยู่วันนึงชวนแฟนผมลงทุนด้วย เค้าบอกจะให้ทุนมาเล่น ให้ไปหัดกับเค้าก่อน วันเดียวกันนั่นแหละ แฟนผมนั่งดูพี่เค้าเล่น แล้วเหมือนตัวหวะมันได้พอดีลงทุนเท่าไหร่ไม่รู้ แต่เล่นได้เจ็ดหมื่น แต่ดีใจได้ไม่นาน ทางโบรกเกอร์บอกต้องมีค่าทำเรื่องถอนหมื่นนึง แฟนผมเดินมาบอกผมเรื่องนี้ ผมพูดกับแฟนทันทีเลยว่า ทำไม่ต้องจ่ายค่าทำเรื่อง ทั้งๆ ที่เงินถอนมามันต้องผ่านมือเค้า ระวังจะโดนโกงเอา แฟนผมเหมือนจะคิดตามแหละ แต่ก็ไม่ได้ให้เงินพี่เขยไป เพราะตอนนั้นไม่มีจริงๆ
แต่สุดท้ายแล้วพี่เขยผมก็เอาเงินตัวเองให้ไปหมื่นนึง แล้วปรากฎว่า มันโกงจริงๆ เงินเจ็ดหมื่นก็ไม่ได้ เสียค่าโง่ให้มันอีกหมื่น หรืออาจจะมากกว่านั้น
จุดดิ่งมันคือตรงนี้แหละ เพราะเงินที่โอนให้โบรกเกอร์ไป พี่เขยต้องเอาเงินจำนวนนี้ให้แฟนผม ไปจ่ายค่ากู้ทอง แต่พอไม่มีเงินจำนวนนี้ปุ๊ป กลายเป็นว่าผมกับแฟนล้นแบบยับเยิน เพราะไม่มีเงินไปจ่ายเจ้าหนี้ แล้วหนี้ตัวนี้มันมาเก็บทุกอาทิตย์ กลายเป็นว่าแฟนผมต้องไปหาหยิบยืมเงินคนอื่นแทบทุกวันเพื่อเตรียมจ่ายเจ้าหนี้ ทำให้หนี้ที่ปกติมีแค่บัตรเครดิตผม กับกู้ทอง กลายเป็นแตกแขนงออกไปเยอะมาก รวมๆ แล้วน่าจะบวมมา 3-4 หมื่นได้ แถมหนี้ทองก็ไม่ลดเพราะไม่ได้จ่ายตามตกลงไว้ ทำให้จำนวนงวดยืดเพิ่มไปอีก
วันนี้ที่ผมเขียนกระทู้นี้ผ่านมาเดือนนึงแล้วกับการที่ต้องอยู่กับความเครียดแบบหนักหนามาก ตัวผมเองก็ไม่สามารถไปกู้ยืมเงินที่ไหนได้ เพราะแฟนผม ทำเครดิตผมเสียไปแล้ว รถผมก็ยังผ่อนไม่หมด ต่อให้คืนไฟแนนซ์ไป ก็ไม่ได้ทำให้มีเงินมาจ่ายค่าทอง แถมยังต้องจ่ายค่าส่วนต่างอีก
ที่ผมเครียดที่สุดคือ เจ้าหนี้รายนี้เค้าจะโหดรายได้แค่ไหน เพราะตอนนี้ ผมไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้จริงๆ แฟนผมเองงานก็น้อยลงหาเงินได้แค่พอค่าข้าวรายวันเท่านั้น ตัวผมเองไม่รู้จะพึ่งใครได้จริงๆ
ส่วนตรงนี้จะเป็นสรุปสั้นๆ และบางส่วนที่ผมไม่ได้เล่านะคับ
-ผมเคยเลิกกับแฟนช่วงนึง เพราะเบื่อที่ต้องคอยแบกรับภาระจากพี่ชายเค้า แต่สุดท้ายแล้วผมก็ไม่สามารถทิ้งให้แฟนต้องแบกรับปัญหาคนเดียวได้จริงๆ แต่ถ้าเออเค้าได้แฟนใหม่รวยๆ คอยเลี้ยงดูเค้าไปเลยผมก็โอเค พร้อมจบ แต่มันไม่เป็นแบบนั้น
- 3 ปีก่อน(มั้ง) ปีเดียวกับที่โควิคเริ่มระบาด แม่ผมโดนรถชน อาการสาหัส ต้องผ่าตัดสมอง ช่วงนั้นค่าใช้จ่ายผมกับแฟนสูงมาก เป็นช่วงที่พี่เขยขับรถส่งของ ผมอยู่ปทุมฯ แม่โดนชนที่ภูเก็ต ผมต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่ 4 รอบ และผมไม่สามารถหาญาติมาช่วยดูแลแม่ช่วงนั้นได้ ทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่าผมต้องเป็นคนดูแล ซึ่งจะให้ผมลาออกมาดูแลผมบอกตรงๆ ทำไม่ได้ เพราะหนี้เยอะมาก สุดท้ายผมต้องจ้างคนมาดูแลแม่แทน น่าจะ 2-3 เดือนได้ หมดค่าใช้จ่ายเป็นแสน โดยที่คนชนไม่มีการชดใช้ใดๆ ทั้งสิ้น เจอกัน 2 ครั้ง ไม่มีคำขอโทษออกมาจากปากซักคำ ครั้งสุดท้ายที่เจอกันพูดแค่ว่า อยากได้ให้ไปฟ้องเอา ซึ่งเอาตรงๆ ผมไม่มีปัญญาจะทำจริงๆ เพราะมันไกลมาก
-ความสัมพันธ์ผมกับแม่ค่อนข้างแย่ตั้งแต่เด็ก ทำให้ตอนนั้นผมทำใจยากมากที่จะต้องดูแลแม่ แต่แฟนผมเค้าชดเชยให้ผมได้ทุกอย่าง เค้าดูแลแม่ผมดีมาก ทำได้ทุกอย่างจริงๆ ดูแลเหมือนแม่ตัวเองด้วยซ้ำ ซึ่งผมก็พยายามที่จะทำให้ดีขึ้นให้ได้
- อาการของแม่หลังพักฟื้นคือกลายเป็นคนสติไม่สมประกอบ เหมือนตอนตื้นขึ้นมาแล้วแล้วรับสภาพตัวเองไม่ได้ทำให้สติกระเจิงไปหมดแล้ว หรืออาจแค่เพราะผ่านการผ่าตัดสมองมา ตอนนี้กะโหลกยังไม่ใส่ด้วยซ้ำ เพราะผมไม่มีเงินใส่ให้ มือขวาใช่งานไม่ได้ น่าจะเป็นเพราะถูกมัดมือตอนพักรักษาตัว กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง ที่แย่สุดคือบางครั้งมีอาการชัก เป็นเดือนละครั้งสองครั้ง และทุกคนั้งหลังมีอาการ กล้ามเนื้อแกจะอ่อนแรง แกจะไม่สามารถลุกเดินไปเข้าห้องน้ำเองได้เลย ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เหนื่อยที่สุดของผมกับแฟน ปกติแม่ชักรอบละประมาณ 5-10 นาที แต่มีครั้งนึงที่แม่ชักตอนนั้นผมคิดว่าแปปๆ เดี๋ยวก็หาย แต่เอาไปเอามา แม่ชักอยู่ 4 ชม ถึงหาย ทำให้คืนนั้นผมต้องลางานด่วย(เข้ากะดึก) เพราะคิดว่าแฟนไม่สามารถดูแลแม่คนเดียวได้แน่ๆ ซึ้งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แม่เดินไม่ได้ 4-5 วัน แต่แฟนผมดูแลแม่กีทุกอย่าง ไม่เคยเอ่ยปากบ่น หรือพาลใส่ผมเลยซักครั้ง
-ช่วงที่ผมเลิกกับแฟน ตอนนั้นผมไปเรียนเทียบโอน ปวส. ด้วย กะว่าจะมาจะหางานใหม่ที่ดีกว่าเดิม แต่พอจบแล้วแม่ก็มาโดนรถชนตามหลัง ทำให้ผมไม่สามารถเสี่ยงตกงานได้จริงๆ
- สุดท้ายนี้ ผมขอบคุณพื้นที่ตรงนี้ ที่ให้ผมได้ระบาย อาจจะเล่าออกมางงๆ หน่อย แต่ผมก็ขอยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดที่ผมเล่า เป็นเรื่องจริงของผมเอง ไม่ได้แต่งขึ้นมาใดๆ วันนี้สิ่งที่เครียดที่สึดคือ กังวลว่าเจ้าหน้าที่ทวงหนี้เค้าจะยอมให้เราผ่อนผันมั้ย เพราะแฟนผมเครียดถึงขนาดพูดว่า ถ้าโดนเจ้าหนี้ยิง ขออย่าให้ผมจมทุกข์ 😞