สวัสดี ทุกท่านที่หลงเข้ามาอ่านนะคะ
เป็นการเขียนกระทู้ครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะ
ขอให้กระทู้ทุก ๆ กระทู้ต่อไปนับจากนี้เป็นบันทึกประจำวันของตัวดิฉันเอง (ท่านที่เข้ามาอ่านแล้วมีข้อแนะนำการใช้ชีวิตสามารถทักทายพูดคุยกันได้นะคะ ขอบพระคุณทุกท่านล่วงหน้าเป็นอย่างสูงค่ะ )
ชีวิตประจำวัน จริง ๆ แล้วยุ่งมาก แต่จำเป็นต้องฝึกการบันทึกแบบนี้ไว้ เพื่อจะได้กลับมาอ่านย้อนวันวานกับทุกเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมาอีกครั้ง ...
กลัวนาน ๆ ไป จะเป็นความจำเสื่อม เนื่องจากมันเริ่มมีภาวะขี้ลืมหนักขึ้นเรื่อย ๆ
ปล. เจ้าของกระทู้ทำงานเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง รายละเอียดสาขาและวิชาที่สอน ขออนุญาตไม่เปิดเผยค่ะ ^^
ณ วันนี้ที่ตั้งกระทู้แรก อายุ 34ปี อยู่ในสถานะสาวโสดสนิท การบันทึกประจำวันอาจจะมีเรื่องของอารมณ์อันแปรปรวน เวิ่นเว้อ ตามประสาสาวโสดนะคะ
ขออนุญาตแท็กศาลาคนโสด เนื่องจากโสดมากจริง ๆ
ท่านที่เข้ามาอ่านแล้วรู้สึกว่าเสียเวลาชีวิต กดผ่านได้เลยนะคะ ^_^
ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งที่เข้ามาเป็นกำลังใจในกระทู้แรก "บันทึกประจำวันเพราะมันเหงา" ของดิฉันนะคะ
.
.
.
บันทึกประจำวันเพราะมันเหงา 1 : 12/7/2565
วันนี้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับสายฝนตอนเจ็ดโมงเช้า เป็นความโชคดีที่ทางมหาวิทยาลัยมีสวัสดิการหอพักให้บุคลากรอยู่ภายในมหาวิทยาลัย ก็เลยไม่จำเป็นต้องฝ่าฟันรถติดและเสียเวลาบนทางหลวงในการเดินทางไปทำงานแต่ละวัน ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยจะมีอีกวิทยาเขตที่อยู่ในตัวเมือง และดิฉันเองก็มีรายวิชาที่ต้องขับรถไปสอนที่วิทยาเขตในเมืองเป็นบางวัน แต่นั้นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด และวันนี้ก็เหมือนทุกวัน เริ่มสอน 9:00 น. - 12:00 น. ดิฉันนัดนักศึกษาสอนออนไลน์ในคาบวันนี้ เนื่องจากมีนักศึกษาหลายคนติดโควิด แก้ปัญหาสถานการณ์ตอนนี้ดีที่สุดคือออนไลน์และอัดคลิปวิดิโอการสอน เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถกลับมาดูย้อนหลังได้ และมื้อเที่ยงของดิฉันเป็นข้าวกล่องเซเว่น ที่ซื้อมาตุนไว้ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนหลายกล่อง >.< ช่วงบ่ายอันที่จริงแล้วต้องเป็นอาจารย์ล่ามช่วยแปลในรายวิชาของนักศึกษาต่างชาติ และเป็นความโชคดีของวันนี้ที่รายวิชานี้อาจารย์ประจำรายวิชาได้แจ้งรวบยุบให้มีเพียงการเรียนการสอนแค่ช่วงเช้า ซึ่งมีอาจารย์ท่านอื่นทำหน้าที่อาจารย์ล่ามประจำวิชาประจำอยู่แล้วในเช้าวันนี้
ช่วงบ่ายวันนี้มาที่ห้องสาขา เจอกับอาจารย์หลายท่านที่หัวหมุนกับภารกิจแต่ละวัน ทำบันทึกข้อความกิจกรรมต่าง ๆ ของสาขา เตรียมสอน เตรียมโครงการ ดิฉันเลยชวนทุกคนให้วางมือจากงานแล้วลงไปซื้อกาแฟแก้ง่วงกันก่อนคนละหนึ่งแก้ว เมื่อได้คาเฟอีนมาหล่อเลี้ยงร่างกายยามบ่ายแล้วก็กลับขึ้นมาที่ห้องสาขาอีกครั้ง ช่วงบ่ายนักศึกษาที่ไม่มีคาบเรียนต่างเข้ามาซ้อมกิจกรรมประกวดเฟรชชี่ในห้องข้าง ๆ ซึ่งจัดห้องเฉพาะไว้ให้สำหรับนักศึกษาให้ได้ทำกิจกรรม เปิดเพลงจังหวะสนุกสนาน จนอาจารย์อยากจะแอบไปส่องดูว่าเด็ก ๆ เขาทำอะไรกัน ^^ แน่นอนว่าใจไปแล้วแต่ต้องข่มใจไว้ก่อน เปิดโน๊ตบุ๊กแล้วนั่งแปลพาวเวอร์พอยท์ที่จะต้องใช้ในการเป็นอาจารย์ล่ามในคาบเช้าของวันพรุ่งนี้ ระหว่างแปลมีรับสายโทรศัพท์ งานอื่นประังประเดเข้ามาในไลน์ ประสานงานค่อนข้างวุ่นวายเล็กน้อย ทั้งปัญหานักศึกษา ทั้งการจัดการเรียนการสอนเด็กไทยและต่างชาติ และกิจกรรมต่าง ๆ ชีวิตดิฉันจดจ่อกับหน้าจอคอมและโทรศัพท์ตั้งแต่บ่ายมาจนเวลาล่วงเลยมาเกือบ ๆ สี่โมงครึ่ง ได้เวลาพักสายตาแล้วลุกจากเก้าอี้ไปแอบดูเด็ก ๆ ซ้อมกิจกรรม มีแต่เสียงหัวเราะและความใกล้ชิดระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง เห็นแล้วยังอยากกลับไปเป็นนักศึกษา
วันนี้เย็นดิฉันอยากกินอาหารจีน หม้อไฟหมาล่า ซึ่งร้านอยู่ในเมือง ก็เลยชวนอาจารย์ท่านอื่น ๆ ไปด้วยกัน แน่นอนว่า ทุกท่านก็อยากไป ฮ่าาาๆๆๆ เรื่องกินเราไม่เคยพลาด ตอนนี้ ได้เวลาเก็บของแล้วค่ะ งานที่แปลยังคงค้างไว้อีกครึ่ง คืนนี้หลังมื้อค่ำจะกลับมาเร่งทำต่อ ขอตัวเก็บของก่อนนะคะ
.
.
.
.
ถึงหน้าร้านหม้อไฟหมาล่า หกโมงเป๊ะ ตามนัด ที่หน้าประตูติดป้ายหยุดวันอังคาร ฮ่าาาาาาา เป็นความโชคดีทุกทีที่อยากกิน อาจารย์อีกสามท่านแว๊นมอเตอร์ไซต์มาก็เลยกระโดดขึ้นรถเปลี่ยนแผนไปกินแหนมเนืองแทน (เพื่อสุขภาพ >.<) กินแหนมเนืองเสร็จ มัวนั่งคุยสัพเพเหระที่ร้านแหนมเนืองจนลืมเวลา จนกระทั่งสองทุ่มนิด ๆ จึงได้เรียกพนักงานมาเก็บเงิน กว่าจะขับรถกลับมาถึงหอพักก็สามทุ่มกว่า ถึงหอก็ล้างมือล้างเท้าเอนร่างบนโซฟา เฮ้อออ หมดไปอีกหนึ่งวัน ชีวิตกลางคืนกำลังจะเริ่ม ในสมองยังท่องอยู่ตลอดเวลาว่ายังแปลพาวเวอร์พอยท์ไม่เสร็จ แต่แล้วร่างก็บอกว่าควรจะอาบน้ำแล้วงีบก่อน ..... อาบน้ำเสร็จ กิจวัตรอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือเล่นIG โอ้ว..เล่นไปสองชั่วโมงคิดว่าสิบนาที เที่ยงคืนแล้วสินะ ง่วงจัง พี่ของีบซักหนึ่งชั่วโมงเดี๋ยวลุกมาทำงานต่อให้เสร็จ
.
.
.
.
13/7/2565
ตีหนึ่งห้านาที ลากสังขารลงจากเตียงมาแปลงานต่อ ดูนาฬิกา ตีสามกว่า ไม่ไหวแล้วจริง ๆ งานยังมีเหลือที่ยังไม่ได้แลอีกแปดหน้า ..... หันไปที่เตียงมีแต่เสียงเรียก ... อดใจไม่ไหว ขออีกงีบ สะดุ้งตื่นอีกทีคือหกโมงเช้า ตาย.....แน่ๆ จะทันไหม ได้เวลาปั่นอีกแล้วสินะ ตามคาด.... แปลเสร็จตอนแปดโมงสิบห้า ยังได้มีเวลาอาบน้ำเตรียมตัว (ใช่ค่ะวันนี้วันหยุด แต่ดิฉันก็ทำงานเป็นปกติ เป็นความโชคดีที่ไม่มีครอบครัว ไม่งั้นสามีและลูก ๆ คงจะบ่นจนหูชา) อาบน้ำแต่งตัวเสร็จสวมวิญญาณอาจารย์ล่าม ส่งลิ้งค์เข้าเรียนให้นักศึกษาต่างชาติและอาจารย์ประจำวิชา ส่งเอกสารที่แปลแล้วให้อาจารย์ประจำวิชาก่อนเริ่มเรียน วันนี้อาจารย์เขาใจดีเลื่อนเวลาเรียนจากแปดโมงตรง เป็นเก้าโมง พอจะได้มีเวลาหายใจ จัดลำดับชีวิตวันใหม่ วันนี้เป็นคาบแรกของรายวิชานี้และเป็นวันหยุด อาจารย์ประจำวิชาก็ใจดีเลิกคลาสเร็ว สิบโมงสี่สิบก็สอนเสร็จตามเนื้อหาที่เตรียมไว้ครบทุกหน้า ข้าวกล่องในเซเว่นยังคงมีตุนไว้รอพร้อมอุ่นเป็นมื้อเที่ยง บ่ายนี้หัวหน้าสาขานัดประชุมแต่ยังไม่ได้แจ้งว่าบ่ายกี่โมง เอาเป็นว่าขอตัวไปงีบพักสายตาซักหน่อยค่อยลุกมากินข้าวแล้วประชุมต่อช่วงบ่าย
ตอนบ่ายเดี๋ยวมาต่อนะคะ ฝันดีค่ะ
บันทึกประจำวันเพราะมันเหงา 1
เป็นการเขียนกระทู้ครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะ
ขอให้กระทู้ทุก ๆ กระทู้ต่อไปนับจากนี้เป็นบันทึกประจำวันของตัวดิฉันเอง (ท่านที่เข้ามาอ่านแล้วมีข้อแนะนำการใช้ชีวิตสามารถทักทายพูดคุยกันได้นะคะ ขอบพระคุณทุกท่านล่วงหน้าเป็นอย่างสูงค่ะ )
ชีวิตประจำวัน จริง ๆ แล้วยุ่งมาก แต่จำเป็นต้องฝึกการบันทึกแบบนี้ไว้ เพื่อจะได้กลับมาอ่านย้อนวันวานกับทุกเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมาอีกครั้ง ...
กลัวนาน ๆ ไป จะเป็นความจำเสื่อม เนื่องจากมันเริ่มมีภาวะขี้ลืมหนักขึ้นเรื่อย ๆ
ปล. เจ้าของกระทู้ทำงานเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง รายละเอียดสาขาและวิชาที่สอน ขออนุญาตไม่เปิดเผยค่ะ ^^
ณ วันนี้ที่ตั้งกระทู้แรก อายุ 34ปี อยู่ในสถานะสาวโสดสนิท การบันทึกประจำวันอาจจะมีเรื่องของอารมณ์อันแปรปรวน เวิ่นเว้อ ตามประสาสาวโสดนะคะ
ขออนุญาตแท็กศาลาคนโสด เนื่องจากโสดมากจริง ๆ
ท่านที่เข้ามาอ่านแล้วรู้สึกว่าเสียเวลาชีวิต กดผ่านได้เลยนะคะ ^_^
ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งที่เข้ามาเป็นกำลังใจในกระทู้แรก "บันทึกประจำวันเพราะมันเหงา" ของดิฉันนะคะ
.
.
.
บันทึกประจำวันเพราะมันเหงา 1 : 12/7/2565
วันนี้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับสายฝนตอนเจ็ดโมงเช้า เป็นความโชคดีที่ทางมหาวิทยาลัยมีสวัสดิการหอพักให้บุคลากรอยู่ภายในมหาวิทยาลัย ก็เลยไม่จำเป็นต้องฝ่าฟันรถติดและเสียเวลาบนทางหลวงในการเดินทางไปทำงานแต่ละวัน ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยจะมีอีกวิทยาเขตที่อยู่ในตัวเมือง และดิฉันเองก็มีรายวิชาที่ต้องขับรถไปสอนที่วิทยาเขตในเมืองเป็นบางวัน แต่นั้นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด และวันนี้ก็เหมือนทุกวัน เริ่มสอน 9:00 น. - 12:00 น. ดิฉันนัดนักศึกษาสอนออนไลน์ในคาบวันนี้ เนื่องจากมีนักศึกษาหลายคนติดโควิด แก้ปัญหาสถานการณ์ตอนนี้ดีที่สุดคือออนไลน์และอัดคลิปวิดิโอการสอน เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถกลับมาดูย้อนหลังได้ และมื้อเที่ยงของดิฉันเป็นข้าวกล่องเซเว่น ที่ซื้อมาตุนไว้ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนหลายกล่อง >.< ช่วงบ่ายอันที่จริงแล้วต้องเป็นอาจารย์ล่ามช่วยแปลในรายวิชาของนักศึกษาต่างชาติ และเป็นความโชคดีของวันนี้ที่รายวิชานี้อาจารย์ประจำรายวิชาได้แจ้งรวบยุบให้มีเพียงการเรียนการสอนแค่ช่วงเช้า ซึ่งมีอาจารย์ท่านอื่นทำหน้าที่อาจารย์ล่ามประจำวิชาประจำอยู่แล้วในเช้าวันนี้
ช่วงบ่ายวันนี้มาที่ห้องสาขา เจอกับอาจารย์หลายท่านที่หัวหมุนกับภารกิจแต่ละวัน ทำบันทึกข้อความกิจกรรมต่าง ๆ ของสาขา เตรียมสอน เตรียมโครงการ ดิฉันเลยชวนทุกคนให้วางมือจากงานแล้วลงไปซื้อกาแฟแก้ง่วงกันก่อนคนละหนึ่งแก้ว เมื่อได้คาเฟอีนมาหล่อเลี้ยงร่างกายยามบ่ายแล้วก็กลับขึ้นมาที่ห้องสาขาอีกครั้ง ช่วงบ่ายนักศึกษาที่ไม่มีคาบเรียนต่างเข้ามาซ้อมกิจกรรมประกวดเฟรชชี่ในห้องข้าง ๆ ซึ่งจัดห้องเฉพาะไว้ให้สำหรับนักศึกษาให้ได้ทำกิจกรรม เปิดเพลงจังหวะสนุกสนาน จนอาจารย์อยากจะแอบไปส่องดูว่าเด็ก ๆ เขาทำอะไรกัน ^^ แน่นอนว่าใจไปแล้วแต่ต้องข่มใจไว้ก่อน เปิดโน๊ตบุ๊กแล้วนั่งแปลพาวเวอร์พอยท์ที่จะต้องใช้ในการเป็นอาจารย์ล่ามในคาบเช้าของวันพรุ่งนี้ ระหว่างแปลมีรับสายโทรศัพท์ งานอื่นประังประเดเข้ามาในไลน์ ประสานงานค่อนข้างวุ่นวายเล็กน้อย ทั้งปัญหานักศึกษา ทั้งการจัดการเรียนการสอนเด็กไทยและต่างชาติ และกิจกรรมต่าง ๆ ชีวิตดิฉันจดจ่อกับหน้าจอคอมและโทรศัพท์ตั้งแต่บ่ายมาจนเวลาล่วงเลยมาเกือบ ๆ สี่โมงครึ่ง ได้เวลาพักสายตาแล้วลุกจากเก้าอี้ไปแอบดูเด็ก ๆ ซ้อมกิจกรรม มีแต่เสียงหัวเราะและความใกล้ชิดระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง เห็นแล้วยังอยากกลับไปเป็นนักศึกษา
วันนี้เย็นดิฉันอยากกินอาหารจีน หม้อไฟหมาล่า ซึ่งร้านอยู่ในเมือง ก็เลยชวนอาจารย์ท่านอื่น ๆ ไปด้วยกัน แน่นอนว่า ทุกท่านก็อยากไป ฮ่าาาๆๆๆ เรื่องกินเราไม่เคยพลาด ตอนนี้ ได้เวลาเก็บของแล้วค่ะ งานที่แปลยังคงค้างไว้อีกครึ่ง คืนนี้หลังมื้อค่ำจะกลับมาเร่งทำต่อ ขอตัวเก็บของก่อนนะคะ
.
.
.
.
ถึงหน้าร้านหม้อไฟหมาล่า หกโมงเป๊ะ ตามนัด ที่หน้าประตูติดป้ายหยุดวันอังคาร ฮ่าาาาาาา เป็นความโชคดีทุกทีที่อยากกิน อาจารย์อีกสามท่านแว๊นมอเตอร์ไซต์มาก็เลยกระโดดขึ้นรถเปลี่ยนแผนไปกินแหนมเนืองแทน (เพื่อสุขภาพ >.<) กินแหนมเนืองเสร็จ มัวนั่งคุยสัพเพเหระที่ร้านแหนมเนืองจนลืมเวลา จนกระทั่งสองทุ่มนิด ๆ จึงได้เรียกพนักงานมาเก็บเงิน กว่าจะขับรถกลับมาถึงหอพักก็สามทุ่มกว่า ถึงหอก็ล้างมือล้างเท้าเอนร่างบนโซฟา เฮ้อออ หมดไปอีกหนึ่งวัน ชีวิตกลางคืนกำลังจะเริ่ม ในสมองยังท่องอยู่ตลอดเวลาว่ายังแปลพาวเวอร์พอยท์ไม่เสร็จ แต่แล้วร่างก็บอกว่าควรจะอาบน้ำแล้วงีบก่อน ..... อาบน้ำเสร็จ กิจวัตรอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือเล่นIG โอ้ว..เล่นไปสองชั่วโมงคิดว่าสิบนาที เที่ยงคืนแล้วสินะ ง่วงจัง พี่ของีบซักหนึ่งชั่วโมงเดี๋ยวลุกมาทำงานต่อให้เสร็จ
.
.
.
.
13/7/2565
ตีหนึ่งห้านาที ลากสังขารลงจากเตียงมาแปลงานต่อ ดูนาฬิกา ตีสามกว่า ไม่ไหวแล้วจริง ๆ งานยังมีเหลือที่ยังไม่ได้แลอีกแปดหน้า ..... หันไปที่เตียงมีแต่เสียงเรียก ... อดใจไม่ไหว ขออีกงีบ สะดุ้งตื่นอีกทีคือหกโมงเช้า ตาย.....แน่ๆ จะทันไหม ได้เวลาปั่นอีกแล้วสินะ ตามคาด.... แปลเสร็จตอนแปดโมงสิบห้า ยังได้มีเวลาอาบน้ำเตรียมตัว (ใช่ค่ะวันนี้วันหยุด แต่ดิฉันก็ทำงานเป็นปกติ เป็นความโชคดีที่ไม่มีครอบครัว ไม่งั้นสามีและลูก ๆ คงจะบ่นจนหูชา) อาบน้ำแต่งตัวเสร็จสวมวิญญาณอาจารย์ล่าม ส่งลิ้งค์เข้าเรียนให้นักศึกษาต่างชาติและอาจารย์ประจำวิชา ส่งเอกสารที่แปลแล้วให้อาจารย์ประจำวิชาก่อนเริ่มเรียน วันนี้อาจารย์เขาใจดีเลื่อนเวลาเรียนจากแปดโมงตรง เป็นเก้าโมง พอจะได้มีเวลาหายใจ จัดลำดับชีวิตวันใหม่ วันนี้เป็นคาบแรกของรายวิชานี้และเป็นวันหยุด อาจารย์ประจำวิชาก็ใจดีเลิกคลาสเร็ว สิบโมงสี่สิบก็สอนเสร็จตามเนื้อหาที่เตรียมไว้ครบทุกหน้า ข้าวกล่องในเซเว่นยังคงมีตุนไว้รอพร้อมอุ่นเป็นมื้อเที่ยง บ่ายนี้หัวหน้าสาขานัดประชุมแต่ยังไม่ได้แจ้งว่าบ่ายกี่โมง เอาเป็นว่าขอตัวไปงีบพักสายตาซักหน่อยค่อยลุกมากินข้าวแล้วประชุมต่อช่วงบ่าย
ตอนบ่ายเดี๋ยวมาต่อนะคะ ฝันดีค่ะ