เมื่อครั้งที่ผมไปเที่ยวโตเกียวเมื่อสี่ปีก่อน เริ่มจากขึ้นเครื่องบินที่ดอนเมือง(ผมไปด้วยสายการบิน Air Asia X) ก่อนขึ้นเครื่องที่ดอนเมืองอย่างที่รู้รู้กันครับประเทศไทยอากาศร้อนมาก พอลงเครื่องที่นาริตะแล้วปรับตัวไม่ทันเพราะอากาศหนาวมากๆตอนนั้น 1 องศาได้ เป็นครั้งแรกที่เจออุณหภูมิเลขหลักเดียว แล้วเจอเท่านี้เลย เรียกได้ว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าจากเมืองร้อนเป็นเมืองหนาวแทบไม่ทัน จึงดื่มชาเขียวร้อนStarbucksให้ร่างกายอุ่นขึ้น จากนั้นจึงขึ้นรถไฟเข้าเมืองแต่ขึ้นผิดสายตั้งแต่วันแรกเลยแต่โชคดีที่ไปจุดหมายเดียวกันแต่เสียเงินเพิ่ม(ทีแรกจะขึ้นธรรมดาแต่ไปขึ้นสายskylinerที่แพงกว่า) ได้เห็นธรรมชาติข้างทางที่เรียกได้ว่าสวยงามเลยทีเดียว รถไฟถือว่าเร็วใช้ได้ พอถึงโรงแรมเอากระเป๋าไปเก็บ แล้วไปกินข้าวหน้าปลาไหลแถวๆรร. ก่อนไปชินจุกุเพื่อช็อปปิ้งให้หนำใจ(สาวๆในเมืองน่ารักมาก) พร้อมไปกินราเมนร้อนๆ ถ่ายรูปกับต้นคริสต์มาสก่อนกลับเข้าที่พัก
เช้าวันที่สอง เดินไปขึ้นรถบัสไปเมืองยามานะชิ เพื่อไปดูภูเขาไฟฟูจิ สวยงามมาก มีหิมะขาวโพลนบนยอดเขา และได้ไปสวนดนตรีที่ตอนนั้นเขาจัดงานคริสต์มาสด้วย และกลับที่พักด้วยความเบิกบานใจ
เช้าวันที่สาม ตื่นขึ้นมาด้วยอุณหภูมิตอนเช้าที่ติดลบ2องศา เป็นการเห็นอุณหภูมิติดลบครั้งแรก ออกมาถ่ายรูปกับฟูจิยามเช้า เดินไปร้านไอศกรีมด้วยความเบิกบานใจแต่ร้านยังไม่เปิดจนกว่าจะ8.00 จึงกลับไปห้องพักแปรงฟันก่อน ไม่อาบน้ำตอนเช้าเพราะหนาวมาก และออกมาซื้อไอศกรีมกิน (จริงๆแล้วผมกินไอศกรีมได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะร้อนหรือหนาวแค่ไหน 555) เดินไปซื้อของฝากก่อนขึ้นรถบัสกลับโตเกียว ขากลับผมค่อนข้างง่วงเพราะตื่นเช้าจึงหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้แบบนั่งชมวิวเพลินๆแล้วหลับไป(ที่นั่งผมติดริมหน้าต่างฝั่งซ้าย) ตื่นมาได้ยินเสียงกรน หันไปข้างๆ คุณป้านั่งหลับซบไหล่ผมอยู่ 555 กลับมาไปเยี่ยมชมที่ทำการเมืองโตเกียว มันเป็นตึกสูงๆที่ขึ้นไปชมวิว และซื้อของที่ระลึกกลับมาเป็นพวงกุญแจโอลิมปิกเกมส์ เพราะญี่ปุ่นกำลังจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก เลยซื้อกลับมาเป็นที่ระลึก จากนั้นไปขึ้นกระเช้าชมเมืองโตเกียวยามค่ำคืน กลับมานอนโรงแรมที่เดิม
เช้าวันสุดท้าย ตื่นมาไปวัดอาซากุสะ และก็ขึ้นรถไฟใต้ดินผิดอีกแล้ว จริงๆต้องไปสายสีเหลือง แต่ไปขึ้นสีแดง แต่โชคดีสถานีต่อไปไปสีเหลืองได้ เที่ยววัดไหว้พระขอพรเสร็จก็มาซื้อไอศกรีมกินอีก ขอบอกว่าไอศกรีมsoft serveของญี่ปุ่นอร่อยมากเพราะไม่หวานเจี๊ยบแบบในไทย จบทริปด้วยการซัดบุฟเฟ่ต์เนื้อย่างก่อนกลับ แต่ก็ผสมน้ำจิ้มแบบหยิบอะไรได้ก็ผสมไปเพราะไม่มีป้ายภาษาอังกฤษบอกว่าเป็นน้ำจิ้มอะไร พนักงานในร้านก็พูดอังกฤษไม่ได้อีกก็เลยต้องอาศัยเซ้นท์ผสมๆเอาแยกจากสีของน้ำจิ้ม จริงๆมันก็มีแค่น้ำจิ้มสีดำและน้ำจิ้มสีน้ำตาลแค่นั้น อิ่มจุกก่อนเดินทางกลับไทย
แลเวประสบการณ์การเที่ยวไปต่างประเทศของเพื่อนๆพี่ๆละครับเป็นอย่างไรบ้าง
มาแบ่งปันประสบการณ์การเที่ยวต่างประเทศกันดีกว่าครับ
เช้าวันที่สอง เดินไปขึ้นรถบัสไปเมืองยามานะชิ เพื่อไปดูภูเขาไฟฟูจิ สวยงามมาก มีหิมะขาวโพลนบนยอดเขา และได้ไปสวนดนตรีที่ตอนนั้นเขาจัดงานคริสต์มาสด้วย และกลับที่พักด้วยความเบิกบานใจ
เช้าวันที่สาม ตื่นขึ้นมาด้วยอุณหภูมิตอนเช้าที่ติดลบ2องศา เป็นการเห็นอุณหภูมิติดลบครั้งแรก ออกมาถ่ายรูปกับฟูจิยามเช้า เดินไปร้านไอศกรีมด้วยความเบิกบานใจแต่ร้านยังไม่เปิดจนกว่าจะ8.00 จึงกลับไปห้องพักแปรงฟันก่อน ไม่อาบน้ำตอนเช้าเพราะหนาวมาก และออกมาซื้อไอศกรีมกิน (จริงๆแล้วผมกินไอศกรีมได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะร้อนหรือหนาวแค่ไหน 555) เดินไปซื้อของฝากก่อนขึ้นรถบัสกลับโตเกียว ขากลับผมค่อนข้างง่วงเพราะตื่นเช้าจึงหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้แบบนั่งชมวิวเพลินๆแล้วหลับไป(ที่นั่งผมติดริมหน้าต่างฝั่งซ้าย) ตื่นมาได้ยินเสียงกรน หันไปข้างๆ คุณป้านั่งหลับซบไหล่ผมอยู่ 555 กลับมาไปเยี่ยมชมที่ทำการเมืองโตเกียว มันเป็นตึกสูงๆที่ขึ้นไปชมวิว และซื้อของที่ระลึกกลับมาเป็นพวงกุญแจโอลิมปิกเกมส์ เพราะญี่ปุ่นกำลังจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก เลยซื้อกลับมาเป็นที่ระลึก จากนั้นไปขึ้นกระเช้าชมเมืองโตเกียวยามค่ำคืน กลับมานอนโรงแรมที่เดิม
เช้าวันสุดท้าย ตื่นมาไปวัดอาซากุสะ และก็ขึ้นรถไฟใต้ดินผิดอีกแล้ว จริงๆต้องไปสายสีเหลือง แต่ไปขึ้นสีแดง แต่โชคดีสถานีต่อไปไปสีเหลืองได้ เที่ยววัดไหว้พระขอพรเสร็จก็มาซื้อไอศกรีมกินอีก ขอบอกว่าไอศกรีมsoft serveของญี่ปุ่นอร่อยมากเพราะไม่หวานเจี๊ยบแบบในไทย จบทริปด้วยการซัดบุฟเฟ่ต์เนื้อย่างก่อนกลับ แต่ก็ผสมน้ำจิ้มแบบหยิบอะไรได้ก็ผสมไปเพราะไม่มีป้ายภาษาอังกฤษบอกว่าเป็นน้ำจิ้มอะไร พนักงานในร้านก็พูดอังกฤษไม่ได้อีกก็เลยต้องอาศัยเซ้นท์ผสมๆเอาแยกจากสีของน้ำจิ้ม จริงๆมันก็มีแค่น้ำจิ้มสีดำและน้ำจิ้มสีน้ำตาลแค่นั้น อิ่มจุกก่อนเดินทางกลับไทย
แลเวประสบการณ์การเที่ยวไปต่างประเทศของเพื่อนๆพี่ๆละครับเป็นอย่างไรบ้าง